คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า - ตอนพิเศษ 20 เฟิงซิว (2)
ตอนพิเศษ 20 เฟิงซิว (2)
………………..
เพิ่งกลายร่างเป็นมนุษย์ ความสดใหม่ในตัวเฟิงซิวยังคงแสดงออกชัดเจน แปลงกายสวมใส่เสื้อผ้าสีแดงเพลิงแขนกว้างพลิ้วไหวให้ตนเอง หน้าผมดำขลับรวบขึ้นโดยใช้เถาวัลย์มัด ดูดิบและไม่เหมือนผู้ใด แต่เพราะใบหน้าของเขาที่ทั้งสวยงามและมีเสน่ห์ จึงทำให้คนรอบข้างไม่สามารถเกลียดเขาได้
เขาเดินตามฉินหลิวซีไป ตั้งคำถามเรื่องต่างๆ ในโลกมนุษย์ เห็นนางเก็บสมุนไพรไปหลายชนิด จึงเอ่ย “เจ้ารู้เรื่องการแพทย์หรือ”
“ถึงเจ้าจะไม่เคยออกสู่โลกภายนอก แต่คงรู้จักวิชาทั้งห้าของเต๋ากระมัง วิชาการแพทย์เป็นหนึ่งในนั้น ข้าเป็นนักพรตผู้หนึ่ง รู้วิชาการแพทย์มีอันใดน่าแปลก ข้าไม่เพียงรู้วิชาการแพทย์ ยังเชี่ยวชาญอีกด้วย” ฉินหลิวซีเหลือตามองเขา “หากเจ้าอยากให้กำเนิดลูก ข้ายังช่วยเจ้าปรับสมดุลให้ได้ จะมีลูกสักสิบแปดคนก็ไม่ใช่เรื่องยาก”
เฟิงซิวมองสายตานางที่มาหยุดอยู่ที่ส่วนล่างของตน ก้าวถอยหลังสองก้าว รู้สึกโมโห “เจ้ายังเป็นสตรีอยู่หรือไม่ สายตามองไปที่ใดกัน รู้จักว่าอย่ามองสิ่งที่ไม่สมควรหรือไม่ อายุยังน้อย จิตใจมืดมนเพียงนี้”
“หมอไม่แยกชายหญิงหรอก อีกอย่าง ข้าอายุยังน้อย หน้าด้าน นอกจากนี้ ข้ามองอะไรเจ้า ว่ามาสิ”
เฟิงซิว “…”
เจ้าคนหน้าไม่อาย เจ้าชนะแล้ว
“เจ้าตามข้ามาทำไมกัน เส้นทางมากมาย แยกกันไปคนละทางไม่ได้หรือ” ฉินหลิวซีจับกระเป๋าที่เอวอย่างระมัดระวัง จ้องเขาเขม็ง เอ่ย “บัวหิมะครึ่งนี้เป็นของข้า อย่าได้คิดจะขโมยเชียว”
เฟิงซิวมองไปทางอื่น เอ่ย “เป็นสหายที่เคยผ่านการโดนฟ้าผ่าด้วยกันมาแล้ว วาจาเช่นนี้ทำร้ายผู้อื่น เล่นด้วยกันสิ”
“กับเจ้ามีอะไรน่าสนุก ข้าไม่มีเวลา” ฉินหลิวซีโบกมือ ครุ่นคิดพลันเอ่ย “จริงสิ ข้าจะเตือนเจ้าหนึ่งประโยค ต่อให้เจ้ากลายร่างเป็นคนแล้ว เข้าไปอยู่ในโลก ยังต่างจากมนุษย์ทั่วไปอยู่ ไม่ควรทำเรื่องชั่วร้ายในโลกมนุษย์ ใช้วิชามารของเจ้าทำร้ายผู้คน หากเจ้าทำเช่นนั้น ข้าคงต้องจัดการเจ้า”
“อ้อ จะมีวิธีจัดการข้าอย่างไร เล่าให้ข้าฟังสักหน่อย” เฟิงซิวเลิกคิ้วสูง
ฉินหลิวซีเอ่ย “เจ้าคงไม่อยากรู้หรอก ไม่แน่มันอาจแผดเผาเจ้าจนตายก็เป็นได้ เพราะเจ้าทำความชั่ว ต้องได้รับผลกรรม อย่างไรข้าก็ต้องได้รับผลไปด้วย เพราะอะไรน่ะหรือ ตอนสายฟ้าสุดท้าย ข้าเป็นคนให้ร่างกับเจ้า ทำให้เจ้าผ่านพ้นมาได้ หากเจ้าทำความชั่ว อย่างไรข้าก็ต้องรับผลกรรมไปด้วย”
เฟิงซิวคิดถึงพลังบุญที่ได้รับระหว่างการผ่านฟ้าผ่า รู้สึกใจเขาอุ่นขึ้นเล็กน้อย ถึงเขาจะเป็นปีศาจ แต่เขาก็เข้าใจดีถึงความสำคัญของบุญกุศล ตั้งแต่สมัยพันปีก่อนที่แม่เคยเตือนเขาไว้ว่าห้ามไว้ใจมนุษย์มากเกินไป แต่การทำดีเพื่อสะสมบุญก็จะช่วยในการบำเพ็ญธรรมอย่างมาก
โดยเฉพาะอย่างยิ่งปีศาจเช่นเขา การฝึกบำเพ็ญจนกลายร่าง หากมีบุญปกป้องร่างกายก็ย่อมเพิ่มโอกาสในการประสบความสำเร็จ และการกลายร่างสำเร็จ ก็หมายความว่าไม่ใช่แค่ปีศาจธรรมดา แต่สามารถกลายเป็นเซียนปีศาจได้
เซียนกับปีศาจ แน่นอนว่าการได้รับความเคารพย่อมแตกต่าง
ผู้ที่ฝึกบำเพ็ญจะได้รับการปกป้องจากบุญ ความเชื่อเป็นพลังเสริม ไม่มีใครที่จะไม่อยากได้บุญเยอะๆ
ฉินหลิวซีให้พลังบุญแก่เขาจนช่วยให้เขาผ่านขั้นตอนฟ้าผ่าไปได้
“ข้าผู้นี้ แม้เป็นคนชอบเอาคืน แต่ไม่ใช่คนลืมบุญคุณ แน่นอนว่าจะไม่ให้เจ้าต้องลำบาก คนไม่ล่วงเกินข้า ข้าไม่ทำร้ายคน ข้ารู้ดี” เฟิงซิวเอ่ย “ดังนั้นเจ้าวางใจเถิด จะไม่ทำให้เจ้าลำบากแน่นอน”
ฉินหลิวซีส่งเสียงในลำคอ “กลายร่างแล้ว ร่างเดิมของเจ้าก็ยังเป็นจิ้งจอก เรียกตนเองเป็นคนเร็วดีจริงๆ”
เฟิงซิว “…”
นางนี่ถนัดในการทำให้คนอึดอัดจริงๆ
ฉินหลิวซีเห็นโสมต้นหนึ่ง รีบวิ่งเข้าไปด้วยความยินดี แต่เมื่อมือจะเอื้อมถึง โสมนั้นกลับพุ่งตัววิ่งหนีไปอย่างรวดเร็ว หายลับไปไม่เห็นแม้แต่เงา
นางหน้าเขียวขึ้นมาทันใด
เฟิงซิวหัวเราะลั่น เอ่ย “โสมย่อมรู้จักวิ่งเป็นธรรมดา ภูเขานี้คนเหยียบย่างน้อยนัก พืชวิเศษที่บำเพ็ญจนมีจิตวิญญาณจึงมีมากมาย เจ้าคิดจะจับมันโดยไม่มีแผนการ มันย่อมหนีไปหมด”
ฉินหลิวซีจ้องเขาด้วยแววตาไม่พอใจ เอ่ย “บุญกุศลที่ข้าให้แก่เจ้า เจ้าควรจ่ายค่าตอบแทนได้แล้ว”
เฟิงซิวใบหน้าสงสัย “?”
“ทำไมหรือ โลกนี้ที่ใดมีข้าวเที่ยงที่ไม่ต้องจ่ายเล่า เจ้ากับข้าแค่ผ่านมาพบกัน ข้าจะให้บุญกุศลแก่เจ้าโดยไร้เหตุผลได้อย่างไร ไม่มีเรื่องเช่นนี้ จ่ายเงินมา”
เฟิงซิวชี้หน้านางด้วยนิ้วที่สั่นไหว “ลัทธิเต๋ายังมีคนหน้าเลือดเช่นเจ้าด้วยหรือ”
“ศิษย์ของสำนักข้า ต้องเลี้ยงชีพด้วยตัวเอง ข้าจำต้องบูรณะอาราม อีกทั้งทำทานช่วยเหลือผู้ยากไร้ เรื่องใดล้วนต้องใช้เงิน เจ้าก็เหมือนกัน การดำเนินชีวิตในโลกมนุษย์ หากไร้เงินทองย่อมก้าวเดินไม่ได้ จะอย่างไรก็ต้องมีอาชีพไว้หาเลี้ยงชีพ การงานนี้จะนำพาเจ้าเข้าถึงผู้คน และหากมีโอกาสควรทำบุญช่วยเหลือผู้ยากไร้ นี่ล้วนเป็นบุญกุศล ที่จะย้อนกลับมาสู่ตัวเจ้า”
ฉินหลิวซีเอ่ยด้วยน้ำเสียงจริงจัง “บุญกุศลที่สะสมมาก ย่อมมีแต่ประโยชน์ต่อเจ้า อย่าคิดว่าการแปลงร่างเป็นมนุษย์แล้วจะสิ้นสุด หนทางยังอีกยาวไกล การทำบุญสร้างกุศล ต้องจดจำใส่ใจ”
เฟิงซิวพลันแปลงกลับสู่ร่างเดิม ร่างมนุษย์ช่างยุ่งยาก เขาเป็นปีศาจต่อดีกว่า
ฉินหลิวซีเห็นร่างเล็กน่ารัก มีเก้าหางพัดโบก นัยน์ตาพลันปรากฏแววชื่นชม น่ารักนุ่มนิ่ม นางยื่นมือไปจับทันที
เฟิงซิวตัวแข็งทื่อ ถูกนางจับเล่นลูบไล้ลำคอ สุดท้ายหดตัวเล็กลงเล็กน้อย ได้ยินเสียงหัวเราะใสดั่งระฆังเงินของนาง เขาจึงหลับตาพริ้ม
นี่แหละ คือความสดใสสมวัยเด็กที่แท้จริง
ที่แท้นางชื่นชอบแบบนี้นี่เอง
ฉินหลิวซีไม่ต่อต้านร่างจริงของเขาเลยแม้แต่น้อย นางพาเขากลับสู่อารามชิงผิงทันที เมื่อถึงก็พาไปพบนักพรตชื่อหยวน
นักพรตชื่อหยวนเห็นเฟิงซิว จึงเอ่ย “ได้ร่างแล้ว ถือเป็นวาสนาผลบุญจากการบำเพ็ญเพียรพันปี ต่อไปต้องไม่ลืมทำบุญสร้างกุศล หากคิดทำชั่ว โลกแห่งคุณธรรมจะปราบเจ้าอย่างแน่นอน จำไว้”
เฟิงซิวมีแววไม่ใส่ใจอยู่บ้าง แต่เมื่อเห็นฉินหลิวซีมองมา เขาก็ยอมก้มกราบด้วยความเคารพ “ขอบคุณท่านเจ้าอาวาสที่ชี้แนะ”
นักพรตชื่อหยวนหันมามองฉินหลิวซีอีกครั้ง เอ่ย “ในเมื่อเจ้ามอบร่างมนุษย์แก่เขา พาเขาไปจุดธูปคารวะท่านปรมาจารย์เถิด”
“อ้อ”
นักพรตชื่อหยวนมองไปยังเฟิงซิวแล้วเอ่ยหนึ่งประโยค เทียนจุนประทานพรไร้ที่สิ้นสุด จึงให้พวกเขาออกไป
ครั้นพวกเขาเดินลับสายตาแล้ว ท่านจึงเลื่อนวัตถุบนโต๊ะออก เผยให้เห็นลายพยากรณ์ใต้โต๊ะ มุมปากปรากฏรอยยิ้มบางเบา
สหายร่วมเป็นร่วมตาย
เด็กคนนี้เริ่มสร้างเครือข่ายของตนเองแล้ว ไม่ว่าผู้ที่อยู่ใกล้ชิดนางจะเป็นมนุษย์หรือปีศาจ หากเข้าสู่นัยน์ตานาง ล้วนแล้วแต่ศรัทธาและติดตามด้วยใจ
นี่คือชะตากรรม
เฟิงซิวเดินตามฉินหลิวซีไปยังวิหารด้วยความลังเล ก่อนเอ่ยถามเสียงเบา “ปีศาจอย่างข้า จุดธูปบูชาหน้ารูปเคารพได้ด้วยหรือ”
“เมื่อได้รับเชิญให้เข้ามา ย่อมได้ และอีกอย่าง เจ้าผ่านฟ้าดินประทานพรมาแล้ว ถือเป็นการยอมรับจากสวรรค์และโลก เจ้าไม่ใช่ปีศาจธรรมดาอีกต่อไป เป็นเซียนจิ้งจอก”
คำพูดนั้นทำให้หัวใจของเฟิงซิวร้อนรุ่ม นี่คือความหมายของพวกเขาเหล่าปีศาจและเหล่าภูตที่บำเพ็ญเพียรกระมัง
บนถนนสายใหญ่ สมบูรณ์เต็มเปี่ยมด้วยใจที่ชอบธรรม
เขาเดินเข้าไปในวิหารที่เดิมไม่กล้าย่างกรายเข้าไป มาหยุดอยู่ตรงหน้ารูปหล่อสำริดปรมาจารย์ ถือธูป เคารพด้วยหัวใจบริสุทธิ์ ก่อนกราบลงสามครั้ง
ปรมาจารย์อยู่เบื้องหน้า เดิมข้าเป็นปีศาจ ได้รับวาสนาจากผู้มี ให้ข้าได้เป็นมนุษย์ ในโลกมนุษย์นี้ ข้าจะมุ่งมั่นสู่หนทางแห่งเต๋า ตั้งมั่นคุณธรรมในใจ บำเพ็ญสร้างกุศล
สายตาเขาเหลือบไปเห็นศิษย์น้อยคนหนึ่งกำลังยื่นมือเล็กๆ ไปหยิบขนมบนโต๊ะบูชา เฟิงซิวเมินเฉย ทำเป็นมองไม่เห็น
จากนั้น เอ่ยเสริมในใจหนึ่งประโยค นับแต่นี้ข้ายินยอมรับนางเป็นศรัทธาแห่งใจ หากนางบำเพ็ญบุญ ข้าจะช่วยสนับสนุน หากนางฆ่าผี ข้าจะยื่นดาบให้ หากนางแทงฟ้าพัง ข้าจะร่วมมือกับนาง
ทุกหนแห่งที่นางก้าว ข้าพร้อมเคียงข้าง