คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า - ตอนที่ 924 ตาเฒ่า ท่านรอข้าก่อน
ตอนที่ 924 ตาเฒ่า ท่านรอข้าก่อน
มาเมืองหลวงหนึ่งเที่ยว หอบเงินจำนวนมหาศาล ฉินหลิวซีบอกลาคนตระกูลฉินกับเฟิงซิว จากไปอย่างเงียบๆ เมื่อเสนาบดีลิ่นมาหา นางก็ได้หายตัวไปแล้ว
เสนาบดีลิ่น ‘อย่างน้อยก็ให้คำแนะนำแก่บุตรชายของข้าก่อนแล้วค่อยไปไม่ได้หรือ!’
มู่ซี ‘นักต้มตุ๋นน้อยไร้หัวใจ หายหัวไปอีกแล้ว!’
ท่านอ๋องน้อยหมิงหุยผู้เศร้าหมองคิดกับตัวเองว่ายังไม่เคยไปสถานที่เล็กๆ อย่างเมืองหลีเลย
และคนที่มาเสียเที่ยวเช่นกันยังมีองค์ชายรองฉีอวิ๋นไท่ กลับคิดไม่ถึงว่าผู้มีความสามารถในสายตาของปั๋วอินจะเป็นนักพรตหญิง ซ้ำตระกูลเดิมยังเป็นตระกูลฉินที่ได้รับฟื้นฟูกลับมาเมื่อก่อนหน้านี้
และนักพรตหญิงผู้นี้ เส้นสายของนางนั้นทำให้คนรู้สึกโลภมากจริงๆ
ก่อนที่จะแต่งตั้งรัชทายาท ได้มีการต่อสู้กันระหว่างบรรดาองค์ชาย แม้ว่าฉีอวิ๋นไท่จะกระทำการอย่างลับๆ แต่องค์ชายคนอื่นๆ ก็ยังรู้ว่าเขากำลังสอดแนมอะไร ต่างพากันจับจ้องฉินหลิวซีกับตระกูลฉินที่อยู่ข้างหลังนาง
ดังนั้น ใต้เท้าฉินหยวนซานขุนนางผู้ดูแลกรมพิธีการที่ถูกลดตำแหน่งลงมาหนึ่งขั้นหลังจากได้กลับมา ทันใดนั้นก็รู้สึกว่าความสัมพันธ์ของตัวเองดีขึ้น ประชุมราชสำนักเช้าทุกวันล้วนมีคนเริ่มมาทักทายเขา เป็นกันเองอย่างมาก ซ้ำยังได้รับคำเชิญชวนมากขึ้น
ฉินหยวนซานไม่เพียงแต่ไม่ชอบความผิดปกตินี้ ซ้ำยังตัวสั่น เริ่มถ่อมตนมากขึ้น
เขากลัวว่าหากเล่นใหญ่ แล้วไม่มีใครช่วยสนับสนุน เช่นนั้นก็คงต้องไปอยู่กับฮูหยินหรือโดนปลดออกจากตำแหน่ง
…
ที่เส้นเลือดมังกร
นักพรตเฒ่าชื่อหยวนกำลังอนุมานผลการทำนายที่ตัวเองใช้วิชาทำนายต้าเหยี่ยนทำนายออกมา แต่ยิ่งวิเคราะห์ลงลึกเท่าไหร่ ก็ยิ่งยากที่จะก้าวไปอีกขั้น สีหน้าค่อยๆ ซีดลง
มองดูดอกไม้ในสายหมอก สิ่งที่เห็นอาจไม่ใช่ดอกไม้
นักพรตเฒ่าชื่อหยวนกุมหน้าอก ขมวดคิ้ว จนกระทั่งดวงตาเจ็บแสบ เขาจึงได้ปิดคำทำนายนั้น
ขาดเพียงสองก้าว ไม่สามารถวิเคราะห์ออกมาได้ แต่การทำนายนั้นกลับเป็นลางร้าย
ชาถ้วยหนึ่งถูกยื่นมาตรงหน้า
นักพรตเฒ่าชื่อหยวนหันไปมองซาหยวนจื่อ เขาดวงตาสดใส กวาดตามองศีรษะของเขา เอ่ย “เจ้ากลับอารามชิงผิงเถิด”
ซาหยวนจื่อเอียงคอแล้วส่ายหน้า
นักพรตเฒ่าชื่อหยวนอยากจะกล่าวอะไรบางอย่าง พื้นที่ว่างเปล่าก็เกิดการแยกออก เขาเงยหน้าขึ้นมอง ลูกศิษย์ไม่เอาไหนปรากฏตัวขึ้น
เมื่อเห็นว่ามีบุญกุศลเพิ่มขึ้นบนตัวของนาง สายตาของนักพรตเฒ่าชื่อหยวนก็แฝงไว้ด้วยรอยยิ้ม
“มาทำอะไรอยู่ตรงนี้” ฉินหลิวซีเดินมาพร้อมกับถุงสัมภาระ เมื่อเห็นซาหยวนจื่อกระโดดมาอยู่ตรงหน้านาง จึงหยิบน้ำตาลปั้นที่ห่อด้วยกระดาษมันออกมาจากเอวแล้วยื่นให้ เอ่ยอย่างรังเกียจว่า “เอาไปกินที่อื่น”
ซาหยวนจื่อรับมาด้วยใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้ม ศิษย์น้องช่างดีจริงๆ
นักพรตเฒ่าชื่อหยวนพูดไม่ออก “ดูเจ้ากล่าวเข้าสิ เขาไม่ใช่สุนัขเสียหน่อย”
ฉินหลิวซีสบถอย่างเย็นชา “ท่านให้ท้ายเขา เขาไม่สู้สุนัขด้วยซ้ำ! ทำบาปทำกรรมมากมายขนาดนั้น”
ไว้หน้าเขาก็นับว่านางเมตตามากแล้ว
นักพรตเฒ่าชื่อหยวนก็คร้านจะโต้เถียงกับนาง เอ่ย “มาจากที่ไหนหรือ ไปคราวนี้เกือบจะสองเดือนแล้ว”
“ไปที่ภูเขาเทียนมาหนึ่งรอบ ทำลายกระดูกพุทธะที่นั่น”
นักพรตเฒ่าชื่อหยวนขมวดคิ้ว “ทำลายแล้วหรือ”
“ใช่แล้ว ซื่อหลัวไม่มีวันรวบรวมกระดูกของเขาได้ครบแล้ว” ฉินหลิวซีกล่าวอย่างภาคภูมิใจ สายตาแฝงไว้ด้วยความรังเกียจเป็นที่สุด
นักพรตเฒ่าชื่อหยวนกล่าวว่า “กำจัดไปแล้วก็ดี ขาดกระดูกหนึ่งชิ้น เขาก็สูญเสียพลังไปหนึ่งส่วน แต่ก็อย่าหมกมุ่นอยู่กับการทำลายกระดูกพุทธะของเขา เมื่อตัวเองแข็งแกร่งเท่านั้นจึงจะไม่มีอะไรสามารถทำลายได้อย่างแท้จริง ก่อนหน้านี้เจ้าไปกักตัวฝึกบำเพ็ญมาหรือ”
“กักตัวฝึกบำเพ็ญอยู่ที่ภูเขาเทียนหนึ่งเดือน”
นักพรตเฒ่าชื่อหยวนชื่นชมเป็นอย่างมาก “อย่าลืมทำความดีสั่งสมบุญด้วยละ”
ฉินหลิวซีโยนถุงสัมภาระลงบนโต๊ะหินตรงหน้าอย่างภาคภูมิใจ เอ่ย “รู้หรือไม่ว่าในนี้มีค่าน้ำมันตะเกียงมากมายแค่ไหน มีมูลค่าถึงห้าแสนตำลึง”
นักพรตเฒ่าชื่อหยวนดวงตาเป็นประกาย เอ่ย “ลูกศิษย์ของข้าเป็นหน้าเป็นตาให้กับอารามชิงผิงของพวกเราแล้ว”
แม้ว่าจะใช้เงินมากกว่าครึ่งเพื่อทำการกุศล ก็ยังสามารถนำมาใช้ซ่อมแซมอารามเต๋าได้อีกไม่น้อย จุดธูปที่ใหญ่ที่สุด เจ้าลัทธิเต๋ายิ้มกว้างแล้ว!
“เพียงแต่รู้สึกรังเกียจกับบางเรื่องที่เจอ” ฉินหลิวซีเล่าเรื่องของตระกูลแม่ทัพใหญ่
นักพรตเฒ่าชื่อหยวนถอนหายใจ “ทุกอย่างล้วนเป็นเคราะห์กรรม ตระกูลผู้สูงศักดิ์ เพื่อประโยชน์ของคนในตระกูลแล้ว ทั้งแผนการร้ายในที่ลับทั้งแผนการที่เปิดเผยนั้นมีมากมายนับไม่ถ้วน ต่อสู้เพื่อสิ่งนี้ไม่หยุด นี่ก็เป็นธรรมดาของโลก”
ฉินหลิวซีวาดเส้นค่ายอาคมแปดทิศ เห็นด้วยอย่างยิ่ง
“คนในเสวียนเหมินอย่างพวกเรา ล้วนได้สัมผัสวิชาของเสวียนเหมิน ปราบสิ่งชั่วร้ายปกป้องเต๋าเป็นหน้าที่ของพวกเรา แต่ไม่ควรใช้วิชาอาคมกับคนธรรมดาที่บริสุทธิ์ ยิ่งไม่ควรใช้วิชาอาคมเพื่อประโยชน์ส่วนตัว บำเพ็ญวิชามาร สูญเสียหัวใจเต๋า” นักพรตเฒ่าชื่อหยวนมองนางพลางเอ่ย “ลัทธิเต๋าไม่พูดถึงเรื่องทางโลก แต่สำหรับเรื่องต่างๆ ในโลกมนุษย์ หากมีศรัทธาที่มั่นคง ยึดมั่นในหัวใจเต๋า ก็จะสามารถก้าวไปข้างหน้าบนเส้นทางที่ถูกต้องได้”
ฉินหลิวซีมองเขาด้วยท่าทางแปลกๆ เล็กน้อย หากจะบอกว่ากำลังสั่งสอน ก็ดูผิดปกติ
นักพรตเฒ่าชื่อหยวนลุกขึ้น เอ่ย “ในเมื่อได้ประโยชน์จากการกักตัวฝึกบำเพ็ญแล้ว ก็ให้อาจารย์ทดสอบสักหน่อย”
ฉินหลิวซีเลิกคิ้ว “เหอะๆ ท่านไม่กลัวว่าคนรุ่นหลังอย่างข้าจะรังแกท่านหรือ สู้ก็สู้สิ หากหมดแรงก็จะได้กักตัวฝึกบำเพ็ญพอดี ข้าก็จะกลับไปปรุงยามาให้ท่าน”
สายตาที่นักพรตเฒ่ามองนางราวกับกำลังมองเด็กเอาแต่ใจ
เพื่อหลีกเลี่ยงการทำลายค่ายอาคมรวบรวมจิตวิญญาณ อาจารย์และลูกศิษย์ได้เปลี่ยนตำแหน่ง ไปยังภูเขาบริเวณใกล้เคียง พวกเขาต่อสู้กันอย่างดุเดือด ทำเอาวิญญาณสัมภเวสีผีเร่ร่อนในบริเวณนี้ตกใจกลัวร้องโหยหวนหนีไป
เทพเซียนต่อสู้กัน ผีน้อยโดนลูกหลง พวกเขารับไม่ไหว!
การต่อสู้อาคมนี้กินเวลานานหนึ่งวันเต็ม จนกระทั่งพระอาทิตย์กำลังจะตกดิน นักพรตเฒ่าชื่อหยวนทรุดตัวลงบนพื้นหญ้าอย่างอ่อนล้า “อาจารย์แก่แล้ว”
ฉินหลิวซีเดินไปหา ป้อนยาลูกกลอนใส่ปากเขาหนึ่งเม็ดพลางเอ่ย “ยอมรับว่าแก่แล้วก็ดี ดังนั้นท่านจึงต้องกักตัวฝึกบำเพ็ญอยู่ที่นี่อย่างเชื่อฟัง ในภายภาคหน้าจะมีข้าเป็นผู้ต่อสู้อาคมกับผู้อื่น ในฐานะอาจารย์ท่านแค่ภาคภูมิใจก็พอ!”
นักพรตเฒ่าชื่อหยวนหัวเราะ “ตกลง”
“ตายจริง ศิษย์อกตัญญูก็มีวันที่กตัญญูกับเขาด้วยหรือ”
“เลิกไร้สาระ เร็วเข้า”
นักพรตเฒ่าชื่อหยวนลุกขึ้น มองดูแผ่นหลังที่ผอมบางแต่แข็งแกร่งของนาง ยิ้มเล็กน้อยแล้วซบลงไป “นักพรตเฒ่าอย่างข้ามีความสุขแล้ว”
มือทั้งสองข้างของฉินหลิวซีเกี่ยวขาของเขาไว้ เอ่ย “จับไว้แน่นๆ หากตกจะไม่รับผิดชอบ”
นักพรตเฒ่าชื่อหยวนกอดคอนาง ก้มลงมองหลังเหยียดตรงของสาวน้อย ก่อนที่สายตาจะกวาดมองไปข้างหน้า นางค่อยๆ พาเดินกลับไปที่เรือน เขาเอ่ยว่า “หนักหรือไม่ กระดูกสันหลังของเจ้าตรงเช่นนี้ตลอดไปจึงจะดี”
“ด้วยน้ำหนักอันน้อยนิดของท่านน่ะหรือจะสามารถกดทับให้หลังของข้างอได้ ใครก็ทำไม่ได้!”
นักพรตเฒ่าชื่อหยวนยิ้มพลางเอ่ยเรื่องน่าอายของนางเมื่อตอนยังเป็นเด็ก บ่นไปเรื่อย ทั้งสองคนต่อล้อต่อเถียงกันพลางกลับไป
แสงสะท้อนของพระอาทิตย์ตกกระทบลงบนร่างของทั้งสอง เป็นเงาทอดยาว ทั้งอบอุ่นและสวยงาม
หลังจากส่งนักพรตเฒ่าชื่อหยวนกลับกระท่อมแล้ว ฉินหลิวซีก็ฝังเข็มให้เขาอีกครั้ง วางยาบางอย่างไว้ เอ่ย “ท่านเพียงแค่สนใจเรื่องกักตัวฝึกบำเพ็ญ กลับไปข้าจะไปปรุงยาสร้างรากฐานส่งมาให้ท่าน”
“ตกลง” นักพรตเฒ่าชื่อหยวนเอ่ยต่อว่า “ข้าก็มีความคิดที่จะกักตัวฝึกบำเพ็ญใหญ่เช่นกัน เจ้าพาซาหยวนจื่อกลับไปที่อารามเต๋าเถิด มิเช่นนั้นใครจะพูดคุยกับเขา”
“ให้เขาอยู่เป็นผู้พิทักษ์ของท่านเถิด ที่ไว้ชีวิตเขา ไม่ได้ให้ข้าวกินโดยเปล่าประโยชน์” ฉินหลิวซีเหลือบมองซาหยวนจื่อผู้โง่เขลาด้วยความรังเกียจ
นักพรตเฒ่าชื่อหยวนหมดปัญญา
ฉินหลิวซีกำชับเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ก่อนจะแบกถุงสัมภาระขึ้นมา “เช่นนั้นข้าขอตัวก่อน”
นักพรตเฒ่าชื่อหยวนโบกมือด้วยรอยยิ้ม “ไปเถิด”
ฉินหลิวซีจึงได้ร่ายคาถาเปิดเส้นทางหยินแล้วเดินเข้าไป หันกลับมามองเขายืนอยู่ที่นั่น ลมพัดเสื้อคลุม กอดแส้หางม้าไว้ ดูเหมือนกำลังจะขี่ลมโบยบินไปอย่างสง่างาม ใจเต้นแรง ตะโกนออกมาเสียงดังเมื่อประตูเส้นทางหยินปิดลง “ตาเฒ่า ท่านรอข้าก่อน!”
นักพรตเฒ่าชื่อหยวนไม่ได้ตอบกลับ