คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า - ตอนที่ 939 ไม่เคยกลัวการถูกใส่ร้าย
ตอนที่ 939 ไม่เคยกลัวการถูกใส่ร้าย
ฉินหลิวซีไม่กลัวการถูกสร้างสถานการณ์เพื่ออ้างเอาเงิน ไม่ว่าใครที่มาสร้างสถานการณ์เพื่อเอาเงินต่อหน้านางล้วนถูกเพิกเฉย เนื่องจากชื่อเสียงท่านพ่อของเจ้าตัวแสบผู้นี้เป็นปัญญาชนผู้ประเสริฐ นางจึงไม่ปฏิเสธการรักษา
“พิจารณาอีกสักครั้งเถิด ได้ยินมาว่ามีท่านหมอหลายท่านได้เคยวินิจฉัยให้กับภรรยาของเขาผู้นั้นแล้ว ล้วนรักษาไม่หาย บอกว่าเป็นโรคที่รักษาไม่ได้ อย่าให้ชื่อเสียงของท่านต้องถูกทำลายเลย ไม่มีความจำเป็น” เหนียนโหย่วเหวยเกลี่ยกล่อม
ฉินหลิวซียิ้มพลางส่ายหน้า “คนเป็นหมอ หากพบกับโรคประหลาดที่ซับซ้อน แล้วไม่กล้าวินิจฉัยเพราะกลัวจะทำลายชื่อเสียงของตัวเอง เช่นนั้นความตั้งใจเดิมในการเป็นหมอได้เปลี่ยนไปแล้ว และสำหรับข้า หากสามารถรักษาได้นั้นก็เป็นบุญกุศลของข้า หากรักษาไม่ได้ข้าก็จะบอกไปตามตรง ชื่อเสียง? ข้าไม่เคยกลัวมันพังทลายลง!”
ล้มลงก็ลุกขึ้นมาใหม่ ไม่เห็นจะมีอะไร
เหนียนโหย่วเหวยละอายใจ
ไล่ซานตัวแสบได้พยุงภรรยาของตัวเองรออยู่ที่ที่พักชั่วคราวหน้าศาลประจำเมือง โดยมีที่ปรึกษาจงพาเจ้าหน้าที่เฝ้าอยู่ด้วยตัวเอง กลัวว่าเขาจะก่อเรื่องขึ้นมากะทันหัน
และภรรยาตัวน้อยที่อยู่ข้างกายเขา ยังเล็กมากจริงๆ ไล่ซานผู้นี้อายุใกล้จะสามสิบปีแล้ว แต่ภรรยาของเขาพึ่งจะสิบห้าสิบหกปี ยังเด็กมาก สีหน้าไม่ค่อยดี ได้ยินมาว่าที่มาเป็นภรรยาเขาเพราะถูกเขาซื้อมา
ใช่แล้ว เรื่องที่นางขายตัวเพื่อจะทำพิธีศพให้บิดาถูกไล่ซานพบเข้า เป็นเงินสามตำลึง ไล่ซานเห็นว่านางรูปร่างงดงามอยู่บ้าง จึงได้นำพู่กันหยกของล้ำค่าเพียงหนึ่งเดียวที่ท่านพ่อทิ้งไว้ให้ไปซื้อตัวนาง เมื่อฝังบิดาของนางแล้ว นางก็เก็บสัมภาระใบเล็กๆ กลับบ้านไปกับเขา
ไม่มีใครอยากรวยโดยอ้างว่าขายตัวเพื่อทำพิธีศพให้พ่อ ไล่ซานก็แก่กว่าอยู่มาก สะใภ้เติ้งผู้นี้ก็ไม่ได้รังเกียจ อีกฝ่ายให้เงิน นางก็คือคนของเขา และก็เป็นคนที่รักษาสัญญา
และเมื่อไล่ซานได้ภรรยามาก็ราวกับกระดี่ได้น้ำ มีความสุขเป็นอย่างมาก เพียงแต่ยังคงทำตัวขี้โกงแสบซนเหมือนเดิม ในครอบครัวก็อาศัยภรรยาตัวน้อยของเขาผู้นี้ขายแป้งย่างหาเลี้ยงชีพ เพื่อนบ้านต่างบอกว่า สะใภ้เติ้งผู้นี้ขึ้นมาจากหลุมแล้วตกลงไปอีกหลุมหนึ่ง แต่สะใภ้เติ้งกลับทำงานอย่างหนักโดยไม่บ่นสักคำ เชื่อฟังไล่ซานเป็นอย่างมาก ดูแลปรนนิบัติอย่างดี
ใครบ้างไม่บอกว่าบิดาที่ตายไปแล้วของไล่ซานได้ให้โชคลาภทั้งหมดแก่เขาแล้ว ก่อนหน้านี้มีบิดาของเขาคอยปกป้อง ต่อมาบิดาของเขาไม่อยู่แล้ว ภรรยาตัวน้อยที่ซื้อมาก็ปรนนิบัติรับใช้เขา ทั้งยังนิสัยอ่อนโยน
น่าเสียดายที่เจ้าตัวแสบผู้นี้ไม่รู้จักหวงแหนความสุข มีครอบครัวแล้วก็ยังไม่รู้ประสา หางานทำอย่างจริงจัง มีภรรยาที่ดี ไม่รู้ว่าชีวิตนั้นดีมากแค่ไหน แต่เขากลับเป็นคนไม่เอาไหน หนักไม่เอาเบาไม่สู้ เป็นเจ้าตัวแสบจนเสพติดไปแล้ว สะใภ้เติ้งกลับปกป้องบอกว่าเขาอายุยังน้อยไม่รู้ประสา
ถุ้ย สามสิบปีแล้วจะยังมาหนุ่มอะไรกัน ผู้ที่โชคดี อายุสามสิบปีล้วนเป็นปู่ไปกันหมดแล้ว เขาอายุยังน้อยหรือ!
ฉินหลิวซีรู้สึกสงสัยเล็กน้อยเกี่ยวกับสามีภรรยาคู่นี้ เมื่อได้พบคน มองสำรวจดู รู้สึกว่าน่าสนใจ
ใบหน้าของสะใภ้เติ้งซีดเซียว รูปร่างผอมบาง คิ้วขมวด เสื้อผ้าสะอาดสะอ้านเรียบร้อย มือทั้งสองข้าง เล็บถูกตัดอย่างปราณีต นิ้วกลมเรียวยาว มือของนางงามกว่าใบหน้าเสียอีก
และไล่ซานตัวแสบผู้นั้น ใบหน้าไร้เนื้อหนัง ดวงตาเล็กๆ ทั้งสองข้างกลิ้งกลอกไปมา ดูท่าทางเจ้าเล่ห์ มือของเขาหยาบกร้าน ระหว่างนิ้วโป้งกับนิ้วชี้ของเขานั้นด้าน คงเป็นเพราะปกติทำงานหนักอยู่บ่อยๆ
“ท่านอาจารย์ ได้ยินมาว่าท่านอาจารย์วิชาแพทย์ล้ำเลิศ ช่วยดูให้ภรรยาข้าหน่อยเถิด” ไล่ซานเสนอหน้าเข้ามา “หมอเถื่อนเหล่านั้นล้วนบอกว่าอาการป่วยของภรรยาข้ารักษาไม่ได้ ข้าว่าพวกเขาวิชาแพทย์ไม่ดีเสียมากกว่า”
“หากข้าก็รักษาไม่ได้เช่นกัน เจ้าก็จะใส่ร้ายข้า จากนั้นก็ฟ้องร้องข้ากับทางการ ให้ข้าจ่ายค่ายาชดใช้ให้” ฉินหลิวซีเอ่ยพลางยิ้มใบหน้านิ่ง
ดวงตาของไล่ซานสั่นไหว ยิ้มอย่างลำบากใจพลางเอ่ย “ไม่มีเรื่องเช่นนั้น ข้าไม่ใช่คนเช่นนั้น”
สะใภ้เติ้งลุกขึ้น หลังงอเล็กน้อย ยิ้มให้ฉินหลิวซี กล่าวว่า “อาจารย์ สามีข้าเสียมารยาทแล้ว ข้าเป็นแค่โรคเก่าเรื้อรัง มีอาการปวดท้อง ปกติกินพิมเสนก็หายแล้ว”
“ดูเหมือนเจ้าจะไม่ได้แค่ปวดท้องธรรมดา นั่งลงเถิด”
ฉินหลิวซีบุ้ยปากให้เถิงเจาหยิบหมอนรองมา
สะใภ้เติ้งลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะนั่งลง ยื่นมือออกมาวางบนหมอนรอง
ผู้คนเบียดเสียดกันมองดูความครึกครื้นอยู่นอกที่พักชั่วคราว อย่างไรเสียก็เป็นไล่ซานตัวแสบที่มีชื่อเสียงในเมืองนี้พาภรรยาของเขามาพบหมอ แต่ก็ไม่รู้ว่าภรรยาของเขาป่วยเป็นอะไร มีครั้งไหนบ้างที่จบอย่างสวยๆ หลังจากนั้นก็ไปใส่ร้ายท่านหมอที่โรงหมอ เรียกร้องค่าเสียหาย
ตอนนี้มาอีกแล้ว คราวนี้ผู้ที่ตรวจเป็นนักพรต จะมีความเห็นที่แตกต่างกันบ้างหรือไม่
มีคนถามเสียงดังว่า “นักพรตตรวจอาการ เชื่อมพลังจิตกับเทพเจ้ากระมัง ต้องทำพิธีถามเทพเจ้าหรือไม่ หรือเพียงแวบเดียวก็มองออกแล้ว หรือแค่ดื่มน้ำมนต์ก็ดีขึ้น”
ฉินหลิวซีมุมปากกระตุก
ที่ปรึกษาจงเดินออกไป กล่าวดุๆ ว่า “อย่าเอะอะโวยวาย หมอลัทธิเต๋าก็เป็นหมอ ล้วนต้องจับชีพจรวินิจฉัยโรคเช่นกัน อย่าส่งเสียงดังจนขัดขวางการวินิจฉัยโรค”
ทุกคนพากันเงียบลง
ฉินหลิวซีวางสองนิ้วลงบนข้อมือของสะใภ้เติ้ง มองดูฝ่ามือที่เนียนละเอียด กล่าวว่า “อยู่ที่เรือนไม่จำเป็นต้องทำงานหนักอะไรหรอกกระมัง”
สะใภ้เติ้งตกตะลึง เม้มริมฝีปากยิ้ม เหลือบมองไล่ซาน กล่าวว่า “สามีไม่ยอมให้ทำ ผ่าฟืน ตักน้ำ ซักผ้า เขาเป็นคนรับผิดชอบทั้งหมด บอกว่ามันลำบากเกินไป”
“อืม ตักน้ำคือใช้น้ำอะไรหรือ” ฉินหลิวซีเปลี่ยนมืออีกข้างหนึ่งพลางมองดูสีหน้าของนาง
“พวกเราอาศัยอยู่ที่ริมแม่น้ำ ย่อมใช้น้ำจากแม่น้ำ” ไล่ซานตอบคำถาม
ฉินหลิวซีกล่าวว่า “น้ำกินก็เช่นเดียวกันหรือ”
“ใช่แล้ว”
ฉินหลิวซีดึงมือกลับคืน จากนั้นก็ดูฝ้าที่ลิ้นของสะใภ้เติ้ง “ที่ผ่านมาท่านหมอว่าอย่างไรบ้าง อาหารการกินเป็นอย่างไร”
“ล้วนบอกว่ากินอาหารไม่ตรงเวลา สิ่งสกปรกรุกล้ำ ยาที่จ่ายให้ล้วนเป็นยารักษาอาการเย็นชื้นและอาการปวดท้อง” ไล่ซานชิงตอบขึ้นมาว่า “หลังจากกินยาแล้วก็รู้สึกดีขึ้นมาเล็กน้อย แต่ผ่านไปได้ไม่นานก็ปวดขึ้นมาอีก ทานอะไรไม่ค่อยได้ ไม่ได้ถูกกับโรคแม้แต่นิด ซ้ำกินเข้าไปแล้วก็ทั้งอาเจียนออกมาทั้งท้องเสีย เช่นนั้นก็ต้องไปชำระบัญชีกับพวกเขาอยู่แล้ว”
“ยาไม่ถูกกับโรค ส่วนมากเป็นเพราะระบุอาการไม่ถูกต้อง แต่ก็ไม่จำเป็นต้องไปว่าร้ายหมอ เมื่อใส่ร้ายมากเข้า ผลกรรมก็จะตกอยู่ที่ตัวเจ้า ย่อมส่งผลสะท้อนกลับ” ฉินหลิวซีเอ่ย
ไล่ซานเย้ยหยัน “ชีวิตเฮงซวยของข้ายังต้องกลัวเรื่องเช่นนี้ด้วยหรือ”
“หากชีวิตเฮงซวยของเจ้าตายไปแล้ว แล้วภรรยาเจ้าจะอยู่อย่างไร” ฉินหลิวซีเอ่ยว่า “เจ้าทำใจให้นางทำงานหนักไม่ได้ด้วยซ้ำ จะทำให้นางรับผลกรรมได้หรือ”
ไล่ซานตกตะลึง “แต่นี่เป็นเรื่องที่ข้าทำ เกี่ยวอะไรกับนาง”
“สามีภรรยาเป็นหนึ่งเดียวกัน เงินที่เจ้าไปหลอกลวงมา นางก็คงได้ใช้ด้วยกระมัง ใช้เงินที่ไม่ควรใช้ เมื่อติดกรรมแล้ว จะไม่ตามสนองได้อย่างไร”
ไล่ซานตื่นตระหนกเล็กน้อย เม้มริมฝีปาก กล่าวขู่ว่า “จะตรวจก็ตรวจไป เจ้าพูดพล่ามอยู่ได้ คงไม่ใช่เพราะตรวจโรคไม่เป็นหรอกกระมัง พูดจาประหลาด ข้าไม่มีทางถูกเจ้าหลอกให้บริจาคเงินน้ำมันตะเกียงเด็ดขาด ข้าไม่เชื่อเรื่องนี้”
แต่ในใจกลับเต้นแรง หรือว่าที่อาการปวดท้องของภรรยาไม่ดีขึ้นเสียที เป็นเพราะผลกรรมอะไรนั่น
“ท่านพี่” สะใภ้เติ้งจนปัญญา เอ่ยเชิงห้าม
ไล่ซานเบะปาก “ข้าก็แค่พูดความจริง”
“นับว่าเป็นคนรักภรรยา แต่น่าเสียดายที่ใช้วิธีไม่ถูกต้อง” ฉินหลิวซีหัวเราะ ถามสะใภ้เติ้งอีกว่า “อาการปวดท้องต่อเนื่องกันตลอดเวลาหรือไม่ กินดื่มไม่เป็นเวลามานานเท่าไหร่แล้ว”
“เริ่มตั้งแต่ฤดูร้อนปีที่แล้ว” สะใภ้เติ้งกุมท้องพลางเอ่ย “ก็ไม่ได้ปวดตลอดเวลาเจ้าค่ะ เพียงแค่ปวดเป็นพักๆ รู้สึกคลื่นไส้อาเจียน หายใจลำบาก”
ฉินหลิวซีเคาะโต๊ะเบาๆ เอ่ย “น้ำในแม่น้ำที่พวกเจ้าดื่ม ได้ต้มหรือไม่”
“คือว่า…”
“ชีพจรของเจ้าจมลึกและตึงเครียด เต้นแรง แสดงว่าไม่ใช่โรคที่เกิดจากสิ่งสกปรกภายนอก แต่เกิดจากความปั่นป่วนและเมื่อยล้าของชี่” ฉินหลิวซีเห็นว่าทั้งสองท่าทางสับสน จึงกล่าวว่า “กล่าวง่ายๆ ก็คือ ที่เจ้ามีอาการปวดท้องและคลื่นไส้ เป็นเพราะมีพยาธิในช่องท้อง”
ทุกคนตัวชาไปหมด อะไรนะ มีพยาธิ?
ทุกคนต่างพากันตกใจ แม้แต่สะใภ้เติ้งเองก็ยังมองไปที่ท้องของตัวเองโดยไม่รู้ตัว ในท้องของนางมีพยาธิ?
“นี่มัน ไม่ได้ดูผิดไปหรือ จะมีพยาธิได้อย่างไร” ไล่ซานดีดตัวขึ้นมา นี่มันน่ากลัวไปหน่อยกระมัง
ฉินหลิวซีกล่าวว่า “มีพยาธิก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร ตั้งแต่สมัยโบราณมีคำกล่าวว่า ‘ไม่ใช่พยาธิตัวกลมในท้องของเจ้าจะไปรู้ได้อย่างไร’ แสดงให้เห็นว่าพยาธิในท้องนั้นเป็นเรื่องธรรมดา โดยเฉพาะเมื่อกินดื่มไม่สะอาด ทำให้มีพยาธิได้ง่าย น้ำที่พวกเจ้าดื่มตักมาจากในแม่น้ำ ข้าถามเจ้าว่าเคยต้มบ้างหรือไม่ เห็นได้ชัดว่าเจ้าลังเล”
สะใภ้เติ้งจึงตอบว่า “ความจริงก็ต้มอยู่บ้าง เพียงแต่เมื่ออากาศร้อน ไม่มีเวลามาสนใจเรื่องนี้ทั้งยังกระหายน้ำก็เลย…”
ทุกคนก็ดื่มเช่นนี้ ก็ไม่เห็นจะเป็นอะไร
“เมื่อก่อนเคยเกิดโรคระบาดทางน้ำที่อำเภอหนาน แม้ว่าแม่น้ำสายนี้จะเป็นแม่น้ำไหล แต่ในแม่น้ำมีอะไรบ้างพวกเจ้าไม่มีทางรู้ ไข่พยาธิยิ่งมีจำนวนไม่น้อย ซ้ำยังมีปลิง หากพวกเจ้าไม่ทันระวังไปเพียงชั่วขณะ ดื่มน้ำที่มีไข่พยาธิหรือมีปลิงเข้าไป พวกมันก็จะขุดโพรงทำรังในท้องของพวกเจ้า”
อย่าว่าแต่สะใภ้เติ้งที่เกิดเรื่องเลย แม้แต่คนที่อยู่ที่นั่นได้ฟังแล้วก็พากันขนลุกไปทั้งตัว นึกดูว่าหากดื่มปลิงเข้าไป เช่นนั้น…
เหนียนโหย่วเหวยกลืนน้ำลาย ต้องให้คนไปทำประกาศที่หมู่บ้านด้านล่าง น้ำในแม่น้ำต้องต้มให้เดือดก่อนจึงจะดื่มได้
ไล่ซานนึกเรื่องหนึ่งขึ้นมาได้ คืนกลางฤดูร้อนเมื่อปีที่แล้ว สะใภ้เติ้งบอกว่ากระหายน้ำ เขาลุกขึ้นมาเอาน้ำ น้ำในเหยือกหมดแล้ว จึงเดินไปตักน้ำที่โอ่งในห้องครัวมาให้ดื่มหนึ่งกระบวย ตอนกลางคืนมืดสนิท เขาก็ไม่ได้ดูว่ามีพยาธิหรือไม่ สะใภ้เติ้งดื่มหมดภายในอึกเดียว รู้สึกว่ารสชาติผิดปกติ ราวกับดื่มอะไรบางอย่างลงไป
กลางดึกในตอนนั้น ทั้งสองคนไม่ได้ใส่ใจ ในน้ำจะมีอะไรได้ก็มีแต่น้ำ ไม่ถึงสองวัน นางก็บอกว่ารู้สึกไม่สบายท้อง มาจนถึงทุกวันนี้
สะใภ้เติ้งก็คิดขึ้นมาได้เช่นกัน สบตากับไล่ซาน ไม่ได้ปิดบัง เอ่ยกับฉินหลิวซีว่า “เมื่อฤดูร้อนปีที่แล้ว ข้าดื่มน้ำหนึ่งกระบวยจากในโอ่งเก็บน้ำ ดูเหมือนว่าดื่มอะไรบางอย่างเข้าไป…”
ซี๊ด
มีคนสูดหายใจเข้า
“จะรักษาได้หรือไม่” ไล่ซานเอ่ยพึมพำในลำคอ กลืนน้ำลาย จากนั้นก็เอ่ยด้วยความโกรธว่า “ข้าว่าแล้วว่าพวกนั้นล้วนเป็นหมอเถื่อน แค่นี้ก็รักษาไม่ได้”
“ย่อมรักษาได้ รักษาง่ายเสียด้วย” ฉินหลิวซีมองไปยังสะใภ้เติ้ง ถามว่า “เจ้าอยากจะดื่มน้ำมนต์หรือจะฝังเข็ม”
“น้ำมนต์ก็ได้หรือ” สะใภ้เติ้งคิดในใจ หมอลัทธิเต๋าจะให้น้ำมนต์หรือ
“ดื่มน้ำแกงยาก็ได้เช่นกัน เมื่อกลับไปเจ้าไปจัดยาแล้วต้มดื่มเอง เมื่อขับถ่ายออกมาก็จะดีขึ้น” ฉินหลิวซีกล่าว
“เช่นนั้นข้าดื่มน้ำมนต์” สะใภ้เติ้งกล่าวหลังจากคิดอยู่ครู่หนึ่ง
ไล่ซานอยากจะเอ่ยอะไรบางอย่างแต่ก็หยุดไป ดื่มน้ำมนต์รักษาได้หรือ ภรรยาอย่าให้ถูกหลอกเชียว นี่เป็นนักต้มตุ๋นเชียวนะ…ไม่สิ เป็นนักพรต เหมือนกับท่านป้าในสำนักแม่ชีเหล่านั้น เอะอะก็จะให้ดื่มน้ำมนต์ ดื่มไปก็ไม่เสียหาย แต่ก็ไม่เห็นจะดีขึ้น
น้ำมนต์ก็เรียบง่าย ก่อนจะมาฉินหลิวซีได้นำยันต์ยาปลุกเสกมาด้วย ตอนนี้เพียงแค่วาดคาถาไล่พยาธิลงบนยันต์ก็พอแล้ว
การวาดยันต์เดิมทีก็เป็นสิ่งที่ฉินหลิวซีถนัด ตอนที่กักตัวฝึกบำเพ็ญที่ภูเขาเทียนเมื่อก่อนหน้านี้ก็มีการพัฒนาไปอีกขั้น การวาดยันต์ไล่พยาธิยิ่งเป็นไปดั่งใจ
ยันต์ที่แฝงไว้ด้วยพลังวิญญาณหนึ่งแผ่นวาดเสร็จแล้ว ตากให้แห้ง จากนั้นฉินหลิวซีก็ให้คนไปเอาน้ำร้อนมาละลาย ให้สะใภ้เติ้งดื่ม จากนั้นก็ให้ไล่ซานถือชามดินเผาใบใหญ่รอ
ไล่ซานไม่เข้าใจ
จนกระทั่งหลังจากที่ภรรยาดื่มน้ำมนต์แล้ว ไม่นานที่ท้องก็มีบางอย่างแปลกๆ ท้องไส้ปั่นป่วน นางอยากจะอาเจียน
สะใภ้เติ้งคว้าชามดินเผาใบใหญ่มาจากไล่ซานทันที อาเจียนออกมา
กลิ่นเปรี้ยวกระจายไปในทันที
ไล่ซานรู้สึกคลื่นไส้เล็กน้อย ทุกคนต่างถอยหลังสองก้าวโดยไม่รู้ตัว เอามือปิดจมูก
สะใภ้เติ้งอาเจียนอยู่พักหนึ่งจนหน้าซีด ก้มลงมองโดยไม่รู้ตัว กรีดร้องออกมา
เพล้ง
ชามดินเผาตกลงบนพื้น สิ่งสกปรกกระจายไปทั่วพื้น
ฉินหลิวซีเคลื่อนไหวอย่างคล่องแคล่ว ดึงลูกศิษย์ของตัวเองแล้วหลบไป
“ปลิง ปลิงแม่น้ำ…” ไล่ซานร้องด้วยความตกใจ
คนที่อยากรู้อยากเห็นขยับเข้ามาดู ร้องด้วยความตกใจ “เป็นปลิงแม่น้ำจริงด้วย สวรรค์ ยังมีชีวิตด้วย”
ก็แค่ปลิงสีดำแดงที่ลื่นไหลอยู่บนพื้น
สะใภ้เติ้งแทบอยากจะเป็นลม นางคิดว่าอาการป่วยของตัวเองเป็นการปวดท้องบางอย่าง กินยาก็ไม่หาย คาดว่าคงจะรักษาไม่หายแล้ว ที่แท้ก็มีสิ่งนี้คอยก่อกวน
แหวะ
ผู้ที่สงบที่สุดคือฉินหลิวซี ตอนนี้ได้ถอยออกไปอยู่ด้านข้าง เขียนใบสั่งยาอย่างรวดเร็ว ยื่นให้สะใภ้เติ้ง ก่อนจะเอ่ยว่า “ตัวมันออกมาแล้ว ก็จะไม่ปวดท้องอีกแล้ว เพียงแต่ร่างกายของเจ้าคงอ่อนแอเล็กน้อย ดื่มยาสักสองสามถ้วยบำรุงร่างกายให้แข็งแรงสักหน่อยเถิด
สะใภ้เติ้งรับมา เอ่ยขอบคุณ
“ท่านอาจารย์ ภรรยาข้าดื่มยาก็จะไม่เป็นอะไรแล้วกระมัง ท่านว่าจะสามารถมีบุตรได้หรือไม่” ไล่ซานเบียดเข้ามาด้วยใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้ม
ฉินหลิวซีเหลือบมองเขา “มีบิดาไม่เอาไหนอย่างเจ้า จะมีบุตรไปทำไม จะไม่ทำให้คนเป็นมารดาต้องทนทุกข์ทรมานหรือ”
ไล่ซานใบหน้าร้อนผ่าว กล่าวอ้ำๆ อึ้งๆ ว่า “ข้า ข้าปรับปรุงตัวไม่ได้หรือ”
“ปรับปรุงตัวได้เมื่อไหร่ บุตรก็จะมาเอง” ฉินหลิวซีเอ่ยว่า “ไปบริจาคเงินน้ำมันตะเกียงที่ศาลประจำเมืองเถิด ถือเสียว่าเป็นค่ารักษาในวันนี้”
ไล่ซานตอบตกลง พาสะใภ้เติ้งมาคำนับนาง จากนั้นก็ออกไปข้างนอก อาจารย์ท่านนี้มีความสามารถอยู่บ้าง ศาลประจำเมืองที่นางทำพิธีเบิกเนตร ต้องกราบไหว้!
หลังจากที่สองสามีภรรยาออกไป ผู้คนที่อยู่ข้างนอกประตูก็พากันกรูเข้ามา
“ท่านอาจารย์ ข้า ข้าก็ป่วย ช่วยข้าด้วย!”
“ท่านอาจารย์ ข้าปวดหัวมาสิบกว่าปีแล้ว ช่วยรักษาให้ข้าด้วยเถิด!”
“ท่านอาจารย์ ข้ามีบุตรยาก…”
หลังจากได้พบกับท่านหมอที่มีความสามารถจริงๆ ใครบ้างจะไม่รีบคว้าโอกาสไว้ ซ้ำค่ารักษาก็แค่บริจาคค่าน้ำมันตะเกียงที่ศาลประจำเมืองก็พอ คุ้ม คุ้มเกินไปแล้ว
ฉินหลิวซีจึงต้องพาลูกศิษย์ทั้งสองคนเปิดรักษาการกุศลที่ศาลประจำเมือง นับว่าเป็นน้ำใจหาค่าน้ำมันตะเกียงให้กับศาลประจำเมืองใหม่แห่งนี้
จนกระทั่งล่วงเลยไปถึงเวลากลางวัน เหนียนโหย่วเหวยจึงได้รับฉินหลิวซีและคนอื่นๆ กลับไปรับประทานอาหารกลางวันเป็นการขอโทษ
รักษาการกุศลถือว่าเป็นการทำความดี ฉินหลิวซีและคนอื่นๆ ไม่ได้ใส่ใจ เพียงแต่ตัวนางเองก็มีธุระ หลังจากรับประทานอาหารกลางวันก็จากไปด้วยรอยยิ้ม
“อำเภอหนานของพวกเรายากจน บัญชีในสำนักงานก็มีไม่เท่าไหร่ ค่าน้ำมันตะเกียงเล็กๆ น้อยๆ นี้ บริจาคให้กับอารามชิงผิง รบกวนที่ท่านมาเป็นธุระให้ในครั้งนี้” เหนียนโหย่วเหวยยื่นกระเป๋าใบเล็กให้ด้วยใบหน้าแดงเล็กน้อย
ฉินหลิวซีรับมาด้วยรอยยิ้ม เอ่ยว่า “พวกผู้ดีมั่งคั่งบางคนยังเต็มใจที่จะมีชื่อเสียงในการทำความดี หากอยากจะทำเรื่องดี มิสู้ไปพูดคุยกับพวกเขา สั่งสมคุณธรรม ก็เป็นการสั่งสมบุญกุศลและโชคลาภเช่นกัน”
เหนียนโหย่วเหวยดวงตาเป็นประกาย ช่างบังเอิญเสียงจริง เขาก็มีความตั้งใจเช่นนี้ ใช้ประสบการณ์ที่เจอมากับตัว หรือแม้ว่าจะไม่มีประสบการณ์ เขาก็แต่งขึ้นมาได้ ไม่เชื่อว่าพวกเขาจะไม่ติดกับ
อำเภอหนานยากจน แต่ผู้ดีเหล่านั้นไม่ยากจน พวกเขามีที่ดินมากมายอยู่ในเมือง มีสัมพันธ์อันดีกับพวกเขาจึงจะทำเรื่องต่างๆ ได้ง่าย ไม่ใช่สิ ทำผลงานทางราชการ
เหนียนโหย่วเหวยกล่าวอำลาฉินหลิวซีด้วยความพึงพอใจ
เพียงแต่ว่า ทันทีที่ฉินหลิวซีออกจากอำเภอหนาน ก็ได้รับข้อความจากเฮยซา
เจ้าปีศาจโสมน้อยตกอยู่ในอันตราย รีบมา!