คุณหนูโลลิคลั่งเนีย・ลิสตัน - ตอนที่ 173 สลับฉาก การคำนวณโลลิก่อนรอบคัดเลือกหมี ส่วนแรก
173 สลับฉาก การคำนวณผลประโยชน์ก่อนรอบคัดเลือก ส่วนแรก
――「ที่นี่คือด้านหน้าของสถานที่คัดเลือกค่ะ! ผู้เข้าแข่งขันกำลังทยอยเดินทางกันมาทีละคนเพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับการแข่งขันรอบแรกของงานประลองศิลปะการต่อสู้ที่จะจัดขึ้นในวันพรุ่งนี้! โปรดมองดูสิคะ เหล่านักสู้ที่องอาจสามารถมองเห็นได้จนสุดสายตาเลยค่ะ! โม๊ว แน่นจนไม่ขยับเลยค่ะ!」
เสียงนั่นกำลังพูดบางอย่างที่เขาไม่ค่อยเข้าใจนัก แต่ก็เป็นเรื่องจริงที่นักสู้จำนวนนับไม่ถ้วนกำลังมุ่งหน้าไปยังที่พักสำหรับคืนนี้
พวกเขาเพิ่งมาถึงโดยเรือเหาะ สถานที่คัดเลือกไม่ได้จัดขึ้นในเมืองหลวงของอาร์ตัวร์ แต่อยู่บนเกาะลอยฟ้าแนห่างไกล
และการต่อสู้หลักก็จะจัดขึ้นบนเกาะลอยฟ้านั้นด้วย
――「เช่นนั้นแล้ว คิดว่าอยากฟังเรื่องราวของผู้เข้าร่วมบางท่านกันดีกว่…….ว้าว มาแล้วค่ะ! ร่างกายใหญ่โตมาก! ใหญ่มาก ๆ เลยค่ะ!กิกซารัส ลูกครึ่งยักษ์ หรือที่รู้จักกันในชื่อ『กิกนักแยกหัว』 ซึ่งมีร่างกายที่ใหญ่ที่สุดในบรรดาผู้เข้าแข่งขันได้มาถึงแล้ว!หนึ่งในนักล่าค่าเงินรางวัลระดับแนวหน้าของเรดิคอล(radical) ประเทศแห่งการผจญภัย! แน่นอนว่าเป็นหนึ่งในตัวเต็งผู้ชนะ……อุวาาาา เมื่อมองใกล้ยิ่งใหญ่เข้าไปอีกค่ะ…….. !」
เด็กสาวที่สะท้อนอยู่บนแผ่นคริสตัลเวทมนตร์เงยหน้าขึ้นมองนักผจญภัยร่างยักษ์ กิ๊กซารัส ลูกครึ่งยักษ์ที่กำลังคุกคาม…….ไม่สิ เดินตามปกติ คุกคามก็ใกล้เคียงอยู่ อันที่จริงเป็นเรื่องน่าสนใจมากเมื่อเห็นว่าประหลาดใจกันแค่ไหน
และจากนั้น ขณะที่ยังต้องเงยหน้าขึ้นมอง เธอก็เริ่มสัมภาษณ์กิกซารัสซึ่งถ่ายหน้าไม่ถึง
แม้ว่าใบหน้าจะไม่ปรากฏให้เห็นเลยก็ตาม แต่เสียงตอบกลับก็เป็นเสียงของสุภาพบุรุษอย่างน่าประหลาดใจ และมีเพียงร่างกายที่ใหญ่โตและแข็งแรงของเขาเท่านั้นที่มองเห็นได้
――เธอที่ทำหน้าที่เป็นผู้ทำการสัมภาษณ์ เขาได้เป็นบ่อย ๆ ในช่วงนี้ มีเอกลักษณ์สามประการ กระตือรือร้น・ซื่อสัตย์・และบ้า แต่ในทางตรงกันข้าม ก็มีชื่อเสียงในด้านความเห็นอกเห็นใจอย่างมาก ชื่อของเธอคือ คิคิเนีย เป็นนักเรียนรุ่นปัจจุบันของสถาบัน
“ไม่ไม่ ใหญ่มากจริง ๆ”
ความแตกต่างระหว่างคิคิเนียซึ่งดูตัวเล็ก หรือจะบอกว่ายังเป็นเด็กเมื่อดูจากอายุของเธอ กับกิกซารัสซึ่งมองไม่เห็นใบหน้านั้นชัดเจน
――เมื่อมาร์จู・เซโดนีกล่าวด้วยความชื่นชมอย่างจริงใจ และ เลนนี่・บราวน์ ประธานบริษัทบราวน์ก็สูดจมูกและหัวเราะด้วยใบหน้าที่ดูมีเส้นกันบาง ๆ ระหว่างความภาคภูมิใจและความรังเกียจ
“ไม่คิดว่าบริษัทเซโดนีจะพูดแบบนั้น ม้าของเจ้าคือริโนะจริงไหม?”
เลนนี่เป็นหญิงสูงวัยที่อายุไล่เลี่ยกันกับมาร์จู เธอเองก็เป็นแม่ค้าของแท้ที่ขึ้นมาจุดสูงสุดจากก้นเหว ร้านค้าของเธอเติบโตด้วยธุรกิจที่มั่นคง
จนกระทั่งเมื่อไม่นานมานี้ บริษัทบราวน์ได้รับการกล่าวขานว่าเป็นร้านขนาดใหญ่ที่ทัดเทียมกับบริษัทเซโดนี แต่ ――
“ไม่เลยไม่เลย ผมบอกไปหลายครั้งแล้ว แต่ริโนะไม่ใช่เบี้ยของผม”
เขาพูดแบบนั้นไปหลายครั้งแล้ว และเป็นเรื่องจริง ทว่า ――แม้แต่มาร์จูที่พูดความจริงเองก็ยังคิดว่าเป็นเรื่องโกหก ดังนั้นทุกคนในห้องนี้จึงไม่เชื่อคำพูดของเขา
ในห้องส่วนตัวที่ร้านอาหารชั้นสูงแห่งหนึ่ง ใบหน้ามากมายที่มารวมตัวกันเป็นที่รู้จักเฉพาะผู้รู้ในอาร์ตัวร์เท่านั้น
มาร์จู・เซโดนี ประธานบริษัทเซโดนี
ไม่มีใครรู้ว่าเขาไปพบเจอมาจากที่ไหน แต่การที่รายล้อมไปด้วยนักผจญภัยที่มีพรสวรรค์อย่างเหลือเชื่อ เช่น ริโนะ ก็ทำให้เขาสามารถขยายร้านที่มีขนาดใหญ่อยู่แล้วได้เป็นสองเท่า
ไม่เพียงแค่นั้น เขายังสามารถได้กลิ่นงานแข่งขันศิลปะการต่อสู้ระดับอาณาจักรได้ก่อนใคร ๆ และเป็นคนแรกที่สามารถคว้าสัมปทานใหญ่ไว้ได้ก่อนพ่อค้าคนใด
เนื่องจากการตอบสนองครั้งแรกนั้นเร็วเกินไป ผู้คนบางส่วนในสถานที่แห่งนี้จึงอยู่ในสภาพเหมือนถูกทรยศ
ยิ่งไปกว่านั้น สัมปทานวิงค์โร้ดก็ถูกดำเนินการล่วงหน้าเช่นกัน
พ่อค้าหลายคนคิดว่ายังเร็วเกินไปที่จะเข้าสู่ตลาด เนื่องจากยังไม่อาจกล่าวได้ว่าจะยังคงได้รับความนิยมอย่างไม่เปลี่ยนแปลงในแว็ง เดอ ครุช แต่ทว่า ――เมื่อรายการบนเมจิกวิชั่นที่ชื่อ「ความฝันถึงวิงค์โร้ด」ที่ได้ออกอากาศในช่วงฤดูร้อน ก็กลายเป็นที่นิยมอย่างรวดเร็วในอาร์ตัวร์
จำนวนนักลงทุนเพิ่มขึ้นอย่างมากในคราวเดียว เนื่องจากเดิมทีก็มีผู้สนใจจำนวนมากที่ซื้อหรือเช่าเรือเพื่อการแข่งขันส่วนตัว หรือใช้งานในงานอดิเรก
ยิ่งไปกว่านั้น เมื่อรายการได้นำเสนอให้เห็นว่านีล・ลิสตัน―― หรือที่รู้จักกันในชื่อ「เจ้าชายแห่งตระกูลลิสตัน」กำลังเพลิดเพลินกับวิงค์โร้ดเป็นอย่างมาก สายลมก็ยิ่งพัดแรงขึ้นไปอีก
ส่งผลให้ตอนนี้กำลังได้รับความนิยมในอัตราที่น่าตกใจ
และเป็นบริษัทเซโดนีเองที่ขี่คลื่นแห่งความเร็วนั่นอย่างเต็มที่ หลายคนจึงพบว่าสิ่งนี้น่าหงุดหงิด
ใบหน้าโดยรอบโต๊ะที่ค่อนข้างจะอะไรบางอย่างพากันเดาะลิ้นให้กับความสมบูรณ์แบบที่มากเกินไปของบริษัทเซโดนี
เลนนี่・บราวน์จากบริษัทบราวน์
ในช่วงหนึ่งหรือสองปีที่ผ่านมา บริษัทเซโดนีได้เปิดโอกาสในการเป็นผู้นำที่ยิ่งใหญ่ แต่ก่อนหน้านั้นก็เป็นเพียงร้านค้าขนาดใหญ่ที่สามารถแข่งขันกับคู่แข่งได้เท่านั้น
เนื่องจากเธอทำธุรกิจที่เน้นความมั่นคง ตอนนี้จึงยังดำเนินการได้อย่างต่อเนื่องโดยไม่ได้รับผลกระทบจากยอดขายที่เพิ่มขึ้นอย่างน่าขันของบริษัทเซโดนี
ทว่า เธอรู้สึกผิดหวัง
บอกตามตรงว่าเธอผิดหวังมากจนรับไม่ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเสียความเป็นผู้นำในการริเริ่มพัฒนาโครงการที่เกี่ยวข้องกับวิงค์โร้ด
นี่เป็นเรื่องราวที่เลวร้ายสำหรับเลนนี่ที่เตรียมการเข้าสู่ธุรกิจทีละน้อยโดยคาดหวังว่าวิงค์โร้ดซึ่งควรจะได้รับความนิยมอย่างมากในแว็ง เดอ ครุช ในเวลาอีกประมาณสองหรือสามปีข้างหน้า
และความกลัว
หากไม่สามารถหยุดยั้งแรงผลักดันของบริษัทเซโดนีในตอนนี้ได้ เธอคิดว่าจะถูกกินรวบทั้งหมดในอนาคตอันใกล้นี้ คิดว่าตัวเองอาจต้องปิดร้านด้วยซ้ำ
เธอไม่สามารถปล่อยให้ริโนะ ม้าของบริษัทเซโดนีชนะที่นี่ได้
เธอไม่ใจเงินรางวัลห้าร้อยล้านนั่น
ที่สำคัญกว่านั้นคือตอนนี้โลกกำลังจะกลายเป็นสากลมากขึ้น หากความนิยมของบริษัทเซโดนีเป็นที่รู้จักและขยายตัวไปยังประเทศอื่น ๆ มากขึ้น ทุกสิ่งคงจะเลวร้ายยิ่งกว่าสถานการณ์ปัจจุบัน
นั่นคือเหตุผลที่เพื่อที่จะต้องเผชิญหน้ากับนักผจญภัยริโนะที่บริษัทเซโดนีเป็นเจ้าของ เธอจึงได้เรียกนักล่าเงินรางวัลชื่อดัง กิกซารัส ลูกครึ่งยักษ์ หรือที่รู้จักกันในชื่อ「กิกนักแยกหัว」เข้ามาโดยเสนอเงินก้อนโต
เพื่อที่จะชนะงานแข่งขันศิลปะการต่อสู้ระดับอาณาจักรนี้ ภายใต้การสนับสนุนและแบ็คอัพโดยบริษัทบราวน์
――「อะ มาแล้ว!นักผจญภัยหมาป่าเดี่ยวดาย・มนุษย์หมาป่า ซีออน!เขาคือนักผจญภัยระดับแนวหน้าที่มีชื่อเสียง ที่ถูกขนานนาม『ซีออน ความเร็วเสียง』! ขอสัมภาษณ์หน่อยได้ไหมคะ!? หูสุนัขนั่นน่ารักมาก ขอสัมผัสได้ไหมคะ!?」
เธอเป็นเด็กที่ไม่เกรงกลัว กล้าหาญมากจนผู้คนที่เฝ้าดูต่างตกใจ
ซีออนเป็นมนุษย์หมาป่าหนุ่มเจ้าอารมณ์ที่คุยด้วยยาก มีบรรยากาศที่ทำให้ไม่มีใครอยากเข้าใกล้ แต่ก็มีสายตาเฉียบแหลมที่เตรียมพร้อมรับมือเหตุไม่คาดฝัน
แล้วก็เคยมีเด็กคนหนึ่งที่ได้ยินชื่อซีออนผู้โด่งดัจึงมาพบเขา แต่ก็ต้องร้องไห้ทันทีเมื่อเห็นเขาใกล้ ๆ
เขามองทัศนคติที่เด็ดเดี่ยวของผู้สัมภาษณ์นั้นน่าทึ่งมากเมื่อเธอเรียกร้องขอ 「จับหูสุนัขหน่อย」แม้ว่าความอัปยศอดสูที่ถูกเข้าใจผิดว่าเป็นสุนัขจากหมาป่าเป็นเรื่องที่เข้าใจได้ แต่การถูกบอกว่าอยากสัมผัสก็น่าทึ่งมากเช่นกัน
――「อะ เดี่ยวก่อน! คุณหูสุนัขขขข!」
ซีออนดูประหลาดใจอย่างมากอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่จะวิ่งหนีออกไปจากสถานการณ์นั้นด้วยความเร็วสูงจนเหมือนกับหายตัวไปสมกับฉายา「ความเร็วเสียง」
“ซีออนสินะ ――จริงสินะ คุจี่”
ฮาดแวร์แห่งสหภาพช่างตีเหล็กพูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา และคุคุริจิฟ ผู้นำสหภาพนักผจญภัยก็ยิ้มกว้าง
“ในยุคนี้ เขาเป็นนักผจญภัยที่แข็งแกร่งที่สุดที่ข้ารู้จัก ――นา มาร์จูซัง ไม่ว่าริโนะจะยอดแค่ไหน ก็น่าสงสัยจังนะว่าจะเอาชนะซีออนคนนั้นได้ไหม?”
“ไม่ แล้วก็บอกแล้วว่าริโนะไม่ใช่เบี้ยของทางเรา”
ถึงจะรู้ว่าปฏิเสธไปกี่ครั้งก็ไม่มีใครเชื่อ แต่เขาก็ยังอดไม่ได้ที่จะปฏิเสธ
――คุคุริจิฟ・อีฟ เป็นหัวหน้าสหภาพสาขาเมืองหลวง ผู้นำสหภาพนักผจญภัยแห่งอาณาจักรอาร์ตัวร์
เขาเป็นหนึ่งในผู้ที่ชื่นชมยินดีกับการกำเนิดของริโนะ นักผจญภัยที่จู่ ๆ ก็ปรากฏตัวขึ้น และมีชื่อเสียงโด่งดังด้วยความเร็วที่ไม่มีใครสามารถเลียนแบบได้
เขาเป็นชายชราที่อยากให้ริโนะกลายเป็นผู้มีรายได้สูงสุดของสหภาพนักผจญภัยแห่งอาณาจักรอาร์ตัวร์ และเป็นหนึ่งในนักผจญภัยที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในโลกจากก้นบึ้งของหัวใจ
เธอจะกลายเป็นวีรสตรีที่หาตัวจับได้ยาก
เขาต้องการให้เธอฝากชื่อเสียงไว้ให้ชนรุ่นหลังมากกว่าวีรชนคนใด ๆ ที่เคยฝากชื่อเสียงไว้ในประวัติศาสตร์
เขาต้องการเลี้ยงดูวีรชนเช่นนั้น
……และ นั่นคือสิ่งที่เขาได้แต่ฝันถึง
เวลาผ่านไปราวสามสิบปีแล้วที่เขาประสบความสำเร็จอย่างมากในฐานะนักผจญภัย และเปลี่ยนจากฝั่งที่ถูกใช้งานมาเป็นฝ่ายสั่งงาน
ประสบการณ์ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาทำให้เขาลืมไปหมดแล้วทั้งความตื่นเต้น ทั้งความเร้าร้อน แต่――มีสิ่งเดียวที่เขาไม่เคยลืม
การได้เห็นความฝันที่หายไปนานทำให้เหมือนเลือดถูกเผา
นักผจญภัยริโนะ ฝีมือนั่น ความแข็งแกร่งนั้น
ยังไงก็ตาม แม้ว่าริโนะจะมาที่กิลด์นักผจญภัยในช่วงแรก แต่หลังจากนั้นเธอก็ไปที่บริษัทเซโดนีเท่านั้น ไม่ตอบรับแม้แต่คำเรียกตัว เป็นเรื่องจริงที่นักผจญภัยมีอิสระ และสหภาพก็เป็นเพียงสหภาพที่ไม่มีอำนาจบีบบังคับ เงิน การให้กู้ยืม และการกู้ยืม ด้วยความเห็นอกเห็นใจและคุณธรรมก็สนับสนุนซึ่งกันและกัน
แต่ กับริโนะ!
เธอเพิกเฉยต่อสหภาพราวกับว่าไม่จำเป็นต้องสนับสนุนซึ่งกันและกัน และมีชื่อเสียงโด่งดังด้วยตัวเธอเอง!
ในฐานะผู้นำของสหภาพ นักผจญภัยที่มีอนาคตสดใสและมีความสามารถถูกบริษัทเซโดนีลักพาตัวไป
เขาไม่รู้ว่าเธอได้รับการปฎิบัติยังไง แต่ก็น่าหงุดหงิด พูดตามตรง เขาไม่สามารถยอมรับได้ และส่วนที่สำคัญที่สุดคือ เขาไม่สามารถระงับความโกรธได้
นั่นเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมเขาถึงอดไม่ได้ที่จะประชดมาร์จู
และก็ยังโกรธริโนะด้วย
เขาไม่รู้ว่าเธอได้รับการปฏิบัติที่ดีขนาดไหน แต่ก็คิดว่าจะดีกว่านี้ไม่น้อยหากว่าเธอแสดงความเคารพสหภาพนักผจญภัยให้มากกว่านี้อีกหน่อย
เนื่องจากเธอเป็นนักผจญภัย ข้อตกลงของเธอจึงควรมาถึงสหภาพด้วย
เขาถูกบังคับให้ต้องกลายเป็นคนที่ต้องสวมบทบาทเป็นคนที่ต้องตอบคำถามซ้ำแล้วซ้ำเล่าเหมือนคนโง่ว่าทำไม「ริโนะที่อยู่ในสหภาพ แต่เธอกลับไม่เคยมาใช้ประโยชน์เลย」ในฐานะผู้นำของสหภาพ เขาไม่สามารถจัดการนักผจญภัยได้แม้แต่คนเดียว และต้องสวมบทบาทเป็นคนที่ต้องตอบเรื่องที่ไม่สมเหตุสมผล
เป็นเพราะความแค้นใจของเขาที่มีต่อริโนะ เขาจึงใช้ผู้ส่งสารเพื่อร้องและเชิญ 「ซีออน ความเร็วเสียง」เพื่อใช้โจมตีริโนะ
นี่เป็นเรื่องของหน้าตา
และ อาจจะรวมถึงความแค้นส่วนตัวด้วย
――ซีออนต้องชนะ! และเมื่อริโนะหมดหวัง เธอก็จะกลับมาที่กิลด์นักผจญภัย!
คุคุริจิฟปรารถนาเช่นนั้น และความแค้นของเขาถูกเปิดเผยจนหมดสิ้น แต่เลือดของเขาก็ยังคงเผาไหม้เหมือนในตอนนั้น