คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า - ตอนที่ 920 ไม่รู้จะทำอย่างไรกับเด็กดี
ตอนที่ 920 ไม่รู้จะทำอย่างไรกับเด็กดี
ความจริงทั้งหมดถูกเปิดเผย แต่ก็หนักราวกับก้อนหินที่หนักอึ้งเป็นหมื่นจิน[1] กดทับหัวใจของทุกคน
หลังจากที่เจิ้งเหยาเข้าใจว่าเหตุใดจึงเป็นตัวเองก็ทั้งร้องไห้ทั้งหัวเราะ รู้สึกเพียงแต่ว่าไร้สาระสิ้นดี นางชะตาชีวิตดี ดังนั้นเมื่อเกิดมาก็มีแก้วแหวนเงินทองเสื้อผ้าอาภรณ์และอาหารอย่างดี ทุกอย่างดำเนินไปอย่างราบรื่น แต่เป็นเพราะชะตาชีวิตดี นางจึงได้ตกเป็นเหยื่อของวิชามารชั่วร้ายอย่างโหดร้ายไร้มนุษยธรรม
เหตุใดโลกนี้จึงได้ไร้สาระเช่นนี้
หลวนไป่หลิง หลวนไป่หลิง
นางพูดชื่อนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า พลังแค้นรุนแรงยิ่งขึ้น
มือหนึ่งวางลงบนไหล่ของนาง ระงับพลังแค้นไว้
“วิญญาณของนักพรตมารผู้นั้นก็ได้ถูกเจ้ากลืนกินไปแล้ว หากตัวเจ้าไม่รังเกียจว่าสกปรกข้าก็ไม่ขอกล่าวอะไรแล้ว ส่วนหลวนไป่หลิง เขาจะต้องได้พบกับประสบการณ์ที่น่าสังเวชเลวร้ายยิ่งกว่าความตายอย่างแน่นอน เจ้าไม่จำเป็นต้องแบกรับสิ่งเหล่านี้และเพิ่มบาปชีวิต” ฉินหลิวซีเอ่ยเสียงเบาว่า “สิ่งที่เจ้าควรคิดคือคนที่มีชีวิตอยู่ อย่างเช่นท่านพ่อของเจ้า แล้วก็ยังมีเด็กคนนี้”
เจิ้งเหยาตัวแข็งทื่อ มองเด็กด้วยดวงตาสีแดงเลือด
ตอนนี้หลวนไป่หลิงยังไม่ตาย แต่จะถูกทรมานจนตายไม่ช้าก็เร็ว เด็กคนนี้ควรจะทำอย่างไรดี
แม่ทัพใหญ่ก็มองเด็กอ่อนแอผู้นั้นด้วยความเหม่อลอยเล็กน้อย แม้ว่าเขาก็เหมือนเจิ้งเหยา แต่ยิ่งเหมือนหลวนไป่หลิงมากกว่า ชะตาชีวิตของเขาน่าสังเวชโดยไม่ต้องสงสัย ได้พบบิดาสารเลวเช่นนี้ แต่จะเลี้ยงดูเขาไว้หรือ
ด้วยรูปลักษณ์ที่คล้ายคลึงกัน เพียงได้เห็นเขาอาจจะทำให้นึกถึงเรื่องชั่วร้ายที่หลวนไป่หลิงทำ
แน่นอนว่านี่ก็เป็นบุตรของเจิ้งเหยา
ในห้องเงียบสนิท แม้แต่ใต้เท้าจั่วก็เงียบไป
อารมณ์ของเจิ้งเหยายิ่งซับซ้อนมากขึ้น เด็กคนนี้บริสุทธิ์ นางเข้าใจดี แต่เขาไม่ได้เกิดมาตามที่นางคาดหวัง โดยเฉพาะเลือดที่ไหลอยู่ในร่างกายของเขาครึ่งหนึ่งเป็นของคนชั่วผู้นั้น นางยิ่งรู้สึกรังเกียจและเกลียดชัง หากเป็นไปได้นางยอมที่จะไม่ให้เขาเกิดมา
แต่ในความเป็นจริงเขาได้เกิดมาแล้ว ภายใต้แผนการอันชั่วร้ายของหลวนไป่หลิง เขาถูกใช้เป็นเครื่องมือ ต้องทนทุกข์ทรมานอย่างเจ็บปวดจากบาปเลือด
“เขาแบกรับผลกรรม จะเกิดอะไรขึ้น” เจิ้งเหยาเอ่ยถาม
ฉินหลิวซีเอ่ยว่า “หากไม่เหลียวแลเช่นนี้ต่อไป เดิมทีเขาก็อ่อนแอเพราะคลอดก่อนกำหนด กระดูกยังเติบโตได้ไม่เต็มที่ ควบคู่กับผลสะท้อนกลับของแรงบาป จะยิ่งอ่อนแอขึ้นเรื่อยๆ สุดท้ายก็จะตายก่อนวัยอันควร”
ใต้เท้าจั่วฟังออกถึงความหมายที่ซ่อนอยู่ในนั้น เอ่ย “เจ้ากล่าวเช่นนี้หมายความว่าเขายังมีทางรอดหรือ”
“เขาไม่ได้เต็มใจที่จะแบกรับแรงบาป ตราบใดที่ทำความดีสั่งสมบุญกุศลด้วยชื่อของเขาเพื่อชดเชยแรงบาปนี้ก็พอแล้ว ส่วนร่างกายต้องได้รับการดูแลรักษา” ฉินหลิวซีตอบ
เจิ้งเหยามองไปยังแม่ทัพใหญ่ แม่ทัพใหญ่เอ่ยว่า “พ่อแล้วแต่เจ้า หากเจ้าอยากให้เลี้ยง พ่อก็จะเลี้ยง”
“นี่มันโหดร้ายกับท่านพ่อมากเกินไป” เจิ้งเหยาหลั่งน้ำตา เอ่ย “เขาเหมือนคนผู้นั้นขนาดนี้ หากท่านพ่อต้องเจอหน้าเขาในทุกๆ วัน จะลำบากใจแค่ไหน แต่ว่าลูกไม่อยู่แล้ว ไม่มีใครสืบทอดต่อท่านพ่อ สายเลือดขาดไป ข้า…”
นี่เป็นภาวะที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออก
เลี้ยงเขาไว้ก็จะทำให้รู้สึกเจ็บปวดใจ แต่หากปล่อยเขาไป เด็กคนนี้ก็จะตายก่อนวัยอันควร เจิ้งเหยาก็กลับมาไม่ได้แล้ว แม่ทัพใหญ่ไม่มีใครเหลืออยู่ข้างหลังแล้ว
แม่ทัพใหญ่ส่ายหน้าพลางเอ่ย “สายเลือดอะไรกัน พ่อไม่สนใจ เพียงแค่อยากได้คนที่อยู่ข้างหลังมาถือธงไว้อาลัยให้ พ่อสามารถเลือกรับเด็กมาเลี้ยงได้ ค่ายทหารมีเด็กกำพร้ามากมาย สิ่งที่สำคัญที่สุดคือความคิดของตัวเจ้าเองเหยาเอ๋อร์”
เขาไม่ได้สนใจจริงๆ ว่าจะมีลูกหลานหรือไม่ ก็แค่เด็ก หนึ่งคนไม่พอ เขาก็สามารถรับเลี้ยงได้สิบคนร้อยคน บุตรกำพร้าที่เหลือไว้ของผู้ที่ตายในสนามรบ ไม่รู้ว่ามีเท่าไหร่ เขาจะไม่สามารถเลือกคนดีๆ มาเลี้ยงดูสืบทอดต่อไปได้เลยหรือ
แต่เมื่อเผชิญหน้ากับเด็กคนนี้ เขาก็จะนึกถึงสิ่งชั่วร้ายที่พ่อของเด็กคนนี้ทำลงไป มันไม่ยุติธรรมกับเหยาเอ๋อร์ นี่เป็นเด็กที่ทำให้นางต้องทนทุกข์ทรมาน
ดวงตาของเจิ้งเหยาซับซ้อน ตราบใดที่นึกขึ้นได้ว่าเขาเป็นสายเลือดของใคร นางก็ไม่สามารถกระตุ้นให้เกิดความรักกับเด็กคนนี้ได้แม้แต่นิดเดียว
ฉินหลิวซีเอ่ยขึ้นบ้าง “ในเมื่อเลือกไม่ได้ทั้งสองทาง ไม่สู้ส่งไปที่วัดพุทธหรืออารามเต๋าเถิด ประการแรกออกบวชในสถานที่เช่นนั้นจะสามารถกำจัดบาปกรรมและแรงบาปบนตัวของเขาได้ จะได้ไม่ต้องดึงดูดความสนใจและการนินทาของผู้คนมากเกินไป พวกท่านก็ไม่จำเป็นต้องกังวลเกี่ยวกับความเป็นความตายของเขา”
เมื่อแม่ทัพใหญ่ได้ฟังดังนั้นก็มองไปยังเหยาเอ๋อร์ เมื่อเห็นว่านางพยักหน้า จึงกล่าวว่า “เช่นนี้เป็นไปได้ เขาอายุยังน้อย จำอะไรไม่ได้ สามารถเติบโตในวัดพุทธได้ ก็เป็นวาสนาของเขา ข้าจะบริจาคค่าน้ำมันตะเกียงจำนวนมากภายใต้ชื่อของเขา ทำความดีสั่งสมคุณธรรม ชดเชยแรงบาป”
ฉินหลิวซีพยักหน้า “ประเสริฐนัก”
ใต้เท้าจั่วไม่ได้เอ่ยอะไร หากเป็นเขา ต้องเห็นสายเลือดครึ่งหนึ่งที่ทำร้ายตนทุกวัน แม้ว่าจะอยากใกล้ชิดก็ใกล้ชิดไม่ไหว รังเกียจเกินไป แต่เด็กบริสุทธิ์ ความจริงก็สามารถรู้สึกถึงความชอบและความเกลียดชังของผู้ใหญ่ได้ คาดว่าแม่ทัพใหญ่คงจะไม่สามารถปฏิบัติต่อเขาโดยไม่มีอคติได้
และเมื่อมีอคติ ก็จะเกิดความชอบและความเกลียดชัง
ฉินหลิวซีมองไปยังเจิ้งเหยาอีกครั้ง “คนกับผีเส้นทางต่างกัน เจ้าเป็นผีแล้ว อยู่ในโลกมนุษย์ต่อไปก็ไม่มีประโยชน์อะไร ข้าจะเอาเด็กส่งไปที่วัดอวี้ฝอก่อน พอรุ่งสาง ตั้งห้องโถงไว้ทุกข์ขึ้นมา ข้าจะช่วยสวดส่งดวงวิญญาณของเจ้าเข้าสู่ประตูวิญญาณ”
เจิ้งเหยาต่อต้านเล็กน้อย มองแม่ทัพใหญ่อย่างทำใจไม่ได้
“เจ้าอยู่ในโลกมนุษย์ ซ้ำยังมีพลังแค้น เมื่อเวลาผ่านไปนานจนกลายเป็นผีร้ายก็จะถูกไต้ซือท่านอื่นสังหาร วิญญาณแตกสลาย หากทำความชั่ว ก็จะกลายเป็นศัตรูของศาสนาพุทธและลัทธิเต๋า”
ฉินหลิวซีกล่าวเกลี้ยกล่อมว่า “เข้าประตูวิญญาณแต่เนิ่นๆ รีบไปเกิดใหม่ หรือจะไปต่อแถวรอคนในครอบครัวของเจ้าที่ข้างล่างก็ได้”
แม่ทัพใหญ่สำลัก เอ่ย “เหยาเอ๋อร์ เชื่อฟังเถิด พ่อไม่เป็นไร”
เจิ้งเหยาน้ำตาไหลเป็นสายเลือด “เจ้าค่ะ”
“หลวนไป่หลิงฟื้นแล้ว” จู่ๆ เฟิงซิวก็กล่าวขึ้นมา
ฉินหลิวซีมองไปยังคนที่กำลังดิ้นอยู่หน้าประตู ลากเขาเข้ามา กล่าวว่า “เจ้าเป็นคนวางยาไร้เสียงในร่างกายของแม่ทัพใหญ่หรือ ยาลับเช่นนี้ เจ้าไปรู้มาได้อย่างไร”
หลวนไป่หลิงกระอักเลือดออกมา เอ่ย “ข้าไม่รู้ว่าเจ้ากำลังพูดถึงอะไร”
“จะตายอยู่แล้วเจ้ายังปากแข็งอยู่อีก? บอกมา เจ้าเป็นคนทำร้ายท่านพ่อข้าใช่หรือไม่ เหตุใดเจ้าจึงได้ใจร้ายเช่นนี้ ทำร้ายข้าไม่พอ ยังทำร้ายท่านพ่อของข้าด้วย ตระกูลเจิ้งของพวกเราไปทำอะไรให้เจ้า เคยไปขุดหลุมศพบรรพบุรุษตระกูลเจ้าไว้เมื่อชาติที่แล้วหรือ” เจิ้งเหยาพุ่งเข้ามา พลังแค้นอันเยือกเย็นพันรอบตัวเขาราวกับงูพิษน้ำแข็ง ไหลไปทั่วร่างกายของเขา
นางเกลียดนัก
เมื่อหลวนไป่หลิงเห็นนาง รูม่านตาหดลง นางกลับมาแก้แค้นแล้วจริงๆ
เมื่อมองไปยังฉินหลิวซี สายตามีความเกลียดชัง เขารู้อยู่แล้ว ตั้งแต่แรกเห็นคนผู้นี้ เขาก็รู้อยู่แล้วว่าคนผู้นี้เป็นดาวพิฆาตของเขา ทำให้เขาไม่มีที่ให้หลบหนี
เป็นอย่างที่คิด เขาวางแผนทีละขั้นตอน เก็บความลับนี้มาหลายปีอย่างยากลำบาก เวลาเพียงแค่อีกครึ่งปี กระทั่งไม่ถึงครึ่งปีด้วยซ้ำก็จะประสบความสำเร็จอย่างสมบูรณ์ แต่กลับมีตัวแปรนี้ปรากฏตัวขึ้น!
เกลียดยิ่งนัก
“หากจะโทษ ก็ต้องโทษที่ท่านยืนกรานจะตามหานาง” หลวนไป่หลิงมองแม่ทัพใหญ่พลางแสยะยิ้ม “หากท่านไม่ตามหานาง ไม่ทำตัวเป็นอุปสรรค ก็จะไม่เกิดเรื่องอะไรขึ้นไม่ใช่หรือ”
ฉินหลิวซีนั่งยองๆ มองตาของเขา “เจ้ากำลังเปลี่ยนเรื่อง”
หลวนไป่หลิงสบตากับนางอยู่พักใหญ่ กล่าวว่า “ผู้ชนะคือราชา ผู้แพ้คือโจร จะฆ่าจะแกง ก็แล้วแต่”
เขาลดสายตาลง ขยับคางเล็กน้อย ขณะที่กำลังจะกัดลิ้น ฉินหลิวซีก็บีบคางเขาไว้เสียก่อน
หลวนไป่หลิงสีหน้าหวาดกลัว
“มีคนอยู่เบื้องหลังเจ้าจริงๆ ด้วย” ฉินหลิวซียกริมฝีปาก “เจ้าไม่มีทางที่จะมีชีวิตรอดไปได้แล้ว แต่กลับไม่ทรยศอีกฝ่าย ใครกันที่ทำให้เจ้าจงรักภักดีขนาดนี้ แม้ตายก็ไม่เปลี่ยนแปลง”
แม่ทัพใหญ่ใบหน้าลุ่มลึกดั่งสายน้ำ เขาได้มอบตราพยัคฆ์ไปนานแล้ว ไม่มีกำลังทหารอีกต่อไป ใครยังจะอยู่เบื้องหลังวางแผนทำร้ายเขา
เรื่องของเหยาเอ๋อร์กับเขาเป็นเรื่องเดียวกัน หรือว่าเขาเป็นเพียงผู้ที่โดนลูกหลงกันแน่
[1] จิน หน่วยวัดน้ำหนักของจีนนิยมใช้หน่วย มีน้ำหนักเท่ากับ 500 กรัม