คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า - ตอนที่ 966 เวรกรรมตามสนอง
ตอนที่ 966 เวรกรรมตามสนอง
เหลียงเย่าจู่ถูกตีจนหน้าบวมตาเขียว เจ็บปวดจนไม่อาจทนได้ หากไม่ใช่เพราะเซ่าหมิงดึงหลัวฉี่ออกไป เขาคงถูกตีจนตายไปแล้ว
“เจ้า… เจ้าเป็นบ้าไปแล้ว” เหลียงเย่าจู่กระอักเลือดออกมา ซึ่งในเลือดมีฟันหนึ่งซี่ปะปนอยู่
หลัวฉี่ยกเท้าเตะเขาไปอีกครั้ง ยิ้มเย็น “บ้าก็เพราะเจ้าทำให้ข้าบ้า เหลียงเย่าจู่ ข้าช่วยเจ้าเสมอเป็นดั่งพี่น้อง ช่วยเจ้าในทุกๆ อย่าง ไม่คิดว่าเจ้าจะชั่วร้าย เจ้ากลับเอาความช่วยเหลือของข้าไปทำสิ่งเลวร้าย ไยเจ้าจึงทำมันได้”
เหลียงเย่าจู่กะพริบตาลุกลน “ข้าไม่รู้ว่าเจ้าเอ่ยสิ่งใด”
“ไม่ต้องมาเสแสร้งแล้ว อู๋เจียวใช้ร่างกายของเจ้าเอ่ยมันออกมาหมดแล้ว รวมถึงตัวตนของนาง อีกทั้งมารดาของเจ้าที่ทำผมที่นั่น เจ้าจึงรู้จักกัน” เซ่าหมิงขมวดคิ้ว สายตารังเกียจ
เหลียงเย่าจู่หน้าเปลี่ยนสี นึกถึงตนเองที่เมื่อครู่ไม่อาจควบคุมร่างกายได้ นั่นเพราะผีเข้าสิงหรอกหรือ
เขามองไปรอบๆ เห็นเพื่อนร่วมชั้นทุกคนมองด้วยความเกลียดชังและดูถูก ร่างกายของเขาสั่นเทา
“ข้าจะบอกกับเจ้าสำนักศึกษาว่าเจ้าใช้มนต์ดำทำร้ายสหายร่วมชั้น เจ้าอย่าได้คิดว่าจะศึกษาต่อที่นี่ได้อีก” หลัวฉี่กล่าวอย่างเยือกเย็น
เหลียงเย่าจู่ได้ยินดังนั้น สายตาที่โกรธแค้น “ในที่สุดเจ้าก็ไม่เสแสร้งแล้ว เจ้าทำดีกับข้าเพียงเพื่อสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับตนเอง ลูกหลานตระกูลร่ำรวยเช่นเจ้าข้าเห็นมานักต่อนัก มักหาประโยชน์จากพวกเราคนยากจน แสดงตัวว่าเป็นคนดี ในใจไม่รู้เย้ยหยันข้าอย่างไรแล้ว”
หลัวฉี่รู้สึกสั่นสะท้านกับคำพูดเหล่านี้ นี่มันหมาป่าตาขาว[1]ไร้ยางอายสิ้นดี
สหายร่วมชั้นคนอื่นๆเองก็แสดงสีหน้าตกใจ เป็นโรคทางจิตหรอกหรือ
“เจ้ามองโลกในแง่ร้ายเอง มองทุกคนเลวร้ายไปหมด” หลัวฉี่ส่งเสียงหยันในลำคอ เอ่ย “ช่างเถิด ข้าไม่ขอถกเถียงกับเจ้าอีก คนเช่นเจ้าไม่มีวันประสบความสำเร็จ เจ้าทำเรื่องชั่วร้ายเช่นนั้น ข้าได้ยินมาว่าต้องได้รับผลกรรมอย่างแน่นอน เจ้าอย่าคิดว่าเจ้าจะรอดไปได้”
เหลียงเย่าจู่หน้าซีด
“ออกไปเสีย” หลัวฉี่ชี้ไปที่ประตู
เหลียงเย่าจู่เปิดปากจะเถียงขึ้นมา แต่ไม่มีผู้ใดในที่นี้ที่มีท่าทีโอนอ่อน ทุกคนมองเขาราวกับขยะ
เอ่ยอะไรไปก็ไม่มีประโยชน์
เหลียงเย่าจู่แสยะยิ้มเย็น เอ่ย “ตามใจเจ้าเถิด ความสามารถของข้าก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าพวกเจ้า ตอนนี้พวกเจ้าดูถูกข้า เช่นนั้นก็รอดู วันหนึ่งข้าจะต้องได้เป็นใหญ่”
เขาหันหลังแล้วเดินจากไป
เสียงของหลัวฉี่ดังตามหลังเขา “ถ้าคนชั่วอย่างเจ้ายังจะประสบความสำเร็จ เช่นนั้นฟ้าดินคงไร้ดวงตาแล้ว”
เหลียงเย่าจู่กำหมัดแน่น บดฟันแล้วเดินออกไป
พ่อบ้านจางสังเกตเห็นความโหดเหี้ยมของเหลียงเย่าจู่ ขมวดคิ้วเอ่ย “นายน้อย จะปล่อยเขาไปเช่นนี้หรือขอรับ”
“ตีก็ตีไปแล้ว จะไปฟ้องร้องต่อเจ้าหน้าที่ได้อย่างไร เรื่องเช่นนี้จะเอาไปขึ้นศาลได้อย่างไร แจ้งต่อเจ้าสำนักศึกษาก็เพียงพอแล้ว” หลัวฉี่เอ่ยพร้อมยิ้มขมขื่น “อีกทั้งข้าเชื่อในหลักกรรม การตอบสนองนั้นจะต้องเกิดขึ้น เขาจะไม่มีทางได้ดี”
“แต่เขารู้จักคนมีเวทมนตร์มิใช่หรือ ทั้งยังรู้วันเดือนปีเกิดของเจ้า จะทำอะไรกับเจ้าอีกหรือไม่” เซ่าหมิงถามเสียงเบา คำถามถามเขา ทว่าแท้จริงแล้วกำลังถามฉินหลิวซี
ฉินหลิวซีจึงตอบ “นี่ก็เป็นศาสตร์มนต์ดำชนิดหนึ่ง เมื่อมันถูกทำลาย ผู้ที่เป็นคนทำก็ต้องถูกพลังสะท้อนกลับ หากเขารักชีวิต คงไม่ทำอีก ส่วนคนแซ่เหลียงนั่นก็จะถูกกรรมตามสนอง เขามีเมฆดำลอยปกคลุม มีภัยร้ายแรงจะเกิดขึ้นกับเขา”
นางเอ่ยไม่ผิด หลังจากเผาหนังสือสมรสและของอื่นๆ แล้ว หมอผีของหมู่บ้านตระกูลเหลียงผู้นั้นก็กระอักเลือดออกมา ใบหน้าเจ็บปวด
ทุกคนอ้าปากค้างด้วยความตกใจ
“สมควรแล้ว” พ่อบ้านจางก่นด่า “นี่คือผลลัพธ์ของการกระทำชั่ว”
ทุกคนรู้สึกอึดอัดไม่สบายใจ เซ่าหมิงก้าวออกไปยกมือขึ้น “พี่หลัว ข้าต้องขอโทษจริงๆ เราไม่รู้ถึงรายละเอียดทั้งหมด พวกเราต้องขอโทษด้วยใจจริง คิดว่าเจ้าลุ่มหลงในหอคณิกา”
หลัวฉี่สีหน้าเครียด “รูปลักษณ์อย่างข้า บอกว่าไม่ได้หลงใหลในตัณหา คงยากที่จะทำให้คนอื่นเชื่อ หากพวกเจ้าอยากขอโทษด้วยใจจริง เช่นนั้นก็ช่วยเป็นพยานให้ข้า เปิดเผยการทำชั่วของเหลียงเย่าจู่ให้เจ้าสำนักศึกษาได้ทราบ”
“เรื่องนั้นแน่นอนอยู่แล้ว”
คนที่มีความคิดไม่ดีเช่นนี้ หากยังอยู่ในสำนักศึกษา ผู้ใดจะรู้ว่าเขาจะใช้กลอุบายอะไรกับผู้ใดอีก อีกทั้ง เขาเป็นคนเช่นนั้น ผู้ใดจะกล้ายุ่งเกี่ยวกับเขาอีก
คนเช่นนี้อยู่ให้ห่างพวกเขาจะดีกว่า
หลัวฉี่ต้องพักฟื้นและกินยาบำรุงร่างกาย ต่อมาพวกเขาไปหาเจ้าสำนักศึกษาเพื่อเปิดเผยเรื่องราวเหล่านี้ จากนั้นหลัวฉี่ก็ขอหยุดพักกลับบ้าน
หลังจากที่อู๋เจียวจากไป หลัวฉี่ยังถามฉินหลิวซีอีก “ไปแล้วจริงๆ ใช่หรือไม่”
คนผู้นี้ก่อนจากไปยังตั้งใจบอกอะไรไว้อีก หลัวหลัง ชาติหน้าเราค่อยเป็นสามีภรรยาที่แท้จริง สิ่งนี้ทำให้เขาตกใจแล้ว
ฉินหลิวซีเอ่ย “เจ้าสบายใจเถิด ไปแล้ว”
หลัวฉี่โล่งใจ รับใบสั่งยาที่ฉินหลิวซีเขียนให้ จากนั้นคารวะให้กับฉินหลิวซี
ฉินหลิวซียิ้มตาหยี เอ่ย “หากต้องขอบคุณ ก็ต้องขอบคุณ หากไม่มีการชี้แนะของท่าน เจ้าก็คงต้องเจอปัญหาอีกมากมาย ดังนั้นกราบไหว้เทพเจ้ามากก็ยิ่งได้รับการปกป้องคุ้มครองมาก ต่อไปก็มากราบไหว้เทพเจ้าประจำเมืองบ่อยๆ จะได้คุ้มครองเจ้า”
เข้าใจ เราเข้าใจความหมายของท่าน
หลัวฉี่บริจาคค่าน้ำมันตะเกียงหนึ่งร้อยตำลึงอย่างใจกว้างลงในกล่องบริจาค รวมค่าวิชาและค่าออกนอกสถานที่ของฉินหลิวซีด้วย
ฉินหลิวซีเห็นเขามีมารยาท จึงมอบเครื่องรางคุ้มกันภัยให้หนึ่งชิ้น
เทพเจ้าประจำเมืองรู้สึกตื่นเต้นไม่น้อย “เหมือนเป็นครั้งแรกที่ได้เห็นผู้ใดบริจาคมากขนาดนี้ โอ้ เจ้าว่าหากมีมาอีกหลายคน ข้าก็สร้างรูปหล่อทองคำได้แล้ว ปรับปรุงศาลเทพเจ้าให้ดีขึ้นดีหรือไม่”
ฉินหลิวซีหัวเราะ “เช่นนั้นก็ต้องดูความพยายามของท่าน ดูแลดวงจิตและเสริมสร้างพลังเทพให้ดี พลังเทพเต็มเปี่ยม ความศรัทธาจะหลั่งไหลมาไม่ขาดเอง”
เทพเจ้าประจำเมืองเอ่ยอย่างภาคภูมิใจ “ข้าจับปีศาจหลอกเด็กยามค่ำคืนได้หลายตัว”
ฉินหลิวซีกลอกตา
ไม่กี่วันหลังจากนั้น เซ่าหมิงและคนอื่นๆ ก็มาพร้อมตะกร้าที่บรรจุธูปเทียนเพื่อมากราบไหว้เทพเจ้า
ฉินหลิวซีต้อนรับพวกเขาด้วยรอยยิ้ม แนะนำซาหยวนจื่อให้พวกเขา “นี่คือผู้ช่วยดูแลศาลเทพเจ้า ต่อไปเขาจะเป็นผู้ดูแลศาลเทพเจ้าในอนาคต”
เซ่าหมิงและคนอื่นๆ ตั้งใจจุดธูป เอ่ย “ท่านอาจารย์ ได้ยินมาว่าหลังเหลียงเย่าจู่กลับบ้านไป หลังจากนั้นหลังคาบ้านพังลง ทับเขาจนต้องรอครึ่งวันกว่าชาวบ้านจะช่วยออกมาได้ หน้าเขาเสียโฉม ขาเขาก็พิการ รักษาจนเงินในบ้านหมด ยังไม่หายดีเลย”
ฉินหลิวซีเลิกคิ้ว “นั่นคงโชคร้ายจริงๆ”
“นี่ เป็นเวรกรรมตามสนองหรือไม่”
ฉินหลิวซีเหลือบมองพวกเขา “บัณฑิตไม่เอ่ยถึงเรื่องเหนือธรรมชาติ ไยพวกเจ้าจึงเชื่อแล้วเล่า”
ทุกคน “…”
อย่าพูดเลย นี่มันเป็นการตบหน้าชัดๆ
จากเรื่องผีสิงไปจนถึงเรื่องเวรกรรมที่เอ่ยไว้ ทุกอย่างเป็นจริงตามที่นางเอ่ย อีกทั้งพลังที่นางแสดงออกมา ยังไม่เชื่อได้หรือ
ฉินหลิวซีเอ่ยเตือนหนึ่งประโยค “ทำเรื่องที่คนควรทำ ไม่เดินในเส้นทางชั่วร้าย มีความคิดชั่ว มิเช่นนั้น ไม่ใช่ไม่มีกรรม เพียงแต่ยังมาไม่ถึง จดจำเอาไว้”
ทุกคนสั่นสะท้าน
[1] หมาป่าตาขาว เป็นคำสแลงที่ใช้เรียกคนที่เนรคุณ หรือคนที่ไม่สำนึกบุญคุณ โดยเปรียบเทียบกับหมาป่าที่แม้จะได้รับการเลี้ยงดูหรือช่วยเหลือ แต่ก็ยังคงมีนิสัยดุร้ายและไม่รู้คุณคน