คุณหนูโลลิคลั่งเนีย・ลิสตัน - ตอนที่ 15 ตัดสินใจปรากฏตัวเรียกเงินเห
15 ตัดสินใจปรากฏตัวบนภาพสะท้อนเวทมนตร์อีกครั้ง
ไม่กี่วันผ่านไปนับตั้งแต่ที่เริ่มมีจดหมายแฟนคลับ?ส่งถึงฉันกับพี่ชาย
จดหมายถึงฉันมีประมาณวันละสองหรือสามฉบับ แต่ฉันคิดว่ามีจดหมายถึงพี่ชายประมาณสิบฉบับต่อวัน
ความจริงพี่ชายเป็นที่นิยมมากกว่าฉันซะอีก
ฉันลองถามลินเนตต์ สาวใช้ส่วนตัวของพี่ชายเกี่ยวกับเนื้อหาในจดหมายที่ส่งถึงเขาที่ค่อนข้างสับสนอยู่ไม่น้อยที่ได้รับจดหมายจากคนแปลกหน้าอย่างกะทันหันหรือแม้แต่จากเนื้อหาในจดหมาย
เป็นเนื้อหาที่กระซิบบอกรักไม่มากก็น้อย・・・・・โดยไม่คำนึงถึงเรื่องเพศ
เข้าใจล่ะ
ถึงพี่นีลจะยังเด็กอยู่ แต่เขาก็ดูคล้ายกับคุณแม่มาก ๆ
ฉันคิดว่าในอนาคตเขาจะกลายเป็นผู้ชายที่ทำให้ผู้หญิงจำนวนมากต้องร้องไห้ แต่ดูเหมือนว่าเขาจะเป็นมากกว่านั้น――เพราะเขาจะกลายเป็นผู้ชาย・・・・ที่ทำให้ทั้งผู้ชายและผู้หญิงต้องร้องไห้
――ม๊า แบบนั้นก็คงทำให้สับสนน่าดู เรื่องนั้น
กับฉันที่เคยอยู่จนสิ้นอายุขัยก็คงขย้ำเป็นก้อนกลมแล้ว「へーほーふーん」ทิ้งไป แต่กับเด็กน้อยที่อายุยังไม่ถึงสิบขวบที่ความรู้สึกยังอ่อนไหวง่าย การถูกคนเพศเดียวกันเข้าหาคงเป็นประสบการณ์ที่เจ็บปวดไม่น้อย
…………
ถ้าถามไปว่า「รู้สึกยังไงที่ได้รับความนิยมจากผู้ชายมากกว่าน้องสาวตัวเอง?」สงสัยคงได้กลายเป็นบาดแผลฝังใจไปตลอดชีวิตแน่ ๆ
ฉันจะไม่พูดอะไรเพราะแค่นี้ก็น่าสงสารแล้ว
ยังไงก็ตาม
เนื่องจากเนื้อหาในจดหมายมีหลากหลาย พ่อแม่จึงเริ่มตรวจสอบก่อนที่จะให้พวกเราเห็น
ฉันคิดว่าเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องและเหมาะสม
ในตอนนี้ทั้งฉันทั้งพี่ชายก็ไม่ได้รับจดหมายโดยตรงอีกต่อไป และเขาก็กลับมา
“――คุณหนู นายท่านและนายหญิงเรียกหาขอรับ”
คืนนั้นฉันที่พึ่งกลับมายังห้องหลังจากกินข้าวเย็นกับพี่ชายเสร็จ
ก็ถูกเรียกโดยพ่อบ้านเฒ่าเจย์
“เนียก็ถูกเรียกมาด้วยเหรอ?”
ในระหว่างทางฉันได้พบกับพี่นีลและลินเนตต์สาวใช้ส่วนตัวที่พึ่งจะแยกกันไป และถูกพาไปห้องรับแขกพร้อมกัน
ที่นั่น――
“สวัสดีจ๊า นีลคุง เนียจัง”
ริโนกิสถึงกับหลุดอุทาน「อา」ออกมา สำหรับเธอที่ชื่นชอบเมจิกวิชั่นคงเหมือนกับการกลับมาครั้งที่สองของคนที่เธอชื่นชม ที่ได้รับลายเซ็นมาแล้วด้วย
ใช่ เป็นครั้งที่สอง
เบนเดริโอ้กำลังรออยู่ที่ห้องนั่งเล่นพร้อมกับพ่อแม่ ใบหน้าฉูดฉาดซึ่งเป็นหน้าเป็นตาให้กับรายการและทำหน้าที่เป็นไกด์ในเมจิกวิชั่น「สารคดีท่องเที่ยวดินแดนลิสตัน」อีกด้วย
“มีเรื่องสำคัญจะต้องบอกน่ะ ทั้งสองคนนั่งลงก่อนสิ”
พ่อแม่ซึ่งยังอยู่ในชุดทำงานยังไม่ได้แม้แต่จะพูดกลับมาแล้วและยินดีต้อนรับกลับ――คุณพ่อพาฉันกับพี่นีลนั่งลงบนโซฟา
มีโต๊ะเตี้ยวางอยู่ตรงกลาง พ่อแม่นั่งอยู่คู่กันทางขวา และเบนเดริโอ้นั่งอยู่ทางซ้าย
ราวกับว่าจะเหลือที่ว่างตรงกลางเอาไว้ให้พวกเรา
“ยินต้อนรับกลับบ้านครับ ท่านพ่อ ท่านแม่ ยินดีต้อนรับเบนเดริโอ้ซังเช่นกันครับ”
โอ พี่ชายกล่าวทักทายในเวลาที่เหมาะสม
พี่ชายถือว่าค่อนข้างมั่นคงกับอายุเท่านี้
สมกับเป็นลูกชายคนโตของขุนนางระดับขั้นที่สี่ แสดงถึงการได้รับการสั่งสอนจากพ่อแม่มาเป็นอย่างดีสินะ
“ยินดีต้อนรับกลับค่ะ ยินดีต้อนรับ”
และในขณะเดียวกันฉันก็ถือโอกาสทักทายออกไปเช่นกัน
คุณพ่อพยักหน้าครั้งหนึ่ง และเข้าเรื่องทันที
“เพราะเบนเดริโอ้มีบางอย่างที่จะพูด อยากจะให้ช่วยลองฟังดูหน่อย”
นั่นสินะ
เป็นเรื่องธรรมดาที่พ่อแม่จะอยู่ที่คฤหาสน์ของตระกูลลิสตัน แต่การมีเบนเดริโอ้อยู่ด้วยนั้นถือว่าเป็นเรื่องผิดปกติ
การเรียกหาฉันกับพี่ชายในเวลาแบบนี้ จินตนาการได้ไม่ยากเลยว่าเรื่องทั้งหมดเพราะเขามีอะไรต้องการจะพูด
…….ยิ่งไปกว่านั้น ฉันรู้สึกเหมือนฉันรู้จุดประสงค์ว่าคน ๆ นี้มาที่นี่เพื่ออะไร
เมื่อฉันกับพี่ชายหันมามองหน้ากัน เบนเดริโอ้ก็พูดด้วยรอยยิ้มเคร่งขรึม
“กระแสตอบรับการออกอากาศครั้งล่าสุดดีมาก ถ้าพวกเธอไม่รังเกียจ ฉันอยากให้ทั้งสองคนปรากฏตัวบนเมจิกวิชั่นอีกครั้ง”
แน่นอนว่าต้องเกี่ยวกับเมจิกวิชั่นอยู่แล้วล่ะนะ
“――ขอโทษนะครับ แต่ก่อนที่จะตอบ ผมขอถามคำถามคุณสักสองสามข้อได้ไหมครับ?”
และพี่ชายก็พูดอย่างใจเย็น
“ก่อนอื่นขอยืนยันให้แน่ใจก่อนว่า การปรากฎตัวของผมกับเนีย จะเป็นลักษณะการแสดงเพื่อทำหน้าที่โฆษณา……ขายแผ่นคริสตัลเวทมนตร์ถูกต้องไหมครับ?”
หรือบางทีแผนการส่วนหนึ่งอาจจะต้องมีการพบปะและสร้างความบันเทิงให้กับบุคคลระดับสูงด้วย
หรือบางทีจะต้องส่งข้อความสนับสนุนนักผจญภัยที่จะไปเกาะลอยฟ้าด้วย
ดูเหมือนว่ารายการบางรายการที่ฉันไม่ได้รับอนุญาตให้ดูจะเป็นประเภทนั้น
สำหรับคำถามนั้น เบนเดริโอ้ตอบว่า「เป็นโฆษณาล่ะนะ」
“ทั้งเมจิกวิชั่น ทั้งแผ่นคริสตัลเวทมนตร์ ต่างยังไม่เป็นที่นิยมมากนัก ฉันคิดว่าสถานการณ์ปัจจุบันคือมีขุนนางและคนร่ำรวยเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่เข้าถึง ตอนนี้เราจึงต้องการประชาสัมพันธ์ เพื่อให้เป็นที่รู้จักมากยิ่งขึ้น”
ฉันได้ยินเรื่องนี้จากริโนกิสมาบ้าง ประวัติศาสตร์พึ่งเริ่มต้น
ในขณะนี้ แม้แต่ดินแดนลิสตันซึ่งมีสถานีออกอากาศและช่องสัญญาณเป็นของตัวเอง ทั้งข้อมูลทั้งแผ่นคริสตัลเวทมนตร์ก็ดูเหมือนจะแพร่กระจายไปได้เพียงเล็กน้อย อา ด้วยเหตุผลเดียวกัน สงสัยจังว่าของเมืองหลวงจะแพร่กระจายออกไปได้ดีกว่าหรือเปล่า
ยังไงก็ตาม ในดินแดนอื่น ๆ สถานะปัจจุบันคือ แม้แต่วัฒนธรรมของเมจิกวิชั่นก็ยังไม่เป็นรู้จักกันเลย
เหตุผลก็คือค่าใช้จ่ายยังสูงเกินไป
ท้ายที่สุด แม้แต่แผ่นคริสตัลเวทมนตร์ขนาดเล็กก็ดูเหมือนจะมีราคาแพงมากพอที่สามารถทำให้คนธรรมดาสามารถมีชีวิตอยู่ไปได้หลายปี
นอกจากนี้ ดูเหมือนว่าภาพสะท้อนที่ส่งมาจากสถานีออกอากาศจะไม่สามารถรับชมได้หากไม่มีสิ่งที่เรียกว่าหอคอยเวทมนตร์อยู่ใกล้ ๆ เพื่อรับสัญญาณภาพสะท้อนเหล่านั้น
ยิ่งไปกว่านั้น ยังจำเป็นต้องใช้หินเวทมนตร์ในการเคลื่อนย้ายแผ่นคริสตัลเวทมนตร์อีกด้วย
นั่นหมายความว่าเพื่อเผยแพร่วัฒนธรรมของเมจิกวิชั่นยังมีอีกหลายสิ่งที่ขาดหายไป
――ฉันอยากจะฟังรายละเอียดเพิ่มเติมอีกสักหน่อย แต่ตอนนี้คงต้องขอพักไว้ก่อน
พี่ชายดูเหมือนจะรู้เรื่องพวกนี้มากกว่าที่ฉันคิด ดังนั้นฉันจะถามเขาตอนที่พ่อแม่ไม่อยู่แทน
“ในเรื่องนี้――ตอนนี้ควรยกให้เป็นหน้าที่ของเนียครับ”
หืม? ฉัน?
“เรื่องราวของบุตรีของลอร์ดซึ่งรอดชีวิตจากโรคร้ายด้วยความช่วยเหลือของเมจิกวิชั่นไงครับ
เรื่องนี้เป็นการยืนยันความเป็นไปได้ว่าสามารถทำสิ่งต่าง ๆ ได้ด้วยเมจิกวิชั่น
ยิ่งไปกว่านั้นในตอนนี้ ดูเหมือนว่าความสนใจของผู้ชม และความคาดหวังของพวกเขาที่มีต่อเนียจะเพิ่มมากขึ้น อาจจะเป็นเพราะว่าเป็นเรื่องยากที่จะมีเด็กเล็ก ๆ มาปรากฎตัวบนเมจิกวิชั่น
หากเป็นเนียในตอนนี้ ผมคิดว่าเธอเหมาะสมที่สุดที่จะทำหน้าที่เป็นตัวเอกในป้ายโฆษณาเพื่อขายเมจิกวิชั่น
นี่เป็นความคิดแบบเด็ก ๆ ของผม แต่คิดว่าท่านพ่อ ท่านแม่ และเบนเดริโอ้ซังก็คิดอย่างนั้นเหมือนกัน”
โฮ……ถึงจะยังเด็ก แต่พี่ชายก็ฉลาดมากจนยากที่จะเชื่อว่าเขายังเด็ก
การที่เขาถูกกำหนดว่าจะทำให้ทั้งผู้ชายและผู้หญิงต้องร้องไห้・・・・・ไม่ใช่คำพูดที่เกินไปเลยแม้แต่น้อย
“แถมตอนนี้ไม่ใช่ช่วงเวลาที่ดีในการถ่ายทำของผม และแต่แรกแล้วผมก็ใกล้ต้องกลับไปที่สถาบันการศึกษาอาร์ตัวร์ในเร็ว ๆ นี้แล้วด้วย ถ้ากลับไปที่หอพักแล้วคิดว่าคงไม่สามารถหาเวลาได้
ยิ่งไปกว่านั้น――”
และพี่ชายก็มองมาที่ฉันที่นั่งข้าง ๆ
“สำหรับตอนนี้ ผมคิดว่าเนียที่ไม่มีอะไรทำนอกจากการฝึกร่างกายที่ยังอ่อนแออยู่จะสะดวกกว่าในหลาย ๆ เรื่อง”
ดูเหมือนว่า
สรุปโดยสั้นคือเขาอยากให้ฉันเป็นคนที่ต้องออกหน้า
“อืม……พูดตามความสมเหตุสมผลแล้ว ก็ใช่”
คุณพ่อฝืนยิ้มออกมา
เหตุผลของพี่ชายอาจจะเป็นสิ่งที่ผู้ใหญ่พยายามจะอธิบายให้เราฟังหลังจากนี้
“――เนียคิดว่ายังไง? ลูกอยากปรากฎตัวบนเมจิกวิชั่นอีกครั้งไหม?”
คำตอบของฉันถูกตัดสินใจไว้แล้ว
“หนูไม่อยากปรากฎตัวบนเมจิกวิชั่นเป็นการพิเศษ แต่ว่า――”
ฉันไม่อยากออกอากาศ แต่ก็มีเหตุผลที่ต้องยอมออก
“หากเป็นความต้องการของโอโตซามะ โอกาซามะ หนูก็พร้อมจะทำค่ะ หนูนึกไม่ออกเลยว่าความรัก ความห่วงใย และเงินที่จ่ายไปเพื่อหนูมีค่ามหาศาลแค่ไหน
ถึงหนูจะยังเป็นแค่เด็ก หนูก็อยากจะตอบแทนบุญคุณที่ยิ่งใหญ่นี้”
กล่าวกันว่าความกรุณาอันยิ่งใหญ่นั้นไม่หวังผลตอบแทน แต่ฉันไม่คิดแบบนั้น
ฉันได้รับร่างของเนีย และอาศัยอยู่ในสถานที่ที่เป็นของเนีย ฉันจะอยู่ได้ยังไงหากไม่ตอบแทน
พ่อแม่มองหน้ากันด้วยสีหน้าลำบากใจเล็กน้อย
“ไม่สำคัญว่าพวกแม่จะคิดยังไง พวกเราอยากฟังความคิดเห็นของลูก”
ฉันตอบกลับคำของคุณแม่โดยไม่ลังเล
“――หนูต้องการตอบรับความปรารถนาของโอโตซามะกับโอกาซามะ และอยากช่วยเท่าที่จะช่วยได้……นั่นคือความตั้งใจของหนูค่ะ
ในฐานะบุตรีของตระกูลลิสตัน ผิดเหรอคะที่จะคิดเช่นนั้น?”
เมื่อเป็นเช่นนั้น การปรากฎตัวบนเมจิกวิชั่นครั้งต่อไปของฉันจึงถูกตัดสิน
นี่เป็นเหตุการณ์พลิกผันที่ไม่คาดคิดมาก่อน แต่ไม่ต้องสงสัยเลยว่าจะขยายขอบเขตกิจกรรมของฉันออกไป
ฉันไม่ได้โกหกเกี่ยวกับความรู้สึกของฉันที่บอกกับพ่อแม่
หากพวกเขามีเป้าหมายที่จะทำให้เมจิกวิชั่นเป็นที่แพร่หลาย ฉันก็ยินดีที่จะช่วยในฐานะลูกกตัญญู
――ถึงเวลาแล้วที่ต้องรีดเร้นร่างกายที่ทื่อลง ฉันต้องการสัมผัสบรรยากาศของการต่อสู้ที่แท้จริง หากเป็นแบบนี้ต่อไป สัญชาตญาณการเอาชนะมีแต่จะขึ้นสนิม
คงจะดีไม่น้อยหากมีเหตุการณ์นองเลือดที่ไหนสักแห่ง
……ถ้าเป็นไปได้ ฉันอยากจะฆ่าทั้งสัตว์อสูรและสัตว์ป่า ฉันสงสัยว่านั่นจะยังเป็นการทะเยอทะยานเกินไปหรือเปล่า