คุณหนูโลลิคลั่งเนีย・ลิสตัน - ตอนที่ 182
182 ประเทศที่ดูน่าสนุกสนาน อาณาจักรทหารจักรกล มาเวเลีย
ราชาทรงลงโทษอย่างเป็นทางการแล้ว
ด้วยเหตุนี้ แผนการในอนาคตที่คลุมเครือจึงได้รับการตัดสินในที่สุด
พ่อแม่เป็นห่วงฉันมาตลอด แต่ตอนนี้จำเป็นต้องกลับไปที่ดินแดนลิสตันก่อน ――เพราะจากที่ได้ยินมา ดูเหมือนว่าคุณปู่ของฉันได้ตะโกนเรียกให้ผู้คนในดินแดนลิสตันลุกขึ้น และฝูงชนจำนวนก็พร้อมเข้าโจมตีปราสาทหลวง เพื่อเรียกร้องให้ยกเลิกบทลงโทษของฉัน
ฉันจะโดนเรียกตัวกลับมาในไม่กี่ปีข้างหน้า
นี่ไม่ใช่การเนรเทศอย่างถาวร
หลังจากที่ได้ยินความรู้สึกที่แท้จริงของราชา และได้เขียนข้อตกลงเผื่อไว้แล้ว ดูเหมือนว่าก็ทำให้เขาสงบลงเล็กน้อย
” ――ได้โปรดให้เป็นหน้าที่ของดิฉันเองค่ะ ดิฉันก็จะขอติดตามไปด้วยเช่นกันค่ะ”
เป็นที่แน่นอน หรือจะต้องพูดว่าไม่มีที่ว่างให้สงสัยตั้งแต่แรก ริโนกิสแสดงความตั้งใจที่จะติดตามฉันไปด้วย
ก็ไม่น่าแปลกใจเลย พ่อแม่เองก็ตัดสินใจขยายสัญญาจ้างของริโนกิสที่ทำมาจนถึงตอนนี้ออกไปอีก และเธอก็จะไปมาเวเลียกับฉันด้วย
ม๊า ก็จริงที่ไม่ใช่ระยะทางที่จะมาจ่ายกันง่าย ๆ
แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเราจะมาเจอกันไม่ได้ แค่ว่าฉันไม่สามารถเข้าประเทศได้แค่นั้นเอง
ในฤดูใบไม้ผลิหรือฤดูหนาวอาจจะเป็นเรื่องยาก แต่ถ้าเป็นช่วงวันหยุดยาวในช่วงปิดเทอมฤดูร้อน ก็อาจจะหาเวลาพบปะกันได้
การเดินทางจะเริ่มขึ้นหลังจากเริ่มต้นวันหยุดฤดูร้อน
กำหนดการเดินทางจะใช้เวลาประมาณสิบวัน และจากเส้นทางจะต้องผ่านจักวรรดิการบินแว็ง เดอ ครุชก่อน
ทั้งสามประเทศได้แก่ อาร์ตัวร์ แว็ง เดอ ครุช และมาเวเลีย เรียงตัวกันจนเกือบจะเป็นเส้นตรง หากมองจากมุมของอาร์ตัวร์ ประเทศถัดไปก็คือมาเวเลีย
ในงานแข่งขันศิลปะการต่อสู้ระดับอาณาจักรครั้งกอ่น มีแขกจำนวนมากจากประเทศเพื่อนบ้าน แต่แขกจากประเทศเพื่อนบ้านที่อยู่ถัดไปกับมีน้อยอย่างที่คาดไว้ และดูเหมือนจะมีผู้เข้าร่วมไม่มากนัก
ม๊า มาเวเลียก็สมแล้วที่เป็นประเทศที่ค่อนข้างปิด บางทีประกาศงานแข่งขันศิลปะการต่อสู้อาจจะเข้าถึงได้ไม่มากนัก
ด้วยเวลาที่เหลืออยู่น้อยนิดสำหรับชีวิตในรั้วสถาบัน ฉันเริ่มจัดการธุระทีล่ะเรื่อง
ก่อนอื่นเลย มาบอกลากันเถอะ
ก็มีความเป็นไปได้สูงที่ฉันจะกลับมาในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า แต่ชีวิตก็สามารถพลิกจากหน้ามือเป็นหลังมือได้ในแค่หนึ่งนิ้วข้างหน้า
” ――เอ๊ะ โกหก? เป็นเรื่องโกหกใช่ไหม? ……มะ ม๊า ถึงต้องแยกกับเนีย ฉันก็สบายดี……………..ฉันไม่เป็นไรหรอก แต่! ไม่ชอบที่สุดเลย!”
เรเลียเรดร้องไห้
” ――อย่างงั้นหรือค่ะ…….ก็เป็นไปดังที่เราจินตนาการเอาไว้ แต่ก็สมกับเป็นท่านพ่อเลยค่ะ จะไม่ยอมปล่อยคนที่มีความสามารถไป เราแน่ใจจะต้องได้กลับมาในอีกไม่กี่ปีข้างหน้าอย่างแน่นอนค่ะ เป็นเพียงแค่เรื่องของความอดทนจนถึงตอนนั้น! หากท่านพ่อไม่ทำสิ่งใด เราจะเป็นคนเรียกกลับมาเองค่ะ!”
ฮิลเดโทร่าก็พูดแบบเดียวกันนี้กับราชา
” ――กรุณาพาข้าไปด้วยเถอะขอรับ! กรุณาพาข้าไปด้วยเถอะขอรับ! ……..ไม่อ๊าวววว กรุณาอย่าจากไปเลยขอรับ! ข้าไม่อยากให้ชิโชวจากไป! ม๊ายเอาาาาาา อุว๊ากกกกกกกก!!”
แกนดอล์ฟเข้ามาเกาะติดและร้องไห้
“――เอ๊ะ!? คุณหนู จะไปเรียนต่อต่างประเทศเช่นนั้นเหรอคะ!?”
ลินเนตต์ดูมีความสุขเล็กน้อย ฉันเลยทำให้เธอร้องไห้หนักมากด้วยการทำบำเพ็ญตบะเพื่อเป็นการแสดงความขอบคุณต่ออดีต และความหวังสำหรับอนาคต
หลังจากที่ยินเกี่ยวกับการไปเรียนต่อที่ต่างประเทศจากฮิลเดโทร่า สมาชิกของสถานีกึ่งออกอากาศก็ได้จัดงานเลี้ยงอำลาเล็ก ๆ
คิคิเนีย โจเซคอตต์ และชาร์ล เหล่าคนดังรุ่นต่อไป กับทุกคนในทีมถ่ายทำ รวมถึงผู้กำกับแวกนัส ต่างก็ได้รับความนิยมโด่งดังตั้งแต่เกิดเหตุการณ์ครั้งนั้น
นอกจากนี้ ก็ยังมีใบหน้าที่ฉันคุ้นเคยมาเข้าร่วมด้วย เช่น ลิลิมิ ซาโนวิล และกาเซลล์ที่โผล่หน้ามาด้วยเหตุผลบางอย่าง พวกเราใช้เวลากิน ดื่ม ดูภาพสะท้อนเก่า ๆ ร่วมกัน
มีปฏิกิริยาต่างๆ มากมาย แต่ม๊า ส่วนใหญ่ก็เป็นแค่การทักทายทั่วไปไม่มีเหตุการณ์พิเศษใด ๆ
ต่อไปก็ถึงเวลาทักทายผู้คนภายนอกสถานศึกษา
“――ฮะ? ลิลลี่จะไปเรียนต่อต่างประเทศ?”
“――อะ คงไม่ใช่เพราะไอ้เหตุการณ์ราชาตกหลุมในฤดูใบไม้ผลินั่นหรอกใช่ไหม? แล้วดูเหมือนว่าเจ้านายเก่าของข้าเองก็กำลังก่อเรื่องวุ่นวายพยายามที่จะให้ถอนการลงโทษ แต่เขาบอกว่าถึงเขาจะทำดีที่สุดแล้วก็ทำได้แค่ทำให้เบาลงหน่อยเท่านั้น”
ฉันมาพบกับอันเซลกับเฟรซ่าที่บาร์「ศาลาหนูขาวใต้แสงจันทร์」ซึ่งตั้งอยู่ในทำเลที่ไม่ค่อยมีใครรู้จักในย่านพักอาศัยชั้นสูงที่มีบ้านขุนนางหลายหลัง
ร้านแห่งนี้เป็นแห่งที่สองที่อันเซลซื้อมาด้วยเงินรางวัลในฐานะผู้ชนะประเภทอาวุธของงานแข่งขันศิลปะการต่อสู้ระดับอาณาจักร
เป็นร้านที่ค่อนข้างหรูหราขึ้นมา มันไม่มีบรรยากาศอบอุ่นที่อันธพาลในตรอกหลังจะมาคว้าเหรียญด้วยความหลงผิด
ม๊า ฐานลูกค้าดูจะค่อนข้างอันตรายกว่ามาก ฉันสงสัยว่าอาจจะรู้จักกับอันเซลที่มีประวัติเคยเป็นบอดี้การ์ดในโลกใต้ดินสินะ สงสัยว่าอาจจะรู้จักกับเฟรซ่าที่เคยอาศัยอยู่ในวงการนักฆ่าสินะ
เห็นได้ชัดว่านี่คือร้านค้าที่ผู้คนตั้งแต่ระดับกลางไปจนถึงชื่อดังในโลกใต้ดินจะแวะเวียนมา
ตอนนี้ไม่มีปัญหา เพราะเป็นเวลาปิดทำการในเวลาเที่ยงวัน ………ม๊า แม้จะเป็นในเวลาทำการก็ไม่มีปัญหาหรอกมั้ง
“――ระ เรียนต่อต่างประเทศ…….งั้นเหรอครับ…….กะทันหันเหมือนกันนะครับ…….”
จากนั้น ฉันก็แวะที่บริษัทเซโดนีระหว่างทางกลับจากบาร์ เพื่อบอกกับมาร์จู・เซโดนีไว้ด้วย
ตอนนี้ฉันไม่ได้ทำธุรกิจส่วนตัวใด ๆ ตอนแรกก็คิดว่าจะแค่ทิ้งข้อความไว้และจากไป แต่เมื่อพนักงานเห็นหน้าฉันก็รีบรองรับทันที
“――เช่นนั้นต้องเตรียมงานเลี้ยงอำลาแล้ว จะออกเดินทางเมื่อไหร่ครับ? โอยะ ในไม่กี่วัน…….เร็วจังนะครับ …….ไม่ครับไม่ครับ ใครจะสามารถปฏิเสธได้ จะถือเป็นความล้มเหลวของบริษัทเซโดนีเลยหากส่งคุณหนูเนียที่ทำเงินได้มากมายโดยไม่ทำสิ่งใดเลย คงได้กลายเป็นความอัปยศจนถึงรุ่นสุดท้ายแน่นอนครับ จะช่วยกรุณายอมรับสิ่งนี้เพื่อให้รักษาหน้าของทางผมได้ไหมครับ?”
ดูเหมือนว่าจะเป็นเรื่องใหญ่ดังนั้น ฉันอยากจะหลีกเลี่ยงจริง ๆ
ยังไงก็ตาม ดูเหมือนเขาจะไม่มีอารมณ์ที่จะยอมแพ้หลังจากพูดไปไม่กี่คำก็เป็นฉันที่ต้องยอมแพ้เอง
「จ๊า ม๊า เอาตามที่เหมาะสมเลยค่ะ…… 」ฉันพยายามไม่ผูกมัดตัวเอง แล้วออกจากร้านมา
ฉันหวังว่าจะไม่กลายเป็นเรื่องยุ่งยาก
การออกเดินทางคือช่วงเช้า
ฉันวางแผนจะออกเดินทางไปมาเวเลียทันทีที่วันหยุดฤดูร้อนเริ่มต้นขึ้น
พวกเราแวะที่ดินแดนลิสตันหนึ่งคืน แต่หลังจากนั้นก็ใช้เวลาบินประมาณ สิบวัน
เรื่องราวเป็นไปอย่างเร่งด่วน เนื่องจากมาเวเลียเป็นดินแดนที่ค่อนข้างปิด จึงคุยวางแผนกันว่าจะไปถึงที่นั่นให้เร็ว และสร้างรากฐานสำหรับการใช้ชีวิตที่นั่น
สิ่งเดียวที่ราชาทำให้ฉันคือ สมัครเข้าโรงเรียนที่ฉันจะเข้าเรียนที่นั่น
เขาบอกว่าฉันสามารถเลือกได้เองเลยว่าอยากจะอยู่ที่หอพัก หรือหาที่อยู่นอกโรงเรียน เรื่องนั้นฉันเลือกได้เองเลย
ฉันตั้งเป้าที่จะออกเดินทางก่อนเวลาและไปให้ถึงก่อนเวลา โดยคำนึงถึงขั้นตอนที่จำเป็น
“――เอ๊ะ กำลังจะไปเรียนต่อต่างประเทศ? …….อ้า การลงโทษจากเหตุการณ์นั้นสินะ? เนียเป็นคนเดียวที่ถูกลงโทษเหรอ? ไม่ใช่เรื่องที่ควรจะโดนคนเดียวเลยจริงไหม……..”
พี่นีลได้รู้เรื่องนี้จากพ่อแม่ ตอนที่ฉันกลับไปถึงคฤหาสน์ลิสตัน
พี่ชายของฉันซึ่งไม่รู้เรื่องราวเบื้องหลังที่เป็นเหมือนคำร้องขอของราชา เขาจึงโกรธที่ฉันถูกลงโทษเพียงคนเดียว
“――นั่นสิ ม๊า พี่แน่ใจว่าเนียสามารถทำได้ทุกอย่าง แต่ว่าถ้าหากมีปัญหาอะไรได้โปรดรีบเรียกพี่ทันทีนะ ถึงจะไม่รู้ว่าจะมีอะไรที่สามารถทำได้บ้าง แต่พี่ก็จะทำเท่าที่สามารถทำได้ ……..อืม ถ้าชีวิตทางนั้นเข้าที่เข้าทางแล้ว พี่จะไปเจอน้องในช่วงวันหยุดฤดูร้อน”
ฉันสัญญาว่าจะเจอพี่ชายอีกครั้ง
ปีนี้ ฉันกลับไปที่ดินแดนลิสตันพร้อมกับพี่ชาย และพักค้างคืนที่นั่น
ฉันมีกำหนดการจะออกเดินทางไปยังมาเวเลียในตอนเช้า ฉันเห็นใบหน้าคุ้นเคยอยู่ที่ด้านหน้าเรือเหาะขนาดกลางที่ดูไม่คุ้นเคยที่จอดอยู่ที่ท่าเรือบนเกาะลอยฟ้าซึ่งเป็นที่ตั้งของคฤหาสน์ลิสตัน
“ยินดีที่ได้รู้จักครับ คุณหนูเนีย”
เขาคือทอร์ค ลูกชายของมาร์จู ยังไงก็ตาม ก่อนหน้านี้ฉันเคยเจอกับเขาแค่ในฐานะลิลลี่เท่านั้น ดังนั้นยินดีที่ได้รู้จัก
เหตุผลที่เขามาที่นี่ก็เพราะเขานำของขวัญอำลาจากบริษัทเซโดนีมาให้
ที่ด้านหลังของเขาคือ เรือเหาะขนาดกลางที่ไม่เคยเห็น
ดูเหมือนว่าบริษัทเซโดนีจะเสนอที่จะมอบเรือเหาะลำนั้นให้กับฉัน โอ๊ยโอ๊ย ราคาคำอำลาไม่เวอร์เกินไปหน่อยหรือไง ฉันหวังว่าจะเป็นแค่ขนมเค้กสักกล่องเอง
หลังจากนั้น――
“ข้ามาจากมาเวเลียล่ะนะ ดังนั้นจะเป็นคนพาเธอไปที่ประเทศนั้นเอง ระหว่างการเดินทางก็ขอฝากเนื้อฝากตัวด้วยน่ะ”
มีกระทั่งกัปตันโจรสลัดอากาศผู้ร่าเริงซึ่งฉันรู้สึกเหมือนเคยเห็นที่ไหนมาก่อน ยังไงก็ตาม ฉันพบกับเขาแค่ในนามของลิลลี่เท่านั้น ดังนั้นเขาจึงดูเหมือนจะไม่รู้จักฉัน
ฉันบอกว่าฉันไม่สามารถยอมรับของราคาแพงอย่างเรือเหาะได้ แต่พ่อแม่ที่มาส่งก็บอกว่า「ถึงจะช้าไปสักหน่อย แต่ก็ถือว่าเป็นของขวัญฉลองการเข้าเรียนของเนียด้วย」พวกท่านหยิบยกหัวข้อฉลองการเข้าเรียนที่ถูกเลี่อนออกมาด้วย
หรือก็คือ ดูเหมือนว่าของขวัญอำลาครั้งนี้ จะเป็นการอำลาร่วมกันระหว่างพ่อแม่ของฉันกับบริษัทเซโดนี
คงไม่เป็นไรถ้าเป็นแค่บริษัทเซโดนี แต่ถ้าบอกว่าพ่อแม่ก็ร่วมลงทุนด้วย ฉันก็คงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องยอมรับเท่านั้น
เมื่อฉันขึ้นเรือเหาะอย่างไม่เต็มใจแล้ว เรือเหาะที่กลายเป็นของฉันก็เริ่มเคลื่อนตัว
“……กลายเป็นเรื่องลำบากใจนิดหน่อยเน๊”
ฉันพึมพำขณะมองดูพ่อแม่และพี่ชายซึ่งห่างออกไปเรื่อย ๆ จากดาดฟ้าเรือ ริโนกิสตอบกลับสบาย ๆ ว่า「นั่นสินะค๊า」
“ก็อย่างที่คาดไว้ สมกับเป็นบริษัทเซโดนี อันที่จริงก็น่าทึ่งมากเลยนะคะที่คุณหนูสร้างบุญคุณไปได้ไกลมากขนาดนี้เลย”
ถึงพูดแบบนั้นก็ไม่รู้หรอก ต้องทำเงินได้เท่าไหร่ถึงจะเกิดเรื่องแบบนี้ได้ บริษัทเซโดนี พ่อแม่เองใช้เงินไปเท่าไหร่กันนะ
ฉันไม่ต้องการเรือเหาะจริง ๆ …………ม๊า ฉันอาจจะต้องการจากนี้เป็นต้นไป
ม๊า ช่างเถอะ
เลิกสนใจบริษัทเซโดนีไปก่อน ถ้าบอกว่าเป็นเรื่องความรู้สึกของพ่อแม่ การเพิกเฉยต่อความรู้สึกของพวกท่านก็ไม่ใช่เรื่องดี มีแต่ต้องยอมรับ แล้วก็มีความเป็นไปได้ที่จำเป็นต้องใช้ในมาเวเลีย
“นอกจจากนั่น กัปตันคนนั้น จะไม่เป็นไรใช่ไหม?”
“นั่นสินะคะ เขาเป็นอดีตโจรสลัดอากาศ แต่ไม่ว่าจะมองยังไงเขาก็ทำงานอย่างจริงจังดีนะคะ”
ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็สามารถใช้ความรุนแรงในการรับมือได้ ยังไงก็ตาม พอรู้ภูมิหลังของกัปตันอยู่แล้วก็มีบางอย่างที่อธิบายไม่ได้
ม๊า พวกเราต้องอยู่บนเรือลำเดียวกันไปประมาณสิบวัน บางทีพวกเราอาจจะได้คุยกันนิดหน่อยก็ได้
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเขามาจากมาเวเลีย จึงคุ้มค่าที่จะฟังอย่างแน่นอน
จำนวนวันแท้จริงที่ใช้คือแปดวัน
เรือเหาะของฉัน ดูเหมือนจะเป็นเรือรุ่นที่ค่อนข้างดีที่สร้างโดยจักรวรรดิการบินแว็ง เดอ ครุช
ถึงจะไม่ใช่เรืองความเร็วสูงรูปทรงปลา แต่ก็มีความเร็ว ประหยัดเชื้อเพลิง มีทั้งความสมดุลและความมั่นคง เรียกได้ว่าเป็นรุ่นใหม่ล่าสุดในเรื่องนี้เลยก็ว่าได้
ม๊า ถึงภายนอกจะเป็นโลหะเปลือย แค่นั่นแหละ
ฉันหวังว่าจะทำให้ดูเรโทรได้เหมือนเรือของพี่ชาย คงจะรู้สึกแปลกที่เห็นก้อนโลหะบินได้
――ไม่มีปัญหาร้ายแรงอะไรเกิดขึ้นระหว่างการเดินทางทางอากาศ หลังจากผ่านการเดินทางที่รู้สึกเหมือนทั้งยาวทั้งสั้น พวกเราก็มาถึงดินแดนแห่งใหม่ อาณาจักรทหารจักรกล มาเวเลีย
“――ฮึม คุณหนูของดินแดนบ้าสันติภาพอาร์ตัวร์เรอะ เรียนต่อต่างประเทศ? ห๊ะ เด็กจากประเทศระดับต่ำพรรค์นั่นจะสามารถตามการบ้านของมาเวเลียได้ทันยังงั้นเรอะ?”
เมื่อพวกเรามาถึงที่ท่าเรือ และแสดงเอกสารการเข้าเมืองกับเทียบท่าให้กับผู้ชายที่เป็นสารวัตรทหารซึ่งกำลังรออยู่ที่ใต้ทางลาด เขาก็พูดแบบนั้นด้วยสีหน้าเย้ยหยัน
โห๊ว
โห๊วโห๊ว
เห๊
ดีเลยไม่ใช่เหรอ ดีสุดยอดเลยไม่ใช่เหรอ
“――เน๊ ริโนกิส”
“――อยากฆ่าสินะคะ? ฆ่าได้เลยสินะคะ?”
อ้า ตอนนี้ยังไม่ได้หรอกน๊า
ถ้าพูดอะไรไม่ดีต่อไป ฉันรู้สึกเหมือนฉันอาจจะฆ่าเขาโดยไม่ได้ตั้งใจ
จริง ๆ เลย
อาณาจักรทหารจักรกลมาเวเลียสินะ
ฉันคิดว่าชีวิตในประเทศนี้จะสนุกมากกว่าที่ฉันคาดไว้