คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า - ตอนที่ 957 พูดคุยเกี่ยวกับสถานการณ์ ได้ยินว่าตระกูลฉินเข้าไปเกี่ยวข้องในความขัดแย้ง
- Home
- คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า
- ตอนที่ 957 พูดคุยเกี่ยวกับสถานการณ์ ได้ยินว่าตระกูลฉินเข้าไปเกี่ยวข้องในความขัดแย้ง
ฉินหลิวซีพาซือเหลิ่งเย่ว์ไปยังวิหารใหญ่เพื่อถวายธูปให้กับอาจารย์ชื่อหยวน จากนั้นเดินเล่นไปทางหลังเขากับนาง มายังทางเดินหินฝั่งนั้น
“ข่าวคราวของวั่งชวนน้อยข้าก็พยายามสืบหามาตลอด” ซือเหลิ่งเย่ว์รู้เรื่องการหายตัวไปของวั่งชวน จึงได้วาดภาพเหมือนให้คนของตนเฝ้าตามหา เพียงแต่หลายปีมานี้ก็ยังไม่มีข่าวคราว
ฉินหลิวซีพยักหน้าตอบรับ
ซือเหลิ่งเย่ว์เห็นว่าอารมณ์ของฉินหลิวซีดูหดหู่เพิ่มขึ้น ความเกลียดชังต่อมารเอ้อฝูซื่อหลัวนั่นยิ่งเพิ่มทวีขึ้น ลักพาตัววั่งชวนก่อน จากนั้นสังหารชื่อหยวน สำหรับฉินหลิวซีแล้ว เขาคือศัตรูตัวฉกาจ
แต่ตัวตนที่แท้จริงของเขานั้นไม่เคยปรากฏตัวขึ้นมาก่อน ซ่อนตัวได้ดีเสียจริง
“ไม่เป็นไร จริงสิ หลายปีมานี้ตระกูลซือเป็นอย่างไรบ้าง ได้ยินว่าตั้งแต่มีมหาราชครูปรากฏตัวขึ้นมา ฮ่องเต้ก็หลงผิด มีผลกระทบต่อพวกเจ้าหรือไม่” ฉินหลิวซีเอ่ยถามนาง
ซือเหลิ่งเย่ว์เอ่ยตอบ “นับตั้งแต่ถอนคำสาปเลือด ข้าก็รับการถ่ายทอด ทุ่มเทให้กับการฝึกฝนเวทมนตร์ ตระกูลซือมอบทรัพย์สินครึ่งหนึ่งเข้าสู่คลังหลวงของทางการ กิจการที่เปิดเผยทั้งหมดก็รอดตัว เหลือเพียงกิจการที่ซ่อนเอาไว้ใช้เป็นทางหนีทีไล่ ยามนี้ข้างนอกมีข่าวคราวตระกูลซือน้อยมาก คิดว่าพวกเราซ่อนตัวจากสังคมแล้ว อย่างไรพวกเราก็เป็นตระกูลพ่อมดแม่มด”
“เช่นนั้นก็ดีแล้ว เพียงแต่ทรัพย์สินครึ่งหนึ่งที่สูญไปน่าเสียดายแล้ว ต้องตกไปอยู่ในกระเป๋าของฮ่องเต้ที่ไร้ปัญญา คงดีกว่าถ้าเข้าสู่กระเป๋าของประชาชน” ฉินหลิวซีเอ่ยด้วยเสียงเหยียดหยัน
ซือเหลิ่งเย่ว์ประสานมือไพล่หลัง เอ่ย “ก็ไม่มีอะไร ฮ่องเต้หลงผิดเช่นนี้ ความจริงก็เป็นการขุดหลุมฝังตัวเองเท่านั้น สุดท้ายก็ต้องตามรอยบรรพกษัตรย์ บรรพบุรุษของเขาเอง เรื่องอายุยืนยาว ไหนเลยจะง่ายเพียงนี้”
แม้แต่ผู้ฝึกฝนก็ยังไม่สามารถมีชีวิตนิรันดร์ได้ ทำได้เพียงฝึกตนและจิตใจเพื่อเพิ่มอายุขัย แต่การมีชีวิตยืนยาวและไม่ตาย จะเป็นไปได้อย่างไรเล่า
ฮ่องเต้ต้องการที่จะมีชีวิตยืนยาวโดยใช้ยาสมุนไพรเพียงอย่างเดียว เรื่องไร้สาระทั้งนั้น
เขากินยาสมุนไพรเช่นนี้ หากมันดีจริงๆ อาจช่วยบำรุงร่างกายได้ แต่หากกินต่อเนื่องกันนานๆ จะเกิดพิษจากยาสมุนไพรในร่างกาย ซึ่งจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนแม้แต่เทพเซียนก็ไม่อาจช่วยได้
นี่คือหนึ่งในอันตรายจากการใช้ยาสมุนไพร อันที่สองคือ หากโอรสคนดีของเขารอไม่ไหวและทำการบางอย่าง นั่นจะทำให้เขากลายเป็นบรรพกษัตรย์คนที่สองที่ถูกทอดทิ้งแล้ว
ดังนั้น ซือเหลิ่งเย่ว์คิดว่าฮ่องเต้องค์ปัจจุบันกำลังรนหาที่ตาย จะช้าจะเร็วเขาก็ต้องตาย
“ช่วงนี้ข้าได้พยากรณ์ผ่านการดูดาวและเวทมนตร์แล้ว คนผู้นั้นอยู่ได้อีกไม่เกินห้าปี” คงไม่รอดในห้าปี ซือเหลิ่งเย่ว์เอ่ยอย่างเยือกเย็น “แต่ประชาชนจะลำบากที่สุด เมื่อแผ่นดินถึงคราวล่มสลาย สุดท้ายคนที่ทุกข์ที่สุดก็คือประชาชน”
ฉินหลิวซีเอ่ยเย้ยหยัน “สร้างกรรมเองไม่อาจหนีพ้น”
“ใช่ เขาไม่สนใจอะไรแล้ว ได้ยินมาว่าเขายังประกาศตัวเป็นเซียนจิ่วเจิ้งและเปลี่ยนจากเสื้อคลุมมังกรเป็นเสื้อคลุมเต๋าแบบธรรมดาแล้ว” ซือเหลิ่งเย่ว์บอกข่าวที่ได้มาจากสายข่าวของตระกูลซือ
“ไม่เข้าท่าเลยสักนิด” ฉินหลิวซีทำหน้ารังเกียจ เอ่ย “เจ้ารู้ที่มาที่ไปของมหาราชครูหรือไม่”
“ได้ยินมาว่าเขาเป็นศิษย์ของผู้นำลัทธิตงเทียน เป็นศิษย์ภายใต้สำนักจ้าวกงหมิง เขาอ้างว่าเป็นลูกหลานของจ้าวกงหมิง ก็เพียงเชื่อคำของเขาไปเท่านั้น ผู้ใดจะไปตรวจสอบว่าเป็นจริงหรือไม่” ซือเหลิ่งเย่ว์เอ่ย “เมื่อปลายเดือนสี่ปีที่ยี่สิบเก้า องค์ชายใหญ่ หรือก็คือองค์รัชทายาทในปัจจุบันได้กราบทูลว่าได้พบกับนักพรตลึกลับผู้หนึ่งที่ใช้ชีวิตอย่างสันโดษ ทำนายว่าจะเกิดแผ่นดินไหวในช่วงเทศกาลไหว้บ๊ะจ่างที่ชานเมืองหลวง น้ำในทะเลสาบจะล้นออกมา องค์รัชทายาทไม่กล้าปิดบังเรื่องนี้ จึงนำตัวนักพรตผู้นี้มาแนะนำ สุดท้ายอย่างที่เจ้าก็รู้ การทำนายนั้นเป็นจริง ต่อมานั้นเขายังพยากรณ์เหตุการณ์สำคัญของแผ่นดินที่เกิดขึ้นจริง จึงได้รับการเคารพจากฮ่องเต้ ต่อมาได้ถวายยาวิเศษและทำการแสดงเรียกลมเรียกฝน ซึ่งก็ได้ตำแหน่งมหาราชครูมา”
ฉินหลิวซีฟังแล้วขมวดคิ้ว เอ่ย “ฟังอย่างนี้แล้ว ที่บัณฑิตพวกนั้นเรียกเขาว่าปีศาจนักพรตเต๋าคงไม่เกินจริงเลย การกระทำเช่นนี้ไม่ต่างอะไรจากมนต์ดำพวกนั้น ส่วนการพยากรณ์ นักพรตเต๋าที่มีวิชาอยู่บ้าง ก็ไม่ใช่เรื่องยากอะไร การเรียกพายุฝนก็ง่ายมาก เพียงแค่เขียนยันต์พายุฝนสองสามเส้นก็พอ เรียกลมหรือ เพียงแค่สัญญาดีๆ เชิญวิญญาณมาพัดลมสักหน่อยก็เรียบร้อยแล้ว ง่ายยิ่งนัก ยังเป็นลมที่มีความเย็นด้วย หนึ่งคนถือเทียนหนึ่งเล่ม วิญญาณก็สามารถพัดลมได้ทั้งคืน”
คิก
ซือเหลิ่งเย่ว์หัวเราะออกมา เอ่ย “จริงๆ แล้วเจ้าก็มีฝีมือในการทำเช่นนี้”
ฉินหลิวซียิ้มอย่างเขินอาย เอ่ย “เหลวไหล ข้าไม่ใช่คนเช่นนั้นสักหน่อย”
จริงๆ ก็อาจจะทำได้
ซือเหลิ่งเย่ว์เอ่ย “ฮ่องเต้องค์ปัจจุบันนั้นหลงผิด ยังเพิ่มภาษีมากมายอีกด้วย ข้ามองว่าสำหรับปีต่อๆ ไป แผ่นดินต้าเฟิงอาจเกิดความวุ่นวาย หากมีภัยพิบัติและภัยธรรมชาติเข้ามาเพิ่มอีก ชีวิตของประชาชนอาจจะแย่ลงทุกปี และแผ่นดินต้าเฟิงจะเผชิญกับปัญหาภายในและภายนอกอย่างรุนแรง”
หากแผ่นดินต้าเฟิงดำเนินไปเช่นนี้อาจทำให้แผ่นดินล่มสลาย ถึงยามที่เกิดสงครามและความวุ่นวาย ประชาชนจะต้องเผชิญกับความทุกข์ยาก
ฉินหลิวซีเอามือไขว้หลัง เอ่ย “ไม่แน่นี่อาจเป็นสิ่งที่มารเอ้อฝูอยากเห็นก็เป็นได้”
ทำให้ประชาชนเดือดร้อน ใช่ว่าเขาจะไม่เคยทำ
เจ้าปีศาจชั่วนั่นเป็นคนวิปริตคนหนึ่ง
ซือเหลิ่งเย่ว์ขมวดคิ้ว เอ่ย “เจ้าหมายความว่าทั้งหมดนี้มีเขาคอยผลักดันอยู่เบื้องหลังหรือ”
“อืม”
“สิ่งนี้มีประโยชน์อะไรกับเขาเล่า” ซือเหลิ่งเย่ว์ยังไม่เข้าใจความคิดของคนผู้นั้น
ฉินหลิวซีไม่เอ่ยสิ่งใด นางเองก็กำลังครุ่นคิด แผ่นดินต้าเฟิงนี้ปั่นป่วนแล้วมีผลดีกับเขาเช่นไร หรือถึงตอนนั้นเขาจะมาช่วยเหลือยามมีภัย ให้ประชาชนมองว่าเขาเป็นผู้กอบกู้อย่างนั้นหรือ
หรือว่านี่เป็นเพียงการเล่นสนุกสำหรับเขา
ฉินหลิวซีไม่คิดมากมายเกินไป เอ่ยกับซือเหลิ่งเย่ว์ “หากเห็นอนาคตเช่นนี้ ดังนั้นต่อไปนี้ ให้เก็บอาหารและยาสำรองให้มากขึ้น หากถึงวันนั้นเรายังมีพลังพอที่จะช่วยเหลือประชาชนได้”
ไม่เพียงแต่ตระกูลซือต้องเตรียมตัว แต่ยังรวมถึงตนเองและคนรู้จักที่มีความสามารถ เช่นเฟิงซิว และอย่างเช่นมหาเศรษฐีกงปั๋วเฉิง เป็นต้น
สำหรับความวุ่นวายในแผ่นดิน ก็ต้องให้คนที่มีความสามารถจริงๆ มาจัดการ เช่น ข้าราชการและทหาร ส่วนผู้นำของแผ่นดินก็ให้ผลักดันคนขึ้นมา
หากซื่อหลัวต้องการทำให้ต้าเฟิงวุ่นวาย นางก็จะพยายามทำให้มั่นคง
“รัชทายาทองค์ปัจจุบันมีความสามารถในการทำงานจริงหรือไม่”
ซือเหลิ่งเย่ว์เอ่ย “เขาสร้างภาพลักษณ์ของคนดี แต่ความสามารถไม่เพียงพอ หูอ่อนและไม่มีความเชื่อมั่นจากพี่น้องของเขา โดยเฉพาะในยามนี้ที่ฮ่องเต้ต้องการมีชีวิตยืนยาว องค์ชายเหล่านั้นยิ่งก็มีความทะเยอทะยานมากขึ้น ทุกคนกำลังคิดจะดึงเขาลง ดังนั้นความขัดแย้งในหมู่ผู้ปกครองตอนนี้รุนแรงยิ่งกว่าตอนที่ตั้งรัชทายาท หากไม่ใช่เพราะการปกป้องจากมหาราชครู องค์รัชทายาทอาจถูกดึงออกจากตำแหน่งไปแล้ว แต่ถึงแม้มหาราชครูจะปกป้องเขา ตำแหน่งของเขาก็ยังเสี่ยงอยู่ดี”
“แล้วความสามารถองค์ชายอื่นเล่า”
“การต่อสู้เพื่อชิงตำแหน่งรัชทายาทเป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ในทุกยุคสมัย เจ้าไม่ต่อสู้ ก็จะถูกบีบบังคับให้ต่อสู้ องค์ชายทั้งหลายคน แม้แต่ผู้ที่ยังไม่โตเป็นผู้ใหญ่ ต่างก็ใช้ทุกวิถีทางเพื่อเพิ่มอำนาจของตน เช่น การสมรส การจัดตั้งกลุ่ม และการขายตำแหน่งมากมาย ต่างมีร่องรอยให้ติดตาม ความขัดแย้งชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ สำหรับความสามารถน่ะหรือ ข้ายังไม่เห็นผู้ที่มีคุณสมบัติเป็นฮ่องเต้ที่ดีเลย” ซือเหลิ่งเย่ว์นึกขึ้นได้ เอ่ย “จริงสิ ตระกูลฉินก็เข้าไปยุ่งด้วยหรือ”
ฉินหลิวซีมองอย่างไม่พอใจและงุนงง เอ่ย “หมายความเช่นไร”
ซือเหลิ่งเย่ว์เอ่ย “ญาติผู้น้องของเจ้าคนหนึ่ง ได้กลายเป็นสนมของจ้าวอ๋องหรือที่เรียกว่าองค์ชายรอง”
ฉินหลิวซีใบหน้าทะมึนลง ญาติผู้น้อง ฉินหมิงเย่ว์หรือ