คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า - ตอนที่ 954 เดิมทีข้าก็ไม่ใช่คนนิสัยดี
ตอนที่ 954 เดิมทีข้าก็ไม่ใช่คนนิสัยดี
ฉินหลิวซีไม่คาดคิดเลยว่า ในวันแรกที่นางกลับมา จะเจอเรื่องเหล่าบัณฑิตจำนวนหนึ่งมาด่าและหาเรื่องอารามเต๋าในทันที
ที่แท้ก็มีบรรดาผู้มีจิตศรัทธาบางคนมาที่อารามเต๋าตั้งแต่เช้า มีบัณฑิตบางคนคอยขัดขวางไว้ บอกว่าประชาชนสนับสนุนสิ่งไม่ดี ทำให้ฝ่าบาทหมกมุ่นกับการสร้างวังเซียนและเพิ่มการจัดเก็บภาษีจำนวนมาก ความโกรธเกรี้ยวและอารมณ์ร้อนของพวกเขาทำให้ผู้มีจิตศรัทธาไม่สามารถเข้าไปในอารามได้
เมื่อฉินหลิวซีได้ยินข่าวนี้ ขณะกำลังพาทุกคนอัญเชิญธูปเพื่อบูชาบรรพบุรุษ นางหันไปมองชิงหย่วน ใบหน้าเคร่งขรึม เอ่ยถาม “สถานการณ์เช่นนี้เกิดเฉพาะที่อารามชิงผิงของเราหรือว่าอารามอื่นๆ ก็เป็นเช่นนี้เหมือนกันหรือ”
“ทุกแห่ง ทุกอารามมีปัญหาเช่นเดียวกัน บางแห่งที่โด่งดังเพราะมหาราชครูที่มาจากลัทธิเต๋าถูกยกย่อง ได้กระทำการที่น่าอดสู นักพรตบางคนใช้ตำแหน่งของตนหลอกลวงสตรีและกระทำสิ่งที่ไม่เหมาะสม แต่อารามเต๋าส่วนใหญ่ยังเป็นฝ่ายดีอยู่” ชิงหย่วนเอ่ยด้วยสีหน้าไม่พอใจ “เกิดเรื่องไม่เหมาะสมขึ้น ทำให้พวกเราในลัทธิเต๋าถูกทำให้เสื่อมเสีย”
“ได้ยินมาว่ามีนักพรตคนหนึ่งถูกราดอุจจาระด้วยหรือ”
สีหน้าของชิงหย่วนเปลี่ยนไป บรรดาศิษย์คนอื่นก็รู้สึกไม่พอใจ
ฉินหลิวซีเห็นเช่นนั้น ความคิดหนึ่งก็แล่นเข้ามาในหัวของนาง เอ่ยถาม “ไม่ใช่ว่านักพรตคนนั้นเป็นศิษย์ของอารามเราหรอกกระมัง”
ชิงหย่วนส่ายศีรษะ “ไม่ใช่ แต่เดิมสหายเต๋าจิ่วหยางวางแผนจะมาอาศัยที่อารามเรา แต่ถูกบัณฑิตสุดโต่งเหล่านั้นดูหมิ่น เขาทั้งโกรธทั้งโมโห จึงไม่ได้มาอาศัยที่อารามเราอีก บอกว่าสมัยนี้ผู้คนเอ่ยถึงลัทธิเต๋าแตกต่างกันมาก มีการเข้าใจผิดต่อการฝึกปฏิบัติ เขาจึงไปหาสถานที่ที่เงียบสงบเพื่อปลีกตัวเป็นนักพรตพเนจร”
“แล้วศาสนาพุทธเล่า มีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นหรือไม่”
“ศาสนาพุทธยังคงสงบเสงี่ยมอยู่ เพราะมหาราชครูมาจากลัทธิเต๋า” ชิงหย่วนเอ่ย “แถมศาสนาพุทธเป็นสถานที่สำคัญ พวกเขาจึงไม่กล้าสร้างความวุ่นวาย”
ฉินหลิวซีหัวเราะเย็น “ศาสนาพุทธเป็นสถานที่สำคัญ แต่ลัทธิเต๋าของเรากลับเป็นเพียงตลาดขายผัก พวกเขาทำตัวราวกับแม่ค้าในตลาดจะมาโวยวายแบบใดก็ได้อย่างนั้นหรือ”
นางเห็นว่าพูดคุยมานานเพียงนี้ ผู้ที่มาจุดธูปกราบไหว้กลับไม่มีแม้เพียงคนเดียว จึงเอ่ยกับซานหยวน “ไปเอาถังอุจจาระมาหนึ่งถัง ไปกับข้า”
ชิงหย่วนตกใจ เอ่ย “เจ้าอาวาส ท่านคิดจะทำอย่างไร”
สาดกลับคืนมิได้หรือ
ฉินหลิวซีมองเขาด้วยตาเย็นชา “ข้าไม่เคยเป็นคนนิสัยดีอยู่แล้ว ไม่เคยมาก่อน และในอนาคตยิ่งไม่ใช่”
นางไม่ใช่ศิษย์ศาสนาพุทธ อุจจาระสาดมาที่ศีรษะแล้วจะยังยิ้มแล้วเอ่ยกลับไปว่าอมิตาภพุทธ สาธุๆ
เอาล่ะ บรรพบุรุษน้อยผู้นี้จะไปเอาคืนจริงๆ แล้ว
ชิงหย่วนไม่เอ่ยอะไรอีก ความจริงเขาก็รู้สึกอึดอัดอยู่บ้าง มหาราชครูไม่ได้ทำให้ลัทธิเต๋าตกต่ำ แต่ทำไมรู้สึกเหมือนลัทธิเต๋ากลายเป็นเป้าหมายในการโจมตีของทุกคนเลยเล่า
แม้แต่นักพรตอย่างพวกเขาก็ถูกผู้คนด่าทอราวกับปีศาจ เห็นอยู่ว่าพวกเขาไม่ได้ทำอะไรเลยด้วยซ้ำ
ฉินหลิวซีต้องการเอาคืน เขากลับรู้สึกสงบใจอย่างน่าประหลาด ตัวหนุนที่แข็งแกร่งกลับมาแล้ว
ที่ตีนเขา บัณฑิตในชุดบัณฑิตยังคงระบายความโกรธ ด่าทออารามเต๋าว่าหลอกลวง ดูหมิ่นประชาชนว่าเป็นคนโง่ที่มาบูชาขอพร นั่นเป็นการช่วยสนับสนุนลัทธิชั่ว คนมีปัญญาควรจะอ่านหนังสือให้มากกว่าที่จะเชื่อสิ่งเหล่านี้
“พี่โจวเอ่ยได้ถูกต้อง” บัณฑิตที่มีไฝที่ขากรรไกรล่างเอ่ยพลางรวบพัดกระดาษเสียงดัง “ตอนนี้ฝ่าบาทเชื่อในคำเอ่ยของพวกปีศาจ ยังคงยืนยันที่จะสร้างวังเซียน เงินในการสร้างวังและการปรุงยาเอามาจากที่ใด ก็ยังเป็นเงินที่ได้จากการกดขี่ประชาชน ท่านยังคงหลงเชื่อในการบูชาลัทธิเต๋าที่เลี้ยงปีศาจ ไม่ใช่เป็นการยกเงินในมือที่มีไว้กินข้าวเอาไปให้แก่ผู้อื่นหรอกหรือ โง่เขลาสิ้นดี”
“พี่หยวนเอ่ยได้ถูกต้องนัก อารามแบบนี้ควรปิดลงไปเสียเถิด” พี่โจวผู้นั้นเอ่ยด้วยสีหน้าเย่อหยิ่งพลางโบกพัด “เราเพียงหวังดีต่อพวกท่าน อย่ามัวหลงผิดไปกับมัน”
“ให้ข้าดูหน่อยเถิด ผู้ใดเป็นคนปากเสียตั้งแต่เช้าตรู่ ว่าจะกระทืบให้เต็มปากเต็มคำก็ต้องกระทืบให้มันจริงเถิด”
ทันใดนั้น เสียงหนึ่งก็แทรกเข้ามา
ผู้คนตกใจ ยังไม่ทันตั้งตัว ก็เห็นร่างสูงโปร่งสอดแทรกเข้ามาในสายตา จากนั้นเพียงเคลื่อนไหวมือ ก็นำพาของบางอย่างที่ยากจะบรรยายลักษณะสาดมายังกลุ่มบัณฑิต
กลิ่นเหม็นฟุ้งกระจาย ชื้นแฉะ
อ้วกกก
หลายคนร้องเสียงดังถอยหลังไปหลายก้าว บางคนตกตะลึงกับความแม่นยำของการสาดที่ไม่กระทบผู้อื่นเลย
ผู้ที่มุงดูหันไปมองฉินหลิวซี นี่ ดูเหมือนจะเป็นเจ้าอาวาสน้อยคนเก่าที่หายตัวไปหลังจากที่เจ้าอาวาสเก่าเสียชีวิต ตอนนี้ควรเรียกว่าเจ้าอาวาสแล้วกระมัง
เพียงแต่เจ้าอาวาสผู้นี้เป็นนักพรตหญิงหรอกหรือ
บัณฑิตที่โดนสาดอุจจาระเหล่านั้นอาเจียนออกมาไม่หยุด ชี้นิ้วด่าทอไปยังฉินหลิวซี “เจ้า เจ้าเป็นใครกัน กล้าทำเช่นนี้กับเรา ดูหมิ่นบัณฑิตอย่างพวกข้ายิ่งนัก พวกเราจะไปฟ้องร้อง พวกเราเป็นถึงซิ่วไฉนะ”
“ข้าคือเจ้าอาวาสอารามชิงผิง ฉายาปู้ฉิว ทำไมหรือ พวกเจ้ากล้าด่าทอว่าร้ายในพื้นที่เล็กๆ นี่ แต่ไม่ให้ข้าสาดคืนในพื้นที่ของตนเองอย่างนั้นหรือ ข้าเพียงเลียนแบบพวกเจ้าเท่านั้น”
“เจ้า เจ้า เจ้ายังเป็นเจ้าอาวาสอีกด้วย เจ้าช่าง…อ้วกกก” โจวซิ่วไฉผู้นั้นอาเจียนออกมา
“ถูกต้อง ข้าจะไปร้องต่อศาล” หยวนซิ่วไฉเองก็ร้องเสียงดัง
“เจ้าจะไปร้องก็ไปเถิด” ฉินหลิวซีหัวเราะเยาะ “เจ้าจะไปร้อง ข้าก็จะไปร้องเจ้าเช่นกัน”
หยวนซิ่วไฉเบิกตากว้าง “เจ้า เจ้าจะฟ้องร้องข้าอย่างนั้นหรือ”
“ใช่ ข้าเห็นว่าหน้าของเจ้าคมและแคบ ดวงตาของเจ้าลอย แก้มไม่มีเนื้อและคางมีปาน ดูเหมือนจะไม่มีความสามารถจริงแต่อย่างใด กลับมีใบหน้าที่เป็นลักษณะทุจริต เจ้าอ้างว่าตนเป็นซิ่วไฉอย่างนั้นหรือ ซิ่วไฉของเจ้าได้มาอย่างไร ข้าจะไปร้องทางการให้ตรวจสอบเจ้า”
อะไร ตำแหน่งซิ่วไฉมีปลอมด้วยหรือ
ผู้คนมองไปที่หยวนซิ่วไฉโดยไม่รู้ตัว รวมถึงบัณฑิตที่อยู่ข้างๆ ก็รู้สึกตกใจเช่นกัน
หยวนซิ่วไฉดวงตาลุกวาว เอ่ยด้วยท่าทีดุดัน “เจ้าบังอาจนัก เจ้าเอ่ยออกมาไม่มีหลักฐาน เหลวไหลสิ้นดี สมแล้วที่เป็นพวกเดียวกับมหาราชครูปีศาจนั่น ใส่ร้ายป้ายสีคนอื่น ข้ากลับไปจะต้องร้องต่อทางการอย่างแน่นอน ลงโทษเจ้าตามกฏหมาย”
เอ่ยจบ เขาก็หันหลังเดินจากไป
ฉินหลิวซีทำสัญลักษณ์มือ “ข้าให้เจ้าไปแล้วหรือ เอ่ยให้ชัดเจนก่อนค่อยไปสิ”
หยวนซิ่วไฉตกใจ ก่อนจะมองไปที่เท้าของตน สวรรค์ อะไรบางอย่างได้จับอยู่ ทำไม่อาจขยับได้
เขาร้องเสียงดัง สองมือดึงเท้าตนเอง เอ่ยด้วยความตื่นตระหนก “เจ้า เจ้าทำอะไรกับข้า วิชามาร เจ้ากำลังใช้วิชามาร ช่วยด้วย พี่โจว รีบช่วยข้าที”
โจวซิ่วไฉกลืนน้ำลาย ก้าวถอยหลัง
นี่ นี่มันเกินจะเชื่อ เห็นได้ชัดว่าไม่มีอะไร แต่เท้าของหยวนซิ่วไฉกลับถูกมือที่มองไม่เห็นจับอยู่ ขยับไม่ได้ น่ากลัวมาก
“เจ้าบอกว่าข้าเป็นนักพรตปีศาจมิใช่หรือ เพียงเจ้าเอ่ยความจริงมาว่า ตำแหน่งซิ่วไฉของเจ้าได้มาอย่างไร เจ้าก็จะไปได้ มิเช่นนั้น ข้าไม่ปล่อยเจ้าไปแน่” สายตาของฉินหลิวซีเยือกเย็นแหลมคม เอ่ย “มีคน ไม่อยากให้เจ้าไป”
หยวนซิ่วไฉเบิกตาโต สีหน้าซีดเผือด
ผู้ที่เห็นเหตุการณ์นี้ต่างตกตะลึง ดูจากท่าทางของเขาแล้ว ในนี้ต้องมีเรื่องจริงอยู่แน่นอน