คุณหนูโลลิคลั่งเนีย・ลิสตัน - ตอนที่ 39 และการพบกันของเหล่าโลลิ ที่โลลิคลั่ง-1
39 การต้อนรับของพี่ชาย、 และการพบกันของเหล่าเด็กสาว
ณ อาณาจักรอาร์ตัวร์ ผู้ที่เกิดและอาศัยอยู่ในอาณาจักรแห่งนี้จะถูกบังคับให้ต้องใช้เวลาหกปีในการเข้ารับการศึกษาที่โรงเรียนหลวงตั้งแต่อายุหกปีจนถึงสิบสองปี
มีคำกล่าวที่ว่า 「เด็กนั่นอ่อนแอไร้ซึ่งพลัง มิอาจใช้ทำงานได้ แม้จะเป็นแรงงานแหล่งใหญ่ก็ตาม」ภายใต้แนวคิดหลักนี้ แผนการมอบประสบการณ์การศึกษาจนกว่าร่างกายจะสมบูรณ์ และพร้อมที่จะกลายเป็นแหล่งแรงงานจึงเกิดขึ้น
ดูเหมือนว่าจะไม่ใช่เรื่องแปลกที่แต่ละครอบครัวจะนับแม้แต่เด็กว่าเป็นแรงงาน แต่ก็หลีกเลี่ยงไม่ได้เพราะเป็นกฎหมายที่กำหนดโดยราชา
ลูกของขุนนาง ลูกชาวนา และแม้แต่เชื้อพระวงศ์จะต้องสังกัดในระดับชั้นประถมสถาบันการศึกษาอาร์ตัวร์ เว้นแต่จะมีสถานการณ์พิเศษ
อนึ่ง ผู้ที่มีบ้านอยู่ในเมืองหลวงสามารถเดินทางไปกลับโรงเรียนจากที่บ้านได้ แต่เด็กส่วนใหญ่ที่มีบ้านอยู่บนเกาะลอยฟ้า จะอาศัยอยู่ในหอพัก
――นั่นเป็นเหตุผลที่ฉันจะอาศัยอยู่ในหอพักตั้งแต่วันนี้
เนื่องจากตารางการถ่ายทำ ทำให้ฉันได้ขึ้นเรือเหาะในกลางดึกของเมื่อวาน และมีกำหนดถึงเมืองหลวงในเช้าวันรุ่งขึ้น
เข้าใจล่ะ เดินทางระหว่างที่กำลังนอน
พี่ชายบอกว่าแบบนั้นดีแล้ว ช่วยประหยัดเวลาได้
“ดิฉันเรียนจบจากระดับชั้นมัธยมต้นไงคะ”
“นึกดูแล้ว เธอก็เคยบอกอยู่นินะ”
ขณะที่รับประทานอาหารเช้าในห้องอาหารของเรือเหาะ ฉันก็ฟังริโนกิสพูดถึงสถาบันการศึกษาอาร์ตัวร์
ฉันได้ยินข้อมูลที่ไม่เป็นชิ้นเป็นอันมาหลายเรื่อง แต่ฉันคิดว่านี่เป็นครั้งแรกที่ฉันได้ยินเรื่องที่ถูกต้อง
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง นี่เป็นครั้งแรกที่ฉันได้ยินว่าเป็นหน้าที่ที่จะต้องไป ฉันค่อนข้างแปลกใจมาก
อีกทั้งดูเหมือนว่าจะได้ยกเว้นค่าเล่าเรียนและค่าอาหารระหว่างอยู่ในสถาบันอีกด้วย นั่นเป็นเหตุผลที่ทำให้สามารถรวบรวมเด็ก ๆ มาเข้ารับการศึกษาภาคบังคับได้
ฉันไม่ใช่ผู้ปกครองบ้านเมืองจึงไม่สามารถบอกได้ว่าคุ้มค่าหรือไม่
แต่ทว่า หากนี่เป็นวิธีการคืนภาษีที่เก็บจากประชาชน ฉันก็คิดว่าไม่ใช่การบริหารที่แย่อะไร
“เธอจบการศึกษาจากหลักสูตรการผจญภัยใช่ไหม?”
“ใช่ค่ะ”
ก่อนอื่นก็ใช้เวลาหกปีในระดับชั้นประถม จากนั้นจะถูกถามว่าต้องการศึกษาต่อหรือไม่
เนื่องจากจะมีการเรียกเก็บค่าเล่าเรียนจากระดับชั้นถัดไป
ริโนกิสออกหลังจากจบระดับชั้นประถม
แต่ว่ากันว่าเป็นธรรมเนียมที่ลูกหลานขุนนางอย่างน้อยต้องเรียนให้จบระดับชั้นมัธยมต้นก่อนจึงจะสามารถจบการศึกษาได้ เรียกกันว่าลักษณ์ของชนชั้นสูง
“ระดับชั้นมัธยมต้นคือ สามปี ระดับชั้นมัธยมอีกสามปีค่ะ
และถ้าหากมีผลการเรียนดี หรือได้รับการยอมรับจากความสำเร็จบางอย่าง ก็มีโอกาสจะถูกเชิญให้เข้าร่วมคณะการเมืองแห่งราชสำนัก ซึ่งเป็นคณะสูงสุดที่มีคนเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่จะได้รับเชิญเข้าสังกัด”
ฟุมุ
บอกตามตรงว่าฉันไม่มีความมั่นใจในการเรียนเลย ฉันเลยสงสัยว่าควรจะจบแค่ชั้นประถมดีไหม
ม๊า แน่ใจเลยว่าทำแบบนั้นไม่ได้แน่นอน
การตัดสินใจไปเรียนของฉันจะขึ้นอยู่กับพ่อแม่……ถ้าพ่อแม่อยากให้ไปเรียน ฉันก็ต้องไปในฐานะเนีย
“……ดูยุ่งยากจังน๊า”
ฉันยุ่งมากตั้งแต่ฤดูใบไม้ผลิที่แล้ว
จากนี้ก็ก็ยังต้องทำตารางเรียนของสถาบันการศึกษาที่กำลังจะมาถึงด้วย
――ปีที่ผ่านมา ฉันต้องบินไปบินมายุ่งมาก ๆ เพราะการถ่ายทำที่หนักหน่วง
แต่ด้วยการทำงานหนักเช่นนี้ อัตราการแพร่กระจายของเมจิกวิชั่นในดินแดนลิสตันจึงเพิ่มขึ้นอย่างมาก
ดังนั้นจึงไม่มีเหตุผลที่จะผ่อนมือที่รุกไปข้างหน้า
ฉันต้องการให้มีการเผยแพร่เมจิกวิชั่นมากขึ้นเรื่อย ๆ และทำให้เมจิกวิชั่นกับแผ่นคริสตัลเป็นที่รู้จักกันทั่วไป
ยังเป็นการยากที่จะบอกว่าอุตสาหกรรมเมจิกวิชั่นกำลังเดินไปได้ด้วยดี
ฉันไม่รู้ว่าการเงินของตระกูลลิสตันเป็นยังไงบ้าง แต่ก็มีความเป็นไปได้สูงที่จะยังอยู่ในสภาวะถดถอย
ยังไงฉันก็ต้องหาเงิน หาเงิน ปกป้องบ้านของฉัน
“อ้า มานึกดูแล้ว ดูเหมือนจะมีเสียงเชียร์ให้จ้างคุณหนูแม้แต่จากสถานีออกอากาศของเมืองหลวงด้วยสินะคะ”
“ดูเหมือนจะเป็นแบบนั้น”
เมื่อวันก่อน เบนเดริโอ้มาที่กองถ่ายด้วยสีหน้าที่หาได้ยากเพื่อพูดคุยเรื่องนั้น
“สงสัยต้องไปทักทายซักครั้งแล้วล่ะ”
ไปทักทายยังสถานีออกอากาศของเมืองหลวง……แล้วในกรณีนั้น คงจะเป็นประโยชน์ถ้าสามารถเชื่อมความสัมพันธ์จากบุคคลรอบคุณนายไลม์ได้
แม้ว่าจะถ่ายทำในเมืองหลวง แต่ภาพสะท้อน――ช่องสัญญาณเมืองหลวงก็สามารถรับชมได้ในดินแดนลิสตัน
หรือก็คือ แม้จะเป็นการถ่ายทำในฝั่งเมืองหลวง ก็ไม่มีปัญหาในการออกอากาศ หรืออาจจะต้องบอกว่าทุกความปรารถนาสามารถเป็นจริงได้เมื่อมีเงิน
――พูดตามตรง ฉันอดไม่ได้ที่จะกังวลเกี่ยวกับเรื่องเมจิกวิชั่นมากกว่าเรื่องสถาบัน
ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ฉันจะอาศัยอยู่ในหอพัก
ในขณะที่อยู่หอพัก ฉันก็จะจัดการถ่ายทำไปด้วย
ในอนาคต ฉันอาจมีช่วงเวลาที่ยากลำบากในการหาเวลาเพื่อฝึกทักษะศิลปะการต่อสู้
หลังอาหารเช้า อาณาจักรอาร์ตัวร์ก็ปรากฏให้เห็นทันที
ก่อนเที่ยง พวกเราก็มาถึงท่ารับส่งผู้โดยสาร ฉันสามารถเหยียบพื้นดินของเมืองหลวงได้อย่างปลอดภัย
ปกติรอบ ๆ ท่าเรือเหาะก็มีผู้คนมากมายอยู่แล้ว――แต่วันนี้เด็ก ๆ โดดเด่นเป็นพิเศษ
เช่นเดียวกับฉัน พวกเขาต่างก็เป็นน้องใหม่ที่กำลังจะเข้าสู่ระดับชั้นประถมของสถาบันการศึกษาอาร์ตัวร์ในปีนี้
กลุ่มเด็กในชุดมอมแมมที่มองไปรอบ ๆ อย่างอยากรู้อยากเห็นน่าจะมาจากบ้านเกิดเดียวกัน
ส่วนลูกขุนนางจะเป็นกลุ่มที่แต่งตัวดูดีและมีคนใช้ติดตาม
――เรือเหาะที่ฉันโดยสารในครั้งนี้ได้รับมาจากพี่นีลที่มีงานอดิเรกที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความรู้สึกย้อนยุค
ดูเหมือนว่าปีนี้พี่ชายจะยุ่งมาก เขาจึงไม่ได้กลับมาที่ตระกูลลิสตันในช่วงหยุดฤดูใบไม้ผลิ ม๊า ดูเหมือนว่าแต่แรกแล้ววันหยุดฤดูใบไม้ผลิก็สั้นมากอยู่แล้ว จึงมีนักเรียนหลายคนที่เลือกจะไม่กลับบ้าน
พูดถึงพี่ชายแล้ว――
“เนีย!”
เพราะเป็นการเดินทางมาถึงของน้องสาว เขาจึงมารับฉันที่ท่าเรือ
อย่างที่คาดไว้ พี่ชายผู้งดงามที่ทำให้ทั้งชายและหญิงต่างต้องหลงใหล ดึงดูดความสนใจของผู้คนรอบข้างในทันที และเขามาที่นี่พร้อมกับลินเนตต์สาวใช้ส่วนตัว
“โอนี่ซามะ ไม่ได้เจอกันนานเลยนะคะ”
“อืม ตั้งแต่วันหยุดฤดูหนาวแล้ว พี่ดีใจมากเลยที่น้องดูสบายดีเหมือนกัน”
จากนั้นพี่ชายก็หยิบกระเป๋าใบเล็กที่ฉันถืออยู่อย่างสบาย ๆ ไป อื~ม ดูเหมือนว่าเขาจะอยากสวมบทบาทผู้คุ้มกันชาย มีแนวโน้มที่จะเพิ่มจำนวนผู้หญิงที่ร้องไห้มากขึ้น
…………
หืม?
ตอนแรกฉันคิดว่าเป็นเด็กที่ไม่เกี่ยวข้องกับพี่ชาย แต่มีเด็กผู้หญิงคนหนึ่งเข้ามาคลอเคลียอยู่ข้างพี่ชาย
ความรู้สึกเหมือนมากกว่าเพี่อนล่ะ
และแน่นอนว่าไม่มีความรู้สึกของระยะห่างอย่างที่คนอื่นมี
เธอสวมชุดที่ตัดเย็บอย่างดี และหมวกทรงกว้างที่ทำให้เกิดเงาจนทำให้มองเห็นใบหน้าของเธอได้ยาก ฉันค่อนข้างแน่ใจว่าพวกเขาต้องอายุไล่เลี่ยกัน
“โอนี่ซามะ เธอคือ? เป็นคนรักงั้นหรือคะ?”
“เอ๊ะ? ไม่ใช่……นั้นไม่ใช่สิ่งที่ควรพูดออกมาเด็ดขาด”
สำหรับพี่ชายที่สงบและเยือกเย็น เขาดูร้อนล้น และพูดแบบนั้นด้วยเสียงต่ำ
“――ยินดีที่ได้รู้จัก ในที่สุดฉันก็ได้พบคุณ เนีย・ลิสตัน”
เธอพูดด้วยน้ำเสียงที่ไพเราะและชัดเจนเหมือนระฆังที่ก้องกังวาน ก่อนยกปีกหมวกขึ้นเล็กน้อย
เด็กสาวที่มีใบหน้างดงามเหมือนกับเสียงของเธอ แต่สิ่งที่โดดเด่นที่สุดคือ ดวงตา
ดวงตาสีเขียวที่มีจุดสีแดงภายใน
เมื่อฉันจ้องเข้าไปในดวงตาที่มีสีและลวดลายลึกลับ ฉันรู้สึกได้ถึงมนต์เสน่ห์ชวนหลงใหลที่ทำให้เหมือนถูกสะกดจิตก่อนที่จะทันตั้งตัว
ดวงตาสีลึกลับคู่นี้――
“――อ๊า! เนีย・ลิสตัน!”
สิ่งที่ดึงฉันกลับมาจากมนต์เสน่ห์ คือเสียงของเด็กผู้หญิงที่ทรงพลังในระดับเดียวกัน
ผมสีแดงเพลิงและนัยน์ตาสีเทาลุกโชนด้วยความตั้งใจอันแรงกล้า ――ฉันคิดว่าฉันเคยเห็นใบหน้านี้ที่ไหนมาก่อน……?