คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า - ตอนที่ 998 พาข้าไปก่อเรื่องด้วย
ตอนที่ 998 พาข้าไปก่อเรื่องด้วย
………………..
หมิงอวี้สมองดังวิ้ง ไม่ค่อยเข้าใจว่าแค่ตนช่วยมหาราชครูคนคุ้นเคยหาผีตัวประหลาด หาวัตถุดิบล้ำค่า เหตุใดถึงเป็นความผิดไปได้
ใช่ว่าเรียกดวงวิญญาณมาโดยเสียเปล่าเมื่อไร ถึงอย่างไรก็ต้องให้เงินหยวนเป่ากับจุดธูปเทียนแก่พวกเขาบ้างแหละ ผีร่อนเร่กำพร้าบางส่วนไร้คนเซ่นไหว้หลังความตาย โดยไม่มีอะไรสักอย่าง ปกติต้องอาศัยอาหารที่ใช้บูชาตามรายทางเท่านั้น เขาแค่หางานให้พวกเขาทำ ถึงแม้จะเป็นเพียงเทียนเล่มเดียวก็เป็นเรื่องที่ดีนี่นา
แต่ฉินหลิวซีกลับมาว่าเขาทำผิด ช่วยคนชั่วทำผิด ซึ่งจะทำลายบารมีของจวนหมิงอ๋องเสียอย่างนั้น
หมิงอวี้เอ่ย “ปรุงยาเป็นเรื่องที่นักพรตอย่างพวกท่านทำเป็นอยู่แล้วมิใช่หรือ เขาเองปรุงยา ข้าก็แค่ช่วยเขาหาตัวยาก็เท่านั้น เหตุใดถึงเป็นความผิดไปได้เล่า หากท่านให้ผลประโยชน์กันบ้าง ข้าก็สามารถหาผีเร่ร่อนมาทำงานให้ท่านได้เช่นกัน”
ดูเอาเถิดว่าเขามีศีลธรรมอันดีขนาดไหน!
ฉินหลิวซีหลุบตาลงพลางเอ่ย “การปรุงยาไม่มีความผิด แต่นักพรตอู่ซั่งก็ไม่ควรปรุงยาให้ฝ่าบาทเช่นนั้น ตั้งแต่โบราณกาลมา ฮ่องเต้ที่หลงใหลในการปรุงยาอายุวัฒนะล้วนมีจุดจบเช่นไร บ้านเมืองและประชาราษฎร์มีจุดจบเช่นไร เจ้าเองก็เป็นผีผู้เฒ่าที่อยู่มาร้อยกว่าปี เจ้าไม่เข้าใจหรือ บรรพกษัตริย์ของฮ่องเต้องค์นี้ยังตายด้วยพิษของการปรุงยา เวลานั้นปวงประชาใช้ชีวิตอย่างไรหรือ”
หมิงอวี้เงียบไปก่อนจะเอ่ย “ไม่สิ ถึงแม้ฮ่องเต้คังอู่จะเจ้าเล่ห์เหี้ยมโหด แต่ก็มีความเด็ดขาด แต่ก่อนนับว่าเป็นกษัตริย์ผู้ปราดเปรื่องเลยทีเดียว เวลานี้พระองค์หลงใหลการปรุงยาอายุวัฒนะแล้วหรือ”
“เจ้าไม่รู้เรื่องเลยหรือ”
หมิงอวี้เอ่ย “ใช่ว่าข้าจะหาข้ออ้าง แต่หลายปีมานี้ข้าเฝ้าอยู่ที่นรก ไม่ได้ติดต่อกับปรมาจารย์ในโลกมนุษย์มานานมากแล้ว เป็นเพราะปีนี้ถูกโยกย้ายเลยแวะมาบ้างเป็นครั้งคราว หลายวันมานี้เห็นว่าอู่ซั่งเรียกหา คิดๆ ดูแล้วไม่ได้เจอกันมาหลายปี ข้าถึงมาต่างหาก”
การเป็นผีทหารทำงาน ใช่ว่าปรมาจารย์คนใดเรียกก็ต้องปรากฏตัว หากเป็นเช่นนั้น เรียกเมื่อไรก็ไปหาเมื่อนั้น พวกเขาจะยังเหลือศักดิ์ศรีอยู่อีกหรือ
แม้แต่ข้าหลวงตัวเล็กๆ ที่ตรากตรำสอบเพื่อให้มีชื่อบันทึกในสมุด ก็ล้วนทำเพื่ออิทธิพลอำนาจมิใช่หรือ
เป็นผีทหารต้องวางมาด หากเจ้าเรียกแล้วไปหาอย่างว่าง่าย เช่นนี้พวกเรายังจะเหลือศักดิ์ศรีอีกหรือ
แน่นอนว่าคนตรงหน้าเป็นกรณีพิเศษ เพราะได้ยินว่าพอนางเรียกตัวใต้เท้าผีทหารที่คอยตัดสินเจ้าพนักงานมา คนเหล่านั้นกลับรีบปรากฏตัวตรงหน้าอย่างรวดเร็วจริงๆ
หมิงอ๋องเอ่ยเตือนอย่างอดไม่ได้ “บรรพบุรุษผู้เฒ่า ท่านจะโป้ปดก็ควรเอาแต่พองาม เมื่อครู่ท่านเพิ่งกล่าวว่าทำการแลกเปลี่ยนกับมหาราชครูด้วยเรื่องตระกูลของเรา แต่เวลานี้ท่านกลับบอกว่าไม่รู้เรื่องที่ฝ่าบาททรงโปรดเรื่องปรุงยาอย่างนั้นหรือ”
หมิงอวี้ “!”
นั่นเพราะข้าหลอกล่อเจ้าเด็กนั่นต่างหาก คนเนรคุณอย่างเจ้าดันพังแผนข้าเสียได้!
ฉินหลิวซีแค่นเสียงหัวเราะ
ครั้นหมิงอวี้ได้ยินเสียงหัวเราะเช่นนั้นก็รีบเอ่ย “ข้าก็แค่ไม่ค่อยรู้เรื่องสถานการณ์ในโลกมนุษย์อย่างชัดเจน เห็นว่าในเมืองหลวงเองก็ปกติ แม้แต่เจ้าเด็กนี่ยังให้กำเนิดบุตรสาวออกมาเลย!”
หมิงอ๋องใบหน้าร้อนผ่าว เลิกพูดเถอะ คำพูดไร้ความคิดเช่นนี้ ข้ายังอายแทนท่านเลย
ฉินหลิวซีย่อมฟังออก พลันในใจก็เย็นวาบอย่างอดไม่ได้ ใต้ฝ่าพระบาท ในเมืองหลวงยังคงรุ่งเรืองมั่งคั่ง เหล่าตระกูลผู้ดียังคงเหลือกินเหลือใช้ ในขณะที่บางพื้นที่กลับจ่ายภาษีไม่ไหว ขายบุตรชายบุตรสาวและอดมื้อกินมื้อ
บัดนี้ยังมีภัยพิบัติจากหิมะอีก ไม่รู้ว่ามีคนต้องแข็งตายอดโซตั้งกี่คน ทว่าตระกูลมั่งคั่งมีอำนาจในเมืองหลวงกลับไม่ได้รับผลกระทบเลยสักนิด
หมิงอ๋องสัมผัสได้ถึงไอเย็นยะเยือกที่แผ่ออกมาจากร่างของฉินหลิวซี จึงเอ่ยด้วยท่าทีระมัดระวังยิ่งกว่าเดิม “ข้าก็แค่ช่วยหาผีมาช่วยหาของสิ่งนั้น แต่เรื่องเบื้องลึกเบื้องหลังข้าไม่รู้ อู่ซั่งเองก็กล่าวแค่ว่ามีวัตถุดิบทำยาอันล้ำค่ามีชีวิต หากท่านคิดว่าไม่เหมาะสม เช่นนั้นข้าก็จะสั่งให้ผีร่อนเร่เหล่านั้นแยกย้าย และข้าก็จะไม่สนใจเจ้าคนผู้นั้นอีก”
แม่เจ้าโว้ย ไม่ออกมาตั้งหลายปี พอออกมาทีก็เจอเรื่องติดหนี้บุญคุณ กระทั่งดึงดูดความสนใจของเทพอสูรผู้นี้ ช่างดวงซวยจริงๆ!
ฉินหลิวซีเอ่ยถามอย่างยิ้มๆ “ทำไมหรือ บัดนี้เจ้าไม่สนใจเรื่องความมั่งคั่งของตระกูลหมิงแล้วหรืออย่างไร”
หมิงอวี้เผยท่าทีรู้สึกผิด ก่อนจะทำท่ามองค้อนใส่สองเหลนลื่อทั้งสองอย่างเย็นชาแล้วเอ่ย “บรรพบุรุษยกทัพจับศึก คนที่ต้องคอยดูแลตระกูลก็คือคนรุ่นหลัง หากรักษาไว้ไม่ได้ เช่นนั้นก็คือความไม่เอาถ่านและโง่เขลาของพวกเขา ลำพังแค่ผีทหารอย่างข้าควรจะวุ่นวายอะไรด้วยเล่า อีกอย่างในเมื่อข้าเป็นแค่ผีทหาร ย่อมจุ้นจ้านเรื่องในโลกมนุษย์มากไม่ได้ เพราะกฎข้อบังคับก็วางไว้ให้เห็นตรงหน้าแล้ว! แค่ตอบรับช่วยเหลืออู่ซั่ง ล้วนก็เพื่อผลประโยชน์ของผีเร่ร่อน ทำเรื่องใดก็ควรอยู่ในกฎเกณฑ์”
ผีทหารจุ้นจ้านในโลกมนุษย์ ถือว่าล้ำเขตแดน หากจุ้นจ้านภายใต้กฎระเบียบภายในคงไม่เป็นไร แต่หากล้ำเส้นเมื่อไร ผีทหารก็ต้องได้รับโทษเช่นกัน!
“แล้วถ้าหากพวกเราสิ้นเนื้อประดาตัวจริงๆ เล่า” หมิงอ๋องพึมพำขึ้นมาโดยไม่กลัวตายสักนิด
ทันใดนั้นหมิงอวี้ก็ระเบิดอารมณ์ “เช่นนั้นข้าก็จะใช้ของหนักทับเจ้าจนตาย” สายตาก็มองไปทางฉินหลิวซีที่หันมองมา เขากล่าวอธิบายว่า “ลูกหลานที่ไม่เอาถ่านก็ควรตายเสีย!”
ทันใดนั้นฉินหลิวซีก็ผุดท่าทีสนใจขึ้นมา เอ่ยเสียงเรียบ “ข้าไม่เคยพูดคุยกับนักพรตอู่ซั่งผู้นี้ ไม่รู้ว่านิสัยใจคอเป็นเช่นไร แต่สามารถหลอกล่อฝ่าบาทให้หลงใหลในการปรุงยาอายุวัฒนะ อีกทั้งสร้างความลำบากให้ปวงประชาผลาญเงินทองเอาไปสร้างวังอมตะอะไรนั่นได้ เช่นนั้นย่อมเป็นความผิด หมายสร้างภัยร้ายแก่ประชาชน หากเจ้ายังไปมาหาสู่กับเขา ช่วยเขาทำงาน ช่วยคนชั่วทำผิด วันหน้าปวงประชาเป็นอย่างไร เจ้าก็ต้องพลอยรับผลกรรมนั้นไปด้วย”
“ร้าย…ร้ายแรงขนาดนี้เชียวหรือ” หมิงอวี้สีหน้าเปลี่ยน ก่อนเหลือบมองสีหน้าของฉินหลิวซี
เพียงครู่เดียวขอบเขตของนางก็ขยายกว้างไปถึงชีวิตของประชาราษฎร์ในใต้หล้า ทำเอาเขาไล่ตามไม่ทันแล้ว
“เวรกรรมก่อกำเนิดขึ้นเช่นนี้ เวรกรรมที่ได้รับจะย้อนกลับมาทำลายมากเพียงใด ย่อมอยู่ที่ว่าตัวเจ้าทำเรื่องอะไรไปบ้าง” ฉินหลิวซีเอ่ย “หากเป็นเรื่องใหญ่จนผลกรรมตามไปถึงรุ่นลูกหลาน ย่อมไม่ใช่คำพูดหลอกลวง”
หมิงอ๋องสูดลมหายใจเฮือกเอ่ย “บรรพบุรุษผู้เฒ่า ท่านอย่าเลอะเลือนเป็นอันขาด เลิกถือมหาราชครูเป็นสหาย คนผู้นั้นหลอกล่อให้ฝ่าบาทสร้างวังอมตะได้ เขาจะเป็นคนดีได้อย่างไร ท่านลองดูเถิด วังนี้ยังห่างชั้นคำว่าสร้างเสร็จอีกมากโข ข้าได้ยินมาว่าเสานั้นทำจากหยกขาว เหล่าขันทีหน้ามนทั้งหลายต่างกระจายตัวไปในแต่ละพื้นที่ ควานหาหินหยกแร่หยกมาสร้างวังอมตะนี้กันให้วุ่น หากวังนี้ขัดสนเรื่องทุนทรัพย์จนสร้างไม่ได้ จะไม่ให้เราถวายเรื่องทุนทรัพย์ช่วยเลยหรือ”
หมิงอวี้มุ่นคิ้ว นี่ออกจะเกินไปหน่อยกระมัง
“จวนหมิงอ๋องของพวกเราไม่มีทางขัดสนเรื่องเงินทอง แต่ท่านก็เห็นว่าหุยเอ๋อร์ไม่ได้แต่งงาน เสี่ยวเจินเจินยิ่งยังเด็กอยู่ เงินสินเดิมต้องเริ่มเก็บตั้งแต่เกิด ข้าไม่อยากให้วันหน้านางแต่งงานด้วยหีบเงินอันว่างเปล่า เวลานี้เพิ่งเก็บได้เล็กๆ น้อยๆ” หมิงอ๋องยิ่งคิดก็ยิ่งเหมือนได้เห็นภาพอาณาจักรล่มจม น้ำเสียงแฝงไปด้วยความตื่นตระหนกพลางเอ่ย “หากเงินทองร่อยหรอ ตระกูลหมิงคงซวยแย่ ข้าสงสารหากวันหน้าเจินเจินไร้ที่พึ่งพิงจะทำอย่างไร”
หมิงหุย ได้ ไม่นึกถึงเขาเลย เขาคงถูกเก็บมาเลี้ยงกระมัง!
“ท่านพูดขนาดนี้แล้ว ข้าจะยังกล้าเป็นพวกเดียวกับเขาอีกหรือ” หมิงอวี้เอ่ยพึมพำประโยคหนึ่ง “ข้าตัดขาดกับเขาคงได้แล้วกระมัง วันหน้าต่อให้เขาเรียกหา ข้าก็จะแสร้งตาย เช่นนี้คงไม่เกี่ยวพันอะไรกับข้าแล้วกระมัง”
คำพูดนี้เพิ่งโพล่งออกไป ดวงวิญญาณของเขาก็โงนเงน สีหน้าค่อยๆ เรียบตึง
แม่เจ้า กลางวันแสกๆ พูดถึงไม่ได้ พอพูดถึงก็โผล่มาเลย
ฉินหลิวซีเลิกคิ้ว “ทำไมหรือ เขาเรียกหาเจ้าอีกแล้วหรือ”
หมิงอวี้เอ่ยด้วยสีหน้าจริงจัง “บอกว่าจะตัดก็ต้องตัด หากเขาเรียกหาข้าก็ต้องไปหาด้วยหรือ ข้าไม่ไปหรอก!”
“อย่าสิ เวลาสำคัญเช่นนี้ไปมาหาสู่กันหน่อยก็ได้”
อย่างเช่นยามที่พาข้าไปก่อเรื่องด้วย!