คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า - ตอนที่ 979 กู่ดูดวิญญาณ ฆ่าให้ตายก็พอ!
ตอนที่ 979 กู่ดูดวิญญาณ ฆ่าให้ตายก็พอ!
………………..
ลิ่นชิงถังอุ้มบุตรสาววิ่งเข้าหาฉินหลิวซี ด้วยความที่รีบร้อน จึงสะดุดขาตัวเองเกือบล้มลงไปกองกับพื้น
ฉินหลิวซีรีบเข้าไปประคองนางพลันขมวดคิ้วแน่น สัมผัสได้ถึงความกระสับกระส่ายที่ส่งมาจากต้นแขน
“เอาเด็กมาให้ข้า” นางเอื้อมมือรับทารกที่กำลังร้องไห้ไม่หยุด เด็กน้อยร้องไห้จนเสียงแหบแห้งไปหมด
ลิ่นชิงถังรีบส่งทารกให้กับนาง
ฉินหลิวซีอุ้มเด็กน้อยไว้ในอ้อมกอด พลางก้มหน้าดู เด็กน้อยร้องไห้จนใบหน้าแดงก่ำไปหมด ราวกับว่ากำลังถูกอะไรบางอย่างทรมานอย่างรุนแรง
ฉินหลิวซีวางมือลงบนหน้าผากของเด็กน้อย จากนั้นก็เริ่มร่ายอาคม เสียงร้องไห้ของเด็กน้อยค่อยๆ เบาลงอย่างเห็นได้ชัด
“ได้ผล ได้ผลจริงๆ ด้วย” จั่วจงจวิ้นกอดลิ่นชิงถังแน่นด้วยความตื้นตันใจ
ลิ่นชิงถังเองก็ดีใจไม่น้อยไปกว่าเขา นางอิงศีรษะแนบกับแผ่นอกในอ้อมกอดของเขา พลางเช็ดน้ำตาเบาๆ
ครั้งนี้ตัดสินใจไม่ผิดเลยจริงๆ ที่เดินทางมา!
เด็กน้อยอาการทุเลาลง นางจ้องมองฉินหลิวซีพลางสะอึกสะอื้น สีหน้าน่าสงสารเป็นอย่างมาก
“เด็กน้อยไม่เป็นไรแล้ว ข้าจะช่วยเจ้าเอง” ฉินหลิวซียิ้มให้นาง
โสมน้อยและเถิงเจาพากันเดินเข้าไปด้านใน พลางเอ่ยขึ้น “พวกเรามีบุญวาสนากับเด็กจริงๆ พึ่งช่วยชีวิตเด็กแรกเกิดไป นี่มาอีกคน เอ๊ะ เด็กคนนี้มีอะไรบางอย่างผิดปกตินี่นา”
เถิงเจาเองก็หันไปมองด้วยแววตาที่สงสัย พลางขมวดคิ้วแน่น
“ผิดปกติอย่างไรหรือ” จั่วจงจวิ้นหันมาสบตาพร้อมกับถามขึ้นด้วยความกระวนกระวายใจ หรือว่าบุตรสาวของเขาจะไม่ได้เป็นแค่ไส้ตรงปลิ้น?
“จิตวิญญาณได้รับความเสียหาย” เถิงเจาเอ่ยขึ้น
ลิ่นชิงถังเข่าอ่อนไปหมด ใบหน้าที่เดิมทีซีดเซียวอยู่แล้วก็ยิ่งซีดเข้าไปใหญ่ จะเปรียบเปรยว่าซีดเผือดก็ไม่เกินจริงเลย
จั่วจงจวิ้นเองก็อึ้งไม่แพ้กัน “จิตวิญญาณได้รับความเสียหายหมายความว่าอย่างไรกัน มีสิ่งที่ไม่สะอาดติดตามลูกสาวข้าอย่างนั้นหรือ”
“อะไรนะ?”
ฉินหลิวซีมองดูเด็กน้อยที่ค่อยๆ สงบลง เปลือกตาค่อยๆ ปิดลงอย่างช้าๆ เพียงครู่เดียวก็ผล็อยหลับไป นางจึงอุ้มเด็กน้อยไปนอนที่เตียง
“ท่านอาจารย์ มีอะไรบางอย่างอยู่ในร่างกายของนางหมายความว่าอย่างไรหรือ” จั่วจงจวิ้นจูงมือลิ่นชิงถังที่ตัวอ่อนปวกเปียกเดินเข้าไปหาฉินหลิวซี
ฉินหลิวซีแกะผ้าคลุมบนตัวเด็กน้อยออก จากนั้นก็เตรียมจะถอดเสื้อของเด็กน้อย ทว่าก็นึกถึงอากาศของวันนี้ขึ้นมา “เซินเซิน ปิดหน้าต่าง เจาเจาไปเขียนยันต์เพลิงไฟมาแผ่นหนึ่ง อย่าให้เด็กน้อยต้องลมหนาว”
ทั้งสองรับคำสั่ง จากนั้นก็รีบไปจัดการทันที
เพียงไม่นานอากาศภายในห้องก็เริ่มอุ่นขึ้น ฉินหลิวซีจึงค่อยถอดเสื้อของเด็กน้อยออก พลางพูดกับจั่วจงจวิ้น “บนตัวข้ามีราชาแห่งกู่อยู่ตัวหนึ่ง เมื่อครู่นี้มันค่อนข้างกระสับกระส่าย เพราะสัมผัสได้ถึงพรรคพวกเดียวกัน”
สองสามีภรรยายังคงจับต้นชนปลายไม่ถูก
“หมายความว่าเด็กคนนี้ ถูกพิษกู่” เถิงเจาอธิบายเสริม
ทั้งสองอุทานเสียงดังลั่นด้วยความตกใจ “อะไรนะ”
ถูกพิษกู่ เหตุใดถึงเป็นเช่นไปนี้ได้?
ลิ่นชิงถังรับความกระทบกระเทือนทางใจไม่ไหว จึงเป็นลมหมดสติไป
“ถังเอ๋อร์” จั่วจงจวิ้นตกใจเป็นอย่างมาก รีบคว้าร่างของภรรยามากอดไว้
เถิงเจาหยิบเข็มออกมาด้วยความใจเย็น เตรียมจะฝังเข็ม ทว่าถูกจั่วจงจวิ้นห้ามไว้เสียก่อน
“ช่างเถิด ปล่อยให้นางเป็นลมหมดสติไปสักพัก หลายวันมานี้นางไม่ได้นอนพักผ่อนดีๆ แม้แต่คืนเดียว ตอนนี้มาเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้นอีก คงจะทำใจยอมรับไม่ไหว” จั่วจงจวิ้นอุ้มนางขึ้นไปวางไว้ที่เตียง จากนั้นก็ห่มผ้าให้นาง แล้วจึงหันไปมองบุตรสาวที่นอนอยู่อีกฝั่ง ก็รู้สึกจุกอกอย่างบอกไม่ถูก ได้แต่กำหมัดแน่น
ถูกพิษกู่ มิน่าเล่ากินยามากมายขนาดนี้ ก็ไม่เห็นว่าอาการของบุตรสาวจะดีขึ้น กลับเอาแต่ร้องไห้ทุรนทุรายหนักกว่าเดิม ที่แท้แล้วก็ถูกพิษกู่นี่เอง
ผู้ใดกันถึงได้จิตใจโหดร้ายเช่นนี้?
ฉินหลิวซีปลดเสื้อของเด็กน้อยออก จากนั้นก็ร่ายอาคมกู่ตามที่ซือเหลิ่งเย่ว์สอนเอาไว้ โดยที่ไม่สนใจความกระสับกระส่ายของกู่ที่ต้นแขนของนาง ดวงตาจ้องมองไปที่เด็กน้อยผิวขาวละเอียดทว่าผ่ายผอมเป็นอย่างมาก
ทุกคนต่างก็พากันจ้องมองตาไม่กะพริบ
จั่วจงจวิ้นรู้สึกศีรษะเย็นวาบไปหมด ที่กลางอกของบุตรสาวมีอะไรบางอย่างกำลังเคลื่อนไหวอยู่ อดไม่ได้ที่จะขนลุกซู่ไปทั้งตัว
“อยู่นั่น” เถิงเจาก็มองเห็นด้วย
โสมน้อยหันไปมองจั่วจงจวิ้น “เจ้าไปล่วงเกินใครมา อีกฝ่ายถึงได้เหี้ยมโหดขนาดนี้ ลงมือได้แม้กระทั่งกับเด็กที่อายุไม่ถึงขวบ!”
จั่วจงจวิ้นเจ็บปวดรวดร้าวเป็นอย่างมาก เขาตบหน้าทั้งสองข้างของตนเองไปมา ก่อนจะเอ่ยตอบ “ข้าไม่รู้ ข้าไม่รู้มาก่อนเลยว่าในร่างกายของลูกสาวข้ามีสิ่งนี้อยู่”
หากเขารู้ว่ามันผู้นั้นเป็นใคร เขาจะจับพวกมันมาสับให้ละเอียดเป็นพันๆ ชิ้นเลย!
มีความโกรธแค้นอะไรก็มาสะสางกับเขาไม่ได้หรือ เหตุใดถึงต้องลงมือกับบุตรสาวของนางด้วย?
นางพึ่งจะอายุครบหนึ่งขวบปีเอง!
เถิงเจาถามขึ้น “ท่านอาจารย์ กู่ชนิดไหนหรือ”
จั่วจงจวิ้นกัดปลายลิ้นของตนเองแน่น สายตาจ้องมองไปที่ฉินหลิวซี ตอนนี้ต้องวางเรื่องศัตรูไว้ก่อน แล้วมาแก้ไขปัญหาตรงหน้า
“จิตวิญญาณได้รับความเสียหาย คงจะเป็นกู่ดูดวิญญาณ” ฉินหลิวซีวาดยันต์รักษาชีพจรลงบนหน้าอกของเด็กน้อย ผิวหนังที่ปูดนูนก็เริ่มเคลื่อนตัวอย่างรวดเร็ว
“แล้วจะจัดการกับมันอย่างไร” จั่วจงจวิ้นถามขึ้นด้วยความร้อนใจ
ฉินหลิวซีเรียกกู่ไหมทองของตนเองออกมา จากนั้นก็วางลงบนศีรษะของเด็กน้อยพลางเอ่ย “ใช้ราชาแห่งกู่ไล่มันออกมาข้างนอก จากนั้นฆ่ามันให้ตายก็พอ!”
โชคดีที่ก่อนหน้านี้ซือเหลิ่งเย่ว์มาหา แถมยังมอบของดีเช่นนี้ให้นาง มิเช่นนั้น นางคงจะต้องพาเด็กน้อยไปหาผู้เชี่ยวชาญมาช่วยไล่กู่ออกมาแทน
จั่วจงจวิ้นได้ยินนางพูดง่ายดาย เดิมทีก็ควรจะใจเย็นลงแล้ว ทว่าพอได้เห็นราชาแห่งกู่สีทองขึ้นมา ก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกขนลุกขึ้นมาอีกครั้ง พลางกลืนน้ำลายลงคอ
โชคดีที่ภรรยาของเขาเป็นลมหมดสติไปเสียก่อน มิเช่นนั้นคงจะเป็นภาพติดตานางไปทั้งชีวิต
เวลานี้เอง ลิ่นชิงถังก็เริ่มขยับตัว พยายามจะลุกขึ้น พลางเหลือบมองข้างๆ ก็เห็นแมลงตัวหนึ่งกำลังไต่อยู่บนร่างกายของบุตรสาว นางตกใจเป็นอย่างมากจึงเป็นลมหมดสติไปอีกครั้ง
จั่วจงจวิ้นตบหลังปลอบประโลมภรรยาที่หมดสติไปแล้ว ทว่าสายตายังคงจับจ้องราชาแห่งกู่ตาเขม็ง
ในทุกๆ ที่ที่ราชาแห่งกู่ไต่ก็จะเห็นผิวหนังปูดนูนเคลื่อนไหวอย่างเห็นได้ชัด ค่อยๆ เคลื่อนตัวขึ้นไปด้านบน ราวกับว่าถูกราชาแห่งกู่สั่งการอย่างไรอย่างนั้น
เด็กน้อยรู้สึกไม่สบายตัว ร่างน้อยสั่นเทาและดิ้นไปมา เปลือกตาขยับเปิดปิด ฉินหลิวซีวางมือลงบนแท่นจิตของนาง จากนั้นก็จิ้มไปที่จุดอวิน
อย่าว่าแต่จะต้องเผชิญหน้ากับแมลงภายใต้ผิวหนังที่กำลังเคลื่อนตัวไปมาด้วยระยะประชิดเลย จั่วจงจวิ้นเองที่อยู่ไกลกว่าแทบจะเป็นลมหมดสติไปเสียด้วยซ้ำ ทว่าเขาจะเป็นลมไปไม่ได้เป็นอันขาด นี่คือลูกสาวของเขา แก้วตาดวงใจของเขาทั้งคน
เขาพยายามข่มความสั่นสะท้านและความขยะแขยง จ้องมองตาไม่กะพริบ
แมลงเหล่านั้นขึ้นมาที่ใบหน้าแล้ว ทันใดนั้นเอง แมลงสีดำสนิทก็บินออกมา พุ่งไปที่จั่วจงจวิ้น
“อ้าาา” จั่วจงจวิ้นรีบถอยหลังกรูดทันควัน
เสี้ยวเวลาก่อนที่แมลงอันน่าเกลียดน่ากลัวจะโดนตัวเขา ก็ถูกราชาแห่งกู่จับได้เสียก่อน ทั้งสองตัวเริ่มจู่โจมกันกลางอากาศ เสียงของแมลงแหลมคมจนรู้สึกแสบแก้วหู พลอยทำให้ปวดหัวไปหมด
จั่วจงจวิ้นได้ยินเสียงกลืนกินแล้ว สีหน้าก็ขาวซีดไปหมด เขารีบเข้าไปขวางที่หน้าเตียงทันที
เมื่อใดที่ราชาแห่งกู่ออกมา กู่ทั้งหลายก็จะศิโรราบต่อมัน
เพียงไม่นาน ราชาแห่งกู่ก็กลืนกินกู่ดูดวิญญาณเข้าไปจนหมด ตัวของราชาแห่งกู่ที่เดิมทีก็เป็นสีทองอยู่แล้วยิ่งเจิดจรัสเข้าไปใหญ่ จากนั้นมันก็บินกลับมาที่มือของฉินหลิวซี หมุนวนอยู่ครู่หนึ่ง แล้วจึงเข้าไปในแขนเสื้อกลับไปยังที่เดิมของมัน
จั่วจงจวิ้น “…”
เสร็จเรื่องแล้ว?
เขาเสียสติไปแล้วหรืออย่างไรกัน เหตุใดจู่ๆ ก็รู้สึกว่าเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไร
ที่เมืองเซิ่งจิง ภายในเรือนงดงามหลังใหญ่โต มีหญิงนางหนึ่งกำลังกระอักเลือดอยู่หลังเรือน นางกุมหน้าอกแน่น จากนั้นก็ค่อยๆ ทิ้งตัวนอนลง หมดลมหายใจไป