คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า - ตอนที่ 977 ชีวิตมีลูกชายเพียงคนเดียว
ตอนที่ 977 ชีวิตมีลูกชายเพียงคนเดียว
………………..
ถูกกดดันโดยคำพูดของฉินหลิวซีและสายตาที่มีความหมายแปลกๆ จากชาวบ้านในหมู่บ้าน หญิงชราผู้นั้นโกรธจนแทบล้มลง นางอยากจะเข้าไปฉีกทึ้งหน้าของฉินหลิวซีเพื่อระบายความโกรธ
แต่นางไม่กล้า เจ้าอาวาสอะไรนี่มีพลังอำนาจมากเกินไป เพียงสายตากวาดมองมาก็รู้สึกราวกับถูกกรีดด้วยมีดเย็น
ผู้นำหมู่บ้านเดินเข้ามา เอ่ยถาม “เด็กคนนี้ยังช่วยได้หรือไม่”
“แน่นอนว่ายังช่วยได้” ฉินหลิวซีก้มมองลงไปยังทารกดวงตาเหมือนแมวที่ยังไม่อาจลืมตา ถอนหายใจเฮือกใหญ่
การที่ทารกไม่มีผิวหนังนั้นสามารถรักษาได้ โดยการใช้แป้งที่บดจากข้าวเจ้าทาลงบนตัวเขาเป็นประจำ ผิวหนังจะค่อยๆ ขึ้นมาเอง
ทารกที่เกิดก่อนกำหนดและอ่อนแอที่หาได้ยากเช่นนี้ ยังเกิดความวุ่นวายใหญ่โตเพียงนี้ ผู้เป็นบิดาเป็นผู้ใหญ่ที่ไม่มีความรับผิดชอบ ผู้เป็นมารดาไม่อาจตัดสินใจได้ หญิงชราที่คิดว่าเขาเป็นภูตผีปีศาจนั้น น่าจะอยากให้เขาตายมากกว่าจะยอมจ่ายเงินรักษาเขากระมัง
เพียงแต่…
“มาแล้ว ข้าวเจ้ามาแล้ว.” หญิงที่กลับมาพร้อมกับชามแป้งข้าวเจ้าสีขาวเหมือนหิมะเดินเข้ามา
เถิงเจารับมาจากนาง ฉินหลิวซีมองไปยังมั่วจู้จื่อผู้นั้น เอ่ย “ในชีวิตประจำวันควรใช้แป้งข้าวเจ้าที่บดออกมาเช่นนี้ ทาลงบนตัวเขา ผิวหนังจะขึ้นมาในไม่ช้า”
นางเอ่ยขณะสาธิตหนึ่งรอบ ใช้ผ้าชุบแป้งแล้วทาลงบนตัวทารก ไม่นานทารกที่ไม่มีผิวหนังก็ราวกับห่อหุ้มไปด้วยเกล็ดหิมะขาวบาง
ฉินหลิวซีจัดการทารกอย่างระมัดระวัง ใช้ผ้าฝ้ายที่มีรอยตำหนิซึ่งครอบครัวเตรียมไว้ก่อนจะเกิดเรื่อง ห่อทารกอย่างเบามือ จากนั้นจึงพันด้วยผ้าห่อตัว ก่อนที่จะวางทารกไว้ข้างๆ ผู้เป็นมารดา เอ่ย “อีกหน่อยลองดูว่าจะให้นมเขาได้หรือไม่ พยายามให้ให้มากที่สุด จะมีชีวิตอยู่ต่อไปได้หรือไม่ คงต้องขึ้นกับเจ้าผู้เป็นมารดาแล้ว”
เจวียนจื่อน้ำตาคลอทะลักออกมา
หญิงผู้นั้นที่เพิ่งเป็นแม่มือใหม่ เอ่ยว่า “สะใภ้จู้จื่อหากไม่มีน้ำนม ข้าก็แบ่งให้ได้ เพียงแต่ท่านหมอ เท่านี้ก็เรียบร้อยแล้วหรือ เด็กคนนี้ตัวเล็กอย่างกับแมวน้อย เพียงทาผงแป้งก็มีผิวหนังได้แล้วหรือ ไม่ต้องดื่มยาต้มหรือ”
ฉินหลิวซีเอ่ย “เด็กทารกแรกเกิด ร่างกายเล็กๆ นั่นไม่อาจดื่มยาต้มรสชาติต่างๆ ได้มากเกินไป และไม่อาจทนได้ สิ่งที่เขาสามารถดื่มได้คือนม ถ้าไม่มีนมก็ต้องให้น้ำข้าวด้วย ในความจริงแล้ว เด็กแรกเกิดที่ไม่มีผิวหนังไม่ว่าจะเกิดจากเหตุผลใดก็เสี่ยงมาก เขายังเป็นทารกที่อ่อนแอเกิดก่อนกำหนด การที่เขาจะอยู่รอดหรือไม่นั้นขึ้นอยู่กับโชคชะตาของเขา ขึ้นอยู่กับความตั้งใจของคนในบ้านว่าจะให้เขามีชีวิตหรือไม่”
หญิงชราผู้นั้นโกรธจนแทบบ้า เอ่ยตอบโต้ด้วยความโกรธ “เจ้ามองข้าทำไมหรือ หมายความว่าข้าไม่ให้เขามีชีวิตหรือ”
“เมื่อครู่นี้เจ้ายังอยากจะโยนเขาเข้าไปในโถปัสสาวะอยู่เลย” เจ้าโสมน้อยเอ่ยด้วยความโกรธ “เขาคือหลานของเจ้า”
หญิงชราผู้นั้นสวนกลับหนึ่งประโยค “ถ้าข้ารู้ว่าจะได้หลานเช่นนี้ ข้าไม่เอาหรอก…”
เจวียนจื่อมองไปยังนางด้วยสายตาเต็มไปด้วยความโกรธ
“สายตาของเจ้าเป็นอะไรไป เจ้าให้กำเนิดสิ่งนี้ ต้องใช้เงินมากมาย เจ้ายังมามองข้าอีกหรือ จู้จื่อเจ้าดูภรรยาของเจ้าสิ นางเหมาะที่จะเป็นภรรยาหรือไม่ นี่มันสายตาที่อยากฆ่าแม่แก่ๆ ของเจ้าเลย” หญิงชราผู้นั้นชี้นิ้วไปยังเจวียนจื่อและด่าทอ “เจ้าให้กำเนิดสัตว์ที่กลืนเงินไปหมดนี่ นี่หมายความว่าเราต้องควักเงินออกมาอีกเรื่อยๆ เลยหรือ”
เจวียนจื่อก้มหน้าลง มองไปยังห่อผ้าอ้อมที่อยู่ข้างๆ
“ท่านแม่ พอเถิด ที่เจวียนจื่อให้กำเนิดนั้นเป็นลูกชายของข้า” มั่วจู้จื่อดึงแขนหญิงชราผู้นั้น
“เจ้ายังหนุ่มยังแน่น อย่างไรก็มีลูกชายได้อยู่แล้ว ไยต้องเป็นคนที่ใช้เงินเยอะเพียงนี้ด้วย” หญิงชราผู้นั้นเอ่ยด้วยความโกรธ
ฉินหลิวซีหัวเราะ เอ่ย “เขามีลูกชายเพียงคนเดียวเท่านั้น ถ้าทารกที่เกิดก่อนกำหนดนี้ไม่รอด ก็ไม่มีลูกชายอีกแล้ว”
หญิงชราผู้นั้นตกใจ “เจ้า…เจ้าเอ่ยอะไรนะ”
“เขา มีลูกชายเพียงคนเดียวเท่านั้น” ฉินหลิวซีเอ่ยตอบเสียงเรียบ “ถ้าทารกที่ยังไม่ครบกำหนดนี้ไม่อาจอยู่รอดได้ ครอบครัวของพวกเจ้า ก็สิ้นแล้ว”
ในห้องเงียบลง สายตาหลายคู่ทยอยจับจ้องไปยังมั่วจู้จื่อ
แม่เอ๋ย นี่มันแตงใหญ่[1]กลางดึกจริงๆ ใหญ่เกินไป จนกินไม่หมด
“เจ้าเอ่ยเหลวไหล ปากเต็มไปด้วยคำไร้ค่า ข้าจะสู้กับเจ้า” หญิงชราผู้นั้นบ้าคลั่ง โน้มตัวไปข้างหน้า ก้มศีรษะลง พุ่งชนไปยังฉินหลิวซี
ฉินหลิวซีหลบอย่างคล่องแคล่ว หญิงชราผู้นั้นล้มลงบนพื้น มั่วจู้จื่อรีบเข้าไปช่วยประคอง จ้องฉินหลิวซีเขม็งด้วยความโกรธ
หญิงชราผู้นั้นคร่ำครวญเท้าเองเจ็บปวด
“อย่าแสดงละครเลย การล้มของเจ้าไม่อาจทำให้เอวหักได้หรอก”
มั่วจู้จื่อเอ่ย “แม่ของข้าแม้จะไม่ถูก แต่นางก็เป็นคนแก่แล้ว หากเจ้าเป็นนักบวช มีความเมตตาบ้างไม่ได้หรือ”
“นางเองก็อยากจะต่อสู้กับข้า ข้าจะให้ความเมตตานางไปทำไมเล่า” ฉินหลิวซีเยาะเย้ย “เจ้าเป็นคนกตัญญูจริงๆ ภรรยาของเจ้าอยู่ในสภาพเลวร้ายกว่ามารดาเจ้าเป็นร้อยเท่า แต่ยังไม่เห็นปกป้องนางเลยสักครั้ง”
มั่วจู้จื่อหน้าตาคล้ำลงอย่างเห็นได้ชัด ไม่กล้ามองเจวียนจื่อ
“เจ้าเป็นเพียงปีศาจเต๋า สาปแช่งลูกชายข้า…”
“ไม่ใช่เลย ท่านป้ามั่ว หากผู้นี้คือเจ้าอาวาสอารามชิงผิงแห่งเมืองหลีจริงๆ เช่นนั้นวิชาอาคมก็ยอดเยี่ยม ร้ายกาจเป็นอย่างยิ่ง” ชายหนุ่มคนหนึ่งไม่รู้ปรากฏตัวขึ้นมาตั้งแต่เมื่อใดเอ่ยขึ้น
“เจ้ามาได้อย่างไร ไม่ใช่อยู่บ้านดูลูกหรือ” หญิงที่ถือผงแป้งข้าวเดินเข้าไปหาเขา
ชายหนุ่มเอ่ย “ลูกตื่นแล้ว กำลังร้องไห้อยู่ เจ้ารีบกลับไปเถิด”
เขาหันไปมองฉินหลิวซี เอ่ย “เป็นเจ้าอาวาสอารามชิงผิงจริงหรือ อายุน้อยเพียงนี้ ไม่ใช่เจ้าอาวาสน้อยหรือ”
เจ้าโสมน้อยเอ่ย “ตอนนี้เป็นเจ้าอาวาสแล้ว”
“เถี่ยจวิน เจ้ารู้จักด้วยหรือ” มีคนถามชายหนุ่มผู้นี้
“เคยเห็นหรือก็ไม่เคยเห็น แต่ชื่อเสียงโด่งดัง ได้ยินว่าวิชาการแพทย์เก่งกาจ อารามเต๋าแห่งนั้นรุ่งเรืองมาก มีการทำบุญช่วยเหลือผู้คนทุกปี มีชื่อเสียงว่าทำนายแม่นยำมาก” เถี่ยจวินเอ่ย “ตอนข้าไปทำงาน ได้ยินมาจากคนขนของบนท่าเรือ
เจ้าโสมน้อยยิ้มอย่างภาคภูมิใจ เอ่ย “เขาเอ่ยไม่ผิด นี่แหละท่านเจ้าอาวาสของเรา”
ฉินหลิวซีมองไปยังแม่ลูกคู่นั้น เอ่ย “การดูโหงวเฮ้งของข้าไม่ผิดพลาด วิชาการแพทย์ยิ่งไม่พลาด หญิงชราเจ้านี้จะมีอายุไม่ยืน เพราะตับของเจ้ามีปัญหา ดวงตาของเจ้าเหลือง ตอนกลางคืนรู้สึกกระสับกระส่าย เหนื่อยล้า ปวดท้องคลื่นไส้บ่อยใช่หรือไม่”
หญิงชราผู้นั้นตัวแข็งทื่อไปทันที
“และเจ้าด้วย หูทั้งสองข้างสีคล้ำและแห้งเหี่ยว หูเป็นตัวแทนของไต สีที่ไม่ดี แสดงว่าไตของเจ้ามีปัญหา เจ้ามักฃปัสสาวะตอนกลางคืน ปัสสาวะเจ็บและไม่มากใช่หรือไม่ ไตไม่ดี ส่งผลให้กำลังเพศไม่แข็งแรง เจ้ามีปัญหาในการมีบุตร วาสนาต่อบุตรน้อย ตำแหน่งการมีบุตรของเจ้าก็จืดจาง ไร้บุตรสาว มีบุตรชายเพียงคนเดียว เจ้าจะได้ลูกชายเพียงคนเดียว” ฉินหลิวซีเอ่ยด้วยรอยยิ้มบาง “หากเด็กคนนี้ไม่เหลืออยู่แล้ว เจ้าก็รับชะตาไร้วาสนาต่อบุตรชายบุตรสาวนี้เถิด”
มั่วจู้จื่อหน้าซีดลง
เจวียนจื่อก็งุนงง แต่ภายในใจกลับรู้สึกดีใจ เพราะถ้าเป็นเช่นนี้ พวกเขาก็ต้องพยายามช่วยชีวิตลูกให้ได้
ฉินหลิวซีเอ่ย “วันนี้ข้าเพียงเดินทางมาพักที่นี่ ถึงได้ยุ่งเรื่องนี้ ข้าเอ่ยเพียงเท่านี้ เชื่อหรือไม่ แล้วแต่พวกเจ้า ข้อขอเตือนพวกเจ้าทำกรรมให้น้อย อย่าได้ตัดทอนโชคลาภ”
นางหยิบยันต์สามเหลี่ยมที่พับเก็บไว้จากแขนเสื้อและใส่ลงในผ้าอ้อมของเด็ก จิ้มที่หน้าผากของเด็กเบาๆ “จะมีชีวิตรอดหรือไม่ ขึ้นอยู่กับเจ้าว่าจะสู้กับโชคชะตานี้ได้หรือไม่”
เจวียนจื่อเอ่ย “ขอบคุณท่านอาจารย์ที่ยื่นมือมาช่วยชีวิตเจ้าค่ะ”
ฉินหลิวซีพยักหน้าเล็กน้อย “เด็กต้องสู้ เจ้าก็ต้องสู้ รักษาตัวด้วย”
นางไม่เอ่ยคำใดเพิ่มเติม หันหลังและเดินออกไป
เจ้าโสมน้อยยัดผลไม้หนึ่งลูกใส่ปากเจวียนจื่ออย่างรวดเร็ว “เห็นแก่ความน่าสงสารของเด็กน้อย ถือว่าเป็นโชคดีของเจ้า แล้วก็พวกเจ้า ทางที่ดีเชื่อเอาไว้เถิด เจ้าอาวาสของข้า ไม่เคยโกหก”
ดังนั้น บุรุษโง่เขลาผู้นี้มีบุตรชายได้เพียงคนเดียวในชีวิต เป็นเรื่องจริงแน่นอน
[1] แตงใหญ่ เป็นคำแสลงแปลว่าข่าวซุบซิบ