คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า - ตอนที่ 944 สุดท้ายกลายเป็นความสูญเสีย
ตอนที่ 944 สุดท้ายกลายเป็นความสูญเสีย
นักพรตเฒ่าชื่อหยวนเดินทางกลับไปยังเส้นเลือดมังกร ทำการจัดเตรียมพื้นที่ จากนั้นนั่งสมาธิอยู่บนก้อนหินขนาดใหญ่หน้ากระท่อมไม้ อากาศบนภูเขาเย็นยะเยือก แม้ว่าเข้าใกล้เดือนห้าแล้ว แต่ในช่วงเช้าและเย็นยังคงหนาวเหน็บ ทันทีที่เลยเที่ยงคืนไป ลมหนาวได้พัดกระหน่ำ หิมะบางๆ เริ่มโปรยปรายลงมา
นักพรตเฒ่าชื่อหยวนนั่งนิ่งไม่เคลื่อนไหว ปล่อยให้หิมะตกลงมาเกาะบนคิ้วยาวของเขา จนกระทั่งมีการเคลื่อนไหวบางอย่างในอากาศ เขาจึงลืมตาขึ้น มองเห็นบุรุษผู้สวมใส่เสื้อคลุมยาวสีฟ้า ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความเย็นชา ภายในใจเขารู้สึกหนักอึ้ง
เขามองไม่เห็นใบหน้าที่แท้จริงของบุรุษผู้นั้น ใบหน้าของเขาราวกับมีหมอกบางๆ ปกคลุมอยู่ มองอย่างไรก็ไม่ชัดเจน
และกลิ่นอายนั้น…
นักพรตเฒ่าชื่อหยวนต้านทานพลังที่กดดันอย่างรุนแรงนี้ไว้ เขาลุกขึ้นยืน หยิบแส้หางม้าที่วางอยู่ข้างตัวขึ้นมา
“มารเอ้อฝูซื่อหลัว”
ชายผู้นั้นก้าวเข้ามาทีละขั้นเหมือนกำลังลงจากบันได เมื่อได้ยินชื่อนี้เขาก็หยุดชะงักเท้าแล้วยิ้มออกมา เสียงของเขาแผ่วเบา “ห้าพันปีแล้วนะ ยังมีคนจำชื่อของข้าได้ ถือเป็นเกียรติของข้าจริงๆ”
เป็นเขาจริงๆ
นักพรตเฒ่าชื่อหยวนเอ่ยเสียงทุ้ม “เจ้าหนีออกมาจากนรกโดยไม่ได้รับอนุญาต เพื่อสิ่งใดกันแน่”
“หนีออกมาหรือ” ซื่อหลัวก้าวขึ้นมาข้างหน้า หัวเราะเบาๆ “จะเรียกว่าหนีได้อย่างไร ข้าออกมาอย่างเปิดเผย ใช้ความสามารถของข้าเอง ส่วนที่ว่าเพราะอะไร แน่นอนว่าทำสิ่งที่ข้าทำไม่สำเร็จในตอนนั้น”
“เจ้าต้องการเป็นพระพุทธเจ้าหรือ” นักพรตเฒ่าชื่อหยวนร่ายคาถาพร้อมกับแส้หางม้าในมือ
ซื่อหลัวหัวเราะเบาๆ “ข้าคือพุทธเจ้าแต่แรกอยู่แล้ว พวกเจ้าให้นามกับข้ามิใช่หรือ มารเอ้อฝู”
“ไม่ เจ้าคือปีศาจ คนที่เป็นพุทธเจ้าแท้จริงจะไม่ทำลายล้างเมืองและสร้างความทุกข์แก่สรรพชีวิต” นักพรตเฒ่าชื่อหยวนตะโกนออกมาอย่างกราดเกรี้ยว แส้หางม้าในมือของเขาราวกับมีชีวิต พุ่งตรงไปยังบุรุษผู้นั้นพร้อมกับร่ายยันต์โจมตีหลายแผ่นล้อมรอบเขาไว้
ซื่อหลัวยกมือขึ้นคว้าด้ามจับแส้หางม้าไว้โดยไม่สนใจพลังของยันต์ที่เปล่งประกายสีทอง เอ่ย “ข้ามาที่นี่เพื่อดูว่าคนที่สอนเด็กซุกซนผู้นั้นคือผู้ใด ร้ายกาจเพียงใด ที่แท้ก็เป็นเพียงแค่นี้เอง อย่างเจ้าคงสอนนางไม่ได้ บอกข้ามาเถิดว่านางเป็นผู้ใด”
มือของซื่อหลัวตวัด ร่ายมนต์ สร้างมัดมือพุทธะเพื่อส่งพลังกลับไปหานักพรตเฒ่าชื่อหยวน
บึ้ม
นักพรตเฒ่าชื่อหยวนรู้สึกได้ถึงเลือดที่คั่งอยู่ในลำคอ ถอยหลังไปสองก้าว
เขาถูกคุมขังมาเป็นเวลาห้าพันปีแล้ว แม้ตอนนี้จะไม่ใช่ร่างจริงของเขา แต่ยังทรงพลังเพียงนี้ อาศัยตนคนเดียว ไม่สามารถต้านทานได้จริงๆ
นักพรตเฒ่าชื่อหยวนสีหน้าขรึม เขาเคลื่อนยันต์ที่ล้อมรอบตัวซื่อหลัวให้เข้ามาใกล้
“อย่าเสียแรงเลย เจ้าไม่ใช่คู่ต่อสู้ของข้า” ซื่อหลัวกระชากแส้หางม้าในมือ เล่นขนสีขาวด้วยปลายนิ้ว เอ่ยด้วยรอยยิ้ม “เดิมทีข้าอยากมาหาเจ้าเด็กคนนั้น อย่างไรนางก็ทำลายเรื่องของข้าถึงสามสี่ครั้ง ซนเกินไปแล้ว ข้าไม่พอใจนัก แต่ข้าอยากเห็น อยากเห็นว่านางจะเติบโตได้ถึงขั้นไหน จะลากข้าลงมาจากแท่นบูชาได้หรือไม่ อย่างไรบนโลกใบนี้หากไม่มีคู่ต่อสู้ก็น่าเบื่อเกินไป เดียวดายเกินไปแล้ว”
“อย่างเจ้าที่เอาแต่หลบอยู่ในความมืด มารร้ายที่แม้แต่ใบหน้าก็ไม่กล้าปรากฏขึ้นมา อยากเป็นพระพุทธเจ้าอย่างนั้นหรือ” น้ำเสียงของนักพรตเฒ่าชื่อหยวนแหลมขึ้น โจมตีไปที่เขาไม่หยุด “เพ้อเจ้อสิ้นดี”
ซื่อหลัวหลบหลีกคล่องแคล่ว สะบัดแส้หางม้า โจมตีไปยังยันต์ ก่อนจะพุ่งโจมตีไปยังนักพรตเฒ่าชื่อหยวน
แม้ว่าอุปกรณ์ที่ใช้จะเป็นของลัทธิเต๋า แต่เขากลับไม่เกรงกลัวแม้แต่น้อย การโจมตีครั้งนั้นราวกับมีน้ำหนักพันจิน กระแทกตรงหน้าอกของนักพรตเฒ่าชื่อหยวนอย่างแรง
พรวด
นักพรตเฒ่าชื่อหยวนกระอักเลือดออกมา เมื่อเห็นซื่อหลัวก้าวเข้ามาใกล้ ยิ้มเย็น “เจ้าเตรียมตัวไว้เถิด นางจะเป็นคู่ต่อสู้เพียงคนเดียวของเจ้า”
ซื่อหลัวได้ยิน ไม่โกรธ ทว่าแสดงออกถึงความตื่นเต้นในแววตา
คู่ต่อสู้งั้นหรือ
“เช่นนั้นก็ถูกแล้ว หากข้าฆ่าเจ้า นางจะไม่ระเบิดด้วยโทสะ พยายามจับข้าให้ได้อย่างสุดกำลังหรือ ข้ารอคอยจริงๆ”
นักล่ากับเหยื่อ สุดท้ายจะเป็นนักล่าที่จับเหยื่อได้ หรือเหยื่อที่หลอกล่อนักล่า นี่เป็นการไล่ล่าที่เขาได้เปิดฉากขึ้นเอง
นักพรตเฒ่าชื่อหยวนอยากจะเอ่ย ตัวร้ายตายเพราะเอ่ยมากและหลงตัวเอง ถ้าลูกศิษย์ของเขาอยู่ในสถานการณ์นี้ นางคงไม่เอ่ยมาก แต่จะทำลายภัยอันตรายให้สิ้นซากทันที
แต่เขาไม่ได้เอ่ย หากเป็นการเตือนเขาเล่า
ไม่ได้ จะสร้างภัยให้กับเจ้าเด็กนั่นไม่ได้ ให้เขาหยิ่งผยองต่อไปก็แล้วกัน
นักพรตชื่อหยวนเห็นเขาก้าวเข้ามาใกล้ กดฝ่ามือลงบนพื้น เสียงหึ่งเบาๆ ดังขึ้น ใบมีดลมที่แหลมคมพุ่งตรงไปหาซื่อหลัว
นี่เป็นการกระตุ้นค่ายอาคมสังหารที่ฉินหลิวซีเตรียมไว้สำหรับการสังหารชื่อเจินจื่อ
ซื่อหลัวขมวดคิ้วเล็กน้อย แต่กลับตื่นเต้นมากขึ้น ตั้งแต่ที่เขาปีนขึ้นมาจากนรก เขาได้แต่พักฟื้นไม่เคยได้ประลองฝีมือกับผู้ใดเลย แม้ว่าเขาจะได้ประลองกับคนอื่นบ้าง คนเหล่านั้นก็เป็นเพียงมดปลวกที่ไม่คู่ควร
เขาไม่อยากเสียพลังไปกับเรื่องพวกนั้น
แต่ค่ายอาคมสังหารนี้ เขาไม่เคยพบมาก่อน
เขามองผิดไป นักพรตเฒ่าชื่อหยวนคนนี้ยังมีความสามารถอยู่บ้าง
ถ้าเป็นเช่นนั้น ก็มาเล่นกันสักหน่อยเป็นอย่างไร
ซื่อหลัวพุ่งเข้าโจมตีอย่างรวดเร็ว
ในค่ายอาคมสังหาร เงาร่างสองร่างที่ต่อสู้กันอย่างดุเดือดแทบจะกลายเป็นเพียงเงาเลือนราง
ขณะเดียวกัน ที่ภูเขาเทียน ฉินหลิวซีอยู่ในช่วงกลางของการปรุงยาสร้างรากฐานปราณ กลิ่นหอมของยานั้นเข้มข้นจนเมามาย แต่จู่ๆ จิตใจของนางกลับชะงัก ทำให้ไฟที่ควบคุมด้วยพลังจิตของนางเกือบจะลุกลาม นางถึงกับได้ยินเสียงความเคลื่อนไหวในเตาหลอมยา ทำให้นางตกใจจนต้องรีบสวดภาวนาให้จิตใจสงบลง ดวงตาของนางจับจ้องเตาหลอมยาอย่างแน่วแน่
เถิงเจาผู้เฝ้าดูเหตุการณ์อยู่ข้างๆ สังเกตเห็น ขมวดคิ้วขึ้น
เซินเซินก็สัมผัสได้ถึงความปั่นป่วนในชั่วขณะนั้น เอ่ย “เมื่อครู่ซีซี นางเกิดสิ่งใดขึ้นหรือ”
เถิงเจาส่ายศีรษะ มองเห็นใบหน้าของฉินหลิวซีที่ซีดเซียว เริ่มไม่สบายใจขึ้นมาเล็กน้อย เงยหน้ามองท้องฟ้าที่มืดมน เอ่ย “ไม่รู้ ข้ารู้สึกไม่ดีเล็กน้อย”
ไม่รู้ว่าฟ่านคงมาอยู่ข้างๆ สองคนนี้ตั้งแต่เมื่อใด เขาสวดพุทธมนต์หนึ่งคำ มองไปยังคนที่กำลังจดจ่ออยู่ในกระท่อม การเคลื่อนไหวของลูกประคำในมือเขาเร็วขึ้น
เซินเซินหันมามองท่าทีของฟ่านคงที่ก็กำลังหันไปมองเขา เห็นสีหน้าไม่สงบนิ่งของเขา หัวใจกระตุกไปชั่วครู่
เตาหลอมยาจะระเบิดหรือเปล่านะ
กลิ่นยานั้นยิ่งเข้มข้นขึ้น สามคนทั้งหกดวงตาจับจ้องไปยังฉินหลิวซี เห็นนางกำลังร่ายมนต์พร้อมวาดสัญลักษณ์มืออย่างรวดเร็วลงบนเตาหลอมยา ทุกครั้งที่ลงสัญลักษณ์มือ สีหน้าของนางก็ซีดลงไปอีก
การปรุงยานั้นไม่ง่าย การทำให้ยาเป็นเม็ดยิ่งยากกว่า
ฟ่านคงมองดูใบหน้าที่สงบนิ่งของฉินหลิวซี อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจเงียบๆ หันไปมองท้องฟ้าอีกครั้ง ก่อนจะสวดพุทธมนต์อีกคำ
พระพุทธเจ้าโปรดปกป้องด้วย
“กำลังทำให้ยาเป็นเม็ดแล้ว” เซินเซินหูไว ได้ยินเสียงเม็ดยากระโดดภายในเตาหลอมยา รู้สึกดีใจขึ้นมาทันที
ใบหน้าที่เคร่งเครียดของเถิงเจาเริ่มผ่อนคลายเล็กน้อย
ยิ่งถึงช่วงเวลาที่สำคัญเท่าไหร่ก็ยิ่งไม่อาจละสายตา
ฉินหลิวซีร่ายคาถาด้วยสองมืออีกครั้งเพื่อปิดท้ายและส่งพลังเข้าไปในเตาหลอมยา นางรู้ว่ายากำลังจะกลายเป็นเม็ด แต่ยังไม่สมบูรณ์ เพราะยังไม่มีสายฟ้าสวรรค์มาสถิต
นางเริ่มร้อนใจ
ความร้อนใจนี้ ไม่ได้เกิดจากการที่สายฟ้าสวรรค์ไม่มา แต่เป็นความร้อนใจที่บอกไม่ถูก
เร็วเข้า เร็วอีกนิด
แม้นางจะไม่รู้ว่าไยจึงรู้สึกเช่นนี้ แต่ลึกๆ ในใจก็รู้สึกว่าต้องรีบทำให้การปรุงยาครั้งนี้สำเร็จ มิฉะนั้น…
จิตใจของฉินหลิวซีเริ่มปั่นป่วนอีกครั้ง หน้าอกของนางรู้สึกเจ็บ ลำคอรู้สึกระคายขึ้นมา แย่แล้ว นางรู้สึกว้าวุ่น ถูกสะท้อนกลับแล้ว แต่ยาเม็ดยังไม่สมบูรณ์
นางพยายามจะปรับจิตใจให้สงบ แต่จู่ๆ ก็ได้ยินเสียงบทสวดดังเข้ามาในหู ราวกับสายน้ำที่ไหลเอื่อยๆ ทำให้ความกระวนกระวายของนางสงบลง
ฉินหลิวซีหันไปมองและเห็นฟ่านคงนั่งขัดสมาธิอยู่ข้างนอกค่ายอาคม สวดมนต์อยู่ นางเรียกสติกลับมาอีกครั้งและร่ายคาถาสุดท้ายลงบนเตาหลอมยา พร้อมกับเห็นภาพบางอย่างผ่านหางตาของนาง มีผู้ใดบางคนล้มลงมาจากท้องฟ้า
เป็นเงาร่างที่สะบักสะบอม
ฉินหลิวซียังไม่ทันได้มองชัดเจนว่าคือผู้ใด เสียงจากเตาหลอมยาก็ดังขึ้น สีหน้าของนางเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว
ฝาหลอมยาถูกพัดขึ้นไปบนฟ้า และทันใดนั้นก็มีสายฟ้าสวรรค์ฟาดลงมา
สายฟ้าสวรรค์ชำระยา
ฉินหลิวซีรู้สึกยินดีเป็นอย่างมาก แต่ความยินดีนั้นยังไม่ทันได้แสดงออกมาอย่างเต็มที่ ก็รู้สึกเจ็บปวดขึ้นมาที่หัวใจ วิญญาณของนางราวกับถูกฉีกกระชากออกมาจากกัน
ครื้นนน
พรวด
ในขณะที่สายฟ้าฟาดลงมา นางก็กระอักเลือดออกมา นี่เป็นการสะท้อนกลับ เป็นคาถาคุ้มกันภัยที่นางแอบร่ายเอาไว้เชื่อมต่อกับตาเฒ่า
ยามนี้ถูกทำลายแล้ว
ตาเฒ่าเกิดเรื่องแล้ว
ฉินหลิวซีย่อตัวลงคุกเข่าข้างหนึ่ง มือกุมหน้าอก กระอักเลือดออกมาอีกครั้ง นางหันไปมองเงาร่างที่ล้มลงมานั้น
เป็นซาหยวนจื่อ
“ท่านอาจารย์”
“ซีซี”
เถิงเจาและเซินเซินตะโกนออกมาด้วยความตกใจ
“อมิตาภพุทธ” ฟ่านคงสวดมนต์ขึ้นอีกคำ
ฉินหลิวซีใช้นิ้วกดจุดสำคัญบนร่างกายตนเองสองจุด แล้วหยิบขวดหยกออกมา ใช้ปลายเท้าแตะพื้นพุ่งขึ้นไปกลางอากาศ ร่ายมือดึงยาเม็ดที่ผ่านการชำระจากสายฟ้าเก็บใส่อก ก่อนจะพุ่งไปหาซาหยวนจื่อ
“เจ้ามาทำอะไร อาจารย์เป็นอะไรไปหรือ” ฉินหลิวซีดวงตาแทบถลน
“ท่านอาจารย์…” ซาหยวนจื่อพยายามจะเอ่ย ฉินหลิวซีได้ผลักเขาออกไปแล้ว นางเปิดเส้นทางหยินพุ่งเข้าไปอย่างรวดเร็ว เร็วจนทำให้ไม่มีผู้ใดทันได้ตอบสนอง
“เกิดอะไรขึ้น ท่านอาจารย์ปู่ของข้าเป็นอะไรไป” เถิงเจามองไปยังซาหยวนจื่อ
ฟ่านคงถอนหายใจเบาๆ เอ่ย “ตามไปดูเถิด”
เส้นทางหยินคืนนี้ไม่อาจสงบได้ ไม่รู้ว่าวิญญาณร้ายมากน้อยเพียงใดที่ถูกฉินหลิวซีพุ่งชนจนวิญญาณแตกสลาย
บนเส้นเลือดมังกรเล็ก นักพรตเฒ่าชื่อหยวนล้มลงกับพื้น เลือดไหลออกจากปากไม่หยุด ผมของเขาค่อยๆ กลายเป็นสีขาวทีละน้อย เช่นเดียวกับสีหน้าที่ซีดเซียวของเขา คนใกล้สิ้นลมเต็มทีแล้ว
ซื่อหลัวเองก็ถอยหลังไปสองสามก้าว มือกุมหน้าอก เลียเลือดที่มุมปากอย่างเย้ยหยัน ทั้งโกรธทั้งหัวเราะ “ศิษย์ของเจ้าช่างกตัญญูเหลือเกิน ถึงขั้นมอบคาถาคุ้มกันชีวิตให้เจ้า ช่างเป็นศิษย์ที่ดีจริงๆ”
ใช่ ดีจริงๆ กระทั่งทำให้เขาบาดเจ็บได้
ทำได้เพียงโทษตนเองที่พลังยังไม่ฟื้นเต็มที่ จากการถูกคุมขังห้าพันปี ทำให้เขาอ่อนแอลงไปมาก มิเช่นนั้นเขาคงไม่ถูกเล่นงานเช่นนี้ คงไม่ต้องหลบซ่อนหลังจากหนีจากนรกมา เขาคงทำตามแผนการใหญ่ไปนานแล้ว
เขาต้องเอากระดูกและร่างกายเดิมในตอนนั้นทั้งหมดกลับคืนมาทั้งหมด
นักพรตเฒ่าชื่อหยวนเองก็ไม่คิดว่าฉินหลิวซีจะลงคาถาคุ้มกันไว้บนตัวเขา เจ้าเด็กโง่เขลานั่น คาถานี้ถูกทำลาย นางก็ต้องได้รับผลกระทบด้วยสินะ
นักพรตเฒ่าชื่อหยวนทิ้งตัวลงบนพื้น หัวใจทั้งเจ็บปวดทั้งกังวล เขาไม่อยู่แล้ว นางจะทำอย่างไร
“น่าเสียดาย ไม่มีผลอะไร” ซื่อหลัวหัวเราะเบาๆ แต่ไม่มีความยินดีในดวงตา ไม่มีความคิดหยอกล้อ วาดมือทำเป็นสัญลักษณ์ดอกบัว ร่ายคาถากลายเป็นฝ่ามือขนาดใหญ่ตบลงมาที่กระหม่อมของนักพรตเฒ่าชื่อหยวน
เป็นตอนนี้
นักพรตเฒ่าชื่อหยวนใช้พลังทั้งหมดเคลื่อนคทาเพชรไปยังจุดหลิงไถของอีกฝ่าย
เพียะ
ฝ่ามือใหญ่ตกลงมา พร้อมกับคทาเพชรที่ตกลงมาประทับลงไปยังจุดหลิงไถของซื่อหลัว วิญญาณสั่นสะเทือน
“อ๊ากกก เจ้าต้องตาย” ซื่อหลัวตาแดงก่ำ พยายามฝืนความเจ็บปวดจากการถูกโจมตีวิญญาณ มองเห็นวิญญาณของนักพรตเฒ่าชื่อหยวนถูกดึงออกจากร่าง เขาคว้ามันเอาไว้
“เจ้าชั่ว เจ้ากล้าหรือ” เงาเงาหนึ่งม้วนตัวคว้าคทาเพชรแล้วพุ่งเข้าหาซื่อหลัว
ซื่อหลัวใช้ร่างนักพรตเฒ่าชื่อหยวนบังไว้โดยสัญชาตญาณ
ครื้นนน
ซื่อหลัวใช้โอกาสนี้เปิดทางเข้าสู่ความว่างเปล่าและหนีไป
ให้ตายสิ รอพลังฟื้นเต็มที่ จะช้าจะเร็วเขาก็จะสังหารให้ลงนรกไป
เหอะๆ นี่คือความยุติธรรมของสวรรค์หรือ ข้ามภพข้ามแดนมาเล่นได้ เช่นนั้นอย่าได้โทษเขาเลย
หิมะ ตกหนักเกินไปแล้ว
บนเส้นเลือดมังกร เงียบสงัด
นักพรตเฒ่าชื่อหยวนนอนอยู่บนพื้นซากปรักหักพัง ดวงตาเบิกกว้าง มองไปยังความว่างเปล่า ในที่สุด ในรูม่านตาที่เลือนรางของเขา ปรากฏเงาร่างที่คุ้นเคยขึ้นมา
ฉินหลิวซีเดินโซเซเข้ามา ดวงตาแดงก่ำ มุมปากเปื้อนเลือด นางหยิบขวดหยกจากอก ดึงยาเม็ดสร้างฐานปราณออกมาและยัดใส่ปากของเขา
“ตาเฒ่า ข้ามาแล้ว” นางประคองเขาขึ้น ใช้พลังภายในกระตุ้นยาเม็ด เอ่ย “ข้าปรุงยาเสร็จแล้ว เป็นยาชั้นยอด ท่านกินแล้ว จะสามารถสร้างพื้นฐานปราณและมีชีวิตอยู่ได้สองร้อยปี ไม่มีทางตายแน่ๆ”
ไม่มีเสียงตอบรับ
“ข้าบอกว่ามาแล้ว ท่านจะไม่เอ่ยอะไรหน่อยหรือ พูดสิ” ฉินหลิวซีตะโกนเสียงต่ำ ตบหน้าเขาเบาๆ “ถ้าไม่ตอบข้า ข้าจะไม่ยอมรับท่านอีก แยกย้าย ได้ยินหรือไม่”
“ท่านอาจารย์…”
พวกเถิงเจามาถึง เห็นภาพนั้นตกตะลึงจนขาอ่อนลง คุกเข่าลงบนพื้น น้ำตาไหลออกมา
เห็นร่างไร้ชีวิตของนักพรตเฒ่าชื่อหยวน ฟ่านคงสวดมนต์เบาๆ ยืนอยู่เงียบๆ หมุนลูกประคำ
ซาหยวนจื่อพุ่งเข้ามา พยายามจะจับมือนักพรตเฒ่าชื่อหยวน แต่ถูกฉินหลิวซีสะบัดออกไป
นางดวงตาแดงก่ำ ราวกับมีไฟลุกอยู่ข้างใน จ้องมองซาหยวนจื่ออย่างเกลียดชัง เอ่ยด้วยน้ำเสียงเครียด “ข้าให้เจ้าคอยดูแลเขา”
ซาหยวนจื่อคุกเข่า ก้มหน้าลง
ฉินหลิวซีอุ้มร่างครึ่งบนของนักพรตเฒ่าชื่อหยวน รู้สึกว่าร่างกายของเขาเย็นลง แข็งขึ้นเรื่อยๆ จึงใช้พลังภายในถ่ายเข้าไปในร่างกายของเขา
นางเสียพลังวิญญาณและพลังจิตจากการปรุงยาไปมาก ทั้งยังถูกสะท้อนกลับหลายครั้ง จนตอนนี้อ่อนแอไม่ไหวแล้ว ยามนี้ยังถ่ายพลังภายในอีก ไม่นาน ใบหน้าของนางเริ่มซีดเหมือนหิมะที่ปกคลุมพื้นบางๆ
“ทางที่ดีท่านตื่นขึ้นมาเสีย” นางถ่ายพลังภายในต่อเนื่อง
ฟ่านคงทนมองไม่ไหว ก้าวไปปิดตาของนักพรตเฒ่าชื่อหยวน “อมิตตาพุทธ เจ้าอาวาสน้อย ท่านนักพรตได้จากไปแล้ว”
“เจ้าหุบปาก” ฉินหลิวซีตะโกนเสียงดังถลึงตามองเขา
ฟ่านคงมองด้วยความสงสาร เอ่ยเบาๆ “ทุกสิ่งล้วนว่างเปล่า กำเนิดและดับไปเป็นไปตามเหตุและผล ชีวิตและความตายถูกกำหนดไว้แต่เดิม เจ้าอาวาสน้อยอย่ายึดติด”
“หุบปาก ข้าให้เจ้าหุบปาก เจ้าได้ยินหรือไม่” ฉินหลิวซีตะโกนอย่างโกรธจัด
ฟู่ เปลวไฟลุกจากรอบตัวนาง สูงเท่าครึ่งตัว แผ่ขยายออกไป
ฟ่านคงตกใจ โยนลูกประคำกันไฟ ดึงเถิงเจา เซินเซินมาหลบอยู่ด้านหลัง
เซินเซินร้องไห้ออกมา เถิงเจากัดริมฝีปากแน่น กำหมัดแน่น
โลกเงียบลงแล้ว
ฉินหลิวซีมองลงไปยังร่างของชายชราอีกครั้ง เห็นเขาเปลี่ยนจากสีขาวเป็นสีเขียวคล้ำ นางเอ่ยอย่างโกรธจัด “ข้าให้ท่านรอข้า ข้าบอกแล้ว ไยท่านจึงไม่เชื่อข้า ไยจึงไม่เชื่อ”
น้ำตาสีเลือดไหลจากดวงตาของนาง หยดลงบนใบหน้าสีฟ้าของเขา
“อ๊ากกก”
เสียงกรีดร้องโศกเศร้าดังก้องท้องฟ้า เปลวไฟเหมือนดอกบัวแดงแผ่ปกคลุมทั่วทั้งเส้นเลือดมังกร
ทุกคนหน้าซีด
เฟิงซิวปรากฏตัวจากความว่างเปล่า ใช้คาถาปกคลุมพื้นที่นี้ ป้องกันไฟแผ่ขยาย แม้ว่าเขาจะถูกไฟเผาจนหน้าซีดขาวก็ตาม
เขากลับไม่สนใจอะไร รีบแปลงร่างเข้าไปในวงไฟ เอ่ยเสียงดุ “สงบสติอารมณ์ลง ความโกรธของเจ้านี้ เกรงว่าแม้แต่วิญญาณของอาจารย์เจ้าก็จะถูกเผาจนหมดไป เจ้าต้องการให้วิญญาณของเขาแตกสลายหรือ”