คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า - ตอนที่ 965 แท้จริงแล้วเป็นแผนร้าย
ตอนที่ 965 แท้จริงแล้วเป็นแผนร้าย
อะไรที่เรียกว่าข่าวฉาวสร้างความตกตะลึง ก็คือสิ่งนี้แล้ว
ข่าวนี้ยังเป็นเรื่องลี้ลับสุดอัศจรรย์ที่ทำให้เหล่าบัณฑิตต่างพากันตกตะลึงมองไปยังหลัวฉี่ด้วยสายตาทั้งสงสารและเวทนา
การถูกหลอกแต่งงานก็ว่าแย่แล้ว แต่ถ้าฝ่ายที่ถูกแต่งด้วยเป็นคนยังมีชีวิตอยู่คงจะดีขึ้นสักหน่อย แต่นี่กลับเป็นวิญญาณ และยังเป็นวิญญาณของหญิงงามแห่งหอคณิกาอีกต่างหาก ชื่อเสียงของบัณฑิตผู้สุภาพและบริสุทธิ์ต้องมามีเรื่องพัวพันกับหญิงเช่นนี้ มันช่างเป็นเรื่องน่าหนักใจนัก
หรือแท้จริงแล้ว นี่คือความลับที่หลัวฉี่ไปวนเวียนอยู่ในที่อโคจร
เพื่อนร่วมชั้นเรียนที่แสนดีน่าเวทนายิ่งนัก
อู๋เจียวมองหลัวฉี่ที่อาเจียนออกมาก็รู้สึกเสียใจไม่น้อย แต่แววตาของเธอที่แฝงอยู่ในร่างของชายหนุ่มนั้นกลับเต็มไปด้วยความเศร้าสร้อยและเยือกเย็น จนทำให้ทุกคนรู้สึกเสียดตาไม่ไหว
ฉินหลิวซีเอ่ยถาม “เหลียงเย่าจู่รู้วิชาเช่นนี้ได้อย่างไร เอาผมของเจ้ากับเส้นผมของเขามามัดรวมกัน ก็ทำให้เจ้าถูกหลอกล่อทุกคืนได้อย่างไร”
“ในหมู่บ้านตระกูลอูของพวกเขามีหมอผีผู้นึงที่เชี่ยวชาญเรื่องนี้ นับว่ามีความสัมพันธ์เกี่ยวข้องกับมารดาของเขากระมัง”
หลัวฉี่ที่อาเจียนไปหนึ่งรอบ ร่างกายอ่อนแรง ถูกพ่อบ้านจางที่กำลังโกรธพยุงเอาไว้ กัดฟันแน่นพลางเอ่ย “ไยเขาต้องทำเช่นนี้กับข้า ข้าทำดีกับเขาไม่พอหรือ บ้านเขายากจน ไม่มีเงินจ่ายค่าเรียน ข้าก็เป็นคนให้ยืม บางครั้งก็ให้ยืมหนังสือ ข้าช่วยเหลือเขาด้วยความใจดี มองเขาเป็นพี่น้อง แต่เขากลับตอบแทนข้าเช่นนี้หรือ”
อู๋เจียวยกยิ้ม รอยยิ้มนั้นมีความเย้ยหยันอยู่ เอ่ย “หลัวหลัง บางครั้งคนเรามีความรู้สึกต่ำต้อยจนมันฝังลึกในจิตใจก็จะมองผู้อื่นด้วยความระแวงเสมอ เจ้าทำดีกับเขา เจ้าสุภาพ ใจดี เจ้าคือบุตรชายของตระกูลมั่งคั่งที่ไม่ต้องกังวลเรื่องเงินทอง แต่เขาล่ะ เป็นเพียงลูกชาวนาที่จนแสนจน เงินค่าเรียนของเขายังต้องให้ท่านแม่ไปทำงานถักผมในหอคณิกา เขากล้าบอกผู้ใดหรือไม่ ถ้าเขาบอกไป พวกเจ้าจะมองเขาอย่างไร”
ผู้คนต่างรู้สึกไม่สบายใจขึ้นมา
หากรู้ความจริงเรื่องนี้ พวกเขาก็คงไม่คบหาเขาอีก อย่างไรผู้ร่ำเรียนก็หยิ่งในเกียรติของตน คนในครอบครัวเข้าออกหอคณิกาอยู่บ่อยครั้ง จะเหลือชื่อเสียงดีๆ อะไรบ้าง
ดังนั้นเหลียงเย่าจู่จึงไม่เคยถึงเรื่องนี้ เพียงบอกว่าครอบครัวยากจน อาศัยการปลูกพืชเป็นหลัก
หลัวฉี่โกรธไม่น้อย “แต่นั่นก็ไม่ใช่เหตุผลที่เขาต้องมาทำร้ายข้า”
อู๋เจียวส่ายศีรษะ “ไม่จำเป็นต้องมีเหตุผล ขอแค่มีความอิจฉาริษยามากพอ เพียงแค่นั้นเขาก็มีความคิดชั่วๆ ที่จะทำลายเจ้าได้แล้ว”
หลัวฉี่ยืนนิ่งไป
“ถ้าไม่มีคนอย่างนางมาพบเรื่องนี้เข้า เจ้าก็คงพังทลายไปแล้วมิใช่หรือ” อู๋เจียวเอ่ยพลางมองหลัวฉี่ที่ร่างกายผ่ายผอมและใบหน้าซีดเซียวอย่างกลัวเกรงอยู่บ้าง
“และอีกอย่าง เรื่องที่เจ้าไปวนเวียนอยู่ในหอคณิกาก็เป็นเขาเป็นคนปล่อยข่าว”
หลัวฉี่โกรธจนตาแดงก่ำ คนคนหนึ่งไยจึงเลวได้เพียงนี้
แค่ความอิจฉา ก็ทำให้เขาวางแผนชั่วร้ายเช่นนี้ได้ ช่างโหดร้ายเหลือเกิน
เซ่าหมิงกล้าขึ้นมานิดหน่อย เอ่ยขึ้นว่า “แม้จะเป็นการวางแผนชั่ว ก็ยังควรหาหญิงที่มีเกียรติกว่านี้ ไยจึงต้องเป็นหญิงจากหอคณิกา…”
คำเอ่ยของเขากลับเงียบลงเมื่ออู๋เจียวหันมามอง
ฉินหลิวซีเอ่ย “การใช้เส้นด้ายสีแดงผูกผมของหญิงคณิกาฝังไว้ในดิน จะทำให้บุรุษเป็นคนเสเพลและดูดพลังชีวิต เพียงแค่นี้ก็มากพอจะทำให้ชายหนุ่มดีๆ คนหนึ่งกลายเป็นแบบเขาได้แล้ว”
ทุกคนต่างหันมามองหลัวฉี่ที่ใบหน้าซีดขาว ดูผ่ายผอมและหน้าซีดเซียว อดรู้สึกเห็นใจไม่ได้ การสูญเสียหยาดวิญญาณเพียงหนึ่งหยดก็เหมือนกับการเสียเลือดสิบหยด ไม่แปลกใจที่เขาจะทรุดโทรมลงทุกวัน
ฉินหลิวซีเอ่ยต่อ “การเขียนหนังสือสมรสก็เพื่อที่จะทำให้คนรู้สึกย่ำแย่ และยังเป็นการทำให้ชีวิตที่สมบูรณ์แบบของเขามีร่องรอยแปดเปื้อน อย่างไรหนังสือสมรสนี้ก็เป็นของจริง”
หลัวฉี่หายใจหนักหน่วง
พ่อบ้านจางเอ่ยเสียงดังด้วยความตกใจ “นางจะยึดตำแหน่งภรรยาหลวงของนายน้อยของพวกเราไปเช่นนี้จริงหรือ ถ้าเช่นนั้นในอนาคต หากนายน้อยแต่งงานใหม่ ก็ต้องทำพิธีรับสตรีเข้ามาเป็นภรรยารองงั้นหรือ”
เรื่องนี้เหลือเชื่อเกินไปแล้ว
ร่างกายของหลัวฉี่สั่นระริก เขาอยากอาเจียนอีกครั้ง
“ในเมื่อเป็นการหลอกแต่งงาน ก็ย่อมแก้ไขได้” ฉินหลิวซีหันไปมองอู๋เจียวเอ่ยถาม “เจ้าว่าอย่างนั้นหรือไม่”
“หุบปากไปซะ ข้าไม่มีความเกี่ยวข้องใดๆ กับเจ้าแม้เพียงนิด การหมั้นหมายครั้งนี้ ข้าไม่ยอมรับ ถ้าหากไม่ถูกวางแผนคิดร้าย ข้าก็ไม่มีวันเกี่ยวพันกับเจ้า” หลัวฉี่เอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นชา “เจ้าจะว่าข้าหยิ่งยโสและไร้ความเมตตาก็ได้ แต่ข้าจะไม่มีวันยอมรับหญิงจากหอคณิกาเป็นภรรยา เจ้าก็คิดเสียว่าข้าเห็นแก่ตัวเถิด”
อู๋เจียวโกรธแค้นจนเต็มอก
อากาศในห้องเย็นยะเยือกยิ่งขึ้นแล้ว
ฉินหลิวซีพ่นลมหายใจแรงๆ ด้วยความไม่พอใจ
อู๋เจียวตัวสั่น เก็บอาการลงไปไม่น้อย ใบหน้าเต็มไปด้วยความอึดอัดใจ
“จบกันด้วยดีเถิด” ฉินหลิวซีเอ่ย “เดิมนี่ก็เป็นการหลอกแต่งงาน แม้ว่าฟ้าดินจะยอมรับว่าพวกเจ้าเป็นสามีภรรยากัน แต่ความสัมพันธ์ที่เริ่มต้นไม่ถูกต้องก็เหมือนแตงที่ถูกเก็บก่อนวัย ไม่เพียงไม่หวาน ยังเน่าอีกด้วย”
อู๋เจียวไม่พอใจ
“เมื่อการหมั้นหมายนี้ถูกยกเลิก หลัวฉี่จะจัดโต๊ะเซ่นไหว้ให้เจ้า ทำพิธีเล็กๆ เผากระดาษเงินกระดาษทองและเสื้อผ้าหลายชุด แล้วข้าจะส่งเจ้าเข้าสู่ประตูผี จบสิ้นชีวิตนี้” ฉินหลิวซีเอ่ยถึงวิธีแก้ปัญหาเสียงเรียบ
อู๋เจียวขบกรามแน่น “ถ้าข้าไม่ยอมเล่า”
ฉินหลิวซีเล่นดาบไม้ท้อในมือ “เจ้าคิดว่าถ้าข้าฟาดเจ้าให้วิญญาณแตกสลาย จะมีผู้ใดสนใจหรือไม่ คำเอ่ยที่ว่าคนเป็นและคนตายมีเส้นทางที่ต่างกัน ข้าก็สามารถทำเหมือนกับนักพรตทั่วไป ไม่ไต่ถามอะไรใดๆ ฟาดเจ้าให้แตกสลายไป ไม่จำเป็นต้องพูดดีกับเจ้าเช่นนี้”
ไม่ยอม ข้าก็จะฟาดจนเจ้าต้องยอม หนึ่งครั้งไม่พอ ก็ฟาดสองครั้ง จนกว่าเจ้าจะยอม
อู๋เจียวหวาดกลัว หันไปมองหลัวฉี่อย่างหงอยเหงา อีกฝ่ายหันหน้าหนีอย่างเย็นชา ทำให้นางรู้สึกปวดใจยิ่งนัก ก็จริง นางเป็นคนเช่นนี้ จะมีคุณค่าพอให้ผู้ใดจริงใจด้วยได้อย่างไร ยิ่งไม่ต้องเอ่ยถึงว่านางเป็นคนที่ทำร้ายเขาจนเป็นเช่นนี้
“ก็ได้”
ฉินหลิวซีจึงให้หลัวฉี่เขียนหนังสือหย่า
หลัวฉี่และพ่อบ้านจางต่างรู้สึกโกรธจนแทบอาเจียนออกมาอีก เรื่องนี้ช่างหนักหนายิ่งกว่าเป็นเต่าเฒ่า[1] ไม่ต่างอะไรกับหายนะที่เกิดขึ้นกะทันหัน คุณชายซิ่วไฉที่มีชื่อเสียงอนาคตไกล เป็นคนบริสุทธิ์คนหนึ่ง ยังไม่ทันแต่งงาน ต้องมาเขียนหนังสือหย่าก่อนเสียแล้ว
ฟ้าช่างไม่เป็นธรรมเอาเสียเลย
หลัวฉี่สะดุ้งเล็กน้อย รีบหยิบกระดาษและพู่กันมา เขียนหนังสือหย่า ลงนาม แล้วให้อู๋เจียวลงนามด้วย
อู๋เจียวทำท่าลังเลไปมา แต่สุดท้ายก็ลงนามภายใต้เสียงกระแอมไอของฉินหลิวซี
“ต้องไปทำเรื่องที่ที่ว่าการหรือไม่” พ่อบ้านจางเอ่ยถาม
“ไม่ต้อง” ฉินหลิวซีเอ่ย “การสูญเสียพลังหยินเช่นนี้ เทียนซือจัดการแจ้งต่อฟ้าดินก็เพียงพอ”
นางหยิบหนังสือสมรส เส้นผมที่มัดไว้ รวมถึงหนังสือหย่าใหม่ เขียนยันต์ในอากาศตกลงไปบนสิ่งเหล่านั้น สิ่งของเหล่านั้นลุกไหม้ขึ้นมาเองโดยไม่มีไฟ
ทุกคนต่างมองด้วยความเคารพยำเกรง
ดูทรงพลังมากทีเดียว
เมื่อเปลวไฟนั้นมอดดับลง หลัวฉี่ก็รู้สึกเหมือนมีบางอย่างถูกปลดปล่อยออกไป ทำให้รู้สึกสบายใจขึ้นมาก
“วันเดือนปีเกิด อย่าได้บอกผู้ใดง่ายๆ มิฉะนั้นคนอื่นจะนำไปทำเรื่องชั่วร้ายได้” ฉินหลิวซีเอ่ยเตือนผู้คนที่อยู่ตรงนั้น “การหลอกแต่งงานนี้ นับว่าเจ้ามีบุญที่รอดมาได้ หากเป็นการเปลี่ยนชีวิตตายแทน เช่นนั้นคงตายสิ้นแล้ว”
ทุกคนรู้สึกหนาวเหน็บอยู่ในใจ
หลัวฉี่นึกถึงตอนที่ตนเองบอกวันเดือนปีเกิดออกไป น่าจะเป็นครั้งหนึ่งที่ดื่มเหล้ากับเหลียงเย่าจู่แล้วเอ่ยออกมาโดยไม่ตั้งใจ ที่แท้ก็เป็นตอนนั้นหรือที่เขาเริ่มวางแผน
“เอาล่ะ ออกจากร่างนี้ได้แล้ว” ฉินหลิวซีหันไปเอ่ยกับอู๋เจียว
อู๋เจียวออกมาจากร่างของเหลียงเย่าจู่ด้วยความอึดอัดใจ
เหลียงเย่าจู่ร่วงลงไปกองกับพื้นทันที ลืมตาเบิกกว้างขึ้นด้วยความมึนงง ทันทีที่รู้สึกตัว ยังไม่ทันจะตั้งตัวก็ถูกต่อยอย่างรุนแรงไปหนึ่งหมัด
จบสิ้นแล้ว
[1] เป็นคำสแลงที่หมายถึง “เต่า” แต่ในภาษาจีน คำนี้มีความหมายเชิงลบและใช้เป็นคำด่าที่แรงมาก สื่อถึงการดูหมิ่นศักดิ์ศรีของบุคคลนั้น ใช้เพื่อเรียกคนที่ถูกมองว่าขี้ขลาดหรือไม่ซื่อสัตย์ โดยมีความหมายเชิงดูถูกและเหยียดหยาม