คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า - ตอนที่ 931 พวกเจ้าไม่ควรมา
ตอนที่ 931 พวกเจ้าไม่ควรมา
เหยียนฉีซานเสียชีวิตในสถานที่ที่เรียกว่าหมู่บ้านซิ่งฮวาในอวี๋หัง บอกว่าเป็นหมู่บ้านซิ่งฮวา ความจริงแล้วสามารถเรียกได้ว่าเป็นเมืองเมืองหนึ่ง เนื่องจากพัฒนาอย่างใหญ่โต หมู่บ้านแห่งนั้นค่อยๆ กลายเป็นเมือง และทุกครอบครัวที่นี่ล้วนปลูกต้นซิ่ง เรือนหลายหลังล้วนมีกำแพงสีขาว หลังคาสีดำ เมื่อถึงช่วงฤดูออกดอก ทิวทัศน์งดงามอย่างยิ่ง ปัญญาชนหลายคนมาชื่นชมดอกไม้แต่งบทกวี
เขตซิ่งฮวามีพลังวิญญาณเป็นอย่างมาก จัดวางฮวงจุ้ยได้ไม่เลวเช่นกัน กลุ่มคนผ่านไปมา ใบหน้าล้วนแฝงไว้ด้วยรอยยิ้มอย่างสบายใจ แม้แต่ผู้ที่สวมเสื้อผ้ามีรอยปะ ก็ยังเต็มไปด้วยรอยยิ้ม ไม่มีความเศร้าโศกแม้แต่น้อย
เถิงเจาขมวดคิ้ว กล่าวว่า “คนที่นี่ดูค่อนข้างแปลก”
ทุกวันนี้นับว่าต้าเฟิงสงบสุข แต่ก็ใช่ว่าจะสงบสุขไปเสียทุกที่ มักจะมีปัญหาเล็กๆ น้อยๆ เกิดขึ้นอยู่เสมอ โดยเฉพาะกับคนที่อยู่ชั้นล่าง มีหลายคนที่ขมวดคิ้วและบ่นเรื่องเงินทองเพียงไม่กี่ตำลึง
แต่ในเมืองซิ่งฮวาแห่งนี้กลับไม่เห็นคนเหล่านั้น ทุกคนล้วนมีความสุข แต่กลับทำให้ผู้คนรู้สึกว่าเป็นการเสแสร้งเล็กน้อย
ฉินหลิวซีก็รู้สึกว่าไม่ค่อยสอดคล้องกันอยู่บ้าง แต่กลับไม่สามารถอธิบายรายละเอียดได้ จึงเอ่ยว่า “ไปที่ตระกูลฉีก่อน”
สหายของเหยียนฉีซานผู้นั้นแซ่ฉี เป็นจวี่เหริน[1] เนื่องจากเป็นคนไม่ทะเยอทะยาน จึงไม่ชอบเส้นทางขุนนาง หลังจากสอบติดจวี่เหรินก็ไม่ได้สอบเลื่อนระดับต่อ เพียงแต่เป็นคุณชายที่ทุกคนต่างนับถือในเมืองนี้ และเป็นบุคคลที่มีสถานะสูงสุดในพื้นที่ซิ่งฮวา
ฉินหลิวซีสุ่มเลือกชายชราตั้งแฝงขายของบนถนนมาถามถึงที่อยู่เรือนของฉีจวี่เหริน ชายชรายิ้มพลางกล่าวว่า “ตามถนนสายนี้เดินตรงไปจนสุดทาง เรือนสีขาวหลังคาสีดำตรงเนินเขาก็คือบ้านของเขา”
ฉินหลิวซีเอ่ยขอบคุณ สังเกตเห็นแผลพุพองบนข้อมือของชายชรา เมื่อเห็นนางมอง ชายชราก็ดึงแขนเสื้อลง
อาจารย์และลูกศิษย์เดินไปตามทางที่ได้รับการชี้แนะ ไม่ลืมที่จะสังเกตผู้คนในเมืองนี้ ล้วนเต็มไปด้วยชีวิตชีวา ยิ้มแย้มแจ่มใส ทุกคนเข้ากันได้ดีเป็นอย่างมาก เมื่อเห็นพวกเขาอาจารย์ลูกศิษย์ก็ยังพยักหน้าให้อย่างเป็นมิตร สายตาสงบนิ่งและอบอุ่นเป็นอย่างมาก
แต่สิ่งนี้กลับทำให้ทั้งสองคนรู้สึกแปลกมากยิ่งขึ้น
“ท่านอาจารย์…”
“ไม่เป็นไร มีอาจารย์อยู่” ฉินหลิวซียิ้มพลางตบบ่าเขาเบาๆ
ทั้งสองคนเดินไปจนถึงสุดถนน สิ่งที่เห็นเป็นต้นซิ่งไล่เรียงกัน เขียวชอุ่ม เต็มไปด้วยชีวิตชีวา พวกเขาสายตาดีมาก สามารถมองเห็นเรือนหลังหนึ่งที่ถูกรายล้อมไปด้วยต้นซิ่ง
“ไม่แปลกใจเลยที่เขามาที่นี่ หากดอกไม้ทั้งหมดบานสะพรั่งก็จะสวยงามอย่างไร้ที่ติจริงๆ” ฉินหลิวซีเอ่ยพลางหรี่ตา
หมู่บ้านนี้ตั้งชื่อตามต้นซิ่ง เป็นหมู่บ้านที่มีต้นซิ่งสมชื่อ บ้านเรือนก็สร้างได้อย่างสวยงาม ซ่อนอยู่ท่ามกลางต้นซิ่ง ไม่รู้ว่าดึงดูดความปรารถนาของปัญญาชนมาเท่าไหร่
อย่างเช่นตอนนี้ แม้ว่าจะปลายเดือนสี่แล้ว แต่ต้นไม้บางต้นยังคงมีดอกไม้อยู่ประปราย ยังไม่ได้เหี่ยวเฉาไปทั้งหมด เมื่อนึกถึงช่วงที่ออกดอกบานสะพรั่ง ช่างสวยงามยิ่งนัก!
แต่สถานที่ที่ยิ่งสมบูรณ์แบบมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งทำให้คนรู้สึกถึงความขัดแย้ง โดยเฉพาะผู้ที่ฝึกบำเพ็ญเต๋าอย่างพวกเขา ยิ่งรู้สึกว่าสถานที่แห่งนี้ราวกับถูกปกคลุมไปด้วยภาพลวงตา
เมื่อมาถึงเรือนของฉีจวี่เหริน มีเด็กน้อยอ้วนจ้ำม่ำกำลังเล่นก้อนหินอยู่หน้าประตู เมื่อเห็นฉินหลิวซีกับเถิงเจา สีหน้าก็เผยให้เห็นถึงความประหลาดใจ เอียงศีรษะพลางถามว่า “พวกท่านมาหาใครหรือ”
ฉินหลิวซีฉีกยิ้ม มือกุมท้องพลางเอ่ยถาม “พวกเราแค่ผ่านมา มีคนปวดหนัก ขอเข้าห้องส้วมได้หรือไม่”
เถิงเจามองนางอย่างเงียบๆ ไม่คิดว่าท่านอาจารย์จะมาไม้นี้ ทำอย่างตรงไปตรงมาไม่ได้หรือ
“ได้สิ” เด็กผมเปียถือก้อนหิน กล่าวว่า “พวกท่านตามข้ามาเถิด”
เขาไม่ได้เข้าไปในห้อง แต่อ้อมไปทางด้านกำแพง มุ่งหน้าไปทางด้านหลังเรือน บุ้ยปากพลางกล่าวว่า “โน่น นั่นคือห้องส้วม”
ฉินหลิวซีเหลือบมอง นั้นเป็นห้องส้วมที่ถูกแยกออกมา มีต้นซิ่งปลูกอยู่รอบๆ ไม่กี่ต้น ซ้ำยังมีผักเขียวขจีหลายแปลง
ดวงตาสวรรค์ของนางเปิดอยู่ สามารถมองเห็นทุกสิ่งได้ทันที ที่นี่ไม่มีวิญญาณร้าย
ฉินหลิวซีขมวดคิ้ว เดินเข้าไปในห้องส้วม กวาดตามอง แล้วเผายันต์หนึ่งแผ่น เรียกดวงวิญญาณของเหยียนฉีซานอย่างเงียบๆ
เขาไม่อยู่
ก็จริง ตายในห้องส้วม หากดวงวิญญาณยังคงวนเวียนอยู่ที่นี่ เกรงว่าแม้แต่ตัวเขาเองก็รังเกียจว่าสกปรก
มีเสียงคนดังมาจากข้างนอก
ฉินหลิวซีเดินออกมา เห็นเพียงเด็กอ้วนจูงปัญญาชนท่านหนึ่งเดินมา เรียกเขาว่าท่านปู่
“พวกเจ้าคือ?” ปัญญาชนเกล้าผมด้วยปิ่นไม้ สวมเสื้อคลุมสีพื้น มองสำรวจฉินหลิวซีกับเถิงเจา
ฉินหลิวซีมาอยู่ข้างเถิงเจา ยิ้มเล็กน้อยพลางเอ่ยถามว่า “เป็นฉีจวี่เหรินหรือ”
“ข้ามีนามเต๋าว่าปู้ฉิว นี่คือลูกศิษย์ของข้าเสวียนอี ได้ยินข่าวร้ายของท่านอาจารย์เหยียนจากทางด้านของท่านอาจารย์ จึงได้มาเคารพในสถานที่ที่เขาเสียชีวิต” ฉินหลิวซีเอ่ยอธิบาย
ฉีจวี่เหรินสีหน้ามืดมน มองไปทางห้องส้วม เม้มริมฝีปาก เอ่ยถามว่า “ท่านอาจารย์ของเจ้าคือ”
“เจ้าสำนักถังแห่งสำนักศึกษาจือเหอในเมืองหลี”
ฉีจวี่เหรินประหลาดใจ “เป็นลูกศิษย์ของจื่อสือหรือนี่”
ฉินหลิวซีพยักหน้า เอ่ยว่า “ผู้ประเสริฐก็รู้จักท่านอาจารย์หรือ”
“จะไม่รู้จักได้อย่างไร จะว่าไปแล้วก็ได้รู้จักเพราะจ้งชิง พวกเราไปสอบชดเชยด้วยกัน ก็นับว่ามีมิตรภาพต่อกัน” ฉีจวี่เหรินเอ่ยถาม “จื่อสือสบายดีหรือไม่”
“เมื่อได้ทราบข่าวร้าย ท่านอาจารย์ก็อาการป่วยกำเริบนอนรักษาตัวอยู่บนเตียง และข้าเองก็เคยมีวาสนาได้เจอกับท่านอาจารย์เหยียน จึงได้มาที่นี่ ไม่ทราบว่าท่านอาจารย์เหยียนได้เสียชีวิตที่ห้องส้วมแห่งนี้หรือไม่”
“ใช่แล้ว” ฉีจวี่เหรินแสร้งทำเป็นเชื้อเชิญอย่างกระตือรือร้น “มิสู้พวกเจ้าตามข้าเข้าไปในห้องจิบชาพักผ่อนสักหน่อย”
ฉินหลิวซีนึกบางอย่างขึ้นมา “เช่นนั้นก็รบกวนท่านแล้ว”
ตระกูลฉีไม่ใหญ่ เป็นจวนที่มีสองทางเข้า จัดการได้สะอาดสะอ้าน ฉีจวี่เหรินมีบุตรชายหนึ่งคนและบุตรสาวอีกหนึ่งคน บุตรสาวได้แต่งงานไปนานแล้ว บุตรชายคนโตให้กำเนิดหลานชาย ก็คือฉีเสี่ยวเป่า เด็กอ้วนที่ฉินหลิวซีเห็น
ฉินหลิวซียกถ้วยชา มีดอกซิ่งลอยอยู่ในถ้วยน้ำชาสองดอก นางมองไปยังฉีจวี่เหริน กล่าวว่า “เมืองซิ่งฮวาไม่เพียงแต่มีชื่อเสียงเรื่องดอกซิ่ง แม้แต่ชาก็ยังเป็นดอกซิ่งด้วยหรือ”
ฉีจวี่เหรินยิ้มเล็กน้อย “ใช่แล้ว ทุกสิ่งที่นึกขึ้นได้ ล้วนกลายเป็นของกิน เหล้าดอกซิ่ง ขนมดอกซิ่ง ชาดอกซิ่ง ขนมดอกซิ่งอบกรอบ และอื่นๆ นับว่าเป็นผลผลิตเฉพาะของเมืองซิ่งฮวาของพวกเราด้วย”
“พวกเราเดินมาตลอดทาง ผู้คนที่ได้พบเห็นใบหน้าต่างก็เต็มไปด้วยรอยยิ้ม มีความสุข ราวกับไม่มีเรื่องให้กังวลแม้แต่นิด ไม่ว่าอะไรก็พึงพอใจทำให้รู้สึกอิจฉา”
ฉีจวี่เหรินเอ่ยว่า “เพราะว่าเขตซิ่งฮวาสามารถพึ่งพาตัวเองได้ และยังสามารถส่งออกได้ คนในเขตซิ่งฮวาของพวกเราไม่ได้มีจิตใจทะเยอทะยานที่ยิ่งใหญ่ ชีวิตสงบสุขและสะดวกสบายโดยปราศจากการแก่งแย่งชิงดีคือสิ่งที่พวกเราปรารถนาในชีวิต จิตใจปราศจากความเห็นแก่ตัวย่อมพึงพอใจ”
ฉินหลิวซีถอนหายใจเบาๆ “เมืองซิ่งฮวาไม่ได้หลบซ่อนอยู่ในแดนสวรรค์ แต่กลับดูเหมือนจะเป็นเมืองที่ออกห่างจากทางโลก”
ฉีจวี่เหรินหัวเราะ “ไม่สนใจว่าใครจะเป็นอย่างไร ทำตัวเองให้ดีที่สุดก็พอ”
“เช่นนั้นชาวเมืองที่อยู่ที่นี่ล้วนเป็นชาวเมืองดั้งเดิมหรือ” ฉินหลิวซีถามด้วยความอยากรู้ “หากคนนอกมา พวกเขาล้วนไม่อยากจากไปใช่หรือไม่”
“แน่นอนว่ามีผู้ที่ไม่อยากจากไป แต่ไม่ใช่ทุกคนที่จะปราศจากความทะเยอทะยานและพันธนาการ” ฉีจวี่เหรินมองไปยังฉินหลิวซี “อย่างนักพรตน้อยเช่นเจ้า มาแล้วอยากจะกลับไปหรือไม่”
ฉินหลิวซียื่นปลายนิ้วไปเขี่ยดอกซิ่งในถ้วยชาเล่น เอ่ยว่า “หากอยากอยู่ก็จะอยู่ได้หรือ”
ข้างนอก ทันใดนั้นพระอาทิตย์ตกดิน เถิงเจาขนลุกไปทั้งตัวในทันที มองออกไปข้างนอก ประหลาดใจเป็นอย่างมาก จู่ๆ ท้องฟ้าก็มืดลง
“พวกเจ้าไม่ควรมาที่นี่” ฉีจวี่เหรินถอนหายใจ
[1]จวี่เหริน บุคคลที่สอบได้ตำแหน่งบัณฑิตระดับชุมชน