คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า - ตอนที่ 959 จะไม่ทำตามความปรารถนาของพวกสุนัข
ตอนที่ 959 จะไม่ทำตามความปรารถนาของพวกสุนัข
แม้ฉินหลิวซีจะเป็นนักพรตหญิง แต่ไม่เคยดูถูกตนเองหรือคิดว่าตนเองไม่น่าดึงดูดความสนใจ นางมั่นใจในความงามของตนเองมาก ถ้านางอยากจะมีความรัก นางสามารถดึงดูดผู้ใดก็ได้
แต่การที่จ้าวอ๋องมาสนใจนาง ทำให้นางรู้สึกขยะแขยง
ผู้คนในราชวงศ์เน้นผลประโยชน์เป็นหลัก การพูดคุยเรื่องความรักที่ขัดกับผลประโยชน์นั้นไม่มีผู้ใดทำ นางเข้าใจดีว่าจ้าวอ๋องไม่ได้สนใจตัวนางจริงๆ แต่สนใจในเครือข่ายเส้นสายที่นางสามารถนำมาได้ ซึ่งทำให้รู้สึกถึงความเห็นแก่ตัว
แน่นอนว่าไม่มีผู้ใดหลีกเลี่ยงการอิจฉาได้ การที่นางจะดึงดูดคนที่ยอดเยี่ยมเช่นนี้เป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่นางรู้สึกเหมือนถูกเหยียดหยาม
ผลของความรู้สึกที่ถูกเหยียดหยามก็คือ อยากไปจับจ้าวอ๋องยัดกระสอบ ตอนนี้เลยหรือ ไม่ล่ะ จดบัญชีเอาไว้ก่อน
ฉินหลิวซีถามเฟิงซิว “ฉินหมิงเย่ว์มีท่าทีไม่พอใจหรือไม่”
หากฉินหมิงเย่ว์ต้องมาตกอยู่ในสถานการณ์นี้เพราะตนเอง เช่นนั้นตนจะให้เส้นทางงดงามให้กับนาง
เฟิงซิวหัวเราะเยาะ “ท่านบรรพบุรุษ ผู้ที่ได้ความมั่งคั่งยิ่งใหญ่เช่นนี้ จะมีสักกี่คนที่จะหลีกเลี่ยงเช่นท่านไม่รีบพยักหน้าราวกับไก่จิกข้าวสารได้หรือ”
ฉินหลิวซีหลุบตาลง เช่นนั้นก็เป็นการยินยอมด้วยตนเองแล้ว
“หลังบุตรหลานตระกูลฉินออกจากการไว้ทุกข์ ตระกูลมารดาของจ้าวอ๋องติ้งซีโหวได้จัดงานเลี้ยงฤดูใบไม้ผลิขึ้น นางรับคำเชิญและพบกับจ้าวอ๋องโดยบังเอิญ” เฟิงซิวเย้ยหยัน “ที่จริงหากนางไม่เต็มใจ พวกเราก็มีวิธีก่อกวนมากมาย แต่ไม่อาจขัดกับที่ผู้ใฝ่ฝันในทรัพย์สมบัติล้นฟ้า หมายจะเป็นดอกเล็บมังกร[1]ที่งามสง่า”
ดอกเล็บมังกร มันต้องมีธรรมชาติให้เกาะเกี่ยว หากมีลำต้นสูง มันก็จะไต่ขึ้นตามต้นนั้น
ฉินหลิวซียิ้มหยัน “นางช่างไม่ใส่ใจคำทำนายของข้า”
หวานก่อนขมทีหลัง อีกไม่นานคงต้องดื่มน้ำขมทุกวันแล้ว
ฉีหวงจึงเอ่ยขึ้น “เดิมทีนายท่านออกจากการไว้ทุกข์ นายหญิงก็ไม่คิดจะกลับเมืองหลวง จะอยู่บ้านเก่ารอท่านกลับมา แต่คุณหนูรองก่อเรื่องขายหน้าในงานเลี้ยงจวนติ้งซีโหว นายท่านผู้เฒ่าโกรธมากสั่งกักบริเวณนายหญิงรอง อีกทั้งให้นายหญิงกลับเมืองหลวงเพื่อจัดการงานในบ้าน นางจึงได้กลับไปเจ้าค่ะ”
“ความจริงหากไม่ใช่เพราะพระสนมซูเฟยขอพระราชทานสมรส นายท่านผู้เฒ่าคงจะขับคุณหนูรองออกจากตระกูลไปแล้วเจ้าค่ะ” ฉีหวงเอ่ย
ฉินหลิวซีเคาะโต๊ะเบาๆ ดูเหมือนนายท่านผู้เฒ่ายังไม่ได้หลงใหล คิดฝันถึงความรุ่งเรืองล้นฟ้าอะไรนั่น
เฟิงซิวเอ่ย “ท่านต้องไปเมืองหลวงสักรอบ ไม่เช่นนั้นพวกเขาจะใช้ชื่อท่านเพื่อเสริมความมั่นคง ในสายตาคนนอก แม้ตระกูลฉินจะไม่เลือกฝ่ายก็เหมือนเลือกแล้ว แท้จริงแล้วจ้าวอ๋องมีลักษณะของกษัตริย์ที่ดี การสนับสนุนเขาก็ไม่ใช่เรื่องเลวร้าย แต่คนผู้นั้น เต็มไปด้วยแผนการเพื่อประโยชน์ส่วนตัวและยังเสแสร้งอีก ดูแล้วน่ารังเกียจ”
“อืม” ฉินหลิวซีไม่ใช่คนที่จะยอมปล่อยไปเพราะเห็นแก่เป็นญาติ จะปล่อยให้มารบกวนจิตใจไม่ได้
บรรดาบุตรชายตระกูลฉินยามนี้ ไม่มีผู้ใดที่มีความเด็ดขาดพอ ต่อให้ได้รับตำแหน่งทางราชการก็ไม่อาจรักษาเอาไว้ได้ จึงต้องพัฒนาไปอย่างมั่นคง ไม่ควรเร่งรีบ
รอให้คนรุ่นถัดไปเติบโตขึ้น แล้วค่อยว่ากันถึงความรุ่งเรืองล้นฟ้าอีกครั้ง
ตระกูลฉินไม่ควรหุนหันพลันแล่น
ฉินหลิวซีรับรู้ถึงสถานการณ์ในตระกูลฉินจากปากของพวกเขา นอกจากฉินหมิงเย่ว์ที่กลายเป็นชายารองของจ้าวอ๋อง ฉินหมิงมู่บ้านรองก็แต่งงานแล้ว แต่งกับบุตรีคนโตเชื้อสายรองของตระกูลหลี่ขุนนางฝ่ายกรมการช่างแล้ว ยามนี้ลูกก็อายุได้หนึ่งขวบแล้ว ตัวเขาก็สอบได้จวี่เหริน ตั้งใจสอบรับราชการในปีหน้า
ฉินหมิงฉีเองก็กลับไปเล่าเรียนในเมืองหลวงภายใต้การกดดันของสะใภ้เซี่ย และฉินหมิงซินเองก็มีการหมั้นหมายแล้ว
อีกทั้งบ้านสาม ฉินปั๋วชิงจัดการงานในบ้าน ทำกิจการกับอดีตพ่อบ้านจ้าว โดยเน้นเส้นทางการค้าขายจากเส้นทางสายไหมไปยังดินแดนตะวันตก ได้ยินว่าจะร่วมลงทุนกับกิจการทางเรือ ฝาแฝดของเขาก็ได้รับการศึกษาแล้ว
มองกลับไปที่บ้านใหญ่ เด็กน้อยทั้งสาม ไม่มีผู้ใดอยู่ในความดูแล ต่างศึกษาเล่าเรียนกับท่านอาจารย์ไปตามทางของตนเอง ส่วนฉินหลิวซีนั้น เป็นที่ต้องการของทุกคน
“ตอนที่ท่านฉินกลับเมืองหลวง ได้เป็นบุรุษช่วยหญิงงาม ช่วยเหลือหญิงขายศิลปะไม่ขายตนเอง” เฟิงซิวเหลือบมองฉินหลิวซี เอ่ย “เด็กที่โตแล้วไม่เชื่อฟังไม่กตัญญูอยู่ข้างกาย ยามนี้เขาจึงคิดจะมีลูกใหม่มาเลี้ยงดูเขายามแก่เฒ่า”
ถ้วยชาของฉินหลิวซีถูกวางลงบนโต๊ะ “รับเป็นอนุภรรยาหรือ”
“อือหึ”
เฟิงซิวเอ่ยอย่างเยือกเย็น “เอ่ยตามตรง ท่านฉินก็เป็นคนที่โชคร้ายคนหนึ่ง ในวัยกลางคนต้องทนทุกข์ทรมานจากการถูกเนรเทศ กลับมาก็ถูกภรรยาและอนุไม่เห็นคุณค่า หวังเพียงว่าเขาจะรับอนุภรรยาใหม่เพื่อเป็นการหลบหนีจากปัญหา สุดท้ายรับอนุคนใหม่มาก็น่าสนใจ ต้องการเพียงที่พักพิงที่สงบสุข สามวันก็ป่วย ร่วมหลับนอนได้ไม่ถึงสิบคืน กลางวันสุขภาพดีทำการแสดงให้แม่ใหญ่และอนุวั่นชม พอตกกลางคืนก็ป่วยเป็นไข้ไม่อาจร่วมหลับนอนได้”
ฉินหลิวซี “…”
ก็เท่ากับว่า ฉินปั๋วหงกลายเป็นเครื่องมืออีกครั้ง
“หญิงคนนั้นมีภูมิหลังที่ชัดเจนหรือไม่” ฉินหลิวซีไม่ใส่ใจถ้าหากอีกฝ่ายต้องการที่หลบภัย แต่ถ้าเป็นการเข้ามาเพื่อมีเจตนาอื่น นางก็ไม่อาจปล่อยไว้ได้
คนของบ้านใหญ่นอกจากฉินปั๋วหงบิดาคนเลวผู้นี้ คนอื่นนางจะไม่ยอมให้มาทำร้ายเด็ดขาด
เฟิงซิวเข้าใจดีว่าฉินหลิวซีสนใจเรื่องใด จึงพยักหน้าตอบ “นางเป็นคนฉลาด เพียงแค่ต้องการที่พักสงบสุข”
เช่นนั้นก็ได้
เจ้าโสมน้อยเอ่ยถาม “ท่านเพิ่งกลับมา จะไปอยู่เมืองหลวงนานอีกแล้วหรือ”
“จะเป็นไปได้อย่างไรเล่า” ฉินหลิวซียิ้มบางส่ายศีรษะ “ข้าจะอยู่ที่นี่ ข้าต้องทำหน้าที่ผู้ดูแลศาลเทพเจ้าประจำเมืองในอำเภอหนานชั่วคราว”
เฟิงซิวได้ฟังพลันมีแสงสีแดงวูบผ่านในตา เอ่ย “นี่หมายความว่า…”
ฉินหลิวซีไม่ตอบตรงๆ “มีคนคิดจะก่อกวนให้ต้าเฟิงปั่นป่วน ข้าจะไม่ยอมปล่อยให้มันเกิดขึ้นง่ายๆ เก็บวัตถุดิบยาในร้านยาตำหนักอายุวัฒนะเอาไว้มากสักหน่อย ส่วนที่จิ่วเสียนพยายามใช้ทองแลกเป็นข้าวสารเอาไว้ให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้”
เฟิงซิวหรี่ตาจิ้มลิ้มของจิ้งจอก เอ่ย “ท่านจะกุมชะตากรรมของผู้คนเอาไว้หรือ”
“ไม่” ฉินหลิวซีหลุบตาลง ปิดบังความเย็นชาในดวงตา เอ่ย”ข้าเพียงไม่ยอมให้เจ้าสุนัขนั่นได้สมหวัง ข้าทนไม่ได้ที่เขาจะทำสำเร็จ ตั้งแต่วันที่ท่านอาจารย์จากไป ข้ากับเขาก็เป็นศัตรูจนวันตาย ไม่ตายไม่เลิกรา ดังที่เจ้าเอ่ยเอาไว้เมื่อสามปีก่อน การต่อสู้เริ่มขึ้นแล้ว ข้าไม่สนใจว่าความปั่นป่วนของต้าเฟิงจะเป็นฝีมือเขาหรือไม่ สิ่งที่เขาต้องการทำ ข้าจะทำตรงข้ามกับเขาเสมอ”
ทุกคนที่ได้ฟัง หัวใจเต้นแรง
ไม่ตายไม่เลิกรา คำนี้หนักแน่นทรงพลัง แต่ใจของพวกเขากลับสั่นคลอน
เฟิงซิวเอ่ย “เพียงพึ่งแค่ตัวเราเองในการสะสมข้าวสารและยา กำลังของเราคงไม่พอ”
ฉินหลิวซีหัวเราะ เอ่ย “เจ้าไม่ได้บอกหรอกหรือว่าจ้าวอ๋องหมายปองเส้นสายของข้า ในเมื่อมีเส้นสายก็ไม่จำเป็นต้องทำเอง การจะสร้างยุคสันติสุขไม่สามารถพึ่งพาคนคนเดียวได้ แม้แต่ข้าเองก็ไม่สามารถช่วยชีวิตคนทั้งหมดได้ พวกเขาต้องช่วยตัวเอง เราผู้บำเพ็ญเต๋าสามารถขัดขวางและต่อกรกับซื่อหลัวได้ แต่ความสงบสุขในต้าเฟิงนั้นจะขึ้นอยู่กับการมีผู้นำที่มีปัญญาและขุนนางที่ซื่อสัตย์ ตลอดจนทุกคนที่อาศัยอยู่ในต้าเฟิง ไม่เช่นนั้นต่อให้ฆ่าซื่อหลัวได้ หากยังมีพวกปลวกผุกร่อนเหล่านั้น ในที่สุดแผ่นดินก็จะล่มสลาย ประชาชนก็ต้องทนทุกข์”
ดังนั้น ข้าจึงต้องรวบรวมเส้นสายเก่าของข้า เพื่อช่วยชีวิตผู้คน ช่วยชาติบ้านเมือง มิใช่เพียงตัวข้าเท่านั้น
ปราบปีศาจ นางร่วมกับคนในลัทธิเดียวกัน ปกครองแผ่นดิน ต้องอาศัยผู้มีความรู้มองการณ์ไกลเหล่านั้น
[1] ดอกเล็บมังกร เป็นพืชเถาเลื้อยที่มีดอกสีส้มสดหรือแดง มีลักษณะพิเศษในการเลื้อยขึ้นไปตามที่สูง มีความหมายเชิงสัญลักษณ์ในวรรณกรรมจีนว่าเป็นสัญลักษณ์ของคนที่มีความทะเยอทะยานหรือผู้ที่ต้องการยกตนขึ้นสูง โดยอาศัยผู้อื่นในการประสบความสำเร็จ