คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า - ตอนพิเศษ 21 เฟิงซิว (3)
ตอนพิเศษ 21 เฟิงซิว (3)
………………..
ฉินหลิวซีคาดไม่ถึงว่า กิจการของเฟิงซิว จะเป็นการเปิดร้านขายสมุนไพร และในระยะเวลาอันสั้น กิจการก็ขยายตัวใหญ่โต ไม่เพียงแต่ร้านค้าจะจัดวางอย่างดี สมุนไพรยังครบครัน และยิ่งไปกว่านั้น สมุนไพรชั้นเลิศกลับหาได้ไม่ขาด
ปีศาจตนหนึ่งกลับร่ำรวยยิ่งกว่านาง
ฉินหลิวซีตัวเล็กๆ ล้วงเศษเงินน้อยนิดในกระเป๋าคาดเอวด้วยความรู้สึกไม่พอใจ
เป็นคนเหมือนกัน ทำไมนางถึงได้เป็นนักพรตยากจนที่เก็บเงินไม่อยู่เช่นนี้
เมื่อถามเฟิงซิวว่าเหตุใดจึงมีความคิดและเส้นทางเช่นนี้ คำตอบคือเส้นสายมนุษย์…ไม่ใช่สิ เส้นสายปีศาจกว้างขวาง
เฟิงซิวเอ่ย “ถึงแม้โลกนี้จะมีพลังวิญญาณบางเบา แต่ในเมื่อบำเพ็ญเพียรได้ แน่นอนว่ามีพลังวิญญาณมีวาสนาล้วยบำเพ็ญได้ มีปีศาจอย่างข้า แน่นอนว่าต้องมีตัวอื่น เจ้าเองก็น่าจะรู้ ฝั่งตงเป่ยนั้นมีสัตว์ที่ฝึกฝนจนสามารถสิ่งร่างมนุษย์ ซึ่งมนุษย์ในเขตนั้นนิยมบูชาสัตว์เหล่านี้เป็นเซียนปกปักรักษาครอบครัว เหมือนกับเผ่าหวงเซียน[1] ภูติ และงูใหญ่เหล่านี้”
“สมุนไพรเหล่านี้ มนุษย์รู้จัก แต่ปีศาจที่อาศัยในภูเขาเล่า เหตุใดจะไม่รู้ เผ่าหวงเซียนก็อาศัยการทำการค้าเพื่อเลี้ยงชีพ เพียงพอต่อการใช้จ่ายในเผ่า” เฟิงซิวเอ่ยอย่างภาคภูมิใจ “ข้าจะทำร้านยา เพียงยกแขน ย่อมมีคนนำมาส่งข้า”
เขาเก็บเหอโส่วอูพันปีที่ฉินหลิวซีจ้องมองไม่วางตาไป เอ่ยว่า “สมุนไพรที่มนุษย์รู้จักนั้น พวกที่ล้ำค่าจนไม่อาจมีที่เปรียบได้นั้น อยากได้มา ต้องอาศัยวาสนา แน่นอนว่าไม่ได้ได้มาง่ายเหมือนเหล่าปีศาจที่เฝ้าอยู่ในป่า อย่างไรยิ่งล้ำค่าก็ยิ่งยากที่จะเจอ แต่สิ่งเหล่านี้ สำหรับพวกเขาแล้วไม่ใช่เรื่องยาก”
ฉินหลิวซีถอนสายตาที่จับจ้องเหอโส่วอูพันปีออกมาอย่างอาลัยอาวรณ์ พยายามควบคุมไม่ให้ดวงตาคู่น้อยหันกลับไปมองอีก เอ่ย “เอาล่ะ รู้ว่าเจ้าเก่งกาจ แต่หากเจ้าต้องการเปิดร้านให้โด่งดัง จำต้องสร้างชื่อเสียงอันเลิศล้ำเพื่อให้ร้านยาตำหนักอายุวัฒนะนี้เป็นที่ประจักษ์”
“ข้าไม่ใส่ใจ ข้าไม่ได้ตั้งใจจะขัดขวางกิจการของร้านสมุนไพรเล็กๆ หรือโรงหมอเพื่อราษฎร หากข้าจะทำก็ต้องทำสิ่งที่ผู้คนทั่วไปเอื้อมไม่ถึง ของหายากย่อมมีค่าตามธรรมดา การขายแบบบางๆ หลายชิ้นไม่ได้อยู่ในแผนของข้า” เฟิงซิวเอ่ย “ดังนั้นข้าเพียงทำสิ่งเดียวให้ชื่อเสียงเลื่องลือ นั่นคือสิ่งที่ผู้อื่นไม่มี ร้านยาตำหนักอายุวัฒนะต้องมี ผู้อื่นไม่มี ก็มีเพียงร้านยาตำหนักอายุวัฒนะที่มี เช่นสมุนไพรพันปีเหล่านี้ ข้าตั้งราคามากเพียงใด คนรวยเหล่านั้นต่างยอมจ่าย เพียงทำเล็กน้อยก็มากกว่าผู้อื่นทำเป็นร้อยแล้ว”
ฉินหลิวซีอดมิได้ที่จะชำเลืองมองเขาแวบหนึ่ง เอ่ย “ที่แท้เจ้าก็แอบมาเที่ยวเล่นในตลาดกระมัง เจ้าเป็นเพียงปีศาจ ไยจึงรู้เรื่องกลยุทธ์การค้าเช่นนี้ได้”
ช่างเป็นต้นแบบของพ่อค้าที่ฉ้อฉลโดยแท้
“ข้ามีพรสวรรค์โดยธรรมชาติ” เฟิงซิวใช้คำของนางตอบกลับ
ฉินหลิวซีกลอกตา เอ่ย “แม้เจ้าจะขายสมุนไพรล้ำค่าได้เงินมากเพียงใด แต่เจ้าก็จำต้องมียาประจำร้านยาตำหนักอายุวัฒนะด้วย”
“โอ้ วาจานี้ว่าอย่างไร”
“ข้ามีสูตรยาโบราณหนึ่ง ผ่านการปรับปรุงมาแล้ว สามารถทำให้สตรีขาวเนียนดุจหยกขาว ไร้ริ้วรอย ผิวพรรณเปล่งปลั่งนวลสดใส ว่าอย่างไร ร่วมมือหรือไม่” ฉินหลิวซีเลิกคิ้ว “ในใต้หล้า เงินที่หาง่ายที่สุด ย่อมเป็นเงินของสตรี”
สีหน้าเฟิงซิวไม่ใส่ใจ ส่งเสียง หึ เอ่ย “เจ้าช่างพูด เจ้าก็เอ่ยให้มากสักหน่อยเถิด” ดูสิว่าจะโน้มน้าวข้าได้หรือไม่
“ในเมื่อจะทำมาตรฐานสูง ก็จงทำให้ถึงที่สุด จงสร้างสิ่งที่ผู้อื่นไม่อาจเลียนแบบได้ ทำให้เป็นหนึ่งเดียวในใต้หล้า เช่นนี้แล้ว แม้ในภายหน้ามีผู้คิดจะควบคุมหรือช่วงชิงกิจการของเจ้า เจ้าก็จะยืนหยัดมั่นคง สิ่งใดที่ผู้อื่นไม่อาจผลิตขึ้นได้ ย่อมเป็นเกราะกำบัง แน่นอนว่าผู้คนไม่กล้าทำลายสิ่งของล้ำค่าใช่หรือไม่”
เฟิงซิวหันมองนาง “ไม่ใช่สิ เจ้าเพิ่งจะสิบขวบ ไม่กล่าวถึงเล่ห์เหลี่ยมกลอุบายด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึ่มเช่นนี้ได้หรือไม่”
“จิตใจมนุษย์ยากแท้หยั่งถึง ในใต้หล้านี้ อำนาจกษัตริย์ครอบงำไปทุกแห่งหน เจ้าไปดูสิว่ากิจการใดที่ทำกำไรได้มาก ล้วนเกี่ยวพันกับผู้มีอำนาจในราชสำนักมากมาย เว้นเสียแต่เจ้ายินยอมยกร้านยาตำหนักอายุวัฒนะให้ผู้อื่นไป”
เฟิงซิวขมวดคิ้ว “ข้าอยากรู้ว่าผู้ใดกล้าคิดเช่นนั้น หากคิดจะช่วงชิง ก็จงดูเถิดว่าตนมีชีวิตอยู่เสวยสุขได้หรือไม่”
ฉินหลิวซีกระแอมไอ “ระวังปากคำบ้าง เป็นมนุษย์ควรมีข้อยึดถือ ไม่ควรกล่าวคำเช่น ‘ฆ่าฟัน’ โดยง่าย”
“เจ้าก็ใช่ว่าจะดีนัก เจ้าเองวิ่งไล่ชายพเนจรที่ไม่ยอมจ่ายค่ารักษาผ่านถนนเก้าเส้น แลดูคล้ายคิดจะฆ่าเขาเสียด้วยซ้ำ” เฟิงซิวเอ่ยเสียงหยัน
ฉินหลิวซีลูบจมูกด้วยความกระดาก “พอเถิด อย่าเพ้อเจ้อ เจ้าจะร่วมมือหรือไม่ ในใต้หล้านี้ ไหนเลยจะมีคนรังเกียจเงินมาก ยิ่งหาเงินได้มากก็ยิ่งมีเงินทุนไปสร้างกุศล ช่วยเหลือคนได้มากขึ้น ดังนั้น ทำให้ใหญ่และแข็งแกร่ง คือหลักสำคัญ”
“แบ่งผลประโยชน์อย่างไร”
“เจ้าหาสมุนไพร ข้าจัดการเรื่องฝีมือ ย่อมต้องแบ่งสามต่อเจ็ด การปรุงโอสถและปรุงยานั้น สูบพลังและจิตวิญญาณยิ่ง ข้าจึงควรได้เจ็ด เจ้าได้สาม”
“กลางวันแสกๆ เจ้าฝันกลางวันหรืออย่างไร เด็กน้อยควรหยุดคิดมาก มิฉะนั้นจะไม่โต”
ฉินหลิวซี “สี่หก”
ฉินหลิวซีหมุนตัวเดินจากไปทันที เอ่ย “ก็ได้ เช่นนั้นข้าไปที่ร้านยาไป๋เฉ่า คิดว่าพวกเขาคงยินดีร่วมมือกับข้า เหล่าปีศาจตระกูลหวงใช่หรือไม่ สมุนไพรข้าก็หามาได้เช่นกัน”
เฟิงซิว “?”
ไม่ใช่สิ เจ้าไม่ควรโต้แย้งอย่างมีเหตุผลกับข้าที่แสร้งหยิ่งทะนงสักนิดหรือ
“กลับมา” เฟิงซิวเอ่ยเรียกนางไว้ “แบ่งห้าห้า ให้หุ้นเจ้าหนึ่งส่วน พอใจหรือไม่”
“หุ้นไม่หุ้นข้าหาได้ใส่ใจไม่ แต่สมุนไพรที่ข้าต้องการ ต้องรีบหามาให้ข้าก่อนบางส่วน” ฉินหลิวซีเอ่ยด้วยรอยยิ้มตาหยี
การให้ทานของอารามชิงผิงจำเป็นต้องมีสมุนไพร อีกทั้งปกตินางยังต้องปรุงยามากมาย ต้องใช้สมุนไพรจำนวนมาก นางมีพรสวรรค์ล้ำเลิศไม่ใช่เรื่องเท็จ แต่ไม่ใช่เพียงลงมือก็ทำได้ เช่นเดียวกับการฝังเข็ม นางต้องฝึกฝนซ้ำแล้วซ้ำเล่ากว่าจะเชี่ยวชาญ
การปรุงยาเองก็เช่นกัน จะปรุงยาดี ต้องอาศัยการฝึกฝน
ศาสตร์แห่งการรักษา ไม่ว่าจะวินัจฉัยโรคหรือการปรุงยาฝังเข็ม ต้องเรียนให้ถึงที่สุด จึงจะช่วยชีวิตได้
สมุนไพรล้ำค่าไม่ได้หามาง่ายๆ ดังนั้นนางจึงยื่นข้อเสนอเช่นนี้กับเฟิงซิว
เดิมเฟิงซิวก็แกล้งหยอกนางเล่น ไม่สนใจกับข้อเสนอนี้ของนาง ต่อให้นางเอาร้านทั้งร้านไป เขาก็ไม่เป็นไร
การมีชีวิตอยู่ในโลกมนุษย์ ไม่ใช่เรื่องยาก ทำกิจการใดก็หาเงินได้ และเขาเปิดร้านยาร้านยาตำหนักอายุวัฒนะไม่ใช่เพราะเขามีสมุนไพรล้ำค่ามากมาย แต่เพราะนางเป็นหมอ นางจำเป็นต้องใช้ของเหล่านี้
เอ่ยได้ว่า ร้านนี้เดิมก็เปิดไว้เพื่อนาง
แต่วาจาเช่นนี้ไม่อาจบอกกับนางได้ แม้เพิ่งรู้จักกันไม่นาน แต่เขารู้ว่าฉินหลิวซีผู้นี้ให้ความสำคัญกับเวรกรรม และไม่เอาของของผู้อื่นมาเปล่าๆ ดูว่านางเอาสูตรยามาเพื่อร่วมมือก็รู้แล้ว
คนผู้นี้นี่นะ แม้อายุยังน้อย ทว่ามีสติปัญญาล้ำลึกเกินผู้คน
ร้านยาตำหนักอายุวัฒนะจึงเปิดอยู่ในเมืองหลีเช่นนี้ ด้วยชื่อเสียงของอวี้เสวี่ยจีที่บำรุงผิวพรรณ ขจัดริ้วรอย ทำให้เหล่าสตรีนับพันนับหมื่นคลั่งไคล้ทันที นอกจากนี้ยังมียาบำรุงอย่างยาหย่างหรงและยาสำคัญอย่างยาอันกงที่ช่วยชีวิตได้ฉุกเฉิน เหล่าขุนนางและผู้มั่งคั่งต่างแย่งชิงจนหัวปั่นเพื่อเก็บไว้เป็นยาประจำตัว
ในเวลาเพียงไม่กี่ปี ชื่อเสียงของร้านยาตำหนักอายุวัฒนะเลื่องลือไปทั่วต้าเฟิง และในช่วงเวลาหลายปีที่ผ่านมา เฟิงซิวก็ได้ปฏิบัติตามคำที่ให้ไว้ต่อปรมาจารย์ แม้ไม่อาจถึงขั้นเป็นเงาตามตัว แต่กลับยืนหยัดอยู่เคียงข้างฉินหลิวซีเสมอ ติดตามนางในวิถีแห่งเต๋าเพื่อฝึกฝนบำเพ็ญตนในโลกมนุษย์
วิถีแห่งมนุษย์ ก็คือวิถีแห่งเต๋า
นางคือศรัทธา
ชั่วชีวิตนี้ จนวันตายไม่มีเปลี่ยนแปลง
[1] พังพอนสีเหลือง