คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า - ตอนที่ 926 เจ้ามันตัวปัญหาในนรกจริงๆ ด้วย
ตอนที่ 926 เจ้ามันตัวปัญหาในนรกจริงๆ ด้วย
การปรากฏตัวอย่างกะทันหันของเฮยอู๋ฉัง ทำเอาหยวนอิงไปหลบอยู่หลังเว่ยเสีย อยากจะหายตัวไปจากตรงนั้น
“สมน้ำหน้า” เว่ยเสียเยาะเย้ย
หยวนอิงยื่นนิ้วออกมา จิ้มหลังเขาอย่างแรงสองสามที มีวิญญาณเร่ร่อนตนไหนบ้างไม่กลัวยมฑูต ซ้ำนี่ยังเป็นยมฑูตใหญ่ที่แท้จริง เฮยอู๋ฉังในตำนาน
แต่นายท่านเฮยอู๋ฉังผู้ยิ่งใหญ่มีอำนาจที่สีหน้าเคร่งขรึม ยามนี้ราวกับลูกสุนัข แตกต่างจากบุคคลในตำนานอย่างสิ้นเชิง!
ความมีอำนาจล่ะ ความดุดันโหดเหี้ยมล่ะ
เหตุใดจึงได้เหมือนคนไม่เอาไหนมากกว่า!
ฉินหลิวซีสะบัดมือของเฮยอู๋ฉังออก เอ่ยว่า “มีอะไรก็ว่ามา อย่ามารุ่มร่าม”
ทันทีที่กลับมาก็มีเรื่องวุ่นวาย
เฮยอู๋ฉังลุกขึ้นยืน ถูมือพลางเอ่ยประจบประแจงว่า “รู้จักกันมาหลายปีแล้ว ครั้งนี้ท่านจะต้องช่วยข้า มิเช่นนั้นชุดดำของข้านี้ เกรงว่าจะต้องถอดออกแล้ว”
“เจ้าไปทำอะไรมา เผายมโลกมาหรือ” ฉินหลิวซีขมวดคิ้ว มาขอความช่วยเหลือนางถึงที่นี่ เกิดอะไรขึ้น
เฮยอู๋ฉังมุมปากกระตุก นั่นเป็นสิ่งที่เขาสามารถทำได้หรือ
เว่ยเสียกับหยวนอิงเงี่ยหูฟัง เรื่องของนายท่านเฮยอู๋ฉัง หากไม่สอดรู้สอดเห็นจะเสียเปล่า!
เฮยอู๋ฉังอยากจะร้องไห้แต่ไม่มีน้ำตา อ้ำๆ อึ้งๆ อยู่นานก็เอ่ยออกมาว่า “เดิมทีข้าอยากจะแทรกแถวให้ผีที่รู้จักไปเกิดในที่ที่ดี แต่คิดไม่ถึงว่าจะทำผิดพลาด”
ฉินหลิวซีไม่เข้าใจอยู่ครู่หนึ่ง
“ก็คือว่า ข้าอยากจะส่งดวงวิญญาณที่รู้จักไปเกิดใหม่เพื่อจะได้ทันฤกษ์งามยามดี แต่เมื่อเข้าสู่วัฏสงสาร กลับส่งไปผิดดวงวิญญาณ”
ฉินหลิวซี “เหอะ ผิดก็ผิดสิ ก็เพียงแค่เปลี่ยนผู้ที่กลับชาติไปเกิด มีอะไรต้องตื่นตระหนก”
“หากมันง่ายขนาดนั้นข้าเหล่าเฮยก็ไม่กังวลอยู่แล้ว แต่ปัญหาก็คือดวงวิญญาณที่ถูกส่งไปผิดเดิมทีอายุขัยยังไม่สิ้นสุด เป็นดวงวิญญาณที่ยังมีชีวิตอยู่ ไม่รู้ว่ามาที่ยมโลกของพวกเราได้อย่างไร ซ้ำนั่นยังเป็นดวงวิญญาณจากโลกอื่น” เฮยอู๋ฉังเอ่ยว่า “แม่นางผู้นั้นอายุขัยยังไม่สิ้นสุด แต่กลับไม่มีดวงวิญญาณแล้ว เช่นนั้นร่างจะไม่จบเห่หรือ ข้าเหล่าเฮยจะไปรับผิดชอบไหวได้อย่างไร”
เว่ยเสียได้ฟังดังนั้นก็มองไปยังหยวนอิง ได้ยินหรือไม่ จับดวงวิญญาณผิดนั้นเป็นความผิด
ฉินหลิวซีประหลาดใจเล็กน้อย เอ่ย “ดวงวิญญาณจากโลกอื่นเข้าสู่วัฏสงสาร?”
เฮยอู๋ฉังนั่งยองๆ พยักหน้าพลางเอ่ย “ไม่เพียงแต่เข้าไปแล้ว ซ้ำยังคลอดออกมาแล้วด้วย”
“ไปดึงดวงวิญญาณมาก็พอแล้วไม่ใช่หรือ” หยวนอิงเอ่ยเสียงเบา
“นั่นคือบุตรของผู้ประเสริฐสามชาติ บุญกุศลไร้ขีดจำกัด ชะตาชีวิตดีมาก หากฝืนดึงออกมา ก็เท่ากับฝืนตัดชะตาชีวิตในชาตินี้ การถูกลงโทษด้วยฟ้าผ่านี้ ข้า…หากวิญญาณกลับคืนไปไม่ได้ ร่างนั้นของนางก็จะต้องตาย เมื่อมาถึงจุดสิ้นสุดของการกลับชาติมาเกิดในชีวิตนี้ของนาง แล้วค่อยกลับไปก็จะไม่มีร่างให้กลับไปแล้ว” เฮยอู๋ฉังสีหน้าขมขื่น
หยวนอิงอุทานด้วยความประหลาดใจ “เช่นนั้นท่านได้ทำบาปแล้ว!”
เว่ยเสียจ้องมองนางเป็นการตักเตือน หากอยากตายก็อย่าไปหลบอยู่ข้างหลังเขา ไม่เห็นต้องเอาความจริงมาพูด!
ฉินหลิวซีเอ่ย “ดังนั้น พวกเจ้าจะทำอย่างไร”
“หาดวงวิญญาณมาสิงร่างนั้นเป็นการชั่วคราว เมื่อถึงเวลาค่อยกลับคืนสู่สภาพเดิม”
“เช่นนั้นก็ง่ายจะตายไป มีวิญญาณเป็นหมื่นพันตนต่อแถวไปเกิดใหม่อยู่ในยมโลก ยังหาที่เหมาะสมส่งไปไม่ได้อีกหรือ มาหาข้าทำไม ข้าสามารถแยกร่างข้ามเวลาไปอีกโลกหนึ่งได้หรืออย่างไร” ฉินหลิวซีเอ่ยพลางหรี่ตาลง
เฮยอู๋ฉังเอ่ยว่า “ดวงวิญญาณนั้นหาได้ แต่ผู้ที่มีคุณธรรมสูงส่งกลับหาได้ยาก ต้องการให้มาช่วยเสกจิตสำนึกใส่ดวงวิญญาณที่มาอยู่แทน เพื่อให้แน่ใจว่าจะสามารถรอดผ่านม่านกั้นเชื่อมโยงกับร่างในอีกโลกหนึ่งได้ และไม่ถูกจิตสำนึกแห่งสวรรค์ทางด้านนั้นกำจัด และท่าน ผู้ที่มีบุญกุศลไร้ขีดจำกัด และมีคุณธรรมสูงส่งนั้นเป็นคนเดียวที่สามารถช่วยได้”
ฉินหลิวซี “…”
ข้าสงสัยว่าเจ้าตั้งใจจะขโมยวิญญาณของข้า แต่ข้าไม่มีหลักฐาน คำเอ่ยไร้สาระเหตุใดจึงได้ฟังดูไร้เหตุผลเช่นนี้
ก้าวผ่านม่านกั้นอะไรกัน ก็แค่ให้ดวงวิญญาณข้ามไปอีกโลกหนึ่งไม่ใช่หรือ เหตุใดเจ้าไม่บอกไปเลยว่าหากข้าอยากจะโบยบินขึ้นสู่สวรรค์ก็สามารถทำได้ ไปเป็นเทพเซียนอย่างมีความสุขอยู่บนสวรรค์!
เฮยอู๋ฉังมองนางพลางหัวเราะอย่างขมขื่น “พวกเราก็รู้จักมักจี่…”
“มักจี่อะไร ข้าเป็นคนจี่จนสุกหรือ”
เฮยอู๋ฉัง “!”
งานนี้เขาไม่สามารถทำต่อไปได้แล้ว!
ฉินหลิวซีกอดอกพลางจ้องมองเขา เป็นเพราะเขาตายไปหลายปีแล้ว มิเช่นนั้นก็คงจะถูกจ้องมองอย่างเอาเป็นเอาตายจนเหงื่อผุดออกมาบนหน้าผากไปแล้ว แทบจะยืนไม่อยู่
“พวกเจ้ากำลังวางแผนอะไรอยู่หรือไม่”
“หา?”
ฉินหลิวซียิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกแปลกๆ “มันฟังดูไร้สาระสิ้นดี ราวกับเรื่องเล่า อีกอย่าง ดวงวิญญาณต่างโลกตนนั้นไปเกิดที่ไหนแล้ว”
“เป็นบุตรสาวตระกูลเซิ่งในอวี๋โจว พ่อค้าสมุนไพรตระกูลเซิ่งที่ได้รับการขนานนามว่าเป็นผู้ประเสริฐ” เฮยอู๋ฉังเอ่ยว่า “นายท่าน ข้าไม่มีทางอื่นแล้วจริงๆ”
“ต้องการให้ข้าทำอย่างไร”
“เพียงแค่เสกจิตสำนึกใส่ดวงวิญญาณที่เป็นตัวแทน พวกเราจะส่งนางไปที่วัฏสงสาร เริ่มเส้นทางสู่การกลับชาติไปเกิด”
ฉินหลิวซีหัวเราะ “อะไรกัน ดวงวิญญาณท้องถิ่นสามารถเข้าสู่วัฏสงสารไปที่อีกโลกหนึ่งได้? เป็นยุคต่อไปหรือว่าอีกโลกหนึ่ง”
ฉินหลิวซีนึกถึงหลานโย่วเด็กโชคร้ายผู้นั้น
“ใช่แล้ว ส่วนจะได้หรือไม่ ในบรรดาโลกเล็กๆ สามพันโลก มียมโลกเพียงแห่งเดียว ล้วนเชื่อมโยงถึงกันทั้งหมด โดยอาศัยรอยแตกของช่องว่างนี้ในการติดต่อ!”
ฉินหลิวซีกะพริบตา เอ่ยว่า “อยากให้ข้าช่วยก็ใช่ว่าจะไม่ได้ หากซื้อหนึ่งแถมหนึ่ง ข้าก็จะช่วยอยู่แล้ว”
“หา?”
“ข้ามีเพื่อนอยู่ที่นี่ ก็อยากจะไปที่โลกอื่นเช่นกัน เจ้าส่งไปพร้อมกันเถิด หาร่างคนตายที่เหมาะสมเพื่อให้เขากลับมามีชีวิตอีกครั้ง!”
เฮยอู๋ฉังตัวสั่น ‘ท่านเป็นตัวปัญหาในยมโลกของพวกเราจริงๆ ด้วย! เหตุใดต้องสร้างความลำบากให้กับพวกเราเช่นนี้!’
“นายท่าน นี่มัน นี่มันไม่ถูกต้องตามกฎกระมัง” เฮยอู๋ฉังยิ้มอย่างอึดอัด
ฉินหลิวซีหันหลังจะเดินจากไป
“ข้ารับปาก!” เฮยอู๋ฉังเห็นดังนั้นก็รีบรับปากในทันที
ดวงตาของฉินหลิวซีเป็นประกาย ง่ายดายขนาดนี้ ไม่ปกติจริงๆ ด้วย!
“หาดวงวิญญาณตัวแทนได้แล้วหรือไม่” นางนึกบางอย่างขึ้นได้ มองไปยังหยวนอิง ดึงนางมา “อย่างไรเสียเจ้าก็รู้สึกเบื่ออยู่แล้ว ไปเล่นอยู่ที่อีกโลกหนึ่งเถิด อยู่ที่นั่นสักระยะหนึ่งแล้วค่อยกลับมา”
หยวนอิง “?”
ฉินหลิวซีได้เสกจิตสำนึกของตัวเองลงบนดวงวิญญาณของหยวนอิง พร้อมกับพลังบุญกุศลอีกเล็กน้อย
หยวนอิง “…”
บังคับซื้อขายเป็นเช่นนี้นี่เอง นางไม่ได้เอ่ยอะไรสักคำ
เฮยอู๋ฉังหน้าเขียว สีหน้าเศร้าเป็นอย่างมาก เขาอยากจะมอบโอกาสนี้ให้กับคนที่เขารักผู้นั้น…ให้น้องหญิงหลินของเขา!
“พาตัวไปเถิด” ฉินหลิวซีตบบ่าหยวนอิงเบาๆ “ทำตัวดีๆ อย่าลืมทำความดีสั่งสมบุญด้วยล่ะ”
เฮยอู๋ฉังเอ่ยลองเชิงว่า “ความจริงแล้วยังมีคนที่เหมาะสมกว่า…”
“ไม่เอาก็ไม่ต้องเอา ไม่เอาก็ช่างเถิด คิดว่าข้าจะตามใจพวกเจ้าหรือ! อีกคนที่ต้องส่งไปคือหลานซิ่ง เจ้าพาเขาไปด้วยเถิด อย่างไรเสียเขาก็จะไม่รอดอยู่แล้ว” ตั้งแต่ที่หลานโย่วจากไป หลานซิ่งก็ราวกับศพเดินได้ ไร้จิตวิญญาณ สูญเสียชีวิตชีวาไปจนหมดสิ้น ในเมื่อสามารถฝ่าฝืนกฎได้ นางก็จะลองดู
ฉินหลิวซีเอ่ยอีกว่า “ช่วยฝากไปบอกราชาของพวกท่านแทนข้าด้วย”
เมื่อเฮยอู๋ฉังได้ฟังข้อความของนางก็หน้าเขียวกว่าเดิม หากบอกข้อความนี้ไป เขาคงต้องถอดชุดดำแล้วกระมัง
แต่ความจริงคือเขาไม่มีสิทธิ์ปฏิเสธ นายท่านผู้นี้ไม่ได้สนใจเขา
เฮยอู๋ฉังไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากพาตัวหยวนอิงไปด้วยใบหน้าที่สับสน จากนั้นก็นำดวงวิญญาณของหลานซิ่งกลับไปที่ยมโลกด้วย พาไปส่งที่วัฏสงสาร เทพเฟิงตูก็รออยู่ที่นั่น
เมื่อเห็นดวงวิญญาณทั้งสอง เขาก็ขมวดคิ้ว “เกิดอะไรขึ้น”
เฮยอู๋ฉังเอ่ยด้วยสีหน้าขมขื่นว่า “นางบอกว่าต้องซื้อหนึ่งแถมหนึ่ง มิฉะนั้นจะไม่ทำ”
“เหลวไหล ในเมื่อเสกจิตสำนึกใส่ดวงวิญญาณนี้แล้ว ดวงวิญญาณที่เกินมาจะไม่ถูกส่งไป นางจะทำอะไรได้ คิดว่ากฎแห่งสวรรค์สามารถปรับเปลี่ยนได้ตามใจชอบอย่างนั้นหรือ อยากส่งไปก็จะส่งไป โลกจะไม่วุ่นวายหรือ” เทพเฟิงตูโกรธจนเคราปลิวว่อน เตรียมจะฟาดสายฟ้าใส่บรรพบุรุษผู้นี้สักสองสามทีให้ตายไปเสียก็สิ้นเรื่อง
เฮยอู๋ฉังเอ่ยว่า “นางมีข้อความมาบอกแก่ท่านด้วยขอรับ”
เทพเฟิงตู “?”
เฮยอู๋ฉังเปลี่ยนน้ำเสียง เลียนแบบน้ำเสียงของฉินหลิวซี เอ่ยว่า “ราชาเฒ่าเจ้าเล่ห์ หากไม่ทำตามที่ข้าบอก ข้าคงทำได้เพียงตามรังควานสู้ตายกับท่าน เชิญเทพเจ้านั้นง่าย แต่การส่งเทพเจ้ากลับไปนั้นยาก ท่านย่อมรู้ดี!”
เทพเฟิงตู “…”
เขาไปทำบาปทำกรรมอะไรไว้ จึงต้องมาวางแผนแทนนางอย่างรอบคอบเช่นนี้!