คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า - ตอนที่ 982 ฟ้องผู้หลักผู้ใหญ่
ตอนที่ 982 ฟ้องผู้หลักผู้ใหญ่
ฉินหลิวซีไม่มีความตั้งใจจะอยู่ต่อ พอให้เสี่ยวหานเอ๋อร์ดื่มยาเสร็จแล้วก็ออกเดินทางต่อทันที เพียงแต่หลังจากที่รถม้าของนางเคลื่อนตัวออกไปแล้วก็มีรถม้าอีกสามคันตามหลังมา หนึ่งในนั้นมีคันหนึ่งใหญ่โตและหรูหราเป็นอย่างมาก
ฉินหลิวซีหันไปมองทหารคุ้มกันที่สง่างามน่าเกรงขามทั้งแปดคนบนหลังม้า พลางกระแอมเบาๆ คนที่ไม่รู้คงจะนึกว่าออกมาท่องเที่ยวกระมัง
ขบวนรถม้าเดินๆ หยุดๆ เมื่อเข้าใกล้เมืองหลวงมากขึ้น อากาศก็ค่อยๆ เย็นลงเรื่อยๆ จั่วจงจวิ้นเห็นว่าสีหน้าของบุตรสาวดีขึ้นเรื่อยๆ อย่างเห็นได้ชัด ก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกตื้นตันและดีอกดีใจ
“เจ้าตัดสินใจได้เด็ดขาดมาก ติดตามเจ้าอาวาสกลับเมืองหลวง อาการของหานเอ๋อร์ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง ไหนจะเจ้าอาวาสน้อยที่คอยอุ้มนางไปท่องคัมภีร์บทสวดทุกวันอีก ข้าฟังแล้วยังรู้สึกจิตใจสงบตามเลย”
ลิ่นชิงถังมองดูบุตรสาวด้วยสายตาที่อ่อนโยน เอ่ย “ไม่ว่าข้าหรือท่าน ต่างก็รู้ความสามารถของนางดี ที่เราเดินทางลงใต้ก็เพราะต้องการตามหานางมาช่วยรักษาอาการป่วยของหานเอ๋อร์ ในเมื่อบังเอิญเจอกันระหว่างทาง ก็ควรจะติดสอยห้อยตามไปด้วยจึงจะถูก”
เรื่องอาศัยร่มบารมี นางถนัดเป็นที่สุด
จั่วจงจวิ้นฉีกยิ้มกว้าง จากนั้นก็ดึงมือของนางมากุมไว้อีกครั้ง พลางพูดขึ้น “ถังเอ๋อร์ ข้าขอโทษเจ้าและลูกสาว ข้าเป็นตัวต้นเหตุของเรื่องนี้ ทำพวกเจ้าสองแม่ลูกลำบากแล้ว”
ลิ่นชิงถังได้ยินแล้วก็รู้สึกบีบหัวใจขึ้นมา “จะโทษท่านไม่ได้ มันเป็นภัยพิบัติที่มาโดยไม่รู้ตัว สงสารก็แต่ลูกสาวข้า”
“ดีที่นางยังพอมีความโชคดีอยู่บ้าง” จั่วจงจวิ้นบีบมือของบุตรสาวเบาๆ พลางเอ่ย “คนที่ส่งไปที่อารามชิงผิงจะบริจาคเครื่องหอมธูปเทียน ไว้เราค่อยหาเวลาไปที่อาราม ให้ทานช่วยเหลือชาวบ้านที่ลำบากและขอทานที่นั่นในนามหานเอ๋อร์กัน”
“อืม” ลิ่นชิงถังตอบกลับ “ไม่ต้องรอกลับถึงเมืองหลวงแล้วค่อยทำบุญก็ได้ ระหว่างกลับเมืองหลวง หากมีโอกาสได้เจอ เราก็สามารถทำบุญและให้ทานได้เช่นกัน”
จั่วจงจวิ้นตอบกลับด้วยรอยยิ้ม จากนั้นก็แกล้งถามขึ้นว่า “ไม่กลัวว่าจะให้ทานจนหมดเนื้อหมดตัวหรือ เจ้าอาจต้องลดซื้อเสื้อผ้าเครื่องประดับน้อยลงทุกฤดูกาลเลยก็ได้”
ลิ่นชิงถังเหลือบมองเขาด้วยแววตาที่ขุ่นเคือง “ข้าขัดสนสิ่งของเหล่านั้นหรืออย่างไรกัน สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือหานเอ๋อร์ บุญกุศลยิ่งมากยิ่งดี”
จั่วจงจวิ้นสีหน้าจริงจัง “เจ้าวางใจเถิด ข้าไม่มีทางให้นางเจ็บตัวเปล่าอย่างแน่นอน ในฐานะพ่อ ข้าจะต้องล้างแค้นแทนนางให้ได้”
“ท่านอย่าบุ่มบ่ามไป”
“ข้ารู้ ข้าไม่ทำอะไรส่งๆ อย่างแน่นอน ข้ายังมีพวกเจ้าสองแม่ลูกที่ต้องปกป้อง ข้าไม่มีทางนำไข่ไปกระทบหินอยู่แล้ว ข้าจะหาโอกาส ข้าไม่เชื่อว่ารอบข้างนางอสรพิษนั่นจะไม่มีช่องว่างเลย” จั่วจงจวิ้นน้ำเสียงเย็นยะเยือก
เฉกเช่นสุภาษิตที่ว่า ‘ทำนบพันลี้ทลายลงมา เพราะรังมดที่เจาะอยู่ภายใน’ ตอนนี้เขาเป็นมดที่ไม่สามารถโยกต้นไม้ได้ เช่นนั้นเขาก็จะขุดรังมด ต้องมีสักวันที่เขื่อนจะทลายลงมา
ถึงแม้ตอนนี้จะทำได้เพียงอดทน ทว่าจั่วจงจวิ้นกลับเขียนจดหมายฟ้อง จากนั้นก็สั่งให้คนนำไปส่งให้พ่อตาของเขา ฟ้องเรื่องที่เกิดขึ้นตั้งแต่ต้นจนจบ
คนรุ่นหลังอย่างเขาและภรรยา เป็นเพียงสามัญชนธรรมดาทั่วไป แม้ว่าจะเกิดในตระกูลผู้ดี แต่หากต้องรับมือกับผู้มีอำนาจตระกูลสูงศักดิ์ ก็มีแต่จะเสียเปรียบ ในเมื่อสู้ไม่ได้ ก็ต้องฟ้องผู้หลักผู้ใหญ่เอา เด็กที่ร้องไห้เป็นย่อมได้ลูกกวาดทานเสมอ
ในเมื่อตอนนี้ยังฆ่านางไม่ได้ เช่นนั้นก็หาเรื่องนางแทน!
ดังนั้น ในขณะที่ขบวนรถค่อยๆ เดินทางไปยังเมืองหลวง เสนาบดีลิ่นก็ได้รับจดหมายฟ้องจากลูกเขยเป็นที่เรียบร้อย
บุตรสาวของเขาพาหลานสาวเดินทางลงใต้เพื่อตามหาฉินหลิวซีมาช่วยรักษา เขาเองก็รู้เรื่องนี้ ทว่าพอได้รับจดหมาย ก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกประหลาดใจ
หลังจากที่ได้ยินว่าเจ้าอาวาสผู้เฒ่าอารามชิงผิงสิ้นบุญแล้ว นางก็หายสาบสูญไปสามปี แม้แต่คนในตระกูลของนางก็ยังไม่รู้เสียด้วยซ้ำว่านางอยู่ที่ไหน
เสนาบดีลิ่นไม่ได้คิดว่าฉินหลิวซีเกิดเรื่องขึ้น เขาเพียงแต่คิดว่าฉินหลิวซีไม่พบปะผู้คนเท่านั้น เพราะสำหรับผู้บำเพ็ญลัทธิเต๋า ถือเป็นเรื่องที่ปกติเป็นอย่างมาก
แต่พอแกะจดหมายออกมาอ่าน สีหน้าของเสนาบดีลิ่นก็เคร่งขรึมขึ้นมาทันที เขาตบโต๊ะเต็มแรง “เหลวไหล! ใครก็ได้เข้ามาที”
“ท่านเสนาบดี” บ่าวรับใช้ชายรีบมารับคำสั่งที่หน้าประตู
เสนาบดีลิ่นพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เรียบเฉย “ไปเชิญใต้เท้าจั่วมา บอกว่าข้าได้แท่นฝนหมึกหายากมาหนึ่งชิ้น เชิญเขามาเชยชม”
“ขอรับ”
ใต้เท้าจั่วได้ข่าวแล้ว ก็รู้สึกแปลกใจเล็กน้อย ญาติดองของเขาคนนี้ มีของหายากค่อนข้างมาก แต่ของหายากเช่นนี้ ไม่ใช่ว่าต้องนำไปซ่อนไม่ให้เขาหน้าด้านขอได้หรอกหรือ
ของหายาก ต้องไปเชยชมเสียหน่อย หากขอไม่ได้ ได้อิจฉาตาร้อนสักเล็กน้อยก็ยังดี
ทว่าพอไปถึงห้องหนังสือของเสนาบดีลิ่น สิ่งที่อีกฝ่ายพูดถึงกลับไม่ใช่เรื่องของหายาก แต่เป็นสุขภาพของเขาแทน ว่าช่วงนี้เขามีอาการเจ็บหัวใจจำพวกนี้หรือไม่
ใต้เท้าจั่ว “?”
“ช่างเถิด กันไว้ดีกว่าแก้” เสนาบดีลิ่นให้บ่าวรับใช้ชายไปเตรียมยารักษาหัวใจมา เผื่อสถานการณ์ฉุกเฉิน
ใต้เท้าจั่วเห็นสีหน้าท่าทีของเสนาบดีลิ่นแล้ว ก็รู้สึกเย็นวาบไปทั้งแผ่นหลัง จุกหัวใจไปหมด หรือว่ามีเรื่องเกิดขึ้นกับหลานสาวคนโตของเขา
โถ แก้วตาดวงใจของปู่
“เกิดอะไรขึ้น มีอะไรก็พูดออกมาตรงๆ อย่ามัวแต่อ้อมค้อม” ใต้เท้าจั่วถือถ้วยน้ำชา แสร้งทำเป็นใจเย็น
เสนาบดีลิ่นมองดูนิ้วมือของเขาที่บีบถ้วยน้ำชาแน่น ก็พูดขึ้นว่า “ทางจวิ้นเอ๋อร์ส่งจดหมายมา”
ใต้เท้าจั่วหัวใจเต้นรัวไม่เป็นจังหวะ หรือจะเป็นอย่างที่เขาคาดการณ์ไว้?
ใช่สิ ตอนที่ตระกูลฉินกลับเมืองหลวง เขาก็ได้ข่าวว่าฉินหลิวซีไม่ออกมาเจอผู้คนราวสามปีแล้ว ไม่มีใครรู้ว่านางอยู่ที่ไหน อาการป่วยของหลานสาวจึงยังไม่ได้รับการรักษาจนถึงตอนนี้ คงเป็นการยากที่จะหานางเจอ ลูกสะใภ้จึงตัดสินใจพาหลานสาวเดินทางลงใต้เพื่อหาหมอรักษา
จนป่านนี้แล้วยังไม่เจอเจ้าอาวาสน้อยอีกหรือ?
ใต้เท้าจั่ววิตกกังวลขึ้นมาทันควัน หว่างคิ้วขมวดแน่น สีหน้าไม่ค่อยดีเท่าไหร่นัก
“ท่านอ่านเองเถิด” เสนาบดีลิ่นยื่นจดหมายให้เขา
ใต้เท้าจั่วเนื้อตัวสั่นเทา เพราะกลัวว่าจะเป็นข่าวร้าย ทว่าอ่านไปครู่หนึ่ง สีหน้าของเขาก็ค่อยๆ เปลี่ยนไป สีหน้าที่เดิมทีก็เคร่งขรึมอยู่แล้วก็ยิ่งเคร่งขรึมเข้าไปใหญ่ ริมฝีปากเม้มแน่นจนเป็นเส้นตรง
“สารเลว ตาเฒ่าชั่วเปี่ยนชุน ข้ารู้ตั้งแต่แรกแล้วว่ามันเป็นคนเลว ลูกที่เกิดออกมาก็เลวทรามไม่แพ้กันเลย เหี้ยมโหดไร้หัวใจเสียไม่มี…” ใต้เท้าจั่วตบโต๊ะเสียงดังลั่น จนถ้วยน้ำชากระเด็นกระดอนไปหมด
เสนาบดีลิ่นยกถ้วยน้ำชาขึ้นมาเป่า จิบไปหนึ่งคำ ปล่อยให้ท่านพ่อของลูกเขยโวยวายตามใจชอบ ในใจก็ครุ่นคิดไปพลางว่าควรจะจัดการกับเรื่องนี้อย่างไรดี
“ข้าจะเอากระบี่มังกรคำรามที่ฮ่องเต้องค์ก่อนประทานให้ไปฟันพวกคนแก่เหล่านั้นให้ตายๆ ไปเสีย ข้าจะไปถามว่าคนพวกนั้นเลี้ยงลูกชั่วๆ ในห้องใต้ดินหรืออย่างไรกัน ไร้กาลเทศะก็ชั่งแล้วเถิด แต่เหตุใดถึงได้จิตใจเหี้ยมโหดเยี่ยงนี้ เลวทรามขนาดนี้สู้เอาไปทำปุ๋ยหมักไม่ดีกว่าหรือ!” ใต้เท้าจั่วทำท่าจะวิ่งออกไป ตอนที่เขายังหนุ่มก็เป็นคนที่มีความสามารถทั้งด้านราชการและด้านการต่อสู้คนหนึ่ง ตอนนี้ก็ยังคงฝึกฝนแปดกระบวนท่าทุกวัน ไม่ว่าอย่างไรก็แข็งแรงกว่าเปี่ยนชุนที่วันๆ เอาแต่ขี้เหล้าอย่างแน่นอน
เขาเดินไปได้ไม่กี่ก้าวก็ชะงักฝีเท้าลง พลางหันไปมองพ่อตาของลูกชายเขา ไม่ห้ามเขาไว้ก็ช่างเถิด นี่ยังจะไม่โกรธแค้นศัตรูด้วยหรือ
ใต้เท้าจั่วไอแรงๆ ไปสองสามที
เสนาบดีลิ่นเทน้ำชาให้เขา พลางพูดขึ้น “ดอกจินอิ๋นชงคู่กับดอกเบญจมาศ ดับกระหายแก้ร้อนใน รีบดื่มสิ”
ใต้เท้าจั่ว “…”
เขายกถ้วยน้ำชาที่ร้อนจัดขึ้นมาดื่มด้วยความโมโห ก็ถูกลวกจนต้องแลบลิ้นเป่าลมคลายร้อน
เสนาบดีลิ่นตาเฒ่าผู้นี้ ตั้งใจจะลวกเขาให้ตายแล้วฮุบเอาหลานสาวคนโตไปเลี้ยงเองคนเดียวหรืออย่างไรกัน