คุณหนูโลลิคลั่งเนีย・ลิสตัน - ตอนที่ 162 ภาคเรียนโลลิที่สอง และสิ่งที่รอหมีอยู่ข้างหน้า
162 ภาคเรียนที่สองของชั้นประถมศึกษาปีที่สอง และสิ่งที่รออยู่ข้างหน้า
” ――ค่อนข้างสนุกเลยจากอะไรหลาย ๆ อย่าง”
” ――มีเรื่องเกิดขึ้นมากมายเลยเน๊ะ”
วันนี้ผ่านไปแล้วหนึ่งคืนกลังกลับมาถึงเมืองหลวงของอาร์ตัวร์จากการทำงานต่างประเทศ
ในช่วงเวลาอาหารกลางวัน ฉันก็เช่าห้องส่วนตัวที่ร้านอาหารระดับไฮเอนด์「คุโรยูริ โนะ คาโอริ」และที่ตรงหน้าของฉันคือเหล่าลูกศิษย์ที่นั่งเรียงกัน
คราวนี้ ลินเนตต์ สาวใช้ของพี่ชายซึ่งไม่ได้เดินทางไปด้วยก็มาอยู่ที่นี่ด้วย
เมื่อได้ฟังคำอธิบายของเฟรซาที่สรุปให้ว่าเกิดอะไรขึ้นบ้างระหว่างทาง เธอก็เข้าใจทันที
คำอธิบายสั้น ๆ ข้างต้นระหว่างทานอาหารจบลง เมื่อขนมถูกวางต่อหน้าแต่ละคน
” ――คุณหนูค่ะ น่าจะใกล้ได้เวลาแล้วนะคะ?”
ฉันพยักหน้าให้กับคำพูดของริโนกิส
นี่คือหัวข้อหลักที่ฉันเรียกทุกคนมาในวันนี้
“ดิฉันได้รับรายงานยอดสรุปจากบริษัทเซโดนีมาแล้วค่ะ ดังนั้นจะขอรายางานให้ทราบ”
นี่เป็นข้อมูลล่าสุดที่ฉันยังไม่ได้ยิน
เช้านี้ ฉันขอให้ริโนกิสไปคุยกับบริษัทเซโดนีในฐานะนักผจญภัยริโนะ
มีหลายเรื่องที่อยากถาม และบางสิ่งที่กังวล
และฉันคิดว่าไม่ใช่แค่ฉันเท่านั้นที่มีสิทธิ์ฟัง ดังนั้นจึงเรียกเหล่าลูกศิษย์ให้มารวมตัวกัน
――มีหลายเรื่องที่ไม่สามารถพูดได้ว่าไม่เกี่ยวข้องอีกต่อไป ดังนั้น ลูกศิษย์ทุกคนคงมีสิทธิที่จะรู้ จะลำบากถ้าต้องไปคุยทีละคน ดังนั้นการคุยในทีเดียวจะมีประสิทธิภาพมากกว่
“ก่อนอื่น เรื่องของเงินหนึ่งพันล้านครัม จากการทำงานต่างประเทศในช่วงฤดูร้อนที่ผ่านมา เงินสะสมทั้งหมดเกิดกว่าแปดร้อยล้านไปแล้วค่ะ
โอ้ เกิดแปดร้อยล้านไปแล้วสินะ
ฉันมีความกังวลอยู่ว่า หากยอดรวมไม่เกินห้าร้อยล้านในฤดูร้อนนี้ งานแข่งขันศิลปะการต่อสู้ขนาดใหญ่จะถูกยกเลิก
ในที่สุด การเตรียมเงินจำนวนหนึ่งพันล้านครัมก็ดูเป็นจริงขึ้นมาแล้ว
“เรื่องตลกงี่เง่าของการหารายได้นับพันล้านในสองปีกำลังจะกลายเป็นความจริง แถมยังในแค่หนึ่งปี ข้ารู้สึกเหมือนความรู้สึกทางการเงินกำลังจะบ้าไปแล้ว ข้าทำเงินได้ห้าล้านครัมต่อเดือนจากรายได้ล่าสุดด้วย”
“การหาเงินได้มากเกินไปทำให้โดดเด่นอย่างเลวร้ายเช่นกัน นักผจญภัยริโนะโดดเด่นเกินไป ไม่มีทางรู้เลยว่าจะมีปัญหาแบบไหนเกิดขึ้นได้บ้าง”
แกนดอล์ฟเตือนอันเซลที่คร่ำครวญถึงสามัญสำนึกเรื่องเงินที่ดูเหมือนกำลังจะเป็นบ้าไปแล้ว ――ถูกต้อง ถ้าความรู้สึกทางการเงินของเขาพังทลายเหมือนฉัน เขาจะต้องเดือดร้อนแน่นอน พวกเขาเริ่มพูดถึงเรื่องที่สามารถทำเงินระดับพันล้านได้จากการทำอะไรแค่ง่าย ๆ ……ม๊า แต่แรกแล้วฉันไม่เคยถือเงินสดกับมือเลย ดังนั้นฉันจึงไม่รู้สึกว่าตัวเองกำลังจะบ้าหรืออะไร
“อันที่จริงฉันทำเพื่อให้โดดเด่นอยู่แล้ว ดังนั้นจึงไม่สนใจส่วนนั้น ที่สำคัญฉันทำทั้งหมดก็เพื่อเรื่องนั้น”
สิ่งที่ริโนกิสพูดเป็นเรื่องจริง
บางคนก็ทำแบบเดียวกันเพื่อแสดงความสามารถให้เป็นที่รับรู้
ด้วยเหตุนี้ ปัจจุบันเธอจึงกลายเป็นดาวรุ่งที่ประสบความสำเร็จ เป็นรู้จักกันในนาม ริโนะ นักผจญภัยที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของอาร์ตัวร์ มีน้อยคนที่จะไม่รู้จักเธอ
หากชื่อของเธอโด่งดังจนเป็นที่พูดถึงมากขนาดนี้ ฉันมั่นใจว่าจะต้องกลายเป็นประเด็นร้อนแน่นอน หากเธอประกาศเข้าร่วมงานแข่งขันศิลปะการต่อสู้
แล้วจะไม่เพียงแค่มีอิทธิผลต่ออาร์ตัวร์ แต่จะส่งผลกระทบต่อประเทศเพื่อนบ้านด้วย
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพูดถึงรอบตัวฉันแล้ว เธอกลายเป็นที่รู้จักจนถึงขั้นเรเลียเรดมาบ่นกับฉันว่า「ฉันพยายามขอสัมภาษณ์ริโนะไป แต่เธอไม่ยอมตอบกลับมาเลย」
แน่นอนว่าชื่อนี้ก็น่าจะเป็นรู้จักของประเทศเพื่อนบ้านเป็นอย่างดีเช่นกัน บริษัทเซโดนีก็บอกว่า「จะช่วยขายชื่อให้แบบอ้อม ๆ ให้เอง」
“เท่านี้งานแข่งขันศิลปะการต่อสู้ที่จะเปิดด้วยเงินลงทุนหนึ่งพันล้านก็จะถูกกำหนดให้จัดขึ้นอย่างปลอดภัยลแล้วแน่นอน แผนต่าง ๆ ยังดำเนินการต่อไป และสามารถพูดได้ว่าตอนนี้ทุกอย่างอยู่ในมือของพวกเราแล้ว ค่อไปจึงแค่ต้องดูว่าจะเกิดอะไรขึ้น”
ดีจัง เท่านี้ในที่สุดราชาก็น่าจะเคลื่อนไหวสินะ
เขาบอกว่าต้องใช้เวลาหนึ่งปีในการเตรียมการ ดังนั้นหากยังเคลื่อนไหวได้ในระดับนี้ต่อไป ช่วงเตรียมการก็จะไม่เป็นไร
“นอกจากนี้ เพื่อเป้าหมายที่หนึ่งพันล้านครัมของพวกเรา เงินที่ต้องหาอีกประมาณสองร้อยล้านนั้น ทางบริษัทเซโดนีต้องการลงทุนกับพวกเราในส่วนที่ยังขาดหายไปค่ะ”
โห้ ลงทุนเหรอ
“ดิฉันได้พักเรื่องคำตอบเอาไว้ก่อน แต่ต้องการให้ทำยังไงดีคะ?”
ม๊า ไม่มีเหตุผลที่จะปฎิเสธ
“เดาว่าพวกเขาต้องการสิทธิพิเศษในงานแข่งขันศิลปะการต่อสู้ ช่วยไปบอกพวกเขาว่าให้ไปปรึกษากับราชาและทำตามที่ต้องการได้เลย”
และ
“ถึงตอนท้ายจะมีสะดุดไปสักหน่อย แต่ก็ถือว่าพวกเราบรรลุเป้าหมายหนึ่งพันล้านครัมเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ขอบคุณทุกคนสำหรับการสนับสนุนทั้งหมดที่ผ่านมา ฉันเป็นคนที่โชคดีมากจริง ๆ
เมื่อฉันแสดงความขอบคุณ ด้วยเหตุผลบางอย่างก็มีเสียงปรบมือดังขึ้น ฉันไม่เข้าใจความหมายของการปรบมือจริง ๆ เดาว่าน่าจะเกี่ยวกับความสำเร็จของโครงการหรือเปล่า หรือบางทีอาจเป็นเพราะคิดว่านี่เป็นแผนที่ไม่สมเหตุสมผลที่สุด แต่กลับกลายเป็นความสำเร็จที่น่าประหลาดใจ พวกเขาก็เลยทำลงไปโดยไม่รู้ตัวล่ะมั้ง
ม๊า จะอะไรก็ได้
ด้วยเหตุนี้ ปัญหาเงินหนึ่งพันล้านครัมจึงคลี่คลาย
สิ่งที่เหลืออยู่ตอนนี้คือ รองานแข่งขันศิลปะการต่อสู้ที่จะจัดขึ้นในปลายปีหน้า
“รายงานต่อไปค่ะ”
เรื่องแรก ฉันฟังรายงานตามลำดับความสำคัญสูงสุด
จึงยังมีหัวข้อถัดไป
ยังมีเรื่องให้พูดถึงอีกมาก
“มีคำวิงวอนจากบริษัทเซโดนีถามว่าพวกเราจะยังออกล่าสัตว์อสูรในอนาคตหรือไม่ พวกเขาบอกว่าหากเป็นไปได้ก็อยากจะให้ออกล่าตามที่พวกเขาร้องขอ ――สรุปก็คือ กำลังร้องขอให้ไปเป็นนักผจญภัยภายใต้สังกัดของบริษัทเซโดนีค่ะ”
เข้าใจล่ะ
“เรื่องนั้นให้ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของแต่ละคนแล้วกัน ไม่มีนักผจญภัยจริง ๆ อยู่ในหมู่พวกเราด้วย ดังนั้นไปทำเพื่อสร้างบุณคุณพร้อมหารายได้เป็นครั้งคราวก็น่าจะดีเหมือนกัน?”
“นั่นสินะ ถ้าอย่างงั้น ฉันจะปล่อยให้หัวข้อการสนทนานี้ขึ้นอยู่กับวิจารณญาณของแต่ละคนแล้วกัน”
อืม แบบนี้ดีแล้ว
“เน๊ ฉันขอถามอะไรหน่อยได้ไหม? มีบางอย่างที่ฉันสงสัยมาระยะหนึ่งแล้ว”
เฟรซายกมือขึ้นในตอนที่การสนทนาหยุดลง
“อาโนซ๊า เรื่องเงินหนึ่งพันล้านครัมจบลงแล้วใช่ไหม?”
“เธอไม่ได้ยินสิ่งที่คุณหนูพูดรึไง? นั่นคือเรื่องที่พูดไปเมื่อกี้ไง”
ริโนกิสช่างเย็นชาจริง เธอไม่ควรพูดจารุนแรงแบบนั้น
“ม๊า ฉันได้ยินแล้ว ฉันหมายถึงเพราะได้ยินนั่นแหละ”
ยังไงก็ตาม เฟรซาก็ไม่ทำให้ผิดหวัง เธอพูดต่อโดยไม่เปลี่ยนสีหน้า
“ก็คือ――หมายความว่าพวกเราจะไม่สามารถเรียนรู้อะไรจากลิลลี่ได้อีกแล้วใช่ไหม?”
อะ
……อ้า งั้นเหรอ นั่นสินะ
พูดตามตรง พวกเขาไม่ใช่ลูกศิษย์โดยตรง แต่เป็นไปตามสัญญาที่ฉันให้ไว้「หากมาช่วยหาเงินหนึ่งพันล้าน ฉันจะช่วยทำให้แข็งแกร่งขึ้นเป็นการตอบแทน」
ตอนนี้ฉันได้รับเงินครบพันล้านแล้ว ดังนั้นจะเกิดอะไรขึ้นกับคำสัญญานั้น
――ฉันลืมเรื่องนี้ไปโดยไม่ได้ตั้งใจ แต่ดูเหมือนว่าเฟรซาและลูกศิษย์คนอื่น ๆ จะยังไม่ลืมเรื่องนี้
“ข้าก็อยากจะฟังจากเธอให้ชัดเจนเหมือนกัน พูดตามตรง ข้าแค่แกล้งทำเป็นลืมเท่านั้นเอง”
“อุมุ กระผมก็แกล้งทำเป็นลืมเช่นกัน และหวังว่าท่าจะช่วยสอนกระผมต่อไปในอนาคต”
“ไม่หรอก เห็นได้ชัดอยู่แล้วไม่ได้ ลิลลี่ไม่มีเวลาว่างเหลือแล้ว ดังนั้นคบหากันได้ตลอดไปจริงไหม”
ดูเหมือนว่าทุกคนจะมีความกังวลเป็นของตัวเอง ……สาเหตุที่ลินเนตต์ไม่พูดอะไร อาจเป็นเพราะเธอตระหนักได้ว่าสถานการณ์ของตัวเองแตกต่างออกไป และหนีไม่พ้นมือฉัน
ใช่แล้ว เธอยังต้องรับผิดชอบที่สอน「คิ」ให้กับพี่ชายของฉัน ฉันจะไม่ปล่อยให้เธอหนีไปได้!
“ไว้ค่อยคุยกันทีหลังแล้วกัน ตอนนี้มีเรื่องอื่นที่ยังต้องถามต่อ”
–
ก่อนอื่น ไม่มีอะไรที่ฉันจะสามารถสอนให้ได้อีกแล้ว
ฉันสอนวิธีฝึก「คิ」ให้ไปแล้ว ฉันแน่ใจว่าจะสามารถเข้าถึงส่วนที่เหลือได้โดยการศึกษาด้วยตัวเอง หากไม่ได้ตั้งเป้าที่จะเป็นเลิส ฉันก็คิดว่าไม่จำเป็นต้องให้คำแนะนำเพิ่มเติม
ทว่า นั่นไม่สิ่งที่ควรจะพูดในตอนนี้
ฉันจะไปคุยเฉพาะกับผู้ที่ปรารถนาในภายหลังเท่านั้น ตอนนี้ไม่เป็นหรอก
ฉันกระตุ้นให้ริโนกิส「พูดเรื่องต่อไป」
“มีรายละเอียดอื่น ๆ ที่ยังต้องยืนยันค่ะ แต่คุณหนูจะต้องเป็นผู้ตรวจสอบด้วยตนเองก่อนค่ะ ทว่า ในบรรดารายละเอียดทั้งหมด รายงานที่สำคัญที่สุดคือเกี่ยวกับโจรสลัดอากาศ”
อ้า พวกนั้นสินะ
“หมายถึงแก้แค้นคนที่มาโจมตีงั้นเหรอคะ?”
ริโนกิสตอบว่า「ใช่ ถูกต้อง」ให้ลินเนตต์เป็นคนเดียวซึ่งไม่อยู่ในเหตุการณ์
“แล้วก็พาพวกเขากลับมาด้วยล่ะนะ ส่วนเรื่องที่เกิดขึ้นหลังจากนี้ นี่อาจจะสำคัญนิดหน่อย ดังนั้นเก็บไว้เป็นความลับให้ดี”
อืม พวกเรากลับมาด้วยกันได้ครึ่งทาง พร้อมกับเรือโจรสลัดทั้งสามลำ
ตามที่คาดไว้ พวกเขาไม่ได้ไปถึงเมืองหลวง แต่แยกกันระหว่างทาง และได้รับการยืนยันว่าพวกเขาไปถึงเกาะลอยฟ้าพร้อมกับพนักงานของบริษัทเซโดนี
ยังไงก็ตาม ในการเดินทางกลับ ฉันไม่ได้เดินทางโดยเรือความเร็วสูง แต่กลับอย่างสะดวกสบายด้วยเรือโจรสลัด
“ส่วนใหญ่เป็นวิศวกรเรือเหาะของมาเวเลียค่ะ”
หืม?
“พวกนั้นส่วนใหญ่เป็นวิศวกรงั้นเหรอ?”
“ดูเหมือนเป็นเช่นนั้นค่ะ”
โอ้ยโอ้ย เป็นช่างแล้วมาทำอะไรแบบนั้นกัน ฉันอุตส่าห์คิดว่าพวกเป็นกลุ่มอันธพาลจากแถวนั้นที่ไม่มีที่อยู่แน่นอนซะอีก
“ดิฉันจะยังไม่ลงรายละเอียดนะคะ เพราะยาวเกินไป แต่ดูเหมือนว่ามาเวเลียต้องการเรือเหาะที่มีประสิทธิภาพขั้นสูง ส่วนพวกเขาเห็นว่าเป็นส่วนหนึ่งของทีมพัฒนาเพื่อจุดประสงค์นั้น แต่เห็นว่าจะถูกบังคนให้ออกจากประเทศหลังจากล้มเหลวในการสร้างผลงานค่ะ”
และมาเป็นโจรสลัดอากาศสินะ
ก็ค่อนข้างน่าเชื่อถือ เพราะเป็นความจริงที่ว่าวิศวกรเรือเหาะสามารถทำหน้าที่เป็นลูกเรือได้เช่นกัน เป็นเรื่องน่าแปลกที่ก้อนโลหะแบบนั้นจะสามารถบินได้ และต้องทำให้เกิดปัญหาต่าง ๆ แน่นอน
“ทอร์คซังเคยได้ยินข่าวลือเรื่องโจรสลัดอากาศของมาเวเลียที่เคยเป็นวิศวกรมาก่อน ดูเหมือนจะยืนยันเรื่องนั้นได้แล้ว”
พูดไปแล้ว ทอร์คก็พูดประมาณว่า「มีบางอย่างที่ผมอยากจะตรวจสอบก่อนครับ」แต่เพราะเป็นเรื่องยุ่งยาก ฉันก็เลยทิ้งที่เหลือไว้ให้เขา
“ถ้าสถานการณ์เป็นแบบนี้ งานแข่งขันศิลปะการต่อสู้ขนาดใหญ่ในปีหน้า อาจจะได้เห็นชายวัยกลางคนประมาณสี่สิบคนที่เคยเป็นโจรสลัดอากาศกำลังทำงานโดยรับค่าแรงราคาถูกอยู่ก็ได้ค่ะ ยิ่งไปกว่านั้น ครึ่งหนึ่งยังเป็นวิศวกรเรือเหาะที่มีผลงานอยู่ในมือด้วย ไม่มีทางเลยที่พวกเขาจะไม่ใช้ประโยชน์จากสิ่งนี้”
อ้า พยายามใช้พวกเขาเป็นกำลังแรงงานให้กับบริษัทเซโดนีสินะ นี่คือวิธีคิดของนักธุรกิจ
“ก็ดีแล้วนี่? ตราบใดที่ทั้งสองฝ่ายตกลงกันได้”
การรวมตัวรับประทานอาหารกลางวันที่ใช้เวลานานพอสมควรก็แยกย้ายในที่สุด