คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า - ตอนที่ 938 มีคนมาสร้างสถานการณ์อ้างเอาเงิน?
ตอนที่ 938 มีคนมาสร้างสถานการณ์อ้างเอาเงิน?
ไม่ใช่ว่าเหนียนโหย่วเหวยตั้งใจจะชื่นชมฉินหลิวซี แต่เขารู้สึกชื่นชมจากก้นบึ้งของหัวใจ อีกฝ่ายอายุไม่ถึงยี่สิบปี แต่กลับตื่นรู้ได้เช่นนี้ นางสายตากว้างไกลเป็นอย่างมาก
ลองคิดดู แต่ละอาชีพมีแนวทางของตัวเอง ขุนนางก็มีกฎเกณฑ์ของขุนนาง ซ้ำสิ่งที่สำคัญคือเส้นสาย และพวกวัดวาอารามเหล่านั้น สิ่งที่สำคัญคือความศักดิ์สิทธิ์กับควันธูปว่าเจริญรุ่งเรืองหรือไม่ อย่างไรเสียการมีอยู่ของพวกมัน ก็ต้องอาศัยควันธูปสักการะบูชา หากไม่มี แล้ววัดวาอารามจะดำเนินต่อไปได้อย่างไร
ล้วนกล่าวกันว่าวัดวาอารามเชื่อมโยงกับเทพ ผู้ที่ออกบวชนั้นปลีกตัวออกจากทางโลก แต่กลับมีความเกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิดกับทางโลก แยกออกจากกันไม่ได้
ควันธูปรุ่งเรือง วัดวาอารามก็จะรุ่งโรจน์
แต่สำหรับขุนนางและผู้ที่มีแผนการใหญ่ ใครบ้างไม่รู้ว่าหากต้าเฟิงสร้างวัดวาอาราม จะเกิดความเสียหายอันใหญ่หลวงต่อการดำรงชีวิตของราษฎรอย่างไร ใช่ว่าในบันทึกประวัติศาสตร์ไม่ได้เขียนไว้ ฮ่องเต้องค์หนึ่งแสวงหาความเป็นอมตะ สร้างวิหารเซียนเพื่อปรุงยา ซ้ำยังได้สร้างหอพระ สิ่งเหล่านี้ล้วนได้รับการสนับสนุนจากราษฎร ยิ่งงดงามและมีราคาแพงมากเท่าไหร่ก็ยิ่งใช้ทรัพยากรคนและเงินมากเท่านั้น ผู้ที่ได้รับความทุกข์ยากส่วนใหญ่ก็เป็นราษฎร
ฉินหลิวซีในฐานะที่เป็นนักพรตของเสวียนเหมิน แต่กลับไม่สนับสนุนการสร้างวัดวาอาราม และรู้ว่านี่ไม่ใช่เรื่องดี กล่าวตามตรง สำหรับอารามเต๋าของเสวียนเหมิน สิ่งนี้ค่อนข้างเป็นปัญหา แต่ว่าก็เป็นเพราะนางมีจิตใจประเสริฐไม่ใช่หรือ
นี่คือสาเหตุที่เหนียนโหย่วเหวยนับถือนาง นางเองก็ชอบควันธูปที่เจริญรุ่งเรืองแต่ย่อมมีขอบเขต
ฉินหลิวซียิ้มพลางเอ่ย “อย่าทำอะไรเช่นนั้น ในเมื่อเจ้านับถือเต๋า ก็ต้องยึดมั่นหัวใจเต๋า รับใช้ราษฎร ขุนนางที่ดี จะได้รับการสนับสนุนจากราษฎร จึงมีบุญกุศลนับไม่ถ้วน”
เหนียยโหย่วเหวยโค้งคำนับอีกครั้ง แสดงถึงการได้รับคำสอนแล้ว
วันรุ่งขึ้น ฤกษ์มงคล ทำพิธีบวงสรวงเบิกเนตร
ฉินหลิวซีตื่นแต่เช้าพาเด็กน้อยทั้งสองไปนั่งขัดสมาธิโคจรมหาจักรวาล จากนั้นก็พาพวกเขาไปเตรียมเครื่องบวงสรวงใช้สำหรับเบิกเนตรและพิธีการอย่างเรียบง่าย
ข่าวการบูรณะศาลประจำเมืองในอำเภอหนานได้แพร่สะพัดไปนานแล้ว ศาลประจำเมืองที่นี่ไม่นับว่าใหญ่มาก ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกของเมือง ถึงยามเหม่า[1]สองเค่อ[2] สถานที่แห่งนี้ได้ถูกล้อมรอบไปหมดแล้ว เจ้าหน้าที่ก็ได้มารักษาความสงบเรียบร้อย
ทุกคนต่างก็สงสัยว่าศาลประจำเมืองที่ถูกตั้งขึ้นใหม่อีกครั้งจะศักดิ์สิทธิ์หรือไม่ ได้อัญเชิญเทพเจ้าองค์ใดสถิตย์ลงมา จะปกป้องอำเภอหนานของพวกเขาหรือไม่ อำเภอหนานของพวกเขาเป็นอำเภอที่ยากจนที่สุดในทุกปี นายอำเภอคนก่อนไม่อาจไปพึ่งพาผู้ว่าการได้ เนื่องจากว่าจน ไม่มีผลงานใดๆ
ดังนั้นทุกคนจึงอยากรู้และตั้งตารอ เงยหน้าขึ้นมอง มีคนถือตะกร้าที่ใส่ธูปเทียน คิดอยากที่จะไปจุดธูปขอพรให้ช่วยคุ้มครอง
ฉินหลิวซีมาถึงพร้อมกับเหนียนโหย่วเหวย ได้พบกับผู้ดูแลศาลประจำเมืองแห่งนี้นามว่าซ่งโหย่วจื่อ และได้เยี่ยมชมทั้งข้างในและข้างนอกของศาลประจำเมือง จากนั้นจึงได้เตรียมพิธีเบิกเนตร
รูปปั้นของเจ้าลัทธิเต๋าได้ถูกวางไว้บนแท่นบูชาของศาลประจำเมืองแล้ว โต๊ะแท่นบูชาทำมาจากไม้เนื้อแข็ง ได้มีการวางดอกไม้สดและผลไม้เป็นเครื่องบูชา
เมื่อเห็นว่าล่วงเลยเวลามามากแล้ว แสงอาทิตย์ใกล้จะตกมาทางนี้แล้ว ฉินหลิวซีจึงสวมชุดและหมวกทำพิธี ให้ซานหยวนกับเถิงเจาเตรียมเบิกเนตร
ราษฎรในอำเภอหนานไม่ค่อยได้เห็นภาพพิธีการเบิกเนตรสักเท่าไหร่ เดิมทีเห็นว่าฉินหลิวซีและคนอื่นๆ อายุน้อย ก็รู้สึกประหลาดใจอยู่บ้าง ในใจคิดว่าไต้ซือที่แท้จริงจะปรากฏตัวขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ในภายหลังหรือไม่ จนกระทั่งนางสวมชุดคลุมเป็นผู้นำในพิธี ทั้งสถานที่พลันเกิดความโกลาหล
ไต้ซืออายุน้อยขนาดนี้ จะศักดิ์สิทธิ์หรือ
เหนียนโหย่วเหวยได้จัดเตรียมสองสามคนเพื่อเผยแพร่สถานะของฉินหลิวซีท่ามกลางฝูงชนไว้นานแล้ว กล่าวเยินยอว่าสามารถเรียกเทพลมฝนมาได้ หากไม่ใช่เพราะว่าฉินหลิวซีดำเนินพิธีการอันศักดิ์สิทธิ์อยู่ เกรงว่านางก็จะมาร่วมด้วย คุยโม้ไปจนถึงบนสวรรค์
เขาไม่มีทางเลือกอื่น การบูรณะศาลประจำเมืองเป็นความคิดของเขา หากหลังจากนี้ไปไม่มีควันธูป จะไม่ขายหน้าหรือ
ดังนั้นอย่างไรเสียก็ต้องเผยแพร่ให้ภายนอกได้รับรู้สักหน่อย เจ้าลัทธิเต๋าของศาลประจำเมืองพวกเขานี้นั้นมีที่มาที่ไปอันยิ่งใหญ่ ไต้ซือที่ทำพิธีเบิกเนตรก็เช่นกัน เช่นนี้จึงจะสามารถดึงดูดควันธูปได้
ดังนั้น เมื่อราษฎรได้รู้ว่าเมืองหลีที่อยู่ถัดออกไปอีกมีความมั่งคั่งและมีคนที่โดดเด่น อารามชิงผิงแห่งนั้นมีท่านเจ้าอาวาสน้อยที่มีความศักดิ์สิทธิ์เป็นอย่างมาก นามเต๋าว่าปู้ฉิว หากตั้งป้ายบูชาของนาง จะช่วยคุ้มครองคนในครอบครัว
นอกจากนี้ยังได้รู้อีกว่าท่านเจ้าอาวาสน้อยผู้นี้มีวิชาแพทย์ที่ล้ำเลิศเป็นอย่างมาก ผู้ที่จิตใจละเอียดอ่อนซ้ำในครอบครัวยังมีผู้ป่วยได้วิ่งเข้าไปหาในทันที
บางคนเฝ้าดูฉินหลิวซีก้าวเท้าตามตำแหน่งดาวบวงสรวงสวรรค์ด้วยความสนใจเป็นอย่างมาก การเคลื่อนไหวที่องอาจและไหลลื่นดั่งสายน้ำ ทำให้คนประหลาดใจเป็นอย่างมาก สตรีที่ยังไม่ได้แต่งงานบางคนพากันหน้าแดงในทันที
นักพรตท่านนี้ได้ล้มล้างภาพลักษณ์ความเป็นเทพเซียนของไต้ซือในหัวของพวกนาง รูปงามเป็นอย่างมาก อยากแต่งงานด้วย
“ว้าว เทพสถิตย์ลงมาแล้ว!”
ทันใดนั้นก็เกิดความโกลาหลขึ้น ราษฎรทยอยกันคุกเข่าโขกศีรษะคำนับ
ที่แท้แสงยามเช้าได้เริ่มหักเหจากกระจกที่เถิงเจาถือไว้สองไปยังรูปปั้นของเจ้าลัทธิเต๋า สองแสงเปล่งประกายสีทอง รูปปั้นดูแตกต่างไปจากเมื่อก่อนในทันที
นี่ก็คือการเบิกเนตรอัญเชิญเทพเจ้า
หลังจากเสร็จสิ้นพิธี ฉินหลิวซีให้ซานหยวนและคนอื่นๆ หยิบตะกร้ายาที่วางอยู่ตรงหน้าของเจ้าลัทธิเต๋ามาเริ่มแจกจ่าย นี่เป็นสิ่งที่พวกเขาเตรียมหลังอาหารเย็นเมื่อวานนี้ ปรารถนาจะนำควันธูปมาสู่ศาลประจำเมือง
นางหยิบธูปมาสามดอก จุดบูชา ปักลงในกระถางธูป จ้องมองรูปปั้นเจ้าลัทธิเต๋าและตำแหน่งด้านข้างเขาอย่างจดจ่อ
ส่วนเรื่องมาเข้าฝัน ความจริงแล้วนางอยากรู้อยู่บ้างว่าเป็นท่านไหนมาเข้าฝันเหนียนโหย่วเหวย เพื่อมาปกป้องผืนน้ำและผืนดินของที่นี่จริงๆ หรือ
เหตุใดนางจึงได้รู้สึกว่าศาลแห่งนี้จัดเตรียมไว้สำหรับเทพประจำเมืองท่านหนึ่ง
หรือว่ามีวิญญาณต้องการจะเป็นเทพประจำเมืองของที่นี่
ความรู้สึกใจสั่นเกิดขึ้นมาเอง
“ท่านอาจารย์ ท่านอาจารย์แสดงอภินิหาร ช่วยภรรยาของข้าด้วย” มีคนร้องตะโกนเสียงดังอยู่ข้างนอก
ฉินหลิวซีหันกลับไป เหนียนโหย่วเหวยส่งสายตาให้ที่ปรึกษา เขารีบเดินออกไปในทันที ไม่นานก็กลับมา เอ่ยว่า “เป็นเจ้าตัวแสบไล่ซานที่มีชื่อเสียงในเมืองนี้ พาภรรยาของเขามาขอรับการรักษากับเจ้าอาวาสน้อย อาจจะเป็นคนที่พวกเราไหว้วานไว้…เอ่อ เมื่อครู่ราษฎรได้เผยแพร่ว่าท่านเจ้าอาวาสน้อยมีทักษะวิชาแพทย์ที่ล้ำเลิศ ดังนั้นเขาจึงได้มาที่นี่”
เหนียนโหย่วเหวยมุมปากกระตุก เอ่ยด้วยสีหน้ามืดครึ้มว่า “คนไม่เอาไหน หรือว่าเขาคิดจะมาสร้างสถานการณ์อ้างเอาเงินอีกแล้ว”
“ข้าน้อยจะให้คนไล่เขาไปเดียวนี้?” ที่ปรึกษาจงไม่อยากให้เจ้าตัวแสบผู้นี้มาทำให้วันดีๆ ต้องยุ่งเหยิง
เหนียนโหย่วเหวยพยักหน้า กล่าวว่า “ระมัดระวังหน่อย…”
“ช้าก่อน เกิดอะไรขึ้นกับคนผู้นี้ ดูเจ้าสีหน้าเหลืออด ท่าทางอยากจะตีเขาแต่ก็ทำอะไรเขาไม่ได้” ฉินหลิวซีรู้สึกขบขันเล็กน้อย
เหนียนโหย่วเหวยปวดหัวเล็กน้อย ถอนหายใจพลางเอ่ย “เจ้าตัวแสบไล่ซานผู้นี้ ท่านรู้หรือไม่ว่าหลังจากที่ข้าเข้ารับตำแหน่ง เพียงแค่เขาคนเดียวมาร้องทุกข์กี่ครั้งแล้ว หกครั้งแล้ว ทุกครั้งล้วนเป็นเพราะอาการเจ็บป่วยของภรรยาเขา มาโวยวายร้านขายยา แต่กลับทำอะไรเขาไม่ได้ หากลงโทษเขา ก็จะเอาชื่อเสียงบิดาของเขามาเป็นข้ออ้าง ตอนมีชีวิตอยู่ท่านพ่อของเขาเป็นปัญญาชนผู้ประเสริฐ มีชื่อเสียงที่ดี ทำให้ราษฎรให้ความเคารพ แต่กลับให้กำเนิดเจ้าตัวแสบเช่นนี้ ดังนั้นกล่าวได้ว่าชื่อเสียงอันดีงามของไล่ซิ่วไฉในชีวิตนี้ได้ถูกทำลายโดยบุตรชายตัวแสบของเขา ที่ไม่ได้กระโดดออกจากโลงศพมาจัดการเขา นั่นเป็นเพราะท่านพ่อของเขาโกรธจนไร้เรี่ยวแรง คงหมดแรงจะกระโดดออกมาแล้ว และเพราะอาการป่วยของภรรยาเขา หมอในอำเภอหนานถูกเขาสร้างสถานการณ์อ้างเอาเงินไปจนหมดแล้ว ตอนนี้ ถึงตาท่านแล้ว”
ฉินหลิวซี “…”
เจ้ากำลังว่าร้ายใครกัน
[1] ยามเหม่า เวลา 05.00-07.00 น.
[2] เค่อ หนึ่งเค่อเท่ากับสิบหานาที