คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า - ตอนที่ 933 แย่งกระดูกมาเผาทิ้ง
ตอนที่ 933 แย่งกระดูกมาเผาทิ้ง
ทันทีที่กระจกดูดวิญญาณเฉียนคุนของฉินหลิวซีออกมา แสงสีทองสาดส่องดวงวิญญาณ ส่องทะลุดวงวิญญาณของฉีจวี่เหรินจนสั่นสะท้าน ใช้แขนเสื้อยกขึ้นบังหน้า ถอยหลังหลายก้าว ระดมพลังทั้งหมดปกป้องตัวเอง
เถิงเจาเห็นดังนั้นก็ท่องคาถา กระบี่เจ็ดดาวในมือฟาดไปที่เขา
ฉินหลิวซีไม่ได้ขวาง ให้ความร่วมมือกับเขา หากลูกนกอินทรีต้องการจะเป็นอินทรีล่าเหยื่อ จะเอาแต่นอนจิกขนอยู่ในรังไม่ได้ จำเป็นต้องไปจากปีกของแม่นกอินทรี เรียนรู้ที่จะล่าเหยื่อจึงจะเติบโต
อาจารย์และลูกศิษย์ช่วยกันโจมตี ฉีจวี่เหรินไม่มีทางเลือก ส่งเสียงร้อง วิญญาณแค้นเหล่านั้นพากันกรูมาทางด้านนี้
รุมทำร้าย ใครบ้างทำไม่เป็น
ฉีจวี่เหรินแสยะยิ้ม มือทั้งสองข้างมีกลุ่มไฟปรากฏขึ้นมา กล่าวว่า “พวกเราไม่ได้มีเจตนาจะต่อสู้กับคน แต่พวกเจ้ากลับรนหาที่ตายเอง เช่นนั้นก็อยู่กับพวกเราเถอะ”
กลุ่มไฟพุ่งไปที่ทั้งสองคน เปลวไฟสีดำแดง แฝงไว้ด้วยพลังแค้นและพลังชั่วร้ายอย่างรุนแรง ความร้อนของมันราวกับสามารถแผดเผาเส้นขนบนใบหน้าของพวกเขาได้
แตกต่างจากภาพลวงตาในตอนกลางวัน ตอนนี้เป็นเวลากลางคืน ฉินหลิวซีสามารถมองเห็นบาปกรรมของที่นี่ได้ในทันที ซ้ำยังมีกลุ่มไฟนี้ นอกจากแฝงไว้ด้วยความขุ่นเคืองและความชั่วร้ายแล้ว ยังมีพลังของกระดูกพุทธะชิ้นนั้นอีกด้วย
คลื่นความร้อนนั้น ไฟสีแดงดั่งเลือด และท่ามกลางแสงเลือด มีอักขระนับหมื่นกดทับเข้ามา อักขระแต่ละตัวมีเสียงดังหึ่งๆ สั่นสะท้านประสาทสัมผัสทั้งห้าจนเจ็บปวด
เถิงเจาสีหน้านิ่ง ปาดคาบเลือดที่ไหลออกมาจากมุมปาก ปิดประสาทสัมผัสทั้งห้าด้วยสีหน้าซีดเซียว จากนั้นก็โยนยันต์บทสวดเทพจินกวงออกไป
ฉินหลิวซีป้องกันคาถาด้วยมือทั้งสองข้าง กลุ่มไฟร่วงลงแทบเท้าของพวกเขา กระจายหายไปเอง ก่อนจะก่อตัวเป็นวงกลม ล้อมพวกเขาไว้ข้างใน
และในขณะเดียวกัน วิญญาณแค้นเหล่านั้นก็ได้ลอยมาแล้ว
ปังๆๆ
ฉินหลิวซีโยนยันต์ห้าสายฟ้าออกไปหลายแผ่น ตกลงบนวิญญาณแค้น ระเบิดจนพวกเขากรีดร้องด้วยความเจ็บปวด
ฉีจวี่เหรินโกรธจนแทบจะระเบิด เขาประเมินเด็กน้อยสองคนนี้ต่ำไป
“ทำร้ายคนเผ่าข้า ตายซะเถิด!” ฉีจวี่เหรินกางมือทั้งสองข้าง พลังแค้นของทั้งเมืองซิ่งฮวามารวมตัวที่เขา ความขุ่นเคืองพุ่งทะยานสู่ท้องฟ้า กลายเป็นเสาหนึ่งต้นทะลุขึ้นไปจนถึงก้อนเมฆ
ผีโหยหวน หมาป่าหอน ใจเต้นตุ๊มๆ ต่อมๆ
ฉินหลิวซีเห็นใบหน้าที่บิดเบี้ยวของวิญญาณแค้นเหล่านั้น ความขุ่นเคืองในตอนแรกไม่ได้รุนแรงนัก แต่ตอนนี้ถูกฉีจวี่เหรินเอาไปใช้ ความขุ่นเคืองกลับรุนแรงมากยิ่งขึ้น
ทะนงตนเห็นแก่ตัว!
“ไม่ต้องออมมือ ใช้ยันต์” ฉินหลิวซีดันเถิงเจา ให้เขาไปต่อกรกับวิญญาณแค้นเหล่านั้น ส่วนนางใช้มือทั้งสองข้างร่ายคาถา ขับเคลื่อนกระจกดูดวิญญาณ โจมตีดวงวิญญาณ!
ฉีจวี่เหรินกลัวกระจกดูดวิญญาณนี้เป็นอย่างมาก ทันทีที่มันออกมา พลังของเขาก็ถูกปราบปรามอีกครั้ง ดวงวิญญาณถูกกัดกิน
“ส่งกระดูกชิ้นนั้นมา”
“ไม่มีทาง!” ฉีจวี่เหรินดวงตาเต็มไปด้วยความโกรธ “เจ้าก็เหมือนกับนายอำเภอเหลียงที่สมควรตายผู้นั้น ความจริงแล้วต้องการจะทำลายชีวิตอันสงบสุขของพวกเรา เจ้าคิดจะทำลายเทพผู้พิทักษ์ของพวกเรา”
เขาสามารถควบคุมภาพลวงตาการมีอยู่จริงของเมืองซิ่งฮวาได้โดยอาศัยกระดูกโบราณประหลาดชิ้นนั้นจากต้นซิ่งหลายร้อยปีตกลงสู่ตัวของเขา ซ่อนความทรงจำจากประสาทสัมผัสของผู้คนที่บุกเข้ามาในเมืองซิ่งฮวา
ในการรับรู้ของคนภายนอก มีสถานที่ที่เรียกว่าเมืองซิ่งฮวา แต่ไม่ค่อยถูกผู้คนพูดถึง มันเหมือนกับหมู่บ้านที่ถูกลืม แต่มันมีอยู่จริง แต่ความทรงจำถูกทำให้เลือนราง ไม่มีคนพูดถึงและนึกขึ้นมา และยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าไม่มีใครรู้ว่ามันเป็นหมู่บ้านผีสิง เมื่อมีคนบุกเข้าไปโดยบังเอิญ มันก็จะเปิดประตูต้อนรับอำนวยความสะดวก
และบางคนที่มาที่นี่ก็ไม่สามารถจากไปได้แล้ว กลายเป็น ‘คนมีความสุข’ ของหมู่บ้านแห่งนี้ ต้อนรับคนนอกด้วยรอยยิ้มอันพึงพอใจ
ดังนั้นการที่มันหลบซ่อนการมีอยู่ได้ ทั้งหมดเป็นเพราะพลังที่กระดูกชิ้นนี้มอบให้ หากให้ไป จะไม่เหมือนกับหมู่บ้านที่ถูกสังหารในเมื่อก่อน หายไปอย่างสิ้นเชิงหรอกหรือ
หากฉินหลิวซีอยากจะแย่งกระดูก ก็ข้ามศพเขาไปก่อน!
“มันไม่ใช่เทพผู้พิทักษ์อะไรนั่น มันเพียงแค่ทำให้เจ้าลุ่มหลง เป็นสิ่งชั่วร้ายที่ดึงความปรารถนาที่มืดมนที่สุดในหัวใจของเจ้าออกมา” หางตาของฉินหลิวซีเห็นว่ากำลังของเถิงเจาไม่พอ จึงดึงหินเก้าตาออกมาจากคอแล้วโยนออกไป
พลังของราชาเทพปรากฏออกมา วิญญาณทั้งหมดคุกเข่าลง ไม่กล้าก่อกบฏ
ฉินหลิวซีเอ่ย่ว่า “แม้ว่าจะมีความแค้นและไม่เต็มใจ แต่คนก็เลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องตายและเข้าสู่การเวียนว่ายตายเกิด นั่นเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ เจ้ากลับกักขังพวกเขาไว้ที่นี่เป็นเวลาหลายสิบปี ในตอนกลางวันใช้สิ่งที่เรียกว่าความสงบสุขและภาพลวงตามาบดบังพวกเขา บดบังโลกภายนอก ในตอนกลางคืนกลับทำให้พวกเขาต้องหวนคืนสู่ค่ำคืนแห่งความสิ้นหวังที่ถูกแผดเผาด้วยเปลวไฟอีกครั้ง วันแล้ววันเล่า มันโหดร้ายขนาดไหน เจ้าเคยถามหรือไม่ว่าพวกเขาต้องการความสุขจอมปลอมเช่นนี้หรือไม่ ทุกอย่างล้วนเป็นเพียงความเห็นแก่ตัวและความปรารถนาของเจ้าฝ่ายเดียว”
ฉีจวี่เหรินตัวแข็งทื่อ มองไปยังชาวบ้านเหล่านั้น เผชิญหน้ากับพลังของหินเก้าตาที่พุ่งออกมา พวกเขาสีหน้าหวาดกลัว แต่สิ่งที่มากกว่านั้นคือการปลดปล่อยอันแรงกล้า
จะพลาดโอกาสไม่ได้
อาศัยโอกาสที่ฉีจวี่เหรินจิตใจไม่มั่นคง ฉินหลิวซีใช้กระจกดูดวิญญาณดูดกลืนเขาเข้าไปอย่างสมบูรณ์ ภายในกระจกดวงวิญญาณของฉีจวี่เหรินบิดเบี้ยวอย่างรุนแรง กระจกสั่นไม่หยุด
“ท่านปู่” มีเสียงคนกรีดร้องดังขึ้น
เป็นฉีเสี่ยวเป่าเด็กอ้วนผู้นั้น เขาในเวลานี้ไม่ได้น่ารักเหมือนตอนกลางวัน ผิวหนังยับเยิน ฉีกขาด หน้าตาเละเทะ
ฉินหลิวซีใจเต้นแรง ถอยหายใจ ปล่อยฉีจวี่เหรินออกมาอีกครั้ง
“ท่านปู่” ฉีเสี่ยวเป่ากอดฉีจวี่เหรินที่อ่อนแอจนแทบจะหายไปพลางร้องไห้เสียงดัง
ฉีจวี่เหรินรีบเอ่ยปลอบโยน “ไม่เป็นไร ปู่ไม่เป็นไร เสี่ยวเป่าไม่ต้องกลัว”
เขามองไปยังฉินหลิวซี ใบหน้าเผยให้เห็นถึงความระมัดระวังและความเกลียดชัง
“มอบของสิ่งนั้นมาแล้วไปเกิดใหม่ซะ” ฉินหลิวซีชี้ไปที่ฉีเสี่ยวเป่า “เจ้าในฐานะท่านปู่ เหตุใดจึงได้ทนมองดูหลานชายท่าทางน่าสงสารเช่นนี้ทุกคืนได้ ต้องดูเขาตายอย่างอนาถซ้ำแล้วซ้ำเล่า”
ฉีจวี่เหรินกอดเสี่ยวเป่าไว้ในอ้อมแขน เมื่อเห็นเขาเงยหน้า ชิ้นเนื้อร่วงหล่น เลือดหลั่งไหล ในใจรู้สึกเจ็บปวดทันที
“ชาวบ้านในซิ่งฮวานั้นเป็นผู้บริสุทธิ์ เดิมทีพวกเขาก็ตายอย่างอนาถ ควรจะบรรเทาความแค้นแล้วเข้าสู่การเวียนวายตายเกิด ไปเกิดใหม่อีกครั้ง แต่เจ้ากลับบังคับกักขังพวกเขาไว้ที่นี่ให้พวกเขาตายอย่างน่าอนาถซ้ำแล้วซ้ำเล่าทุกคืนเพื่อสิ่งที่เรียกว่าภาพลวงตา นอกจากจะทำให้พลังแค้นของพวกเขาเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ แล้ว ก็ยังเพิ่มบาปกรรมที่ดูดกลืนวิญญาณ แล้วจะยังมีประโยชน์อะไรอีก” ฉินหลิวซีเอ่ยเสียงเรียบว่า “ผู้ที่ได้รับความเดือดร้อนไม่ได้รับการบรรเทา แต่กลับต้องทนทุกข์ครั้งแล้วครั้งเล่า นี่มันสมเหตุสมผลหรือ เมืองซิ่งฮวาไม่ใช่นรกไฟกรรมนรก แต่เจ้ากลับเปลี่ยนให้มันกลายเป็นไฟกรรมนรก ให้พวกเขาทนต่อความเจ็บปวดที่ถูกแผดเผาซ้ำแล้วซ้ำเล่า เจ้าชั่วร้ายยิ่งกว่านายอำเภอเหลียงชาติสุนัขผู้นั้นเสียอีก!”
เจ้า ชั่วร้ายยิ่งกว่าขุนนางชาติสุนัขเสียอีก!
ฉีจวี่เหรินตัวสั่น มองฉินหลิวซีอย่างว่างเปล่า จากนั้นก็มองไปยังชาวบ้านที่อยู่ข้างหลังเขา
บ้างก็ด้านชา บ้างก็ดุร้าย บ้างก็เกลียดชัง บ้างก็หวาดกลัว ทุกใบหน้าราวกับมีความรู้สึกต่างๆ นานา กำลังซักถามเขาอย่างเงียบๆ ว่า ทำไมกัน
เขาผิดไปแล้วหรือ
“ท่านปู่ เสี่ยวเป่าเจ็บ”
ฉีจวี่เหรินน้ำตาไหลออกมาเป็นสายเลือด เงยหน้าขึ้นสู่ท้องฟ้าพลางร้องคร่ำครวญ กระดูกขาชิ้นหนึ่งลอยออกมาจากดวงวิญญาณของเขา เปล่งแสงสีแดงประหลาด
และทันทีที่กระดูกพุทธะออกมา ม่านอาคมในที่แห่งนี้ราวกับถูกพังทลายลง เริ่มเปลี่ยนไปทีละน้อย เงียบเหงา รกร้าง ผุพัง วิญญาณถูกปลดปล่อยในเวลากลางคืน สับสนมึนงง
ฉินหลิวซีคว้ากระดูกขาชิ้นนั้นไว้ พลังดุร้ายพันรอบมือของนางในทันที กระตุ้นความปรารถนาในก้นบึ้งหัวใจของนาง ให้พลังอันสูงสุดแก่นาง หลอมรวมเข้ากับมัน และจมไปกับมัน
พรึบ
กลุ่มเปลวไฟพุ่งออกมาจากฝ่ามือของนาง ห่อหุ้มแผดเผามันจนกลายเป็นเถ้าถ่าน
พลังของมัน นางดูแคลนยิ่งนัก!