คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า - ตอนพิเศษ 25 อวี้ฉังคง
ตอนพิเศษ 25 อวี้ฉังคง
………………..
อวี้ฉังคงฝันยาวนานในห้วงนิทรา ในความฝันนั้น เพื่อชำระแค้นให้บิดามารดา เขาได้ละทิ้งทุกสิ่งทุกอย่าง ฆ่าล้างตระกูล ทรยศบรรพบุรุษ ผลักดันให้ตระกูลอวี้ตกสู่ห้วงอเวจี จากนั้นในโลกนี้ก็ไม่หลงเหลือตระกูลอวี้ผู้ซ่อนซึ่งมีชื่อเสียงในการสั่งสอนฮ่องเต้อีกต่อไป
เขากลายเป็นคนบาปบนโลก ผู้ถูกชาวโลกประณาม ไร้ซึ่งญาติพี่น้องยอมรับ กลายเป็นตัวตนดุจปีศาจ นับแต่นั้นชื่อเสียงของอวี้ฉังคง คุณชายผู้มีปัญญาเลิศล้ำ ก็ถูกกลบด้วยความชั่วร้ายของบุตรผู้เนรคุณทำลายวงศ์ตระกูล
ในโลกนี้มีบุตรชั่วปัญญาเลิศ ก็สามารถสร้างความปั่นป่วนให้ใต้หล้าได้
ผู้คนเกรงกลัวเขา รังเกียจเขา และดูถูกเขา
แม้แต่ราชวงศ์ยังอยากใช้ประโยชน์จากเขา แต่ก็แฝงด้วยความระแวง คิดจะหักปีกของเขา ผูกมัดเขาไว้ ใช้เพียงปัญญาของเขา
นี่คือจิตใจมนุษย์ คิดแต่ผลประโยชน์ น่าเบื่อหน่ายยิ่งนัก
เช่นนั้นกลับไปเสียดีกว่า
เขากระโจนจากหน้าผา สู่ห้วงเมฆา สายลมหวีดหวิวผ่านหู เสียงหนึ่งแว่วมา ความคิดเดียวสู่สวรรค์ ความคิดเดียวสู่ขุมนรก
อวี้ฉังคงลืมตาขึ้นมา นั่งตัวตรงช้าๆ แววตาเริ่มแจ่มชัดขึ้น
ฝันของจวงโจวแปลงเป็นผีเสื้อ ไม่ว่าชาติใดจะเป็นจริง ชีวิตของเขาตอนนี้ แตกต่างจากในฝันโดยสิ้นเชิง
อวี้ฉังคง ตระกูลอวี้ผู้สูงศักดิ์ มีชื่อเสียงตั้งแต่เยาว์วัย ปัญญาล้ำเลิศ ความรู้กว้างขวาง ผ่านรัชสมัยถึงสามยุค ทั้งชีวิตไม่ได้สมรส อายุถึงแปดสิบปี ทว่าอบรมศิษย์ทั่วหล้า ได้รับการยกย่องว่าเป็นบัณฑิตผู้ยิ่งใหญ่ของโลก
“ถึงเวลาของข้าแล้วใช่หรือไม่” อวี้ฉังคงเอ่ยพร้อมมองไปยังอากาศเบื้องหน้าที่ปรากฏร่างของไป๋อู๋ฉังผู้สวมหมวกขาว
นี่คือเจ้าหน้าที่แห่งยมโลก
หลายปีมานี้ แม้เขาจะบำเพ็ญตนทางเต๋า ทว่าไม่อาจบรรลุถึงความเป็นอมตะ เถิงเจาบอกว่าเขาได้บรรลุทางเต๋า เปี่ยมไปด้วยบุญกุศล เพราะเหล่านักเรียนที่เขาได้สั่งสอน ทำคุณประโยชน์แก่โลกนี้มากมาย ดังนั้นจึงสำเร็จในเต๋าแล้ว
แต่อวี้ฉังคงยังเสียดาย ไม่ใช่เขากลัวความตาย เพียงแต่รู้สึกเสียดาย เขายังไม่ได้เห็นสหายเก่ากลับคืนมา
ไป๋อู๋ฉังพยักหน้าเบาๆ “ข้ามาดูแลท่านอาจารย์ด้วยตัวเอง”
อวี้ฉังคงเผยรอยยิ้มขมขื่น ยังไม่ทันถอนหายใจ พลันต้องตกใจ รู้สึกราวกับกำลังฝัน
“เหล่าไป๋ ไม่จำเป็นแล้ว”
ไป๋อู๋ฉังมองไปยังทิศทางที่เสียงมา รู้สึกอ่อนใจ ยกมือประสานไปทางนาง
รู้ดีว่าคนผู้นี้ไม่มีทางมาสาย เฮ้อ เขาพนันกับเหล่าเฮยครั้งนี้ แพ้อีกแล้ว
“เซียนจวิน” ไป๋อู๋ฉังเอ่ยอย่างลั่งเล “อายุขัยของอาจารย์ฉังคงสิ้นสุดลงแล้ว ท่าน…”
“ไม่ต้องกังวล ข้าไม่ยุ่งเกี่ยวกับอายุขัยของเขา การฝืนลิขิตสวรรค์นั้นไม่มีประโยชน์ อายุปูนนี้แล้ว จะอยู่ต่อจนเป็นคนแก่ชราก็ไม่เห็นสำคัญอะไร หากเพียงเพื่อสนทนากับสหายเก่าอีกเล็กน้อย ยมโลกจะขวางข้าไม่ให้ไปเป็นแขกเลยหรืออย่างไร” ฉินหลิวซีคล้ายจะยิ้มทว่าไม่ยิ้มเหลือบมองไป๋อู๋ฉัง
ไป๋อู๋ฉังลอบคิดในใจ ผู้ใดจะกล้าขวางท่าน ไม่กลัวท่านรื้อยมโลกหรือ
“ท่านเอ่ยล้อเล่นแล้ว ยมโลกสำหรับท่าน เดิมทีก็เป็นเหมือนบ้านมารดา มาได้ตามสบาย” ไป๋อู๋ฉังเอ่ยพร้อมหัวเราะ
ฉินหลิวซีโบกมือ “ข้าจะไปส่งฉังคงไปยังถนนน้ำพุเหลืองด้วยตนเอง เจ้ากลับไปเถิด”
ไป๋อู๋ฉังส่งเสียง อ้อ คารวะให้พวกเขา จากนั้นหายตัวไปในชั่วพริบตา
เขาเองก็ไม่กลัวว่าฉินหลิวซีจะล้อเล่นกับเขา หากนางต้องการจะรั้งอวี้ฉังคงไว้ ความจริงถึงนางจะยื้อเอาไว้ พวกเขาก็ไม่อาจทำอะไรได้ เขามีบุญติดตัวมากมาย ผู้ใดจะกล้าสู้กับนาง
ฉินหลิวซีจึงหันมาหาอวี้ฉังคง เอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ฉังคง ไม่ได้พบกันเสียนาน”
ดวงตาของอวี้ฉังคงแดงเรื่อขึ้น “ไม่ได้พบกันนาน ยินดีต้อนรับกลับมา”
ที่แท้ผู้มีมหากุศล ย่อมมีบุญหนุนส่ง เขาสั่งสอนลูกศิษย์หลายปีมานี้ ส่วนหนึ่งเพื่อสะสมพลังจิตศรัทธาของเหล่าบัณฑิต แต่ก็สร้างผู้มีความรู้ความสามารถแก่แผ่นดินมากมาย เขามีคุณความชอบ และความดีความชอบนี้ กลายเป็นบุญหนุนนำ ทำให้ก่อนที่เขาจะจากไป ยังได้เจอกับสหายเก่าอีกครั้ง
นางบอกว่า จะมาส่งเขาลงถนนน้ำพุเหลืองด้วยตนเอง
อวี้ฉังคงจ้องมองเครื่องแต่งกายของตน เอ่ย “ท่านรอข้าแต่งตัวก่อน”
เมื่อมาเปล่าเปลือย เมื่อไปก็ต้องไปอย่างงามสง่า
อวี้ฉังคงสั่นกระดิ่งเรียกบ่าวรับใช้มาแต่งตัวให้
บ่าวรับใช้มีสีหน้าแปรเปลี่ยนเล็กน้อย ชุดเฮ่ออีคือชุดที่เตรียมไว้ให้ท่านอาจารย์ในยามจากลา เตรียมเอาไว้นานแล้ว น้ำเสียงเขาแหบพร่า “ท่านอาจารย์…”
“อย่าได้ส่งเสียงดังไป นำมาเถิด แล้วเตรียมสุราอาหาร ข้าจะดื่มกับคนคุ้นเคยก่อนจาก” อวี้ฉังคงยิ้มด้วยใบหน้าอิ่มเอม ดวงตาแฝงด้วยความสงบใจ
บ่าวรับใช้ไม่กล้าขัด รีบเป่าปากเรียกคนมาช่วยจัดเตรียมสุราอาหาร จากนั้นก็นำชุดเฮ่ออีมาให้ เมื่ออวี้ฉังคงเปลี่ยนเครื่องแต่งกายเสร็จแล้ว จากนั้นจึงพยุงเขาไปยังห้องโถงรับรอง
ที่นั่น มีแขกโฉมงามสองคนยืนอยู่ เขามองไปยังสตรีชุดสีคราม พลันตื่นตกใจ นี่ไม่ใช่รูปสลักหยกที่อาจารย์ไหว้บูชาอยู่ทุกวันหรือ
เซียนจวินผู้อยู่ในตำนานออกมาจากรูปสลักหยกหรือ
ฉินหลิวซีเดินมา ประคองมืออวี้ฉังคงด้วยตัวเอง ประคองเขาเดินมายังเก้าอี้ หยิบผ้าห่มบางมาคลุมเข่าให้เขา
เฟิงซิวที่อยู่ด้านข้างมอง เบ้ปาก อิจฉาอยู่ในใจ รู้สึกราวกับดื่มสุรารสเปรี้ยวที่หมักไว้หลายปี แต่เห็นแก่อวี้ฉังคงที่ใกล้ตาย ช่างเถิด เขาสมควรได้รับ
อวี้ฉังคงเองรู้สึกละอายใจ หัวเราะเบาๆ “ข้าแก่แล้ว ใช่หรือไม่”
“อืม” ฉินหลิวซีพยักหน้า เอ่ย “แต่แม้จะแก่ เจ้ายังเป็นคุณชายผู้สง่างามในใจข้าเสมอ”
อวี้ฉังคงรำลึกถึงอดีต ยิ้มอย่างอบอุ่น นางเป็นคนชื่นชมความงาม และร่างนี้ของตนก็ตรงกับรสนิยมนางพอดี ช่างดีเหลือเกิน
บ่าวรับใช้จัดเตรียมสุราอาหารไว้พร้อม สุราเหลืองอุ่นๆ เติมให้แขกที่นั่งอยู่จนเต็มจอก
อวี้ฉังคงยกสุราขึ้น เอ่ยกับฉินหลิวซี “แม้ท่านจะกลับมาช้า แต่ต้องเอ่ยสักหน่อย ขอบคุณ อีกทั้ง ยินดีต้อนรับ ข้าขอดื่มคารวะก่อน”
ขอบคุณเจ้าแล้ว ข้าเคยคิดว่าหลังจากสิบปีไปจนตายข้าจะจมอยู่กับความมืด แต่เจ้าทำให้ข้ากลับมามองเห็นสีสันของโลกนี้อีกครั้ง ขอบคุณเจ้าที่ช่วยไขความจริงเรื่องการตายของบิดามารดาข้า ทำให้หัวใจที่บอบช้ำของข้า ได้เห็นว่าโลกใบนี้แท้จริงแล้วยังคงสวยงาม
ขอบคุณเจ้า ที่หวนกลับมา
สุราหยดหนึ่งที่ปนเปื้อนด้วยหยาดน้ำตาแห่งความปลื้มปีติถูกเขากลืนลงไป ทว่ารอยยิ้มบนใบหน้ากลับเปี่ยมสุขยิ่งกว่าครั้งใด
เมื่อครั้งถือกำเนิด บิดามารดาต้อนรับด้วยความชื่นชมยินดี ก่อนจากโลกนี้ มิตรแท้ส่งถึงที่ เขาช่างมีชีวิตที่สมบูรณ์แบบไร้สิ่งใดขาด
ฉินหลิวซียกจอกเหล้าขึ้นดื่มจนหมด เอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ข้าเองต้องขอบคุณเจ้าเช่นกัน ขอบคุณที่รักษาสัญญา และขอบคุณที่ตลอดหลายปีที่ผ่านมา เจ้าได้ช่วยข้าสะสมพลังศรัทธาจากจิตปรารถนา ข้าจึงสามารถกลับมายังโลกมนุษย์นี้ได้อีกครั้ง ซึ่งล้วนมีส่วนจากพวกเจ้า”
“สลายแล้ว แท่นค่ายอาคมนั้น เดิมข้าใช้ตนเองสร้างศูนย์กลางค่าย สุดท้ายใช้ดวงวิญญาณเซ่นบูชา ตายไปพร้อมกับซื่อหลัว เพื่อปกป้องผู้คนไม่ให้พินาศ นั่นเป็นสิ่งที่ไม่อาจเก็บไว้ มิเช่นนั้นสวรรค์จะไม่รับการเซ่นบูชาของข้า” ฉินหลิวซีเอ่ย “ตอนเซ่นบูชา ข้าเซ่นบูชาจนหมดสิ้น แต่ก็เพียงในโลกนี้เท่านั้น”
เฟิงซิวครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วเอ่ย “ท่านมีแผนสำรองไว้ใช่หรือไม่”
“ไม่ใช่แผนสำรอง แต่เป็นเพียงโอกาสรอดเล็กน้อยที่สวรรค์ลิขิตไว้ให้” ฉินหลิวซีชี้ขึ้นไปบนฟ้า เอ่ย “เจ้าจำได้หรือไม่ ดินแดนแห่งความว่างเปล่าที่ไม่อยู่ในอาณัติสามภพ ข้าเคยพาผีสาวพันปีผู้หนึ่งนามหยวนอิงออกมา ต่อมาข้าพบว่าโลกเบื้องล่างเกิดความเข้าใจผิด จึงส่งนางไปยังอีกภพหนึ่ง ข้าได้ฝากเสี้ยวหนึ่งของวิญญาณไว้กับนาง”
“แล้วตลอดห้าสิบปีนั้น ท่านเพิกเฉยต่อความเป็นความตายของพวกเราเพียงเพื่อไปเสวยสุขอยู่ที่นั่นอย่างนั้นหรือ ว่ามาสิ ข้าจะรินสุราให้ท่านดื่มจนหนำใจ” เฟิงซิวรินสุราใส่จอกจนเต็ม ก่อนกระแทกเสียงอย่างไม่พอใจ
…
[1] ชุดที่มีความสง่างาม