คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า - ตอนที่ 993 แค่มีเงินก็จัดการได้ทุกเรื่อง
ตอนที่ 993 แค่มีเงินก็จัดการได้ทุกเรื่อง
ขณะที่สะใภ้หวังและฉินหยวนซานร่ำลาทั้งคู่นั้นก็ได้บอกฉินหมิงเย่ว์กับจ้าวอ๋องเป็นนัยๆ ว่าตระกูลฉินไม่มีคุณหนูใหญ่อีกต่อไป มีเพียงนักพรตหญิงปู้ฉิวที่ออกบวชในอารามชิงผิงเท่านั้น
เดินกันคนละเส้นทาง ย่อมร่วมทางกันไม่ได้
นี่เป็นสิ่งที่ฉินหยวนซานกล่าวกับจ้าวอ๋อง ซึ่งหมายถึงเส้นทางของฉินหลิวซี เส้นทางของตระกูลฉินและจวนจ้าวอ๋องนั่นเอง
กระทั่งตอนที่ฉินหมิงเย่ว์ออกจากจวนไปยังกำชับว่า หญิงสาวที่แต่งออกเรือนแล้วก็เปรียบเหมือนน้ำที่สาดออกเรือนไป หากไม่มีธุระใดก็อย่ากลับมาจวนตามอำเภอใจอีก ต้องเคารพต่อพระชายาและท่านอ๋อง ออกดอกผลิใบให้ราชวงศ์ หากยังกล้าเหิมเกริมเอาแต่ใจอีก อารามประจำตระกูลฉินก็พร้อมเปิดประตูรับนางเสมอ
นี่เหลือก็เพียงบอกอย่างชัดเจนว่าตัดหางปล่อยวัดแล้ว
หลังจากถูกคนในตระกูลทอดทิ้ง จุดจบเป็นเช่นไรแค่คิดก็รู้แล้ว
ฉินหมิงเย่ว์ทั้งตกใจ ทั้งยำเกรง ทั้งหวาดกลัว นางถูกประคองร่างขึ้นรถม้าด้วยฝีเท้าอันเบาหวิว ยังไม่ทันนั่งดีก็ถูกจ้าวอ๋องง้างฝ่ามือตบใส่
“ตระกูลฉิน ช่างแสบดีจริงๆ!” จ้าวอ๋องยิ้มเยาะ
ราวกับฉินหมิงเย่ว์ถูกตบจนมึน นางมองจ้าวอ๋องด้วยท่าทีนิ่งงัน กระทั่งกลับมาถึงจวนอ๋อง ขณะที่ถูกขังอยู่ในเรือนตน นางถึงดึงสติกลับมาได้แล้วกรีดร้องเสียงแหลมสูง
ฉินหลิวซีไม่หลงเหลือความเมตตาแม้แต่น้อย นางเคยเตือนแล้ว แต่ฉินหมิงเย่ว์กลับยังเลือกเดินเส้นทางนี้ ดังนั้นต่อให้ถูกทิ่มแทงจนร่างสะบักสะบอมเพียงใดก็ทำได้แค่เดินต่อไป
หลังจากออกจากจวนตระกูลฉินมา นางก็เดินทอดน่องไปตามถนนอย่างช้าๆ หิมะตกอย่างต่อเนื่องไม่มีหยุดจนเป็นสีขาวโพลนทุกหย่อมหญ้า คนสัญจรบนถนนเองก็เดินไปมาน้อยมาก ยิ่งไม่ต้องเอ่ยถึงพวกขอทานที่เคยเจอะเจอในยามปกติ
เดิมทีพวกเขาก็สวมเพียงเสื้อผ้าเนื้อบางเท่านั้น หากอยู่ทนความหนาวเพื่อขอความช่วยเหลือแล้วล่ะก็คงได้แข็งตายอย่างแน่นอน
เพียงแต่คนสัญจรบนถนนมีไม่มากนัก แต่กลับมีวิญญาณเร่ร่อนลอยไปมาอยู่ไม่น้อย
ครั้นฉินหลิวซีมองซ้ายมองขวาแล้วไม่เห็นใคร นางจึงกระโดดขึ้นไปบนยอดหลังคาแล้วมองลงมา นี่เกิดอะไรขึ้น เหตุใดวันนี้เมืองนี้ถึงมีวิญญาณร่อนเร่เต็มไปหมด หรือรังเกียจที่อากาศไม่หนาวพอ เลยเติมไอหยินเข้าไปด้วย พอแข็งตายมาจะได้ร่วมเป็นสหายผีร่อนเร่ไปด้วยกันอย่างนั้นหรือ
นางเห็นผีอัปลักษณ์ตนหนึ่งฟุบเกาะแผ่นหลังของหญิงสาว แลบลิ้นยาวเลียคอนาง หนาวจนทำเอานางตัวสั่นสะท้าน สีหน้าซีดราวหิมะ!
ผีหื่นกามตัวนี้คงคิดว่ามีชีวิตเป็นผียาวนานเกินไปกระมัง!
ฉินหลิวซีเดินรุดขึ้นหน้า มองหญิงสาวแล้วเอ่ย “แม่นาง ซื้อยันต์คุ้มภัยหน่อยหรือไม่”
ผีหื่นกามขึงตามองฉินหลิวซีด้วยท่าทีดุร้าย “นักต้มตุ๋นที่ไหนกัน บังอาจมาทำลายเรื่องดีๆ ของข้า ยังไม่รีบไปอีก!”
หญิงสาวผู้นั้นมองนางด้วยท่าทีงุนงง นางเป็นใครกัน
“แค่หนึ่งตำลึงเอง เอาพกไว้ติดกาย ภัยร้ายจะได้ไม่มาแพ้วพาน” ฉินหลิวซีเอ่ยพลางยิ้มตาหยี รีบล้วงเงินออกมาเถิด แค่หนึ่งตำลึง ขายถูกสุดๆ แล้ว หากไม่ใช่เพราะเห็นใบหน้าเมตตาของหญิงสาวผู้นี้ แถมเจอเรื่องร้ายง่ายๆ อีก นางคงไม่มีทางขายให้หรอก
หญิงสาวคลำช่วงเอว นางมีเงินอยู่หนึ่งตำลึงจริงๆ
ฉินหลิวซีควานหายันต์สามเหลี่ยมเจอแล้ว พอยื่นส่งไป ผีหื่นกามตนนั้นก็ส่งเสียงร้องโอดครวญก่อนจะคลายร่างออกจากแผ่นหลังของหญิงสาวไป
หญิงสาวรู้สึกประหลาดใจอยู่บ้าง เหมือนว่านางจะไม่ได้หนาวขนาดนั้นแล้ว นางมองยันต์นั้นก่อนเอ่ย “แพงขนาดนี้เชียว” พลันเงียบไปก่อนจะมองเสื้อผ้าเนื้อบางที่อีกฝ่ายสวมใส่ เผยสีหน้าราวกับอดใจไม่ไหว เอ่ยต่อไปว่า “ช่างเถอะ เจ้าไม่ได้ถือแม้แต่ธงเรียกลูกค้าก็ออกมาขายยันต์ดูดวงแล้ว อากาศก็หนาว เกรงว่าคงไม่มีใครช่วยเจ้าหรอก”
นางล้วงหยิบเงินหนึ่งตำลึงยื่นใส่มือฉินหลิวซีก่อนจะหยิบยันต์สามเหลี่ยมไป “วันนี้อากาศหนาว ในเมื่อเจ้าขายได้แล้วก็รีบกลับไปเถิด ถึงอย่างไรหานุ่นมาทำเสื้อผ้าบ้างก็ดี”
ฉินหลิวซีมองเสื้อผ้าเนื้อบางของตนเอง “…”
นางน่าสงสารมากเลยหรือ
หญิงสาวกระชับเสื้อคลุมหมายเดินจากไป
ฉินหลิวซีเรียกนางไว้อีกครั้งแล้วยิ้มเอ่ย “แม่นาง ระยะนี้น้องสะใภ้จะพูดจาเป็นแม่สื่อแม่ชัก ห้ามตอบรับเด็ดขาด นั่นไม่ใช่คู่ชีวิตที่ดีอะไร”
หญิงสาวงงเป็นไก่ตาแตก
ฉินหลิวซีกล่าวขอบคุณและอวยพรก่อนจะเดินเข้าซอยด้านข้างไป ครั้นนางเห็นผีหื่นกามตนนั้นก็กอดอกแล้วเอ่ย “มานี่เลย”
ครั้นผีหื่นกามเห็นนางก็ร่างสั่นสะท้าน ขณะคิดจะหนี ฉินหลิวซีก็ร่ายคาถาใส่
“ข้าปล่อยเจ้าไปแล้วหรือ”
ผีหื่นกามฝืนความเจ็บปวดบนร่างวิญญาณ กลิ้งตัวตะเกียกตะกายลอยมาหา คุกเข่าลงตรงหน้าฉินหลิวซี ก่อนจะเอ่ย “ปรมาจารย์ผู้เป็นใหญ่โปรดไว้ชีวิตด้วย ข้าน้อยไม่กล้าทำแล้ว”
แม่เจ้าโว้ย ข้าเจอคนต่อกรยากด้วยแล้ว!
“พวกเจ้าทำสิ่งใดกัน” ฉินหลิวซีเอ่ย “เหตุใดจู่ๆ ในเมืองถึงมีวิญญาณเต็มไปหมด ข้าดูท่าทางเหมือนพวกเขากำลังค้นหาอะไรบางอย่างอยู่ หาสิ่งใดหรือ”
“อ้าว” ผีหื่นกามเอ่ย “เจ้าไม่ได้มาหาเรื่องข้าเพราะเรื่องหญิงสาวเมื่อครู่หรอกหรือ”
“ก็ใช่ แต่นี่มันเกี่ยวอะไรกับเรื่องที่ข้าถามด้วยหรือ ตอบมา!”
ผีหื่นกามร่างสั่นเทา ปรมาจารย์สาวผู้นี้ช่างโหดเหี้ยมนัก!
“ได้ยินผีผู้เฒ่าร้อยปีตนหนึ่งบอกว่าในเมืองมีวัตถุดิบล้ำค่าหายากปรากฏ เลยเรียกรวมพลเหล่าพี่น้องออกตามหา หากใครหาเจอค่อยส่งให้เขา พร้อมตบรางวัลอย่างงาม”
ฉินหลิวซีหรี่ตาลง วัตถุดิบล้ำค่าหรือ
“ตั้งแต่เมื่อไรกัน”
“วันนี้สิ เมื่อคืนมันเรียกรวมผี มิเช่นนั้นอากาศหนาวขนาดนี้ พวกเราคงมุดตัวอยู่ที่หลุมไหนสักแห่ง จะออกมาตากลมหนาวทำไมกัน” ดูเอาเถอะ ไม่ได้เจอเรื่องดีๆ หรอก ดันมาเจอคนน่ากลัวโหดร้ายอย่างเจ้าแทนต่างหาก
ข้าช่างโชคร้ายเสียเหลือเกิน!
“พวกเจ้าเป็นผีไอเย็นทะมึนยังกลัวหนาวด้วยหรือ” ฉินหลิวซียิ้มเยาะ “เช่นนั้นผีผู้เฒ่าอยู่ไหนเล่า พาข้าไปหาที”
บังเอิญจังแฮะ คงไม่ได้ตามหาเซินเซินของนางกระมัง
ผีหื่นกามเอ่ยถามอย่างระแวง “เจ้าถามเรื่องนี้ทำไม ข้าจะบอกเจ้าให้ว่าถึงแม้พวกเราจะเป็นผี แต่ก็เป็นผีที่มีสัจจะ พวกเรามีสายสัมพันธ์แน่นแฟ้นคอยปกป้องช่วยเหลือซึ่งกันและกัน…”
“เทียนหนึ่งเล่ม เงินหยวนเป่าหนึ่งก้อน!”
ผีหื่นกามเปลี่ยนท่าทีทันที “ผีผู้เฒ่าตนนั้นจิตใจชั่วร้าย ข้าจะบอกท่านให้ว่าข้าเห็นเขาขัดหูขัดตามานานแล้ว รอวันที่ปรมาจารย์ผู้ผดุงความยุติธรรมมาปราบสิ่งชั่วร้ายแทนสวรรค์ ท่านเชิญทางนี้”
ฉินหลิวซี “…”
ดั่งที่ว่ามีเงินทำอะไรก็ได้ เรื่องนี้ไม่ผิดเลยจริงๆ!
ฉินหลิวซีเดินข้างกายผีหื่นกามมุ่งหน้าไปทางรังกบดานของผีผู้เฒ่า พลางถามว่าเหตุใดเป็นผีอยู่ในเมืองมาตั้งนานไม่ยอมไปเกิดใหม่สักที
“แน่นอนว่าเป็นเพราะข้าหื่น…ไม่สิ เพราะข้าตอบแทนบุญคุณต่างหาก!” ผีหื่นกามถอนหายใจเอ่ย “ข้าตายขณะมีเพศสัมพันธ์ นับว่าตายเป็นผีภายใต้ความงดงามก็นับว่าคุ้มค่าแล้ว นางยังช่วยเก็บศพให้ข้าด้วย บัดนี้ไม่ว่าจะด้วยความรู้สึกหรือความถูกต้อง อย่างน้อยข้าก็ต้องปกป้องนางบ้าง รอนางตายเมื่อไรค่อยมาเป็นผีเคียงคู่กัน”
ฉินหลิวซีมุมปากกระตุกเล็กน้อย “เป็นคนดีแบบไหนกัน ซวยขนาดนี้เชียว เจ้าตายบนตัวนาง นางก็เจอดวงซวยเคราะห์ร้ายมากพอแล้ว เจ้ายังอยากจะเป็นผีเคียงคู่นางอีกหรือ เจ้านี่ตอบแทนบุญคุณอย่างเคียดแค้นมากกว่า!”
ผีหื่นกามเอ่ย “เปล่าเลย นางเป็นหญิงในหอคณิกา ไม่แต่งงานออกเรือนสักหน่อย หากตายไปมาเป็นคู่กับข้าไม่ดีตรงไหนกัน ข้าเองก็มักจะปกป้องนางอยู่บ่อยๆ!”
“การปกป้องของเจ้าคงไม่ใช่ว่าคอยเฝ้าอยู่ข้างกายนาง ทำให้แขกพวกนั้นตกใจกระมัง”
“ใช่แล้ว”
ฉินหลิวซียิ้มเย็นชา “เช่นนั้นนางก็เปิดทางให้ความซวยเข้าหาถึงเรือนแล้ว คิดว่าเวลานี้คงไม่มีแขกเลือกนางเลยกระมัง ในเมื่อพอเข้าใกล้นางก็มักจะประสบเคราะห์ร้ายเสมอ แล้วจะมีใครกล้าเลือกนางมาดูแล พอไม่มีแขก นางก็ไม่มีเงิน แม้แต่ขายตัวก็ยังทำไม่ได้ รอวันแก่ตายอยู่ในหอคณิกา นี่เจ้าจะตอบแทนนางหรือแก้แค้นนางกันแน่”
ผีหื่นกามผงะไป เขา…เขาทำผิดไปหรือ
ฉินหลิวซีเร่งเร้าให้เขาเดินต่อไป ผีหื่นกามยู่ปากอย่างไม่พอใจเอ่ย “ที่นี่แหละ”
ฉินหลิวซีเลิกคิ้วที มองป้ายที่ติดอยู่บนประตูพลางเอ่ย “เจ้าแน่ใจนะว่ารังกบดานของผีผู้เฒ่านั่นอยู่ที่นี่”