คุณหนูโลลิคลั่งเนีย・ลิสตัน - ตอนที่ 293 ปฏิบัติการแทรกซึมหมู่เกาะหมีอากาศ หมีที่แท้จริง
- Home
- คุณหนูโลลิคลั่งเนีย・ลิสตัน
- ตอนที่ 293 ปฏิบัติการแทรกซึมหมู่เกาะหมีอากาศ หมีที่แท้จริง
293 ปฏิบัติการแทรกซึมหมู่เกาะโจรสลัดอากาศ รูปร่างที่แท้จริง 5
「――ดิฉันไม่คิดเลยนะคะว่าท่านจะมาด้วยตนเอง ลอร์ดกวิน」
ไม่มีทาง
เพราะรู้อยู่แล้วต่างหาก ถึงได้ตอบรับคำขอทันที นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมถึงได้เข้าพบได้เร็วขนาดนี้。
――นี่เป็นช่วงเวลาบ่ายหลังจากคืนแรก นับตั้งแต่ที่เนีย・ลิสตัน และอดีตกัปตันโจรสลัดอากาศ ริกเนอร์จากไป
สิ่งแรกที่ทำในตอนเช้าคือ การติดต่อกับเจ้าหญิงลำดับที่สาม ฮิลเดโทร่า ซึ่งเข้าเรียนที่ชั้นมัธยมต้นของสถานันการศึกษาอาร์ตัวร์ผ่านทางบริษัทเซโดนี เพื่อขอให้เธอส่งจดหมายให้
ผลลัพธ์คือ เขาได้นั่งร่วมโต๊ะเจรจากับเจ้าหญิงลำดับที่สอง อาเชียเซม ในช่วงบ่าย
สถานที่คือ ห้องส่วนตัวที่「คุโรยูริ โนะ คาโอริ」ร้านอาหารที่ดูค่อนข้างหรูหรา นี่เป็นโต๊ะที่อันเซล เจ้าของบาร์ที่พบกันเมื่อวานจัดหาไว้ให้
อาเชียเซม เด็กหญิงผู้มีตาสีเขียวที่มีจุดสีแดง แต่งตัวสบาย ๆ ดูไม่โดดเด่นราวกับสาวชาวบ้านทั่วไป มีเพียงสาวใช้เพียงคนเดียวที่มากับเธอซึ่งทำหน้าที่เป็นผู้คุ้มกันไปด้วยเท่านั้นที่ดูเหมือนสาวในเมือง
แม้ว่าจะดูเป็นไปไม่ได้เลยที่สมาชิกในราชวงศ์จะสวมเสื้อผ้าแบบนี้ และมีผู้คุ้มกันเพียงไม่กี่คน――ทว่าก็อาจกล่าวได้ว่าเป็นแบบฉบับของอาร์ตัวร์ที่หมกมุ่นอยู่กับความสงบ
ตอนนี้มีเพียงสี่คนที่โต๊ะเจรจา ได้แก่ กวิน ลินตัน・ออรอน กับ เว่ยป้า・เซิน และอาเชียเซม ส่วนสาวใช้ของเธอรออยู่ที่กำแพง
「พลอากาศเอก ลอร์ดคาคานะไม่ได้มาด้วยกันกับท่านงั้นเหรอคะ?」
「อ้า ใช่ มันจะเป็นการไม่ดีหากพวกเราคนใดคนหนึ่งไม่อยู่ประจำการที่ประเทศ ครั้งนี้จึงเป็นข้าที่ออกหน้าออกมา」
อาเชียเซมซึ่งยังเป็นวัยรุ่น ยิ้มอย่างชั่วร้ายเหมือนผู้ใหญ่……เหมือนกับขุนนางเจ้าเล่ห์ที่หาทางเพิ่มความร่ำรวยในกระเป๋าของตนเอง
「――ดิฉันไม่ได้คาดหวังว่าท่านจะเป็นผู้ลงมือเองโดยตรงเช่นนี้เลยนะคะ นี่คงเป็นการแสดงออกถึงความปรารถนาที่ต้องการจะได้รับหมู่เกาะโจรสลัดอากาศเสียกระมั้ง? ผู้หลักแหลมไร้ประโยชน์ ลอร์ดกวินผู้โด่งดัง?」
「――งั้นมาพูดอะไรกันก่อนที่จะเริ่มกันดีไหม? ข้าและอู่ไห่ตงวางแผนที่จะตำหนิอาร์ตัวร์สำหรับการตัดสินใจโดยพลการ แต่การหยุดก็มีแต่จะสร้างความเสียหายให้กับพวกเราเพียงเท่านั้น ดังนั้นเราจึงตัดสินใจที่จะร่วมมือในระดับหนึ่ง นั่นคือความตั้งใจ」
อาเชียเซมมีรอยยิ้มดำมืดบนหน้า
ในทางกลับกัน กวินยังคงแสดงสีหน้าสงบ
พวกเขาทั้งสองคนกำลังยิ้มและกวัดแกว่งดาบอยู่ใกล้พอที่จะรู้จักหน้าของกันและกันได้――แต่ สิ่งนี้ก็ช่วยให้เข้าใจกันในระดับหนึ่ง
ปฏิกิริยาของกวินต่อการเสียดสีของอาเชียเซม โดยสรุปคือ 「ถ้ามันล้มเหลวก็เป็นเพราะอาร์ตัวร์ที่เป็นผู้เริ่ม หากประสบความสำเร็จก็จะเป็นความสำเร็จของทุกคน」
นั่นคือสิ่งที่หมายถึง
ทุกอย่างเริ่มต้นจากเนีย・ลิสตัน
ทว่า ใครคือคนที่ทำให้เธอเคลื่อนไหวกันล่ะ
เขาก็คือ ฮิเอโร่ เจ้าชายลำดับที่สองแห่งอาร์ตัวร์
เท่าที่เขาได้ยินจากริโนกิสเกี่ยวกับสถานการณ์ในขณะนั้น มีส่วนที่พูดถึงหมู่เกาะโจรสลัดอากาศที่ฮิเอโร่ต้องเข้าใจเป็นอย่างดีว่าจะทำให้เนีย・ลิสตันเคลื่อนไหวได้อย่างแน่นอน
หรือก็คือ เมื่อพิจารณาจากสิ่งที่เขาพูดในขณะนั้นก็ไม่มีข้อสงสัยใด ๆ เกี่ยวกับเรื่องนี้
นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไม กลยุทธ์นี้จึงเริ่มต้นโดยอาร์ตัวร์
อย่างดีที่สุด จะถูกขอให้ยืนอยู่ด้านหน้าเพื่อเป็นหนังหน้าไฟ――แต่ เมื่อสิ่งต่าง ๆ สำเร็จผลสำเร็จก็จะท่วมท้นเช่นกัน นี่เป็นวิธีสกปรกของผู้ใหญ่
แต่หากว่าล้มเหลว ก็จะโทษไปที่อาร์ตัวร์ทั้งหมด
เขาพูดโดยไม่ได้พยายามซ่อนมันด้วยซ้ำ――ไม่ว่าใครก็รู้สึกได้ถึงความปรารถนาของกวินที่มาร่วมโต๊ะเจรจาในครั้งนี้
จะต้องส่งต่อคำขอของทางนี้แน่นอน
ไม่มีความตั้งใจที่จะถอยหลังแม้แต่ก้าวเดียว
และเพื่อให้ประสบผลสำเร็จสูงสูดก็จำเป็นต้องให้ความร่วมมือให้มากที่สุด นั่นคือสิ่งที่เขาหมายถึง
「――ก็ได้สิคะ หากท่านเข้าร่วมด้วย โอกาสที่จะแผนการจะประสบความสำเร็จก็จะสูงขึ้นมาก ดิฉันจะให้ความร่วมมือมากที่สุดเท่าที่จะมากได้ นอกจากนี้ ก็ไม่รังเกียจวิธีการพูดที่เป็นกันเองเช่นนี้ด้วย ดิฉันเองก็รู้สึกว่าแบบนี้ก็ง่ายดีสำหรับทางนี้ด้วย」
「――แย่จริงเน๊ะ ข้าเองก็สบายใจกับแบบนี้เหมือนกัน」
การเจรจาจึงเริ่มต้นขึ้น
「――เรื่องจะชักน่าสนใจขึ้นเรื่อย ๆ แล้วเน๊ะ ลูนาริน่า」
ทันทีที่ขึ้นรถม้าที่รออยู่หลังจากการเจรจาสั้นๆ แต่เข้มข้น อาเชียเซมก็พูดขึ้น
「หม่อมฉันกล่าวได้เพียงอย่างเดียวว่ากลัวมากเพคะ ไม่คาดคิดเลยว่าพวกเขาจะกล้าขอลักพาตัวนักบุญเช่นนั้น」
ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา อิทธิพลของศาสนจักร และความยิ่งใหญ่ของอาณาจักรศักดิ์สิทธิ์อัสตาเนีย ซึ่งอาจกล่าวได้ว่าเป็นดังองค์กรแม่ได้ลดน้อยลงอย่างมาก
มันคือกระแสของยุคสมัยนั่นเอง
ในอดีต ศาสนจักรจะค่อยส่งนักบุญออกไป โดยมีเป้าหมายเพื่อขจัดโรคระบาด และเสริมสร้างสุขภาพ แลกกับการเรียกร้องค่าตอบแทนที่สูงลิ่ว แต่ทว่าเมื่อยุคสมัยเปลี่ยนไป ปัจจุบันแทบจะกลายเป็นประเทศปกติธรรมดาแล้ว
ตามที่คาดไว้ แม้จะมีองค์ประกอบทางศาสนาที่เข้มแข็ง แต่ก็มีชาวบ้านจำนวนไม่น้อยที่ไม่เชื่อในเทพีอะคิโรโรนาติส
อาเชียเซมเองก็ไม่เชื่อเรื่องพระเจ้าจริง ๆ เช่นกัน เธอเชื่อว่านักบุญเป็นจอมเวทย์ที่มีทักษะและฝึกฝนเวทมนตร์ศักดิ์สิทธิ์มาตลอด เธอเชื่อด้วยว่าศรัทธาไม่ส่งผลต่อพลังนั้น
ยังไงก็ตาม ดูเหมือนว่าการที่ยังมีคนที่มีความคิดเช่นนั้นก็ไม่ใช่เรื่องแปลก
ก่อนอื่นเลย ในอดีตจะเป็นยังไงไม่รู้ แต่ปัจจุบันนี้ไม่ใช่ทุกประเทศจะหมกมุ่นอยู่กับศาสนา
――ทว่าเฉพาะเรื่องนั้น ท้ายที่สุดแล้วการมีอยู่ของตัวตนที่เรียกว่า นักบุญ ก็ยังคงเป็นสิ่งที่พิเศษอยู่
แบรนด์นักบุญที่สร้างมายาวนานหลายปี เป็นเรื่องจริงที่ว่ามูลค่าลดลง แต่……ถึงจะเป็นแบบนั้น ก็ยังคงเป็นชื่อที่ไม่สามารถทำให้ตกต่ำไปมากกว่านี้ได้อีกแล้ว
ไม่ว่าจะยังไง ท้ายที่สุดแล้วทุกคนในโลกก็รู้จักชื่อของพวกเขา
มีตัวตนเช่นนี้อยู่ในโลกนี้กี่คนกัน――ในแง่นั้นจึงยังทำให้มูลค่าแบรนด์ยังคงสูงอยู่
นั่นเป็นสาเหตุที่ลูกศรสีขาวถูกยกขึ้นในครั้งนี้
「แบบนี้เท่ากับว่าฉันสามารถทำตามสัญญาที่ให้ไว้ได้แล้วนะสิ」
「สัญญาเหรอเพคะ? หรือจะหมายถึงฟิโลซามะ?」
「ใช่แล้ว คน ๆ นั้นบอกว่าอยากจะออกไปผจญภัยสักครั้งหนึ่งในชีวิต ฉันก็ดันไปสัญญาว่าจะช่วยพอออกไปถ้ามีโอกาสเอาไว้นะสิ เรื่องในครั้งนี้มาถูกจังหวะพอดีเลย」
「จะดีเหรอเพคะ ทั้งถูกลักพาตัว และปฏิบัติเหมือนเป็นทาส……อะ」
「หืม?」
ราวกับนึกอะไรบางอย่างได้ สาวใช้ลูนารินาก็ประสานมือ และก้มศีรษะลง เป็นท่าสวดมนต์ที่มักพบเห็นกันในสมัยก่อน
เมื่อเธอมองไปอย่างสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้น――สาวใช้ก็เริ่มพึมพำ
「――ข้าแต่เทพีอะคิโรโรนาติส ผู้น้อยเป็นเพียงข้ารับใช้ บาปของผู้เป็นนายก็เป็นของผู้เป็นนาย หากจะลงทัณฑ์ผู้เป็นนายก็ได้โปรดลงทัณฑ์แต่ผู้เป็นนายด้วยเถิด ขอให้พระองค์โปรดลงทัณฑ์การกระทำที่โง่เขลานี้ที่บังอาจใช้นักบุญที่รับใช้องค์เทพีทั้งทางร่างกายและจิตใจเพื่อจุดประสงค์ทางการเมือง โปรดลงทัณฑ์เฉพาะกับบุคคลที่สร้างปัญหาเท่านั้นด้วยเถิด」
「กำลังบอกกับเทพองค์ไหนกันล่ะ?」
「หม่อมฉันคิดว่าแม้แต่เหล่าเทพเองก็คงไม่อยากถูกนักการเมืองโง่เขลาที่ไม่เกรงกลัวเทพเจ้าหลอกลวงเหมือนกันแหละเพคะ」
「อะฮ่าๆๆๆ ไม่เอาน๊าไม่เอาน๊า!」
อาเชียเซมหัวเราะอย่างร่าเริง
「ฉันกับเธอเป็นหนึ่งเดียวกันจริงไหม! บาปของฉันก็คือบาปของเธอ ถ้าฉันโดนลงทัณฑ์ เธอก็ต้องโดนด้วย! ไม่มีอะไรต้องกลัว เพราะไม่ว่าชีวิต หรือความตาย พวกเราก็จะอยู่คู่กัน!」
「ผะっ……เผด็จการ!」
「ก็ยังเป็นราชวงศ์นี่ พวกเราสามารถเผด็จการได้ตามที่ต้องการอยู่ดี」
「หม่อมฉันไม่อยากตายด้วยน้ำมือของผู้หญิงบ้าบอแบบนี้……――เช่นนั้น จะออกเดินทางกันเลยไหมเพคะ?」
เมื่อปราสาทใกล้เข้ามา สาวใช้ก็เปลี่ยนจิตสำนึกของเธอทันที
ราวกับว่าทั้งหมดนี่เป็นเรื่องไร้สาระ
ทันทีที่ลงจากรถม้า เธอก็พร้อมเตรียมตัวไปอัสตาเนียทันที
「ฉันจะไปตอนเย็นน่ะ ช่วยจัดเตรียมเรือเหาะไว้ด้วยเน๊ะ」
「รับทราบแล้วเพคะ ……ยังไงก็ตาม แล้วสถานการณ์กรณีที่เลวร้ายที่สุดล่ะเพคะ?」
「ฉันก็จะขอยืมชื่อแล้วแกล้งทำตัวเป็นนักบุญ ก่อนให้ลักพาตัว เป็นอย่างงั้นแหละเน๊ะ」
――อาเชียเซมคิดว่าเป็นแบบนั้นก็ไม่เลวเลย
หากไม่ประสบความสำเร็จในการดึงอาณาจักรศักดิ์สิทธิ์เข้ามาร่วมปฏิบัติการปราบปรามหมู่เกาะโจรสลัดอากาศ สิ่งเดียวที่จะเกิดขึ้นคือ การที่ทั้งสามประเทศปกครองดินแดนนั้นโดยปราศจากอาณาจักรศักดิ์สิทธิ์
หากคำนึงถึงสถานการณ์เหล่านั้น การขอยืมนักบุญก็จะไม่ใช่เรื่องยากขนาดนั้นเลย