คุณหนูโลลิคลั่งเนีย・ลิสตัน - ตอนที่ 8 โลลิคลั่ง 08 ยกเลิกคำสั่งห้า
08 ยกเลิกคำสั่งห้ามภาพเวทมนตร์
เวลาผ่านไประมาณห้าวันแล้ว หลังจากที่พี่นีลกลับมายังตระกูลลิสตัน
“ยังมาที่โต๊ะอาหารไม่ได้อีกเหรอ?”
เขามักมาที่ห้องของฉัน เป็นพี่ชายแสนดีที่ค่อยดูแลฉันเป็นอย่างดี และพยายามเติมช่องว่างความเบื่อหน่ายของน้องสาวที่ป่วย
เขาจะค่อยเล่าเรื่องราวของสถาบัน และสิ่งต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในสถาบัน
ที่เหลือ ม๊า……บางทีก็เป็นช่วงเวลาว่างอะไรแบบนั้น
นีล・ลิสตัน
เด็กชาย อายุหกขวบ ทายาทตระกูลระดับขั้นที่สี่ ลิสตัน
ได้รับสืบทอดผมสีบลอนด์อ่อนจากพ่อ และแม้จะยังเด็กแต่ก็เปล่งประกายความงามที่ได้รับสืบทอดจากแม่ นอกจากรูปร่างหน้าตาของเขาแล้ว ดวงตาสีฟ้าที่ได้รับสืบทอดมาจากพ่อแม่นั้นก็เต็มไปด้วยความมีเหตุผลและสติปัญญาอันล้ำลึก
ฉันแน่ใจจว่าในอนาคตเขาจะต้องทำให้ผู้หญิงหลายคนต้องร้องไห้อย่างแน่นอน ไม่สิ ต้องทำให้ร้องไห้ไปแล้วแน่ ๆ ช่างเป็นเด็กที่น่ากลัวเสียจริง
หลังจากที่เนียป่วย ความสนใจของพ่อแม่ก็หันมาที่น้องสาวมากกว่าพี่ชาย แต่ในวัยนี้ซึ่งยังน้อยกว่าเลขสองหลัก ฉันคิดว่าเขาทำหน้าที่พี่ชายได้ดีมาก
“นั่นสินะคะ คิดว่ายังคงไม่ได้หรอกค่ะ”
อาหารของฉันส่วนใหญ่เป็นอาหารกึ่งแข็งที่ดีต่อการย่อยอาหาร
ฉันคิดว่าบางทีตัวเองน่าจะกินของกรุบกรอบหรือแม้แต่ของแข็งที่ค่อนข้างแข็งได้แล้ว แต่เพราะแต่ละมื้อในปัจจุบันก็รับอาหารปริมาณมากเข้าสู่ร่างกายมากพออยู่แล้ว ดังนั้นฉันจึงตัดสินใจด้วยตัวเองว่าจะขออยู่แบบนี้ต่อไปจนกว่าร่างกายจะแข็งแรงขึ้นไปก่อน
พูดตามตรงฉันยังขาดอีกหลายอย่างหลายสิ่ง
ถึงจะดูเหมือนจัดการโรคร้ายได้ค่อนข้างดี แต่ร่างกายก็ทรุดโทรมอย่างมาก และยังไม่บรรลุนิติภาวะจึงทำอะไรไม่ได้นอกจากกินเท่านั้น ฉันเป็นเด็กที่กำลังเติบโต
ในฐานะพี่ชาย เขาก็อยากให้พ่อแม่ พี่ชาย และฉันในฐานะน้องสาว ครอบครัวสี่คนได้นั่งโต๊ะเดียวกันและทานอาหารร่วมกัน
หากความปรารถนานั้นเป็นจริงได้ อย่างเร็วที่สุดก็คงจะเป็นช่วงปลายฤดูร้อน
“แต่เอาแต่นอนทั้งวันแบบนี้ไม่น่าเบื่อเหรอ?”
“ก็มันจำเป็น”
การเอาแต่บ่นว่าไม่น่าเบื่อเหรอ พูดอีกอย่างก็กลายเป็นเรื่องน่าเบื่อแทน
และเพราะว่าพี่ชายมาเยี่ยมฉันบ่อย ซาเซนจึงทำได้เฉพาะตอนกลางคืนเท่านั้น
เมื่อฉันได้กลายเป็นเนีย สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการพยายามไม่ตาย ไม่มีเวลาฟุ่มเฟือยมาให้พูดอะไรอย่างคำว่าน่าเบื่อหรอก
พอตอนนี้ที่หายดีแล้ว ฉันจึงมีเวลาเหลือให้มาคิดถึงหลายสิ่งหลายอย่างได้บ้าง
ไปส่งพ่อแม่ ไปเดินเล่น เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นพวกนี้คือผลลัพธ์ความพยายาม
“น่าจะได้เวลาแล้วไม่ใช่เหรอ?”
ตอนที่พี่ชายพูด เขาไม่ได้มองมาที่ฉัน แต่หันหน้าไปทางริโนกิสที่กำลังลังเลอยู่
“เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องที่ดิฉันจะตัดสินใจได้เองนะคะ……ดิฉันต้องได้รับอนุญาตจากนายท่านและนายหญิงก่อนเท่านั้น”
อาเร๊ะ?
หมายถึงอะไรกัน?
เมื่อถูกถามว่า 「กำลังพูดถึงอะไร」ด้วยท่าทางใสซื่อ พี่ชายก็ดูประหลาดใจเล็กน้อย
“อะไร ก็ภาพเวทมนตร์(เมจิกวิชั่น)ไงล่ะ แผ่นคริสตัลเวทมนตร์ ที่เนียชอบที่สุดไง”
เมจิกวิชั่น? แผ่นเวทมนตร์?
――โฮ๊ว! นี่คือ!
แผ่นหินคริสตัลใสที่พี่ชายนำมาจากที่ไหนสักแห่ง
เป็นแผ่นสี่เหลี่ยมผืนผ้ากว้างประมาณ 40 ซม. และสูง 30 ซม. ถูกสร้างออกมาบางมากจนดูเหมือนกระจกหน้าต่าง
มันดูละเอียดอ่อนมากจนแม้แต่คนที่ไม่ได้รับการฝึกฝนก็น่าจะสามารถทุบด้วยหัวโขกจนแตกได้ในครั้งเดียว แม้จะได้รับการปกป้องด้วยกรอบไม้ในระดับหนึ่งแล้วก็ตาม
และถูกทำให้สามารถลอยอยู่กลางอากาศได้ด้วยสูตรโครงสร้างเวทมนต์ที่ติดตั้งไว้บนกรอบไม้ และดูเหมือนจะทำให้ลอยนิ่งอยู่กับที่ได้ด้วย
พี่ชายทำให้แผ่นหินคริสตัล――แผ่นคริสตัลเวทมนตร์ลอยอยู่ข้าง ๆ และเมื่อเริ่มทำงานช่องโปร่งใสที่มองทะลุได้ก็ฉายภาพที่แตกต่างไม่ใช่ห้องของฉัน
――โลกถูกย้อมด้วยสีแดง สงสัยจะเป็นเวลาตอนเย็น ทิวทัศน์ของนกอพยพหลายตัวที่กำลังอาบแดดท่ามกลางพระอาทิตย์ตกและบินออกไปไกลจากกลุ่มเกาะลอยขนาดเล็กอัดแน่นเรียงติดต่อกัน
จากนั้นก็สลับไปยังฉากถัดไปทันที
――ฉันสงสัยว่าเป็นจุดท่องเที่ยวที่ไหนสักแห่ง เป็นทิวทัศน์ของบันไดหินที่ไม่มีที่สิ้นสุดเมื่อมองจากด้านล่างขึ้นด้านบน ฉันสงสัยว่ามีอะไรอยู่ที่ชั้นบนสุดของบันได แต่ไม่ได้ฉายให้เห็น
ฉันไม่เข้าใจทั้งหลักการทั้งเหตุผล แต่ยังไงก็ตามเหมือนแผ่นนี่จะฉาย「ทิวทัศน์ที่ไหนสักแห่ง」ออกมา ทั้งยังมีเสียงของเครื่องสายคลอเคลียออกมาด้วย
ฉันค่อนข้างประหลาดใจไม่น้อยที่แผ่นนี้สามารถฉายออกมาได้ทั้งภาพและเสียง
――จากปฏิกิริยานี้ของฉัน ฉันแน่ใจว่านี่เป็นอารยธรรมที่ฉันไม่รู้จักด้วยซ้ำ
ช่างเป็นสิ่งที่น่าสนใจ
ดูเป็นของที่สามารถเอาชนะความเบื่อหน่ายและยังได้รับความรู้ไปพร้อมกันได้ด้วย
“เพราะว่าคุณหนูไม่สามารถออกไปข้างนอกได้ จึงชอบดูภาพเวทมนตร์มากเลยค่ะ ยังไงก็ตาม มีบางครั้งที่มีบางฉากที่กระตุ้นอารมณ์รุนแรงเกินไปปรากฎในภาพเวทมนตร์ นายท่านจึงได้สั่งห้ามเอาไว้ก่อนค่ะ”
และริโนกิสเสริมเรื่องสถานการณ์ปัจจุบันของเนีย
“อ้า เป็นแบบนั้นเองสินะ”
ถ้าเป็นเนียก็ต้องรู้เป็นธรรมดาอยู่แล้ว ฉันพยักหน้าราวกับว่าเป็นแบบนั้น ……ฉันรู้สึกเหมือนริโนกิสทำหน้าระอาเล็กน้อย แต่ฉันไม่สนใจ
“ไม่แปลกใจเลยที่ท่านพ่อจะสั่งห้ามเพราะไม่ดีต่อร่างกาย แต่ตอนนี้เนียไม่เป็นไรแล้วไม่ใช่เหรอ?”
แน่นอนถ้าเป็นเนียคนก่อน คงรีบเห็นด้วยกับเหตุผลที่พี่นีลพูดทันที
แต่ตอนนี้ฉันสบายดีแล้วถูกไหม
ส่วนอาการป่วย ฉันทั้งอัด ทั้งเหยียยบย่ำ ทั้งเตะจนล้มกลิ้งอยู่ทุกวัน ฉันโตแล้วไม่ได้ผอมซูบลงทุกวันทุกวันอีกแล้ว
ตอนนี้ฉันมีเรื่องที่ไม่รู้มากเกินไป
ด้วยภาพเวทย์มนตร์และแผ่นคริสตัลเวทย์มนตร์ ฉันจะสามารถเรียนรู้หลายสิ่งหลายอย่างได้ในขณะที่อยู่ในห้องนี้ ฉันสามารถดูภาพแล้วถามคำถามกับริโนกิส หรือเพียงแค่จำเอาไว้ก่อน
หนังสือก็ดี แต่สิ่งที่เขียนในหนังสือเป็นเรื่องของอดีต
ไม่ว่าจะเป็นเหตุการณ์จริง หรือเรื่องสมมติ หรือการคาดเดาอย่างมืออาชีพ หรือบันทึก
ล้วนแล้วแต่เป็นอดีตไปแล้ว
เมื่อเทียบกับปัจจุบัน มีหลายกรณีที่มีความแตกต่างระหว่างเนื้อหาในอดีตและปัจจุบัน
แต่ด้วยสิ่งนี้ แม้ว่าจะมีความล่าช้าบ้าง แต่ก็สามารถรับข้อมูล 「ปัจจุบัน」 ด้วยภาพได้
ฉันไม่เคยคิดเลยว่าเครื่องมือแสนสะดวกที่เหมือนฝันจะมีอยู่จริง
ความสามารถในการมองเห็นทิวทัศน์อันไกลโพ้นได้ในมือตัวเอง เป็นสิ่งที่ไม่คาดคิดมากจริง ๆ
ต้องเป็นสิ่งประดิษฐ์ปาฏิหาริย์อย่างแน่นอน
ฉันไม่มีความรู้เรื่องนี้เลย
มนุษยชาติกำลังก้าวหน้า
ฉันรู้สึกเหมือนตัวเองเอาแต่เหม่อจนถูกทิ้งไว้ข้างหลัง
“ยอดเยี่ยมมากเลยค่ะ โอนี่ซามะ ขอบคุณสำหรับสิ่งนี้อย่างยิ่งค่ะ”
“หืม? อืม…….ถึงจะกังวลเรื่องการวางตัวแบบเหนือกว่าอยู่นิดหน่อย แต่ก็คงไม่มีอะไรหรอกน๊า”
กลางคืน เมื่อคุณพ่อกลับมาถึงคฤหาสน์ก็ถูกจับตัวไว้เพื่อคุยด้วยตัวเองอย่างเป็นทางการ คำสั่งห้ามภาพเวทมนตร์ของเนียก็ถูกยกเลิก
คุณพ่อหน้าดูไม่ค่อยดีนัก แต่ก็ไม่ปฏิเสธ
เขายังคงเป็นห่วงสุขภาพของเนียอยู่
และฉันได้ยินเสียงคุยกังวลใจต่าง ๆ จากรอบตัว แต่อย่าเพิ่งไปสนใจ ไม่เป็นไรหรอก