คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า - ตอนที่ 921 ปฏิเสธการใช้ศีลธรรมมาบังคับ
ตอนที่ 921 ปฏิเสธการใช้ศีลธรรมมาบังคับ
เจิ้งเหยาถูกฝังเสาเอกนั้นเป็นเรื่องจริง แต่คนที่ต้องการชีวิตของแม่ทัพใหญ่ที่แท้จริงเป็นใคร ฉินหลิวซีไม่ได้เข้าไปแทรกแซงเรื่องนี้ เรื่องที่นางทำได้ก็ได้ทำไปแล้ว การก้าวก่ายไปถึงเรื่องการสมคบคิดในราชสำนักเช่นนี้ ล้วนเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับกลอุบายทางราชสำนักเหล่านั้น
และเรื่องเช่นนี้ พวกเขาที่เป็นขุนนางสามารถตรวจสอบเองได้
เพียงแต่ฉินหลิวซีคิดอยู่ครู่หนึ่ง และชี้แนะเล็กน้อย ไม่สู้นำเรื่องที่ถูกพิษไปเสนอต่อหน้าฮ่องเต้ อย่างไรเสียแม้ว่าจะได้ส่งมอบตราพยัคฆ์แล้ว แต่ในกองทัพก็มีคนจำนวนไม่น้อยที่จะเชื่อฟังบุคคลที่เคยถือตราพยัคฆ์ในอดีตเท่านั้น นี่เป็นความสัมพันธ์ที่ผ่านความเป็นความตายมาด้วยกัน และเป็นการให้ความเคารพ ดังนั้นหลังจากที่แม่ทัพบางคนเกษียณอายุไปแล้ว ก็ไม่มีทางที่จะไม่มีเส้นสายใดๆ เลย หากเป็นกองทัพที่ได้รับการฝึกฝนมาจากตัวเอง เช่นนั้นก็ยิ่งจำแต่ชื่อของเขาเท่านั้น
สิ่งที่หลวนไป่หลิงต้องการ นอกจากหลีกเลี่ยงไม่ให้ความลับของตัวเองถูกค้นพบ ก็ยังอยากจะได้เส้นสายนี้ของตระกูลเจิ้งอีกด้วย
ความจริงแล้วหากฉินหลิวซีไม่เข้าไปแทรกแซง แม่ทัพใหญ่ก็จะตายไปด้วยความอ่อนแอ เมื่อเขาจากไป ยังจะมีใครตามหาบุตรสาวที่หายตัวไปเป็นเวลาหลายปีอีก และหลวนไป่หลิงก็จะเข้าครอบครองทุกสิ่งในตระกูลเจิ้งอย่างราบรื่น รักษาบุคลิกจิตใจดีและความรักอันลึกซึ้ง มีชีวิตที่เจริญรุ่งเรืองสืบไป
แต่ตอนนี้ทุกอย่างได้พังทลายลง หลวนไป่หลิงถูกโทษประหาร เห็นได้ชัดว่ามีเจ้านายอีกคนที่อยู่เบื้องหลังเขาต้องการเส้นสายของตระกูลเจิ้ง หากปล่อยทิ้งไว้ ก็จะเหมือนกับก้างขวางคอ ไม่แน่อาจจะลอบวางแผนอีก
และเมื่อแม่ทัพใหญ่นำเรื่องนี้ไปเสนอต่อหน้าฮ่องเต้ ฮ่องเต้ก็จะคิดมาก เขายังไม่ได้แต่งตั้งรัชทายาท แต่ตอนนี้องค์ชายพากันเคลื่อนไหวแล้ว จะเป็นการก่อกวนของคนเหล่านั้นหรือไม่ ก็ยังไม่แน่
และฮ่องเต้ ยิ่งอายุมากก็ยิ่งระมัดระวังบุตรชายที่เป็นผู้ใหญ่แล้ว กลัวถูกปลดออกจากบัลลังก์ โดยเฉพาะอำนาจทางทหาร อย่างไรเสียหากต้องการจะทำการกบฏ ก็ต้องมีอำนาจทางทหาร ดังนั้นเขาจะต้องตรวจสอบอย่างแน่นอนว่าบุตรชายต้องการก่อเรื่องหรือไม่ ทำการตรวจสอบแทนแม่ทัพใหญ่
แต่หากเป็นฝีมือของฮ่องเต้ เช่นนั้นก็ยิ่งง่าย แสดงความทุกข์ยากกับเขาต่อหน้าข้าราชบริพาร สามารถแสดงถึงความจงรักภักดี ซ้ำยังสามารถทำให้คนรังเกียจอีกฝ่ายเพิ่มปัญหาให้อีกฝ่าย กลับเป็นความปลอดภัย อย่างไรเสียข้าก็อนาถขนาดนี้แล้ว ไม่มีแม้แต่ผู้สืบทอด หากยังต้องการจะฆ่าล้างโคตร ไร้ความเป็นคนเกินไปแล้วกระมัง
ดังนั้นในการประชุมราชสำนักช่วงเช้า แม่ทัพใหญ่จึงคุกเข่าในราชสำนักร้องไห้ฟูมฟาย โดยอ้างว่าพบบุตรสาวที่หายไปเป็นเวลาหลายปีแล้ว เป็นเขาที่ชักศึกเข้าบ้าน หลวนไป่หลิงโจรชั่วผู้ทะเยอทะยานไม่เพียงแต่ฆ่าบุตรสาวของเขาเท่านั้น ซ้ำยังซ่อนศพไว้ที่ศาลารับลม และวางยาออกฤทธิ์ช้าแก่เขา อยากจะฆ่าล้างตระกูลครอบครองตระกูลเจิ้ง แสดงความอนาถของชายชราผู้โดดเดี่ยวอย่างเอาเป็นเอาตาย ทำเอาฮ่องเต้โมโห ทั้งราชสำนักตกอยู่ในความโกลาหล
ขณะที่แม่ทัพใหญ่เรียกร้องความเป็นธรรมให้แก่บุตรสาว ฉินหลิวซีได้อุ้มหลวนชีเย่ว์พร้อมกับตั๋วเงินมูลค่าหนึ่งแสนตำลึงที่ผู้ดูแลตระกูลเจิ้งมอบให้ไปที่วัดอวี้ฝอ
ใช่แล้ว ดูเหมือนว่าเดิมทีก็ตั้งใจให้บุตรชายผู้นี้เป็นเพียงตัวแทน หลวนไป่หลิงไม่ได้ตั้งชื่อเป็นทางการให้แก่เขา เนื่องจากเป็นเด็กที่คลอดก่อนกำหนด จึงตั้งชื่อให้ว่าชีเย่ว์ (เจ็ดเดือน) เพื่อไม่ให้เกิดความรู้สึก จึงยิ่งปฏิบัติต่อเขาอย่างเย็นชา
เฟิงซิวมองดูเด็กที่นางอุ้มอยู่ เอ่ยว่า “ข้าคิดว่าเจ้าจะเอากลับไปเลี้ยงเองเสียอีก”
ฉินหลิวซีกลอกตาใส่เขา “ข้าเป็นสถานสงเคราะห์หรือ” หลังจากหยุดไปครู่หนึ่งก็กล่าวอีกว่า “ข้าจะไม่เลี้ยงเด็กอีกต่อไปแล้ว”
เฟิงซิวชะงักไป มองสีหน้าของนางอย่างระมัดระวัง เย็นชาเป็นอย่างมาก แอบคิดว่าตัวเองพูดมากไปแล้ว พูดในสิ่งที่ไม่ควรพูด
“แล้วเหตุใดจึงส่งไปที่วัดอวี้ฝอ เจ้าก็ยอมรับในตัวของเจ้าอาวาสอารามจินหัวผู้นั้นไม่ใช่หรือ”
ฉินหลิวซีก้มหน้า กล่าวว่า “เมื่อเข้าสู่พระพุทธศาสนา ธาตุทั้งสี่ย่อมว่างเปล่า กำจัดอกุศลมูล ตัดขาดความผูกพัน จะเป็นผลดีแก่เขามากกว่า”
มิเช่นนั้นเมื่อนึกถึงผลกรรมของบิดามารดา โตขึ้นจะจัดการกับตัวเองอย่างไร
“หวังว่าเขาจะสามารถจำความเมตตานี้ของเจ้าได้” เฟิงซิวเอ่ยพลางมองเด็ก
ฉินหลิวซีไม่สนใจว่าจะจำได้หรือไม่ นางทำอะไรตามอำเภอใจของตัวเอง
แม้ว่าขอบฟ้าจะเริ่มมีแสงสว่าง แต่วัดอวี้ฝอยังไม่มีผู้ศรัทธามา ตอนที่ฉินหลิวซีและคนอื่นๆ มาถึง ยังคงเป็นอาจารย์ฮุ่ยเฉวียนคนเดิมมารออยู่ที่ประตูเขา
“หรือว่าเจ้าอาวาสของท่านให้ท่านมารออยู่ที่นี่” ฉินหลิวซีเอ่ยถาม
“อมิตาภพุทธ” ฮุ่ยเฉวียนหัวเราะ มองไปยังหลวนชีเย่ว์ ดวงตาเผยให้เห็นถึงความเมตตาเอ็นดู กล่าวขึ้นมาอีกว่า “เวรกรรม เวรกรรม”
ขณะที่ฉินหลิวซีกำลังจะมอบหลวนชีเย่ว์ เขาก็ลืมตาขึ้น สบสายตากับนาง สายตาแฝงไว้ด้วยความขี้ขลาดและความหวาดกลัว เม้มริมฝีปากเล็กๆ ร่างเล็กผอมบางสั่นเทา
“นับตั้งแต่นี้ วัดอวี้ฝอก็คือบ้านของเจ้า” ฉินหลิวซีวางเขาไว้ในอ้อมแขนของฮุ่ยเฉวียน เอื้อมมือไปลูบศีรษะเขา
หลวนชีเย่ว์ยังคงนิ่งเงียบ
ฉินหลิวซีได้ยื่นตั๋วเงินและใบสั่งยาให้กับฮุ่ยเฉวียน กล่าวว่า “เขาชื่อว่าหลวนชีเย่ว์ ตั๋วเงินนี้ รบกวนอาจารย์ทำความดีในนามของเขาเพื่อชดเชยแรงบาป ส่วนใบสั่งยาข้าได้เขียนตามสภาพชีพจรของเขา”
“อมิตาภพุทธ เจ้าอาวาสน้อยมีเมตตากรุณา ประเสริฐยิ่งนัก”
ฉินหลิวซียกมุมปาก หันหลังแล้วจากไป
มีเสียงร้องไห้ราวกับสัตว์น้อยดังมาจากด้านหลัง นางไม่ได้หันกลับไป
นับแต่นี้เป็นต้นไป จะไม่มีหลวนชีเย่ว์ในโลกนี้ มีเพียงสามเณรน้อยนามสงฆ์ว่าเหลี่ยวอู๋
เมื่อลงจากภูเขา ฉินหลิวซีหันไปมองความว่างเปล่า กล่าวว่า “ทำใจไม่ได้หรือ”
เจิ้งเหยาปรากฏตัว มองดูวัดอวี้ฝอ เอ่ยอย่างไร้อารมณ์ว่า “ไม่มีอะไรที่ทำใจไม่ได้ เช่นนี้ดีสำหรับทั้งสองฝ่าย”
ฉินหลิวซีหัวเราะเบาๆ หากปากจะแข็งขนาดนี้แล้วจะแอบตามมาด้วยทำไม
เจิ้งเหยาถอนหายใจเบาๆ เอ่ยเสียงเบาว่า “เช่นนี้ก็ดี เช่นนี้ก็ดี”
น้ำเสียงราวกับกำลังเกลี้ยกล่อมตัวเอง
จนกระทั่งฉินหลิวซีเดินไปไกล นางจึงได้ลอยตามไปถามว่า “เจ้าช่วยท่านพ่อของข้าตามหาคนที่วางยาพิษได้หรือไม่”
“นี่เป็นเรื่องของคนในแวดวงขุนนางอย่างพวกเขา เมื่อส่งเจ้าจากไปแล้ว เรื่องของข้าก็เสร็จสิ้น” ฉินหลิวซีปฏิเสธ
เจิ้งเหยาดึงดัน “หากเจ้าไม่ช่วยท่านพ่อข้า ข้าก็จะไม่ไป”
ฉินหลิวซีชะงักฝีเท้า เฟิงซิวกอดอก พลางเหลือบมองเจิ้งเหยาอย่างรู้สึกขบขัน สาวน้อยที่ไม่มีประสบการณ์ ยังไม่เคยถูกนายท่านน้อยจัดการ
เจิ้งเหยาถูกฉินหลิวซีจ้อง ดวงวิญญาณหดตัวลง
“เจ้าเชื่อหรือไม่ ข้าไม่ต้องสวดส่งเจ้า ตอนนี้ก็สามารถส่งเจ้าไปได้” ฉินหลิวซีเอ่ยต่อว่า “กลอุบายวางแผนลอบทำร้ายเช่นนี้ย่อมมีคนที่อยู่ในเส้นทางนี้เป็นคนจัดการ และข้าเป็นเพียงนักพรต มีหน้าที่กำจัดปีศาจปกป้องเต๋า หากเข้าไปแทรกแซงทุกเรื่อง จะเป็นการระเมิดกฎ เจ้าก็อย่าได้คิดที่จะเอาศีลธรรมมาบังคับข้า เพราะข้าไม่ได้มีศีลธรรมแม้แต่นิด ข้าไม่หลงกลลูกไม้นี้!”
ตราบใดที่ข้าไม่มีศีลธรรม เจ้าก็บังคับข้าไม่ได้!
เจิ้งเหยา “เจ้าไม่ได้เป็นคนดีหรอกหรือ”
“ใช่ ข้าไม่ใช่คนดี!”
เจิ้งเหยา “…”
น่าโมโหนัก!
“หากข้าเป็นเจ้า ก็จะไปกลั่นแกล้งหลวนไป่หลิงสักหน่อย มิเช่นนั้นหลังจากนี้ก็จะไม่มีโอกาสแล้ว ในเมื่อเรื่องนี้ถูกเปิดเผยออกมาแล้ว เขาจะต้องจบเห่อย่างแน่นอน!” ฉินหลิวซีเอ่ยเตือนอย่างเย็นชา
ไม่ว่าจะเป็นเพราะเรื่องทำร้ายเจิ้งเหยา หรือเป็นเพราะพิษในร่างกายของแม่ทัพใหญ่ถูกเปิดเผย คนที่อยู่เบื้องหลังผู้นั้นไม่มีทางยอมให้หลวนไป่หลิงมีชีวิตอยู่
เจิ้งเหยาตกใจ ก่อนจะหายตัวไป
เฟิงซิวกล่าวว่า “เจ้าไม่กลัวว่าเขาจะถูกรังแกจนตายหรือ กลับจะทำให้สาวน้อยผู้นี้เพิ่มบาปชีวิตขึ้นมา หากไปเกิดใหม่ก็จะไม่ได้ไปเกิดในที่ที่ดี?”
“แม้ว่าจะเป็นเช่นนั้น ก็เป็นผลของเวรกรรม แค้นต้องชำระ เมื่อไปที่ยมโลก การชำระบัญชีก็จะเบาลง อย่างไรเสียก็ต้องให้นางปลดปล่อยพลังแค้นสักหน่อย” ฉินหลิวซีหาวพลางเอ่ยต่อ “กลับไปงีบสักหน่อยเถิด ไม่จบไม่สิ้นกันเสียที”