คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า - ตอนที่ 929 ตกใจเมื่อได้ยินข่าวการตายของเหยียนฉีซาน
- Home
- คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า
- ตอนที่ 929 ตกใจเมื่อได้ยินข่าวการตายของเหยียนฉีซาน
ตอนที่ 929 ตกใจเมื่อได้ยินข่าวการตายของเหยียนฉีซาน
แม่ผู้ให้กำเนิดเห็นสัจธรรมโลก ฉินหลิวซีรู้สึกชื่นชมเป็นอย่างมาก ย่อมไม่ปฏิเสธคำขอของนาง ได้ปรุงยาทำหมันที่ไม่เป็นอันตรายตามสภาพร่างกายของนางด้วยตัวเอง นอกจากนี้ยังช่วยปรับเรื่องสุขภาพของสตรี พร้อมกับมอบยาหย่างหรงหนึ่งขวด อนุวั่นที่กินดีอยู่ดีไม่สนใจหรือกังวลกับสิ่งใด จะต้องยิ่งอายุเยอะยิ่งดูเด็ก เป็นอนุที่สบายที่สุดในบรรดาอนุเรือนหลัง
ฉินหลิวซีเป็นคนเตรียมยา ให้ฉีหวงช่วยเคี่ยวแล้วเอาไปส่ง จากนั้นนางก็พาเถิงเจาออกจากจวนไปเยี่ยมเจ้าสำนักถัง
เมื่อฮูหยินถังเห็นฉินหลิวซีมาก็อดดีใจไม่ได้ ดึงมือของนางมาถามสารทุกข์สุขดิบ พลางเอ่ยอย่างสงสารว่า “ได้ยินฉุนเอ๋อร์บอกว่าลูกศิษย์หญิงน้อยของเจ้าผู้นั้นหายตัวไป ไม่มีข่าวใดๆ เลย?”
ฉินหลิวซี “อืม”
ฮูหยินถังถอนหายใจ “เจ้าก็อย่าเสียใจมากเกินไป คนเราหากยังมีชีวิตอยู่ย่อมมีความหวังเสมอ หากมีวาสนาย่อมได้พบกันอีก”
“ข้าก็หวังเช่นนั้น” ฉินหลิวซีไม่อยากพูดไปมากกว่านี้ ยิ้มพลางเปลี่ยนหัวข้อสนทนา “ข้าจะไปเยี่ยมท่านอาจารย์สักหน่อย เหตุใดจึงได้ล้มป่วยเสียแล้ว โรคหัวใจกำเริบหรือ”
ฮูหยินถังสีหน้าดูเศร้าเล็กน้อย เอ่ยว่า “อาจเป็นอาการหัวใจกำเริบ เนื่องจากได้รับการกระตุ้นครั้งใหญ่”
“หืม?”
“สหายสนิทของเขาประสบอุบัติเหตุเสียชีวิต เจ้าเองก็รู้จัก เหยียนฉีซาน” ฮูหยินถังดวงตาแวววาวเล็กน้อยเมื่อพูดถึงเรื่องนี้
ฉินหลิวซีตกตะลึง ยืนนิ่งอยู่กับที่ สีหน้าเต็มไปด้วยความตกใจ “ท่านอาจารย์เหยียนเสียชีวิตแล้ว?”
นี่มัน นี่มันเป็นไปได้อย่างไร เขาไม่ใช่คนอายุสั้น แม้ว่าร่างกายจะแย่อยู่บ้างแต่ก็สามารถรักษาได้ ไม่มีทางที่จะจากไปเร็วเช่นนี้
“ไม่มีใครคาดเดาได้ว่าอะไรจะเกิดขึ้น เจ้าก็อย่าได้ตกใจไป ได้ยินมาว่าดื่มเหล้าอยู่กับสหาย เมื่อไปเข้าห้องส้วม ได้ตกลงไปในถังส้วม” ฮูหยินถังเช็ดน้ำตาที่หางตา เศร้าใจเป็นอย่างมาก
การตายของเหยียนฉีซาน อย่าว่าแต่เจ้าสำนักถังรู้สึกเสียใจและโมโห แม้แต่ฮูหยินถังก็ยังรู้สึกยากที่จะทำใจได้เล็กน้อย
คนเราล้วนต้องตาย การแก่ตายตามธรรมชาติ นั่นเป็นการนอนตายบนเตียง เป็นการจากไปด้วยความปิติยินดี แต่การจากไปในวัยห้าสิบกว่าปีอย่างเหยียนฉีซาน เป็นการจากไปก่อนวัยอันควร แต่ก็มีอายุถึงห้าสิบปีแล้ว เพียงแต่สาเหตุการตายของเขาไร้สาระไปหน่อย
ดื่มเหล้าแล้วตกลงไปในถังส้วม ไร้สาระเกินไปแล้ว เหยียนฉีซานก็เป็นปัญญาชนผู้สง่างามท่านหนึ่ง แต่กลับตายด้วยวิธีสกปรกเช่นนี้ ใครบ้างจะทำใจได้ กลัวว่าเขาจะตายตาไม่หลับ แม้แต่ดวงวิญญาณก็ยังมีกลิ่นเหม็น
สีหน้าของฉินหลิวซีดูแย่เป็นอย่างมาก
ชีวิตคนเราคาดเดาได้ยากจริงๆ หรือ
มาที่ห้องหนังสือของเจ้าสำนักถัง หลังจากที่เขาล้มป่วย ก็ย้ายมาอยู่ที่ห้องหนังสือ เพื่อหลีกเลี่ยงการส่งผลกระทบต่อภรรยา เนื่องจากได้รับรายงานว่าฉินหลิวซีจะมาแต่เนิ่นๆ แล้ว ดังนั้นจึงได้สวมเสื้อคลุมบางๆ เอนกายพิงหัวเตียง เมื่อมองเห็นฉินหลิวซีที่ผอมลงไปมากก็ขมวดคิ้ว
“ท่านอาจารย์” ฉินหลิวซีโค้งคำนับก่อน จากนั้นก็ไปนั่งบนเก้าอี้ข้างเตียง เมื่อเห็นเขาสีหน้าเขียวซีด ก็ขมวดคิ้วพลางเอ่ย “ยาบำรุงหัวใจที่ทำให้ท่านเมื่อก่อนหน้านี้ทานหมดแล้วหรือ เหตุใดสีหน้ายังเป็นเช่นนี้”
เจ้าสำนักถังถอนหายใจยาว “ข้าเป็นโรคทางใจ”
“แต่ก็อย่าเอาร่างกายของตัวเองมาล้อเล่น อาจารย์แม่และคนอื่นๆ ล้วนพึ่งพาท่าน” ฉินหลิวซีจับมือเขาขึ้นมา สองนิ้ววางลงไป ทันทีที่จับชีพจร ก็พบว่าชี่และเลือดของเขาเสียหายอย่างรุนแรง ชีพจรเดี๋ยวช้าเดี๋ยวเร็ว ไฟในตับสูง อารมณ์ทั้งเจ็ดหดหู่ เมื่อมองเปลือกตาสีคล้ำของเขา ก็ไม่รู้เลยว่าเขาไม่ได้หลับสนิทมานานแค่ไหนแล้ว
“หลายวันมานี้ท่านไม่ได้นอนเต็มอิ่มเลยหรือ เดิมทีหัวใจของท่านก็มีปัญหา ซ้ำยังไม่ใส่ใจดูแลสุขภาพ ตอนนี้มีปัญหาไฟตับลุกลาม ความร้อนบุกรุกภายในร่างกายเพิ่มขึ้นมา ชี่และเลือดของท่านเสียหายในทันที จะรักษาให้หายก็ต้องใช้เวลาไม่น้อย” ฉินหลิวซีเอ่ยว่า “แม้ว่าท่านกับอาจารย์เหยียนจะมีมิตรไมตรีที่ดีต่อกัน จะไว้ทุกข์ก็ไม่เป็นไร แต่ไม่ควรทำร้ายร่างกายเช่นนี้ ท่านไม่ได้ตัวคนเดียว”
เจ้าสำนักถังตาแดงในทันที สำลักพลางเอ่ยว่า “ปีที่แล้วคนยังดีๆ อยู่เลย พึ่งจะได้พบกัน บอกแล้วว่าจะเขียนบันทึกจิปาถะด้วยกันหนึ่งเล่ม ยังไม่ทันได้เรียบเรียงเสร็จ เหตุใดเขาถึงได้จากไปเสียแล้ว ซ้ำยังตายอย่างน่าละอายเช่นนี้ ไร้สาระสิ้นดี! ข้ารู้ว่าเขาชอบดื่มเหล้า แต่คิดไม่ถึงว่าวันหนึ่งเขาจะตายเพราะเหล้า มันน่าหดหู่เกินไปแล้ว”
ยิ่งเขาคิดเรื่องนี้มากเท่าไหร่ก็ยิ่งโมโหมากเท่านั้น เมื่ออดไม่ได้จึงร้องไห้ออกมา
รู้สึกเสียใจกับความโชคร้ายของเขา
ฮูหยินถังก็ร้องไห้เบาๆ อยู่ที่ข้างประตู
ฉินหลิวซีไม่ได้เกลี้ยกล่อม ระบายความคับข้องใจออกมาดีกว่าอัดอั้นไว้ในใจ
เป็นอย่างที่คิด หลังจากร้องไห้ไปได้สักพัก เจ้าสำนักถังก็หยุดไปเอง เมื่อเห็นฉินหลิวซีนั่งมองดูเขาร้องไห้อยู่ข้างๆ ใบหน้าแก่ชราแดงก่ำ เอ่ยว่า “ไปได้แล้วๆ ให้ข้าล้างหน้าล้างตาก่อนแล้วค่อยว่ากัน”
ฉินหลิวซีถอยออกไปด้านข้าง แล้วไปหยิบพู่กันและหมึกบนโต๊ะในห้องหนังสือด้วยตัวเอง เขียนใบสั่งยา เมื่อหมึกแห้งแล้ว เจ้าสำนักถึงก็จัดการตัวเองเรียบร้อยแล้วพอดี
ฉินหลิวซีมอบใบสั่งยาให้ฮูหยินถังไปจัดเตรียมเคี่ยวยามา แล้วเอ่ยกับเจ้าสำนักถังว่า “การนอนหลับอย่างเต็มอิ่มเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการเติมพลังชีวิต ท่านมีปัญหาการนอนหลับมาระยะหนึ่งแล้ว ไฟตับก็ยิ่งรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ เป็นอันตรายต่อร่างกายและตับ ข้าจะฝังเข็มให้ท่าน อีกสักครู่ดื่มน้ำแกงยาแล้วนอนหลับพักผ่อน”
เจ้าสำนักถังนอนลงให้ความร่วมมือเป็นอย่างยิ่ง
ฉินหลิวซีมองไปยังเถิงเจา อีกฝ่ายได้หยิบกระเป๋าเข็มเงินออกมาเปิดไว้อย่างคล่องแคล่ว ยืนเป็นผู้ช่วยอยู่ข้างๆ ทั้งยังช่วยเปิดเสื้อให้กับเจ้าสำนักถัง
ฉินหลิวซีหาจุดแล้วฝังเข็ม พลางเอ่ยว่า “ท่านอาจารย์เหยียนจากไปตั้งแต่เมื่อไหร่”
เจ้าสำนักถังดวงตามืดมน เอ่ยเสียงเบาว่า “เมื่อปลายเดือนสามไปชิมสุราใหม่กับสหาย ดื่มมากไปเล็กน้อย แล้วก็ตกลงไป”
“เป็นอุบัติเหตุจริงๆ หรือ ผู้ที่สามารถเป็นสหายกับท่านอาจารย์เหยียนได้ คาดว่าจะต้องเป็นปัญญาชนที่มีอุดมการณ์แบบเดียวกัน สถานที่ที่ไปล้วนเป็นสถานที่สง่งาม และสถานที่เหล่านั้น โดยพื้นฐานแล้วห้องส้วมล้วนทำอย่างสะอาดสะอ้านเป็นระเบียบเรียบร้อย ตกลงไปในถังส้วมเป็นเรื่องค่อนข้างน่าเหลือเชื่อจริงๆ”
เจ้าสำนักถังยิ้มอย่างขมขื่น “เป็นเช่นนั้น เพียงแต่เพื่อนของเขาผู้นี้อาศัยอยู่ในหมู่บ้าน หมู่บ้านแห่งนั้นเต็มไปด้วยต้นซิ่งจื่อ ดอกซิ่งเบ่งบานสะพรั่งพอดี จึงได้ไปต้มสุราชื่นชมดอกไม้ที่นั่น สหายผู้นั้นมาจากครอบครัวชาวไร่ชาวนา ตระกูลมีที่ดินมากมาย ห้องส้วมในเรือนก็เป็นห้องส้วมตั้งเดี่ยว สิ่งปฏิกูลล้วนใช้ทำเป็นปุ๋ย เขายืนไม่อยู่ จึงได้ตกลงไป ตอนที่ช่วยคนขึ้นมาได้ก็สายไปเสียแล้ว”
ฉินหลิวซีฝังเข็มสุดท้ายลงไป รับผ้าเช็ดหน้าเปียกจากเถิงเจามาเช็ดมือ เอ่ยว่า “แต่ถึงกระนั้นในเมื่อดื่มมากไปเล็กน้อย บ่าวรับใช้จะไม่คอยปรนนิบัติอยู่ข้างกายเลยหรือ ไปห้องส้วมก็ยิ่งต้องช่วยพยุง”
เจ้าสำนักถังเอ่ยว่า “เช่นนั้นก็พยุงไปถึงหน้าห้องส้วมเพียงเท่านั้น หมอบอกว่าเขาดื่มเหล้าทำให้เลือดไปปิดกั้นเส้นลมปราณในสมอง เวียนศีรษะจึงได้ตกลงไป”
“ตระกูลเหยียนได้ตรวจสอบชัดเจนแล้วว่าเป็นอุบัติเหตุหรือ” ฉินหลิวซีขมวดคิ้วพลางเอ่ย “ก่อนหน้านี้ข้าดูโหงวเฮ้งของเขาก็ไม่ใช่คนอายุสั้น”
เจ้าสำนักถังตกตะลึง เอ่ยว่า “โหงวเฮ้งจะเปลี่ยนไปได้หรือไม่ แม้ว่าตระกูลเหยียนก็คิดว่าเป็นเรื่องประหลาด อย่างที่เจ้าเอ่ยไว้ ตกลงไปในถังส้วมนั้นเป็นเรื่องน่าเหลือเชื่อจริงๆ จึงตรวจสอบอย่างละเอียด พบว่าเขาเสียชีวิตจากอุบัติเหตุจริงๆ”
เมื่อเขาเห็นว่าข้างนอกไม่มีคน จึงเอ่ยเสียงเบาว่า “ที่สรุปเช่นนี้ก็เป็นเพราะว่าบรรพบุรุษของพวกเขาท่านนั้นได้เอ่ยกับหัวหน้าตระกูลเหยียนไว้ชัดเจนแล้วว่าไม่ได้มีใครประทุษร้าย เป็นอุบัติเหตุ ดังนั้นตระกูลเหยียนจึงไม่ได้สงสัย ได้ประกาศไว้ทุกข์และฝังแล้ว”
เฟิงปั๋วก็บอกว่าเป็นอุบัติเหตุ นั่นเป็นอุบัติเหตุจริงๆ หรือ