คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า - ตอนที่ 919 วางแผนเป็นขั้นตอนอย่างดี
ตอนที่ 919 วางแผนเป็นขั้นตอนอย่างดี
ทันทีที่วิญญาณแค้นของเจิ้งเหยาถูกปลดจากพันธนาการ ลมร้ายก็โหมกระหน่ำในทันที เสียงร้องโหยหวนของผีดังเข้าไปถึงแก้วหูของทุกคน ทำเอาสีหน้าซีดด้วยความตกใจ ตัวสั่นด้วยความกลัว
พลังแค้นกลายเป็นความชั่วร้าย
นางกลายเป็นผีร้ายไปแล้ว
ฉินหลิวซีถอนหายใจ
เมื่อเจิ้งเหยาต้องการจะฆ่าหลวนไป่หลิง ฉินหลิวซีก็ลงมือทันที
ดวงตาสีแดงเลือดของเจิ้งเหยาจ้องไปยังฉินหลิวซี “เจ้ากล้าขวางข้า!”
“หากปล่อยให้ตายไปเช่นนี้จะไม่ง่ายสำหรับเขาไปหน่อยหรือ ตายแล้วก็แล้วไป แล้วความทุกข์ทรมานที่เจ้าได้รับจะไปมีค่าอะไร”
ฉินหลิวซีจับดวงวิญญาณของนาง มือชี้ไป “เจ้าดูท่านพ่อของเจ้าสิ”
เจิ้งเหยาหันหน้าไป เห็นบิดาผู้ให้กำเนิด ผมขาวราวหิมะ แก่ชราเป็นอย่างมาก อดตกตะลึงไม่ได้ “ท่านพ่อ!”
เหตุใดท่านพ่อของนางจึงได้แก่ชราและอ่อนแอขนาดนี้ เหตุใดเส้นผมจึงได้ขาวกว่าหิมะเช่นนี้
ดวงตาของเจิ้งเหยามีน้ำตาไหลออกมาเป็นสายเลือด ความแค้นรุนแรงยิ่งขึ้น
“เหยาเอ๋อร์ เป็นเหยาเอ๋อร์หรือ” แม่ทัพใหญ่มองไม่เห็นดวงวิญญาณของนาง มือทั้งสองข้างไขว่คว้าไปทั่ว
ใต้เท้าจั่วมองไปยังฉินหลิวซี รีบร่ายอาคมเร็วเข้าสิ เจ้าเปิดตาทิพย์ได้ไม่ใช่หรือ
ฉินหลิวซีพูดไม่ออก ขงจื้อไม่สอนเรื่องอำนาจลี้ลับไม่ใช่หรือ ภายใต้สายตาของทุกคน ต้องมาเปิดตาทิพย์ รังเกียจว่าเรื่องยังไม่ใหญ่พอ จะเผยแพร่ให้คนได้รับรู้กันหมดหรือ
“ไปเตรียมโลงศพใส่ให้คุณหนูเจิ้งก่อนเถิด”
ฉินหลิวซีเอ่ยอย่างมีนัยยะว่า “ฆาตกรที่ฆ่าคุณหนูเจิ้งได้ต้องโทษประหารชีวิตแล้ว”
ใต้เท้าจั่วสะดุ้ง เขาลืมสถานการณ์ไป
มีเพียงแม่ทัพใหญ่ที่ร้องไห้พลางตะโกนเรียกชื่อของเจิ้งเหยา
“เหยาเอ๋อร์” แม่ทัพใหญ่ราวกับว่ารู้สึกได้ กอดแขนแล้วร้องไห้สะอึกสะอื้น
ฉินหลิวซีเอ่ยกับเจิ้งเหยาว่า “เขามีพิษฤทธิ์ช้าอยู่ในร่างกาย เจ้าเป็นวิญญาณร้าย หากกอดเขาไว้ พลังหยินพัวพัน ด้วยร่างกายที่อ่อนแอและจิตใจที่ไม่มั่นคงของเขาเช่นนี้ เกรงว่าจะยิ่งเป็นอันตราย”
เมื่อเจิ้งเหยาได้ฟังดังนั้นก็ทั้งตกใจทั้งโกรธ รีบออกห่างตามสัญชาตญาณ
เมื่อใต้เท้าจั่วเห็นว่าสถานที่แห่งนี้วุ่นวายเป็นอย่างมาก จึงทำได้เพียงสั่งให้คนสนิทของแม่ทัพใหญ่จัดการเรื่องยุ่งๆ นี้ ส่วนเขาก็ไปหาห้องอื่นเพื่อให้ฉินหลิวซีร่ายคาถาได้สะดวก บิดากับบุตรสาวจะได้เจอกันอีกสักครั้ง
บางทีอาจคิดว่าสิ่งที่ฉินหลิวซีเอ่ยนั้นสมเหตุสมผล เจิ้งเหยาจึงไม่ได้ฆ่าหลวนไป่หลิง เพียงแต่ปลูกฝังพลังชั่วร้ายไว้ส่วนล่างของเขา สัตว์เดรัจฉานผู้นี้ไม่สมควรเป็นคน และยิ่งไม่ควรค่าที่จะเป็นบุรุษเป็นพ่อคน ของสิ่งนั้นให้มันเน่าเปื่อยไปเสียเถิด
นางต้องการให้เขารู้สึกว่าตายดีกว่ามีชีวิตอยู่!
กลุ่มคนเข้าไปในห้อง ฉินหลิวซีร่ายคาถาเปิดตาทิพย์ แม่ทัพใหญ่มองเห็นบุตรสาวที่เขาตามหาอย่างยากลำบากในทันที
บิดาและบุตรสาวพากันร้องไห้
ผ่านไปพักใหญ่ เจิ้งเหยาจึงได้เล่าว่าตัวเองไปเจออะไรมา
วันนั้นนางไปที่หมู่บ้านน้ำพุร้อนเพื่อแช่บ่อน้ำพุกับท่านย่า ตกกลางคืนนางราวกับว่าละเมอ ออกไปจากหมู่บ้าน แต่กลับไม่มีใครรู้ราวกับว่าไม่มีใครมองเห็นนาง
เมื่อนางตื่นขึ้นมาจริงๆ นางเห็นหลวนไป่หลิงในสถานที่ที่ดูเหมือนห้องใต้ดิน ก่อนที่นางจะรู้สึกประหลาดใจ หลวนไป่หลิงก็ให้นางกินยาหนึ่งเม็ด ดื่มน้ำมนต์ จากนั้นก็ใช้กำลังบังคับขืนใจนางโดยไม่สนว่านางจะยินยอมหรือไม่
เจิ้งเหยาทั้งตกใจทั้งหวาดกลัว ไม่เข้าใจว่าว่าที่สามีที่เป็นสุภาพบุรุษอ่อนโยนรักษามารยาท เหตุใดจึงได้ราวกับเปลี่ยนไปเป็นคนละคน ทำเรื่องที่น่ากลัวกับนางเช่นนี้ นางอยากจะถาม แต่กลับไม่พบแม้แต่ตัวคน
ใช่แล้ว หลังจากที่ถูกหลวนไป่หลิงขืนใจ นางก็ไม่เห็นเขาอีกเลย นางถูกซ่อนไว้ในห้องใต้ดิน โดยมีเพียงหญิงใบ้ที่มีฝีมือยอดเยี่ยมคอยเฝ้านางไว้ ในห้องใต้ดินมีช่องที่มีขนาดเท่าฝ่ามือเด็กให้แสงแดดส่องเข้ามา นางอาศัยแสงนั้นเพื่อนับการเปลี่ยนแปลงของแต่ละวัน ไม่อาจทำสิ่งใดได้
และหนึ่งเดือนต่อมานางก็รู้สึกว่าร่างกายของนางผิดปกติ นางตั้งครรภ์แล้ว
ไม่รู้ว่าหลวนไป่หลิงให้นางกินอะไร เพียงแค่ครั้งเดียวก็ตั้งครรภ์แล้ว เจิ้งเหยาหวาดกลัวเป็นอย่างมาก นางไม่รู้ว่าอีกฝ่ายคิดจะทำอะไร และนางก็ไม่มีวิธีที่จะได้พบเขา ทุกครั้งที่นางต้องการจะทำร้ายตัวเองเพื่อให้หลวนไป่หลิงมาหา หญิงใบ้ก็จะขวางนางไว้ กดจุดนาง ทำให้นางไร้เรี่ยวแรง
จนกระทั่งท้องของนางใหญ่ขึ้นทุกวัน นางก็ยิ่งตื่นตระหนกมากขึ้นเรื่อยๆ สัญชาตญาณบอกนางว่าเก็บเด็กคนนี้ไว้ไม่ได้ มิเช่นนั้นพวกเขาจะตกอยู่ในสถานการณ์ที่น่ากลัวมากยิ่งขึ้น แต่นางไม่มีแรงที่จะทุบท้องด้วยซ้ำ ใช่แล้ว ตั้งแต่ที่พบว่านางจะทำร้ายเด็กในท้อง อาหารที่นางกินในทุกๆ วันล้วนถูกวางยาให้ไร้กำลัง กินดื่มขับถ่าย ล้วนมีหญิงใบ้เป็นคนปรนนิบัติรับใช้ นางเพียงแค่เป็นสิ่งที่มีไว้สำหรับตั้งครรภ์คลอดบุตรเท่านั้น
หลังจากนั้นเจ็ดเดือน ในที่สุดนางก็ได้พบหลวนไป่หลิง เขากรอกยาเร่งคลอดนางหนึ่งถ้วย ไม่มีแม้กระทั่งหมอตำแย ทำคลอดให้นางด้วยตัวเอง หลังจากที่บุตรคลอดออกมา นางก็ถูกกรอกน้ำแกงโสมอีกหนึ่งถ้วย เปลี่ยนเป็นชุดสีทองแดง จากนั้นก็ถูกยัดเข้าไปในถังที่แกะสลักอักขระ แล้วฝังทั้งเป็น
เจิ้งเหยาเหลือเพียงแค่ความอ่อนแอและความขุ่นแค้น ดังนั้นคำถามจึงเหลือเพียงแค่สามพยางค์ ‘เพราะเหตุใด’
หลวนไป่หลิงบอกว่า หากจะโทษก็ต้องโทษที่ชะตาชีวิตนางสูงส่ง
เจิ้งเหยายิ้มอย่างร้ายกาจ ชะตาชีวิตของนางกลายเป็นสัตว์ร้ายขโมยชีวิตตั้งแต่เมื่อไหร่
“เดรัจฉาน นั่นมันเดรัจฉานชัดๆ บุตรสาวที่น่าสงสารของข้า เป็นพ่อที่ทำร้ายเจ้า พ่อมีตาหามีแววไม่ เลือกใครไม่เลือกดันไปเลือกเดรัจฉานที่แย่ยิ่งกว่าหมูหมา พ่อผิดต่อเจ้า” แม่ทัพใหญ่เจ็บปวดหัวใจราวกับถูกมีดกรีด กำปั้นทุบที่หน้าอกของตัวเองซ้ำแล้วซ้ำเล่า
หากเขาไม่เลือกหลวนไป่หลิง หลวนไป่หลิงจะรู้แปดอักษรของบุตรสาวแล้วทำเรื่องโหดร้ายเช่นนี้ได้อย่างไร
เป็นเขาที่ชักศึกเข้าบ้าน!
แม่ทัพใหญ่ยิ่งคิดก็ยิ่งโมโห เกลียดตัวเองที่มีตาแต่ไม่มีแวว เกลียดตัวเองที่สายตาพร่ามัว ไฟแห่งความโกรธค่อยๆ เพิ่มขึ้น กระอักเลือดออกมาอีกครั้ง
“ท่านพ่อ ท่านอย่าทำเช่นนี้ เรื่องนี้ไม่โทษท่าน เป็นลูกที่โง่เอง คิดว่าเขาเป็นคนดี ไปเลือกคนสารเลวผู้นี้มาจากประกาศอันดับผลสอบ” เมื่อเจิ้งเหยาเห็นเขากระอักเลือดก็ตื่นตระหนกเป็นอย่างมาก
ฉินหลิวซีก้าวเข้าไป จับชีพจร ฝังเข็มทองให้แม่ทัพใหญ่ที่ทรุดตัวลงบนเก้าอี้ ก่อนจะเอ่ย “อารมณ์ทั้งเจ็ดทำให้เกิดโรค หากท่านไม่สามารถควบคุมอารมณ์ได้ พลังชี่ในปอดก็จะค่อยๆ เสื่อมลง อาจเป็นโรคหลอดเลือดในสมองได้ ซ้ำยังมีพิษที่ยังไม่ได้กำจัด จะมีชีวิตอยู่ได้ไม่นาน”
แม่ทัพใหญ่ยิ้มอย่างขมขื่นพลางเอ่ย “เหยาเอ๋อร์ไม่อยู่แล้ว ข้ามีชีวิตอยู่ไปจะมีความหมายอะไร”
เจิ้งเหยาคุกเข่าอยู่ตรงหน้าเขา เอ่ย “ท่านพ่อ ท่านอย่ากล่าวเช่นนี้ มิเช่นนั้นผีอย่างข้าจะไม่ไปสู่สุขคติ”
แม้ว่าท่านแม่ทัพใหญ่จะแตะต้องนางไม่ได้ แต่ก็ยังสัมผัสไปที่ใบหน้าของนาง หลั่งน้ำตาออกมา
ใต้เท้าจั่วถามฉินหลิวซีว่า “ในเมื่อเขามุ่งมั่นที่จะทำร้ายนางหนูเหยา เหตุใดจึงต้องให้คลอดบุตร ซ้ำเด็กคนนี้ก็ยังไม่ครบกำหนดคลอด”
“เมื่อทำวิชามารชั่วร้ายก็จะมีบาปกรรมสะท้อนกลับ จะต้องแบกรับผลกรรม แต่สิ่งนี้ใช่ว่าจะไม่สามารถทดแทนได้ เพียงแค่ใช้เส้นผม เลือด แปดอักษรเวลาตกฟากของสายเลือดแท้ๆ มาทำพิธี ก็สามารถกลายเป็นหุ่นกระบอกตัวแทนของตัวเองได้ แบกรับบาปกรรมแทนตัวเอง นี่ถือได้ว่าเป็นช่องโหว่ในการหลีกเลี่ยงกฎแห่งสวรรค์” ฉินหลิวซีมองไปยังเด็กน้อยในอ้อมแขนของเฟิงซิว กล่าวว่า “ส่วนเหตุผลที่ว่าเหตุใดต้องให้นางคลอดบุตร การฝังเป็นบูชายันต์ เดิมทีก็ผิดต่อวิถีของสวรรค์ เมื่อบาปกรรมสะท้อนกลับก็ยิ่งร้ายแรงเป็นอย่างมาก แต่หากเด็กคนนี้เป็นของนาง ว่ากันว่าแม่ลูกจิตผูกพัน ด้วยสายเลือด เมื่อมีความเห็นอกเห็นใจ ผลกรรมก็จะเบาบางลงเล็กน้อย แม้ว่าวิชาตัวแทนจะถูกทำลาย สะท้อนกลับไปที่ตัวเองก็จะไม่รุนแรงมากนัก”
“และการที่ไม่รอให้ครบเดือนก็เร่งให้เขาคลอดออกมา ย่อมเป็นเพราะว่ารอที่จะทำพิธีไม่ได้ ข้างกายมีนักพรตที่รู้วิชานี้ คำนวณวันเวลาคลอดนั้นเป็นเรื่องง่ายเป็นอย่างมาก” ฉินหลิวซีเอ่ยต่อว่า “เด็กเจ็ดเดือน เลี้ยงดูอย่างดีก็สามารถมีชีวิตรอดได้”
ทุกคนมองไปที่เด็กคนนั้นตามสัญชาตญาณ สูดหายใจเข้าลึก
ซี๊ด ทุกขั้นตอน หลวนไป่หลิงได้วางแผนมาอย่างดีจริงๆ!