คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า - ตอนที่ 935 ดวงจิตไม่มั่นคง ช่วยสังหารเทพได้หรือไม่
- Home
- คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า
- ตอนที่ 935 ดวงจิตไม่มั่นคง ช่วยสังหารเทพได้หรือไม่
ตอนที่ 935 ดวงจิตไม่มั่นคง ช่วยสังหารเทพได้หรือไม่
ฉินหลิวซีกับเถิงเจากลับออกไปจากเมืองซิ่งฮวา แต่ก็ไม่ได้รีบร้อนกลับไปนัก ใช้ถนนทางการมุ่งหน้าไปยังเมืองถัดไป ไม่มีรถม้าสำหรับเดินทาง นางจึงต้องใช้คาถาหนึ่งวันพันลี้ จนกระทั่งมาถึงเมืองถัดไปจึงได้แอบคำนวณเวลา พบว่าเมืองซิ่งฮวาแห่งนั้นค่อนข้างห่างไกล ห่างจากเมืองนี้สองถึงสามชั่วยาม
นางหาคนผ่านไปมาสองคนมาถามว่ารู้จักเมืองซิ่งฮวาหรือไม่
“เมืองซิ่งฮวา มีเมืองนี้ด้วยหรือ” หนึ่งในนั้นพยายามนึกอย่างถี่ถ้วน
“ดูเหมือนว่าจะมี” อีกคนคิดอยู่ครู่หนึ่ง เอ่ยว่า “ดูเหมือนจะมีคนเคยพูดถึง แต่ข้าก็ไม่รู้ว่าไปอย่างไร”
ฉินหลิวซีเอ่ยขอบคุณ ทั้งสองคนเดินจากไป มีเสียงพูดขึ้นมาว่า “ไม่มีเมืองซิ่งฮวา แต่มีหมู่บ้านซิ่งฮวา แต่ว่าไม่เหลือแล้ว ถูกเผาไปจนหมดแล้ว”
เถิงเจาหันกลับมา เห็นเป็นขอทานเฒ่าพิการถือไม้เท้าและชามแตกหัก จึงหยิบเศษเงินจากกระเป๋าที่เอวใส่ลงในชาม
ขอทานเฒ่าอุทาน หรี่ตามองเถิงเจา ยิ้มพลางเอ่ย “ขอบคุณนักพรตน้อยผู้มีเมตตา”
ฉินหลิวซีก้าวไปข้างหน้าพลางถามว่า “ท่านผู้เฒ่ารู้จักหมู่บ้านซิ่งฮวา?”
“เป็นเรื่องเมื่อหลายสิบปีก่อนมาแล้ว คนรุ่นหลังย่อมไม่รู้ คนรุ่นก่อนไหนเลยจะรู้ได้ นั่นเป็นหมู่บ้านที่ปลูกต้นซิ่ง เมื่อต้นซิ่งออกดอกนั้นงดงามอย่างมาก ได้ยินมาว่าเกิดไฟไหม้ในฤดูใบไม้ร่วง สถานที่แห่งนั้นถูกไฟเผาในชั่วข้ามคืน ช่างน่าสังเวชจริงๆ” ขอทานเฒ่าถอนหายใจ
“ก็เลยไม่มีใครรู้การมีอยู่ของสถานที่แห่งนั้น?”
“การมีอยู่?” ขอทานเฒ่าส่ายหน้า “ไม่มีทาง ชายชราอย่างข้าก็เคยไป ทุกอย่างถูกเผาไม่เหลือซาก ไหนเลยจะมีอยู่ หากบอกว่ามันยังมีอยู่ เช่นนั้นก็คงเห็นผีแล้วกระมัง แต่ก็เป็นเรื่องปกติ ตายกันทั้งหมู่บ้าน ไม่เห็นผีสิจึงจะไม่ปกติ!”
ฉินหลิวซียกริมฝีปาก “ต่อไปไม่มีอีกแล้ว”
“หา?”
ฉินหลิวซีโค้งคำนับเขา จากนั้นก็พาเถิงเจาไปที่ร้านเช่ารถม้า ไม่ได้ถามเรื่องเมืองซิ่งฮวาอีก
“ท่านอาจารย์ พวกเราไม่ต้องถามต่อไปแล้วหรือ”
“ถามแล้วจะอย่างไร อย่างที่ขอทานเฒ่าผู้นั้นเอ่ย คนที่สัมผัสได้ถึงการมีอยู่ของมัน ล้วนเป็นแขกที่เข้าไปพบโดยบังเอิญ เข้าไปในหมู่บ้านผีสิง ผู้ที่โชคดี เมื่อออกมาแล้ว พวกเขาย่อมรู้ถึงการมีอยู่ของมัน ผู้ที่โชคร้ายก็จะอยู่ที่นั่นกลายเป็นชาวเมืองคอยหลอกล่อคนนอก”
ฉินหลิวซีเอ่ยเสียงเรียบว่า “ไม่มีกระดูกพุทธะแล้ว พลังในการค้ำจุนภาพลวงตาก็หายไปแล้วเช่นกัน ไม่จำเป็นต้องถามอีก เมืองซิ่งฮวาไม่มีอยู่อีกต่อไป มันมีอยู่เพียงในความทรงจำที่คลุมเครือเท่านั้น หากไม่พูดถึงก็จะนึกไม่ออก บางทีวันหนึ่งในภายภาคหน้า ที่นั่นอาจจะมีต้นซิ่งขึ้นมาใหม่อีกครั้ง มีคนตั้งรกรากอยู่ในที่เก่า เมืองซิ่งฮวาใหม่ก็จะปรากฏขึ้นในสายตาของผู้คนอีกครั้ง”
“เช่นนั้นท่านอาจารย์เหยียนก็ตายอย่างไม่ยุติธรรมแล้ว” เถิงเจาเม้มริมฝีปาก
ฉินหลิวซีก้มหน้า จับขวดหล่อเลี้ยงวิญญาณที่เอว บางทีเขาอาจจะเสียชีวิตจากการที่หยางในตับมากเกินไปจริงๆ ทำให้ล้มลงเนื่องจากขาดเลือดไปหล่อเลี้ยงสมอง แต่สิ่งที่ทำให้นางรู้สึกเป็นกังวลก็คือความทรงจำของเขา มีความสับสนและขาดหายไปอยู่บ้าง ดังนั้นนางจึงยังไม่ให้เขาไปเกิดใหม่เป็นการชั่วคราว
รถม้าแล่นไปตามทางจนไปถึงทะเลสาบลวี่หูในอวี๋หัง
และในเวลานี้ได้มีเงาจางๆ ปรากฏตัวที่ตำแหน่งเดิมของเมืองซิ่งฮวา มองดูสถานที่อันเงียบงัน มีลมพัดมา พัดเอาทรายและฝุ่นบนพื้นดินไป
เงาวิญญาณเงื้อมือขึ้น สัมผัสถึงขี้เถ้าที่ปะปนอยู่ในทราย ยกมุมปากอย่างเย็นชา “เคลื่อนไหวเร็วเสียจริง”
ทำตัวเป็นศัตรูกับเขาครั้งแล้วครั้งเล่า ตามติดเป็นเห็บหมัด น่ารำคาญจริงๆ
ฉินหลิวซีลืมตาขึ้นในรถม้า มองไปข้างนอกรถ กดที่หน้าอก ระงับอาการใจสั่นที่เกิดขึ้นมาอย่างกะทันหัน
…
ทะเลสาบลวี่หู อวี๋หัง
ฉินหลิวซีมาที่ศาลเทพเจ้าน้ำ ไม่ต้องรอให้นางอัญเชิญ เฟิงปั๋วก็ปรากฏตัวแล้ว เพียงแต่ทันทีที่ปรากฏตัว ก็ทำเอานางตกใจ
“เกิดอะไรขึ้นกับดวงจิตของท่าน” ดวงจิตของเฟิงปั๋วดูอ่อนแอและไม่มั่นคงเป็นอย่างมาก ราวกับว่ากำลังจะสลายไป นี่มันผิดปกติ ศาลเทพเจ้าน้ำแห่งนี้ทำได้ดีมาก และมีชื่อเสียงมากในท้องถิ่น ราษฎรที่มาสักการะบูชาก็มีมากมาย ทำให้มีความศรัทธาเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ เขาก็ควรจะแข็งแกร่งมากขึ้นเรื่อยๆ สิ
แต่ความจริงก็คือ ดวงจิตไม่มั่นคง
ผู้ฝึกบำเพ็ญเต๋ารู้ดี พวกเทพภูเขาเทพน้ำทั้งหลายเหล่านี้ ล้วนดำรงอยู่ได้ด้วยความศรัทธา เมื่อสูญเสียความศรัทธา พวกเขาก็จะสลายไป
ในฐานะเทพเจ้าน้ำแห่งทะเลสาบลวี่หูแห่งนี้ เฟิงปั๋วได้กลายเป็นครึ่งเทพโดยบังเอิญ แต่สิ่งที่เขาต้องการก็คือความศรัทธาเช่นกัน หากสูญเสียไป เขาก็จะไม่ใช่เทพอีกต่อไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อกระดูกพุทธะอยู่ในดวงวิญญาณของเขา หากไม่มีบุญกุศลและศรัทธาคุณธรรม กระดูกพุทธะจะโจมตีกลับหรือไม่ก็ยังไม่รู้
ตอนนี้ ควันธูปของศาลเทพเจ้าน้ำไม่เคยขาด แต่ดวงจิตของเขากลับไม่มั่นคง ซึ่งค่อนข้างประหลาดอยู่บ้าง
“ไม่รู้เหมือนกัน ข้าพบว่าพลังความศรัทธาของข้ากำลังสูญเสียไป” เฟิงปั๋วขมวดคิ้วพลางเอ่ยว่า “ไม่ว่าข้าจะดูดซับพลังศรัทธาได้มากแค่ไหน พวกมันก็หลั่งไหลออกไป ตกลงไปไม่ถึงดวงจิต ในทางตรงกันข้าม ดวงจิตของข้ากลับมีความดุร้ายเล็กน้อย รู้สึกเหมือนปรารถนาจะสูญเสียการควบคุม”
ฉินหลิวซีขมวดคิ้ว “ปรารถนาจะสูญเสียความควบคุมหมายความว่าอย่างไร”
“มีความรู้สึกปรารถนาที่จะทำลายแผ่นดินนี้ ยิ่งควบคุม พลังศักดิ์สิทธิ์ที่ถูกใช้ก็สูญเสียไปอย่างรวดเร็ว” เฟิงปั๋วเอ่ยด้วยใบหน้าตึงเครียดว่า “ข้าสงสัยว่าจะเป็นเพราะกระดูกพุทธะชิ้นนั้น”
“หืม?”
“เมื่อไหร่ก็ตามที่ข้าควบคุม มันก็มีความรู้สึกว่าต้องการจะออกไปจากดวงจิตและเป็นปฏิปักษ์กับข้า ยิ่งต่อต้านข้าก็ยิ่งอ่อนแอ”
ฉินหลิวซีมองไปยังกระดูกขาของเขาด้วยท่าทางครุ่นคิด
“ข้าไม่สามารถดูดซับพลังแห่งความศรัทธาได้ ซ้ำยังต้องมาควบคุมความปรารถนานี้ ตอนนี้ข้าอาจจะยังสามารถควบคุมได้ หากวันหนึ่งข้าทำไม่ได้แล้ว แต่กลับถูกควบคุมแทน ข้าจะกลายเป็นมารเอ้อฝูตนนั้นหรือไม่”
ฉินหลิวซีเงยหน้าขึ้น “เหตุใดจึงได้คิดเช่นนี้”
เฟิงปั๋วลูบขา เอ่ยว่า “เพราะมีบางช่วงที่ข้าอยากจะปล่อยไปตามอิสระ”
ฉินหลิวซีคิดถึงความปรารถนาที่เกิดขึ้นตอนที่นางถือกระดูกพุทธะเอาไว้ เป็นพลังนั่นที่ต้องการดึงนางให้จมลง ร่วมมือกับมัน อยากให้นางเป็นพวกเดียวกัน
ผ่านไปแล้วหลายพันปี พลังที่เหลืออยู่ของกระดูกพุทธะยังคงแข็งแกร่งเช่นนี้ เช่นนั้นเมื่อถึงจุดสูงสุด เขาจะแข็งแกร่งแค่ไหน เมื่อในเวลานั้นพลังวิญญาณเต็มเปี่ยม การโบยบินขึ้นสู่ความเป็นเทพก็เหลือเพียงแค่ก้าวเดียวแล้วใช่หรือไม่
“ท่านสามารถนำมันออกมาได้หรือไม่” ฉินหลิวซีเอ่ยถาม
เฟิงปั๋วตกตะลึง เขาค่อยๆ หลับตาลง กำหนดความคิดขึ้นมา ต้องการจะเอากระดูกพุทธะชิ้นนั้นออกมาจากดวงจิต
จากนั้น เมื่อเขานำมันออกมา ดวงจิตของเขาก็ยิ่งอ่อนแอลงเรื่อยๆ อยากจะสลายไป
เมฆดำทมิฬปกคลุมท้องฟ้า ผิวน้ำสั่นสะเทือน
“ท่านอาจารย์” เถิงเจามองไปยังทะเลสาบลวี่หู สีหน้าตกใจกลัว
ฉินหลิวซีกวาดตามอง น้ำในทะเลสาบลวี่หูสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว สั่นสะเทือน มีเรือสำราญลำหนึ่งจอดอยู่ที่ทะเลสาบซึ่งอยู่ไม่ไกล มีเสียงกรีดร้องในเรือ มีเสียงคนตกลงไปในน้ำตะโกนร้องขอความช่วยเหลือ ใต้ทะเลสาบลวี่หู ราวกับเกิดแผ่นดินไหว ปลาหงายท้องตาย
มีราษฎรคุกเข่าลงริมทะเลสาบเพื่อบูชาเทพเจ้าน้ำ สีหน้าเต็มไปด้วยความหวาดกลัว
ฉินหลิวซีรีบหยุดไม่ให้เฟิงปั๋วดึงกระดูกพุทธะออกมา
เฟิงปั๋วลืมตาขึ้น ดวงจิตอ่อนแอลงเรื่อยๆ แสงสีทองแห่งบุญกุศลบนร่างกายก็จางลงเล็กน้อย
ฉินหลิวซีนึกบางอย่างขึ้นมาได้ในทันที เขาเป็นเทพเจ้าน้ำได้เพราะได้รับกระดูกพุทธะ หลอมรวมพลังเข้าด้วยกัน จึงสามารถช่วยผู้คน ได้รับบุญกุศลกลายเป็นครึ่งเทพ หากเอากระดูกพุทธะนี้ออกไป เช่นนั้นเขายังจะเป็นครึ่งเทพอยู่หรือ
ไม่ หากเอาออกไป ด้วยดวงจิตที่อ่อนแอจนแทบจะสลายของเขา ยังจะเป็นครึ่งเทพได้อยู่หรือ
หากปล่อยไว้ เขาไม่เพียงแต่ไม่สามารถดูดซับพลังแห่งความศรัทธาได้ เอากระดูกพุทธะออกทะเลสาบลวี่หูก็จะปั่นป่วน ซ้ำเขายังต้องควบคุมการโจมตีกลับของกระดูกพุทธะ เมื่อควบคุมไว้ไม่ได้แล้ว เขาจะเป็นเฟิงปั๋วเทพเจ้าน้ำ หรือเป็นมารเอ้อฝูซื่อหลัว
กลืนไม่เข้าคายไม่ออก
“นางหนู เจ้าสามารถสังหารข้าด้วยตัวเองได้หรือไม่” เฟิงปั๋วมองนาง น้ำเสียงลุ่มลึก
ฉินหลิวซีสายตาจับจ้อง สังหารเทพหรือ