คุณหนูโลลิคลั่งเนีย・ลิสตัน - ตอนที่ 244 หมีชราแห่งมาเวเลีย
244 ชายชราแห่งมาเวเลีย
“――โอ้? มาแล้วรึ?”
ทันทีที่ราชาเห็นหน้าของฉัน เขาก็พูดคำนั้นด้วยสีหน้าตกตะลึง
คุโซ……ฉันควรจะโกรธนิดหน่อย แต่สิ่งแรกที่ฉันได้ยินจากเขาเมื่อพวกเราได้พบหน้ากัน มันทำให้อารมณ์ของฉันเปลี่ยนไป เขายังคงเป็นชายที่ผ่อนคลาย
ครั้งนี้ พวกเรามุ่งหน้าตรงมายังห้องทำงานของราชาโดยไม่มีการแจ้งล่วงหน้าใด ๆ โดยใช้เพียงใบหน้าของซิลเลนเท่านั้น
ราชาซึ่งกำลังทำงานเอกสารอยู่ในห้องทำงานส่วนพระองค์อยู่นั้น ได้อนุญาตให้าซิลเลนเข้าไปหาได้อย่างง่ายดายหลังจากที่เคาะประตู และเมื่อเขาเห็นฉันตามเข้าไปด้วย ก็พูดแบบนั้นออกมา
「มาแล้วรึ?」เหรอ
เขาพูดด้วยสีหน้าเป็นกังวล
เขามีทัศนคติที่ผ่อนคลายเช่นนั้นจริงหรือ หรือเป็นเทคนิคทางการทูต……ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเขาเป็นคนแก่ที่เอาชนะได้ยาก แต่บางทีเขาอาจจะตรงข้ามกับฉันมากเกินไป หรือเข้ากันได้ดีกับฉันมากเกินไป
หลังจากวางปากกาลงแล้ว ราชาก็เอนหลังพิงเก้าอี้ วันนี้เองเขาก็ลูบเคราอันงดงามของเขา
“บางทีเจ้าคงอยากมาเอาเงินหนึ่งหมื่นล้านที่เหลือสิน้อ? ตอนนี้ข้ามีส่วนตัวเพียงแค่ประมาณสามแสนเพียงเท่านั้น แต่ก็ต้องพกติดตัวไว้บ้างน้อ?”
…………
ตอนนั้นฉันมาที่นี่ด้วยท่าทีพร้อมต่อสู้จึงเกิดเรื่องขึ้นมากมาย แต่คน ๆ นี้ก็ยืนหยัด ทว่าคงจะทำให้เขาเหนื่อยไม่ใช่น้อยน๊า
“เงินนั้นก็แค่การขูดเลือดขูดเนื้อล่ะเพคะ หม่อมฉันคิดว่าเราน่าจะตัดสินใจลืม ๆ กันไป และถ้าเราอยากจะเคลียร์เรื่องต่าง ๆ ให้ถูกต้อง เราก็สามารถเติมคำลงในช่องว่างได้”
“อา ก็คงเช่นนั้น วิธีการเรียกร้องเงินของเจ้าเช่นนั้น ก็เป็นดังเรื่องตลกของเด็กเลยน้อ”
ขณะที่พูดเรื่องนี้กับเด็ก เขาก็ลุกขึ้นจากเก้าอี้
“ความจริงที่ว่าเจ้ามาที่นี่อีกครั้ง นั้นย่อมหมายถึงมีปัญหาบางอย่างอีกแล้วสิน้อ? อ้าใช่ใช่ นอกจากซิลแล้ว ดูเหมือนเจ้าจะช่วยดูแลลิวิซิลกับแคนเป็นอย่างดีด้วยเช่นกัน ข้าขออนุญาตขอบคุณเจ้าในฐานะผู้เป็นพ่อด้วย”
“ไม่ ทางนี้เองก็……ไม่เลยเพคะ”
ไม่ไหว เรื่องมันกำลังก้าวไปอย่างเต็มฝีเท้า ตั้งแต่วินาทีที่เราพบกัน จังหวะก็เร็วเกินไป
“――ท่านพ่อ อธิบดีกรมการทหารเอ็นเดเวอร์ได้ทำเรื่องที่ไม่อาจให้อภัยได้ลงไปค่ะ”
เมื่อฉันสับสนว่าต้องทำยังไงดี ซิลเลนซึ่งนั่งอยู่ข้าง ๆ ฉันก็ประกาศชัดเจนว่าต้องการอะไร
ฉันบอกเธอเกี่ยวกับสถานการณ์ก่อนมาที่นี่แล้ว ดังนั้นเธอก็ค่อนข้างโกรธเหมือนกัน ดีเลย ฉันจะบอกรายละเอียดเพิ่มเติมเอง
“อ้า……อืม นั่งลงก่อนเถอะน้อ”
และราชาก็พูดเสนอเก้าอี้ให้ขณะลูบเคราไปด้วย แล้วพวกเราก็นั่งบนโต๊ะตัวเดียวกัน
“――ขอโทษด้วย เนีย・ลิสตัน ต้องทำให้เจ้าเดือดร้อนอีกแล้ว”
สิ่งแรกที่หลุดออกมาคือคำนั้น
“รู้อยู่แล้วเหรอเพคะ?”
“ข้าเองไม่ได้รู้รายละเอียดมากนักหรอก แต่ไม่ต้องสงสัยเลยว่าอธิบดีกรมการทหารทำอะไรบางอย่างที่ทำให้เจ้าขุ่นเคืองใจ แล้วไม่เพียงแค่เจ้าเท่านั้น ก็ยังทำให้ซิลโกรธด้วยเช่นกันน้อ”
แม้ว่าเขาจะมีน้ำเสียงสบาย ๆ แต่สิ่งที่เขาพูดก็อาจจะเฉียบคมมาก
“……เช่นนั้น เกิดอะไรขึ้นหรือ?”
ฉันรู้สึกเหมือนว่าในที่สุดก็มาถึงจุดต้องการแล้ว
“จริง ๆ แล้ว――”
ตอนที่ฉันกำลังจะพูดถึงสิ่งที่เกิดขึ้น
“――ขออนุญาตพะยะค่ะ!”
ในช่วงเวลาที่สมบูรณ์แบบและลำบากที่สุด ก็มีแขกมาเยือน
เขาเปิดประตูเข้ามาโดยไม่เคาะ ชายชรา……ไม่สิ ยังดูเด็กนิดหน่อยที่จะเรียกแบบนั้น เขาเป็นชายอ้วนแน่นในชุดทหารหรู
“――โอ้ อธิบดีสินะ เรากำลังพูดถึงเรื่องของเจ้าอยู่เลยน้อ”
แม้เขาจะเข้ามาอย่างหยาบคาย แต่ราชาก็ตอบรับอย่างผ่อนคลาย
……ฟุอืม
เจ้าหมอนี้
เจ้าหมอนี้คือคนที่เคยทะเลาะกับฉัน และครั้งนี้ก็ขโมยม้าจักรกลของฉันไป เจ้านี้สินะอธิบดีกรมการทหารเอ็นเดเวอร์
“ฝ่าบาท ไม่จำเป็นต้องไปฟังเสียงชาวต่างชาติหรอกพะยะค่ะ”
อธิบดีกรมการทหารมองลงมาที่ฉันด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความเกลียดชังอย่างรุนแรง
“มันเป็นเรื่องธรรมดาที่สิ่งต่าง ๆ ที่เกิดในมาเวเลียโดยใช้เทคโนโลยีของมาเวเลียจะต้องเป็นของมาเวเลีย
หากพระองค์ทรงได้ทอดพระเนตรพิมพ์เขียวเหล่านั้น จะเห็นการยักยอกใช้งานเทคโนโลยีทหารจักรกลอย่างชัดเจน
ไม่มีทางที่เราจะขายของเช่นนี้ให้กับต่างชาติได้ นี่คือการตัดสินใจของกระหม่อมในฐานะผู้รับผิดชอบกิจการทั้งหมดของกองทัพ และกระหม่อมมั่นใจว่าไม่มีทางที่กระหม่อมจะตัดสินใจพลาด”
……อ้า เข้าใจล่ะ เขาจงใจใช้ประโยชน์จากช่องว่างทางธุรกิจสินะ
“อธิบดีกรมการทหาร คุณเกี่ยวข้องกับการสั่งให้คนไปทำร้ายคนของโรงงานเพื่อแย่งชิงสัญญาไปถูกต้องหรือไม่?”
เมื่อซิลเลนจี้เข้าตรงประเด็น อธิบดีกรมการทหารตอบแค่「ไม่รู้」
“แน่นอนว่าข้าควรออกคำสั่งให้พวกเขา『เก็บทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนามา』แต่ก็ไม่ได้สั่งให้ทำ ถ้ามีข้อผิดพลาดจริงข้าจะลงโทษเอง”
…………
อ้า นี่เป็นประเภทที่รับมือลำบากนิดหน่อย เขารู้จักวิธีใช้อำนาจ และเอาตัวรอดสินะ
คนเช่นนี้ไม่ว่าจะจนมุมเพียงใด เขาก็พร้อมใช้คนอื่นเป็นแพะรับบาปทันที
“คุณขโมยสัญญาของฉัน และทำลายมันไปแล้วใช่ไหม?”
“เจ้ามีหลักฐานอะไร? ไหนสัญญา? ไหนหลักฐานที่บ่งบอกว่าเจ้าเคยมีส่วนเกี่ยวข้องกับการทำงานของโรงงานนั้น?”
“เราเป็นพยาน”
ซิลเลนขึ้นเสียงทันที แต่สีหน้าของอธิบดีกรมการทหารก็ไม่เปลี่ยนแปลง
“ซิลซามะกลายเป็นผู้หญิงของชาวต่างชาติไปแล้ว กล่าวอีกนัยคือก็เหมือนเป็นญาติ คำให้การของญาติไม่น่าเชื่อถือ”
“คุณกล้าพูดคำนั้นต่อหน้า เจ้าชายลำดับที่หนึ่ง ลิวิซิล・ซิลค์・มาเวเลียหรือไม่?”
“ไม่มีประโยชน์ที่จะโต้แย้งด้วยการเอ่ยอ้างชื่อของผู้ที่ไม่ได้อยู่ที่นี่”
……อืม
เขารู้ดีกว่าซิลเลนหนึ่งก้าว ฉันรู้สึกแบบนั้น แต่เหนือสิ่งอื่นใด――
จริงๆ แล้ว เมื่อการที่เขามาหาฉันด้วยตรรกะแบบนั้น มันจะป่วยการที่จะพูดคุยด้วยแล้ว
ฉันชักอยากจะแก้ปัญหานี้ที่นี่ด้วยการชกเพียงครั้งเดียวซะแล้วสิ……
……ทว่า การที่เขากล้ามายืนหยัดต่อหน้าที่จุดนี้ได้ แปลว่าต้องคิดเอาไว้แล้วว่าฉันจะเข้ามายังปราสาท นั่นหมายความว่าเขาต้องเตรียมตัวพร้อมแล้วในกรณีที่มีอะไรเกิดขึ้น
ถ้าทำอะไรพลาดไป คฤหาสน์อาจตกอยู่ในอันตราย
นั่นคือ อาจกำลังมีปืนใหญ่เล็งตรงไปที่นั้นอยู่ในขณะนี้
แถมตาแก่นี้อาจจะทำอะไรบางอย่างเช่น การตัดหางปล่อยวัด 「พวกลูกน้องทำลงไปเองโดยไม่ได้รับอนุญาตจากข้า」
การฆ่าเขาที่นี่และตอนนี้เป็นเรื่องง่ายดาย แต่ก็อาจมีบางอย่างที่ต้องสูญเสียไป มันจะดีกว่าถ้าเคลื่อนไหวอย่างระมัดระวังที่นี่
“……”
ซ้า แล้วจะทำยังไงดี ฉันอาจจะเผลอฆ่าเขาเมื่อไหร่ก็ได้――ขณะที่กำลังคิดแบบนั้นอยู่ ราชาที่มีท่าทีผ่อนคลายก็เริ่มเอ่ยปาก
“อธิบดีกรมการทหาร พูดง่าย ๆ ว่าเจ้าได้ลงมือทำร้ายเนีย・ลิสตันลงไปก่อน ถูกต้องหรือไม่?”
“แต่ฝ่าบาท――”
“ไม่จำเป็นต้องต้องแก้ตัวกับข้า ข้าได้ยินมามากพอแล้ว โปรดตอบคำถามของข้าเพียงแค่『ใช่』หรือ『ไม่』เพียงเท่านั้น”
เขาดูเป็นคนสบาย ๆ และคำพูดก็ไม่เฉียบแหลม แต่กลับมีน้ำหนักแปลก ๆ
เมื่อไม่อาจหลีกเลี่ยงคำถามที่กดดันไปได้ อธิบดีกรมการทหารก็ตอบว่า「ใช่พะยะค่ะ ถูกต้องแล้ว」
“เข้าใจล่ะน้อ
「なるほどなぁ。สิ่งต่าง ๆ ที่สร้างขึ้นด้วยเทคโนโลยีของมาเวเลียก็ต้องเป็นของมาเวเลียสินะ……ข้าคิดว่าพอจะเริ่มเข้าใจเรื่องราวแล้ว”
เข้าใจล่ะเข้าใจแล้วน้อ ราชาพึมพำพยักหน้าแล้วลูบเคราต่อ
หลังจากใคร่ครวญอยู่นาน ราชาก็ได้สบตากับฉัน
“เจ้าต้องการอะไรหรือ?”
“แน่นอนว่าหม่อมฉันต้องการทุกอย่างคืนเพคะ”
“ก็ต้องเป็นเช่นนั้นน้อ แล้วอธิบดีล่ะ?”
“ไม่มีทางพะยะค่ะ เนื่องจากมันเป็นทรัพย์สินของมาเวเลีย มาเวเลียจึงมีสิทธิ์จัดเก็บ นั้นคือทั้งหมดจากกระหม่อม”
หืม? จะไม่ยอมขายสินะ?
“อะไรเช่นนั้น ข้าได้ยินมาว่าเนีย・ลิสตันจ่ายเงินมากมายเพื่อพัฒนาสิ่งนั้นขึ้นมา・เช่นนั้นแล้วนี่นับว่าเท่ากับเป็นการขโมยสิ่งประดิษฐ์ของพวกเขาหรือ? แล้วเจ้าแค่ขโมย แต่มิทำสิ่งใดต่อยอดอย่างงั้นหรือ? จะมิขายทำกำไรหรือ?”
“ไม่แน่นอนพะยะค่ะ มันมีการใช้เทคโนโลยีของมาเวเลียมากมายในเรื่องนั้น ดังนั้นไม่มีทางที่จะยอมให้ขายได้ นอกจากนี้ยังมีเทคโนโลยีลับสุดยอดที่ใช้ในทหารจักรกลอีกด้วย นั่นไม่ใช่สิ่งที่จะเปิดเผยออกไปได้พะยะค่ะ”
“งั้นเหรอ เจ้าจะไม่ขายสิน้อ”
งั้นเหรองั้นเหรอ ราชาพยักหน้า
แล้วก็เริ่มคิดอีกครั้ง
รู้สึกเหมือนเวลาผ่านไปนานมากแล้ว ทั้ที่อาจจะไม่ได้นานขนาดนั้นด้วยซ้ำ
ราชาที่นิ่งเงียบจนทำให้ฉันเริ่มเสียสติเต็มที ในที่สุดก็เปิดปาก
“――อธิบดี พอแค่นี้จะดีหรือไม่?”
……?
ฉันกับซิลเลนไม่เข้าใจความหมายที่แท้จริงของคำพูดนั้น……แต่ปฏิกิริยาของอธิบดีกรมการทหารนั้นรุนแรงมาก
“ฝะ ฝ่าบาททรงตรัสอะไรกัน! ความสงบสุขของมาเวเลียถูกรักษาไว้ได้ด้วยทหารจักรกลเพียงเท่านั้น! หากเทคโนโลยีทหารจักรกลรั่วไหลไปยังประเทศอื่น ๆ ก็ย่อมมีความเป็นไปได้ว่าประเทศเหล่านั้นจะสามารถสร้างทหารจักรกลของตัวเองได้สำเร็จ! ไม่สิ ในทางกลับกันจุดอ่อนของทหารจักรกลก็อาจถูกเปิดเผยเนื่องจากเทคโนโลยีที่รั่วไหล!”
“แต่อธิบดีเอ่ย คนรุ่นใหม่เริ่มมองหาหนทางที่จะแข็งแกร่งขึ้นนอกเหนือจากทหารจักรกลกันแล้วน้อ หากยังคงยึดติดกับทหารจักรกล……มาเวเลียจะไม่สามารถก้าวไปข้างหน้าได้หากยังคงยึดติดกับระบบเก่าเช่นนี้ “
“แต่ก็ต้องขอบคุณระบบเก่า และทหารจักรกลมิใช่หรือพะยะค่ะ ที่ทำให้เราสามารถคงสันติสุขมาได้ยาวนาน และสามารถคุ้มครองผู้คนมากมายมหาศาลได้ขนาดนี้ ! พระองค์จะแน่ใจได้เยี่ยงไรว่าเส้นทางที่กำลังมุ่งหน้าไปไม่ใชหลุมอันมืดมิด! ไม่พอใจกับการรักษาสันติสุขในปัจจุบันงั้นหรือพะยะค่ะ!”
“ต่างไปน้อ”
ราชากล่าวถ้อยคำด้วยท่าทีสงบ แต่เฉียบคมเหมือนใบมีดที่พร้อมตัดให้ขาด
“เมื่อครั้งยังเยาว์ ข้าเองก็คิดถึงการกำจัดแมลง และทำให้มาเวเลียเป็นประเทศที่ดีขึ้ ข้ากับเจ้าก็เคยแลกกันดื่มและพูดคุยเกี่ยวกับความฝันเหล่านั้นไม่ใช่รึ ข้ายังไม่เคยลืมแม้เพียงวันเดียว
ทว่า ความฝันเหล่านั้นก็พังทลายลงด้วยความจริงอันโหดร้าย จนข้ายอมแพ้ยอมประนีประนอมเพื่อสันติสุขอันมั่นคง
ข้าเห็นด้วยกับความคิดของอธิบดี ข้า เจ้า และเหล่าผู้อาวุโสได้ร่วมกันสร้างมาเวเลียอันมั่นคงและสงบสุขขึ้นมา
――ทว่า มันมีอะไรดีขึ้นมาบ้างงั้นหรือ? ถึงเวลาที่เหล่าผู้สูงวัยที่เหลือเวลาชีวิตอยู่เพียงน้อยนิดต้องเตรียมพื้นที่ให้คนรุ่นใหม่แล้วไม่ใช่หรือไงกัน?”
…………
ว่าไงดี ฉันอยากให้เขาพูดเรื่องยิ่งใหญ่แบบนั้นโดยไม่ยุ่งเกี่ยวกับฉัน
เพราะไม่ว่ายังไงก็ตาม รีบคืนม้าจักรกลที่เป็นของฉันมาได้แล้ว
ーーーーーーーーーーーーーーーーーーーーーーーーーー
คนแปลขออนุญาตเปิดโดเนทหน่อยนะงับ
{ไทยพาณิชย์} {880-222211-5} {เสฏฐวุฒิ}
ขอบคุณ คุณนิรนาม กสิกรไทย X-3086 มาก ๆ ครับ
ขอบพระคุณทุกท่านที่สนับสนุนเป็นกำลังใจเข้ามาด้วยนะครับ
ขอบคุณงับ