คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า - ตอนที่ 964 ข้ากล้าทำตามใจปรารถนา
ตอนที่ 964 ข้ากล้าทำตามใจปรารถนา
เมื่อยามที่เห็นหนังสือสมรส ใจของหลัวฉี่ทั้งตกใจและโกรธเกรี้ยว นี่มันเกินไปแล้ว เขาถูกจับแต่งงานกับคนอื่นโดยไม่รู้ตัว และที่แย่กว่านั้นคือฝ่ายตรงข้ามไม่ใช่หญิงที่มีชาติตระกูลดี หากแต่คาดเดาได้ว่าน่าจะเป็นหญิงจากหอคณิกา นี่เป็นการดูหมิ่นเขาอย่างใหญ่หลวง
หลัวฉี่บีบหนังสือสมรสไว้แน่น ใบหน้าที่หล่อเหลาของเขาแดงก่ำด้วยความโกรธ
เซ่าหมิงเดินเข้าไปดูหนังสือสมรส สีหน้าเปลี่ยนไปหลายครั้ง หนังสือสมรสของเช่นนี้ ต้องมีการเขียนวันเดือนปีเกิดของทั้งสองฝ่าย เมื่อมีหนังสือสมรสก็เท่ากับเป็นสามีภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมาย และกฎหมายก็ยอมรับเรื่องนี้
และหนังสือสมรสของหลัวฉี่ก็มีข้อมูลครบถ้วนสมบูรณ์ทุกประการ
“นี่… พี่หลัว นี่มันเรื่องอะไรกัน” เซ่าหมิงเองก็งุนงงเช่นกัน หลัวฉี่อายุเพียงสิบแปดปี ยังไม่ได้หมั้นหมายผู้ใด ซึ่งทุกคนในสำนักศึกษาต่างก็รู้ดี แต่กลับมีหนังสือสมรสและเส้นผมที่พันกันอยู่ นี่มันน่าขนลุกยิ่งนัก
“มีหนังสือสมรส สามีภรรยาได้แต่งงานกันอย่างเป็นทางการ สวรรค์และผืนดินยอมรับว่าเจ้าทั้งสองเป็นสามีภรรยา นางมาหาเจ้าในทุกค่ำคืนเพื่อเข้าห้องหอก็ไม่แปลกอะไร” ฉินหลิวซีชี้ไปยังเหลียงเย่าจู่
ทุกคนหันไปมองตามโดยไม่รู้ตัว เมื่อเห็นดังนั้น ทุกคนก็รู้สึกขนลุกขนชัน รีบเข้ามาอยู่ข้างฉินหลิวซีทันที
ในขณะนี้ เหลียงเย่าจู่ทำท่าทีบิดตัวไปมา ยกมือขึ้นลูบเส้นผมพลางส่งสายตาหวานเยิ้ม ความเย้ายวนนี้ หากเป็นหญิงสาว คงทำให้ชายหนุ่มหลงใหลไปถึงกระดูก
แต่ตอนนี้ผู้ที่ทำท่าทางนี้คือชายหนุ่มคนหนึ่ง ชายหนุ่มที่มีท่าทางนุ่มนิ่มมากยิ่งกว่ากระต่ายน้อยเสียอีก ผู้ใดเล่าจะไม่รู้สึกขยะแขยง
คำว่าชายรักชายทุกคนรู้ดีว่าเป็นอย่างไร แต่คนที่อยู่ที่นี่ไม่ใช่ผู้ที่มีรสนิยมเช่นนั้น เมื่อเห็นเหลียงเย่าจู่ในสภาพเช่นนี้ ทุกคนก็รู้สึกทั้งร้อนทั้งหวาดกลัว
“เหลียงเย่าจู่ เจ้าทำบ้าอะไร” เซ่าหมิงกลืนน้ำลายก่อนจะกล่าวด้วยน้ำเสียงดุดัน
‘เหลียงเย่าจู่’ กลับหันไปมองหลัวฉี่ คลี่ยิ้ม “หลัวหลัง[1]…”
อ๊ากกกก
ทุกคนที่ได้ยินเสียงนุ่มนวลจากปากของเขาก็แทบบ้าคลั่ง รีบหลบอยู่หลังฉินหลิวซีทันที
นี่มันอะไรกัน
หลัวฉี่เองก็หน้าซีดทันที เสียงนี้มันเหมือนกับเสียงที่เขาได้ยินในฝันไม่มีผิด
“เจ้าเป็นผู้ใดกันแน่” เขาถามด้วยใบหน้าขาวซีด “ไยเจ้าถึงต้องมาทำร้ายข้าด้วย”
“หลัวหลัง เจ้ากับข้าเป็นสามีภรรยากัน ไยเจ้าถึงได้เย็นชากับข้าเช่นนี้เล่า” ‘เหลียงเย่าจู่’ แสร้งทำเป็นเสียใจ ปิดหน้าครึ่งหนึ่ง ดวงตาเต็มไปด้วยความเศร้า
“พูดบ้าอะไรกัน ข้าไม่รู้จักเจ้าด้วยซ้ำ ทุกครั้งที่เจ้าเข้ามาในฝันของข้า เจ้าเป็นคนยั่วยวนให้ข้าทำเรื่องเช่นนั้น” หลัวฉี่โกรธจัด
‘เหลียงเย่าจู่’ หัวเราะคิกคัก เอ่ย “หลัวหลัง หากวัวไม่อยากกินน้ำ จะบังคับให้วัวก้มกินน้ำได้หรือ ข้าจะยั่วยวนเจ้าได้ก็ต่อเมื่อเจ้าตอบสนองข้า เราทั้งสองต่างร่วมกันทำสิ่งที่น่ารื่นรมย์ แล้วไยถึงได้กล่าวโทษแต่ข้าคนเดียวเล่า”
หลัวฉี่รู้สึกอับอายจนแทบอยากจะหนีไปตายเสียให้พ้น
เขาเข้าใจดีว่าความเป็นจริงเป็นเช่นไร แต่เมื่อถูกเอ่ยออกมาเช่นนี้ เขารู้สึกอับอายจนหน้าแดงจริงๆ
อีกทั้งเขาไม่รู้เรื่องอะไรเลย หากไม่มีผู้ใดคิดร้าย เขาก็ไม่อาจถูกยั่วยวนได้
ฉินหลิวซีดีดนิ้ว มือข้างหนึ่งปล่อยวิชาคาถาไปยังตัว ‘เหลียงเย่าจู่’ เขาร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด ก่อนจะถอยหลังไปสองสามก้าว และมองฉินหลิวซีด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความเกลียดชัง ผสมกับความกลัว
“กล้าทำตัวอวดดีต่อหน้าข้า คิดว่าพอเข้าสิงร่างชายผู้นี้แล้วข้าจะจัดการเจ้าไม่ได้หรือ” ฉินหลิวซีหรี่ตามองนางอย่างเย็นชา “ข้าไม่ลงมือกับเจ้าก็เพราะอยากให้เจ้าพูดความจริงเกี่ยวกับหนังสือสมรสระหว่างเจ้ากับหลัวฉี่ อย่าได้พูดจาเพ้อเจ้อหรือทำท่าทางน่ารังเกียจ ถ้าข้าหมดความอดทน ข้าจะทำให้เจ้าวิญญาณแตกสลาย”
เหล่าศิษย์ที่ยืนอยู่ต่างตัวแข็งทื่อ สิง สิงร่างอย่างนั้นหรือ
“เจ้ากล้าหรือ ข้ามีหนังสือสมรสกับหลัวฉี่” ‘เหลียงเย่าจู่’ ร้องเสียงแหลม “แม้ฟ้าดินก็ยอมรับความสัมพันธ์ของเรา ต่อให้เขาจะแต่งงานใหม่ก็เป็นได้เพียงนางรอง หากข้าไม่ยินยอม เรื่องนี้ก็ไม่อาจทำอะไรได้”
“เจ้าลองดูสิว่าข้าจะกล้าหรือไม่” ฉินหลิวซียิ้มตาหยีพลางจ้องนาง “เจ้าคิดว่าข้ากำลังต่อรองกับเจ้าหรือ ข้าเพียงแค่บอกให้เจ้ารับรู้เท่านั้น”
‘เหลียงเย่าจู่’ ถอยหลังไปสองก้าว ใบหน้าเต็มไปด้วยความระแวง
แม้ฉินหลิวซียิ้ม แต่รอยยิ้มนั้นกลับทำให้นางรู้สึกหวาดกลัวและหนาวเหน็บ
นางกล้าจริงๆ
“เจ้าไม่กลัวว่ากฎแห่งสวรรค์จะตกลงมาบนหัวเจ้าหรือ แม้แต่เทียนซือยังไม่กล้าทำตามอำเภอใจ” ‘เหลียงเย่าจู่’ พยายามแสร้งทำเป็นเข้มแข็ง
ฉินหลิวซีลดสายตาลง “คนอื่นอาจไม่กล้าทำตามอำเภอใจ แต่ข้ากล้า อีกอย่างเจ้าเป็นภรรยาของเขาอย่างนั้นหรือ ช่างไร้ยางอาย เจ้ากำลังหลอกลวงแต่งงานต่างหาก”
‘เหลียงเย่าจู่’ หน้าแดงด้วยความอับอาย ก่อนจะตอบอย่างแผ่วเบา “ไม่ว่าจะอย่างไร ข้าก็ถือว่าเป็นภรรยาของเขาแล้ว”
“เช่นนั้นก็ไม่มีอะไรจะต้องพูดกันอีก” ฉินหลิวซีหยิบดาบไม้ท้อเล็กๆ จากแขนเสื้อออกมา ก่อนจะฟันไปยังนาง
ฟึ่บ
ทันใดนั้น ร่างของ ‘เหลียงเย่าจู่’ ปรากฏหมอกควันสีเขียวจางๆ ลอยขึ้นมา ทุกคนเห็นชัดเจนว่ามีใบหน้าของหญิงสาวผู้หนึ่งปรากฏขึ้นบนร่างของเขา ใบหน้าที่ดูดุร้าย บิดเบี้ยว ดิ้นรน ส่งเสียงกรีดร้องแสบแก้วหู
เหล่าศิษย์ต่างหน้าซีดขาว ร่างสั่นเทาเหมือนใบไม้ที่ถูกลมพัด
นี่มันคาถาลวงตาหรือไม่ ต้องใช่แน่ๆ เป้าหมายก็คือทำลายความเชื่อมั่นในหลักการของพวกเขา แต่ไม่ว่าจะเป็นคาถาลวงตาหรือไม่ พวกเขาแค่อยากจะออกไปจากที่นี่ แต่ขากลับสั่นเทาไร้เรี่ยวแรงแล้ว
“เจ้า เจ้าไม่กลัวว่าข้าจะฆ่าเด็กนี่หรือ” ‘เหลียงเย่าจู่’ ชี้ไปยังร่างที่นางสิงอยู่
ฉินหลิวซีก้าวเข้ามาใกล้ทีละก้าว พลางหมุนดาบไม้ท้อเล่นอย่างเชี่ยวชาญ เอ่ย “ตามสบายเลย อย่างไรเสียร่างนี้ก็ไม่ใช่คนดี เขานี่แหละที่เป็นคนช่วยเจ้าในการหลอกแต่งงานครั้งนี้ หากเจ้าฆ่าคน เจ้าก็กลายเป็นปีศาจร้าย ข้าก็จะมีเหตุผลที่จะทำลายเจ้าให้สิ้นซากได้ เร็วสิ ให้เหตุผลที่ข้าไม่ต้องแบกรับบาปกรรมสักนิดหน่อย”
‘เหลียงเย่าจู่’ ได้ยินน้ำเสียงของฉินหลิวซีที่เต็มไปด้วยความตื่นเต้น นางก็ยิ่งหวาดกลัวจนหมดท่า นี่มันโรคจิตชัดๆ
เหล่าศิษย์เองก็ตกตะลึงเช่นกัน นี่ไม่สนใจชีวิตของเหลียงเย่าจู่สินะ
ฉินหลิวซียกดาบไม้ท้อขึ้น ‘เหลียงเย่าจู่’ กรีดร้องออกมาทันทีก่อนจะเอ่ยว่า “ข้าจะพูด ทั้งหมดนี่เป็นฝีมือของเหลียงเย่าจู่”
นางแซ่อู๋ มีชื่อในวงการว่าเจียวเจียวแม้จะไม่ใช่หญิงงามประจำหอบุปผา แต่ก็มีชื่อเสียงพอสมควร นางรู้จักเหลียงเย่าจู่เพราะมารดาของเขามักจะมาช่วยแต่งผมให้หญิงสาวในหอนางโลม และบังเอิญว่ามารดาของเขาก็แซ่อู๋เช่นกัน นางจึงรู้สึกสนิทสนม เรียกมารดาของเขาว่าพี่สาวอยู่บ่อยๆ
ฤดูร้อนปีนี้ นางป่วยหนักจนเกือบตาย ในตอนที่รู้สึกไม่ไหว เหลียงเย่าจู่ผู้นี้ก็แอบมากับมารดาของเขาบอกว่าเขาช่วยนางหาการแต่งงานดีๆ ให้ รอนางตายไปก็ไม่ต้องโดดเดี่ยวอยู่คนเดียว จากนั้นเขาก็เอาวันเดือนปีเกิด เส้นผม และเล็บของนางไป จนได้หนังสือสมรสมา
“…หลังจากที่ข้าตาย วิญญาณของข้าก็ล่องลอยออกมาจากร่าง ข้าไม่สามารถไปเกิดใหม่ได้ หนังสือสมรสเป็นสื่อที่ทำให้ข้ายังอยู่ได้ เหลียงเย่าจู่เอาของเหล่านี้ไปฝังไว้ที่หัวเตียงของหลัวหลัง สำหรับคนอย่างข้า โอกาสที่จะได้พบคนดีๆ แทบไม่มีอยู่แล้ว ยิ่งเป็นคนที่ร่ำเรียนหนังสือ เป็นบัณฑิตผู้มีความรู้ นั่นคือโชคดีจากชาติปางก่อนที่ข้าสั่งสมมา”
ฉินหลิวซีสวนกลับทันที “โชคดีจากชาติปางก่อนของเจ้าคงไม่ถึงขนาดต้องมาตกต่ำอยู่ในหอคณิกาเช่นนี้”
คำพูดนั้นทำให้อู๋เจียวโกรธจนพูดไม่ออก นางหันไปมองหลัวฉี่ด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความรัก เอ่ย “เมื่อมีหนังสือสมรสแล้ว หลัวหลังก็คือสามีของข้า เราเป็นสามีภรรยาที่ถูกต้อง แล้วจะมีสามีภรรยาคู่ไหนที่ไม่เข้าห้องหอกันเล่า ดังนั้นข้าจึงต้องไปพบเขาและเสพสุขกับเขาทุกคืน”
หลัวฉี่ที่รู้สึกคลื่นไส้อยู่แล้ว เมื่อได้ยินดังนั้นก็วิ่งออกไปหน้าประตูและอาเจียนออกมาทันที
เขารู้สึกขยะแขยงที่สุด
[1] ในบริบทของนิยายหรือวรรณกรรมจีน โดยคำว่า “หลัง” (郎) เป็นคำเรียกที่ใช้ในสมัยโบราณเพื่อเรียกผู้ชายหนุ่ม หรือสามีด้วยความรักใคร่และเคารพ มักใช้ในวรรณกรรมและบทกวีในการเรียกผู้ชายที่เป็นคนรักหรือสามีด้วยความอ่อนหวาน