คุณหนูใบ้หัวใจแกร่ง - ตอนที่ 154 คู่รัก
ตอนที่ 154 คู่รัก
พี่เซิ่นเป็นคนแคว้นหยวน
ตอนนั้น เขาและหวังหยวนเหนียงได้รับคัดเลือกให้เข้ากลุ่มถักทอถุงเชือกป่านพร้อมกัน
ต่อมาเรือนพักร่ำรวยรับสมัครคนทอผ้า
เขาหวังหยวนเหนียงเอาชนะคู่แข่งนับไม่ถ้วน ก่อนจะถูกรับเข้ากลุ่มทอผ้าพร้อมกันอีกครั้ง
ทั้งสองถือว่ามีวาสนาต่อกันไม่น้อย
พี่เซิ่นหน้าตาสะอาดสะอ้าน ไม่เหมือนคนชุมชน หากแต่เหมือนคนในเมืองเสียมากกว่า
หลังจากคุ้นเคยกัน หวังหยวนเหนียงก็มักจะหยอกล้อเขา
ทุกครั้งพี่เซิ่นมักจะยิ้ม ไม่ตอบโต้
เขาเป็นบุตรชายคนสุดท้องของครอบครัว ตอนเด็กร่างกายเขาอ่อนแอ ไม่ค่อยได้ทำงานในไร่นามากนัก
เมื่อเขาโตขึ้น พี่ชายหลายคนแต่งงานกันสร้างครอบครัวจึงแยกกันอยู่
เขาได้รับสองห้องกับที่นาอีกครึ่งไร่
หมดหนทาง ครอบครัวยากจน มีเงื่อนไขเพียงเท่านี้
เขาไม่เชี่ยวชาญในการดำนา อีกทั้งนาเพียงครึ่งไร่ก็ไม่พอกิน เขาจึงออกมาหางานทำ
เขาขอให้พี่ชายช่วยปลูกนาครึ่งไร่ แบ่งเสบียงให้เขาเพียงครึ่งหนึ่งเมื่อถึงการเก็บเกี่ยวในฤดูใบไม้ร่วงของแต่ละปีก็พอ
เขาเป็นคนพูดน้อย มีนิสัยเก็บตัว เขามักคุยกับหวังหยวนเหนียงที่คุ้นเคยอยู่แล้ว แต่เขาไม่ค่อยสื่อสารกับผู้อื่นรอบตัวมากนัก
เมื่อเวลาผ่านไป มีคนหยอกล้อเขากับหวังหยวนเนียง บอกว่าให้พวกเขาจับคู่กันใช้ชีวิตเสียดีกว่า
เขายิ้ม แต่ไม่พูดอันใด
หวังหยวนเหนียงเป็นคนฉุนเฉียว นางเป็นสตรีที่มีความสามารถ ทุกครั้งล้วนเป็นนางออกหน้าดุด่าคนอื่นกลับไป
แต่ก็ยังไม่สามารถหยุดการซุบซิบของทุกคนได้ ยิ่งไม่อาจหยุดหัวใจของแม่สื่อได้
นี่ไง ยังไม่ทันเข้าสู่ฤดูร้อน ก็มีแม่สื่อมาเยือนที่ประตู ชักจูงให้หวังหยวนเหนียงและพี่เซิ่น
ปากของแม่สื่อ เหมือนผีที่หลอกคน
ปากเพียงใบเดียวสามารถพูดจนของตายกลายเป็นของมีชีวิต คนหน้าตาอัปลักษณ์พูดจนกลายเป็นคนหน้าตาหล่อเหลา
ยิ่งไปกว่านั้นพี่เซิ่นก็ไม่เลว เขามีฝีมือ สามาถทำงานถักทอได้ อีกทั้งยังเก่งกว่าสตรีเสียอีก
นอกจากนี้พี่น้องในตระกูลก็แยกครอบครัวกันไปแล้ว พ่อแม่ที่ชราก็ติดตามพี่ชายไป
แต่งงานไป ชีวิตไร้ความกังวล ไม่มีภาระใดๆ
หวังหยวนเหนียงก็ไม่แย่เหมือนกัน นางเป็นคนที่มีความสามารถ สามารถรับมือปฏิสัมพันธ์กับผู้คนได้อย่างง่ายดาย
ฝีมือก็ดีมาก สามารถหาเงินได้เอง นอกจากเลี้ยงตัวเองได้แล้ว ยังเก็บเงินได้ไม่น้อย
สิ่งเดียวที่ไม่ดีคือภาระในครอบครัวหนัก
นางเป็นบุตรสาวคนโต ด้านล่างยังมีน้องชายและน้องสาวรอกินข้าว
บิดาของนางเป็นคนซื่อ มิฉะนั้นก็คงไม่ถูกตั้งฉายาตาหวังคนซื่อ
ซื่อเป็นเรื่องที่ดี คนซื่อไม่มีพิษมีภัย มันเป็นจุดเด่นอย่างแน่นอน
มารดาเป็นสตรีที่มีฝีมือคล่องแคล่ว เพียงแต่ร่างกายอ่อนแอ ทำงานหนักไม่ได้
แม่สื่อเดินทางไปหาหวังหยวนเหนียงก่อน “หยวนเหนียง เจ้าก็ไม่เด็กแล้ว พ่อแม่เจ้ายุ่งจึงไม่ได้สนใจเจ้า แต่เจ้าต้องสนใจเรื่องคู่ครองของตนเองเสียบ้าง ข้าเห็นว่าเจ้ากับพี่เซิ่นเข้ากันได้ดี วันนี้เจ้ากระซิบบอกข้าตามความจริง ในใจของเจ้าคิดอย่างไร ต้องให้ข้าเป็นแม่สื่อจับคู่เจ้ากับพี่เซิ่นหรือไม่”
หวังหยวนเหนียงกัดปาก ไม่ส่งเสียง
ถึงแม้จะเป็นหญิงสาวที่ดุดัน แต่เมื่อเผชิญกับเรื่องคู่หมายก็ย่อมต้องเขินอาย
แม่สื่อร้อนใจแทนนาง
“เงื่อนไขของพี่เซิ่นวางอยู่ตรงหน้า หน้าตาดี สุภาพเรียบร้อย ดูแล้วเหมือนบัณฑิต อีกทั้งคนก็มีความสามารถ นิสัยก็ดี ชายหนุ่มที่ดีเช่นนี้หาได้ยากยิ่งนัก เจ้ารู้หรือไม่ คนส่วนใหญ่ในผู้ลี้ภัยกลุ่มนั้นต่างกำลังจับต้องพี่เซิ่น
อีกทั้งยังมีพ่อบ้านที่รับผิดชอบด้านการค้าจากต่างถิ่นที่วิ่งมาเรือนพักสามวันที ได้ยินว่าเขาก็โปรดปรานพี่เซิ่น อยากรับเขาเป็นบุตรเขย หยวนเหนียง หากเจ้าพลาดพี่เซิ่นไป ต่อไปอยากพบเจอคนที่ดีเช่นนี้คงเป็นไปไม่ได้ คนก็อยู่ต่อหน้า เจ้าไม่คว้าเอาไว้ก็จะถูกคนแย่งชิงไปก่อน เจ้าต้องคิดให้ดี!”
เวลานี้หวังหยวนเหนียงเกิดความรู้สึกต่ำต้อย นางพูดเสียงเบา “ภาระครอบครัวหนักนัก น้องชายน้องสาวล้วนต้องให้ข้าเลี้ยงดู ข้ากลัวทำให้เขาลำบาก”
“แฮะ!”
แม่สื่อตบหน้าตักของตนเองด้วยสีหน้าดีใจ “ข้ารู้แล้ว เจ้าชอบพี่เซิ่น เพียงแต่ไม่อยากเดือดร้อนเขา ข้าว่าแล้ว คนมีความสามารถอย่างพี่เซิ่น เจ้าจะไม่ชอบได้อย่างไร เรื่องแค่นี้เอง ข้าจะถามพี่เซิ่นให้เจ้า หากเขาไม่รังเกียจรอบครัวของเจ้า เจ้าจะยอมแต่งงานกับเขาหรือไม่”
หวังหยวนเหนียงไม่ตอบเพราะเขินอาย เพียงแค่พยักหน้าเบาๆ
แม่สื่อทำหน้าดีใจราวกับจับคู่ได้สำเร็จแล้ว
“เจ้ารอก่อน ข้าไปถามพี่เซิ่นให้เจ้า หากเขายินดี บอกกล่าวกับผู้ใหญ่ในครอบครัวแล้วก็จะจัดงานให้พวกเจ้า เมื่อถึงเวลาให้ซองแดงกับข้าก็พอ”
เรื่องเกี่ยวกับเงิน หวังหยวนเหนียงก็ไม่เขินอายอีกต่อไป “ท่านวางใจ หากข้ากับเขาได้ครองคู่กันจริง ข้าย่อมมอบซองแดงใหญ่ให้ท่าน”
“โอ้ย ดีเสียจริง เจ้ารอข่าวดีจากข้า”
แม่สื่อจากไปด้วยความดีใจ
หวังหยวนเหนียงกังวลอย่างมาก วันอื่นกินข้าวสามชามในหนึ่งมื้อ วันนี้กลับกินได้แค่ชามเดียว
นางย่อมชื่นชอบพี่เซิ่น
ในบรรดาผู้คนที่นางใกล้ชิด พี่เซิ่นเป็นคนที่มีรูปลักษณ์ดีที่สุด งานฝีมือก็ดีกว่านางเสียอีก
อีกทั้งยังไม่มีภาระในครอบครัว
ชายหนุ่มเช่นนี้ ผู้ใดไม่อยากได้
ส่วนเรื่องร่างกายอ่อนแอ ลงนาไม่ได้ ทำงานหนักไม่ได้ ไม่เป็นปัญหาในสายตาของหวังหยวนเหนียง
นางลงนาได้ ทำงานหนักได้
ไม่ว่าจะในหรือนอก นางล้วนเป็นแรงงานชั้นดี
เพียงแต่เงื่อนไขของครอบครัววางอยู่ตรงหน้า พี่เซิ่นจะยอมแต่งงานกับนางหรือ
หากนางแต่งงานไป บรรดาน้องชายกับน้องสาวจะทำอย่างไร
…
แม่สื่อมาหาพี่เซิ่นด้วยท่าทางดีใจ พร้อมทั้งบอกเจตนาที่เดินทางมา
“หวังหยวนเหนียง นางเป็นคนมีความสามารถที่มีชื่อเสียง รูปลักษณ์ดี ร่างกายแข็งแรง มีบุตรง่าย อีกทั้งหาเงินเลี้ยงครอบครัวได้ สตรีดีๆ แบบนี้หาไม่ได้ง่าย หากเจ้าพลาดไป เจ้าต้องเสียใจอย่างแน่นอน ข้าจะบอกเจ้าให้ว่าหลายคนในกลุ่มผู้ลี้ภัยนั้นพยายามที่จะสู่ขอหยวนหนียง สตรีที่มีความสามารถเช่นนี้ ผู้ใดไม่ชอบกัน เจ้าคิดเหมือนกันหรือไม่”
“พี่เซิ่น เจ้ายินดีที่จะแต่งงานหรือไม่ เพียงแค่บอกข้ามา หยวนเหนียงบอกแล้ว เพียงแค่เจ้าพยักหน้า นางก็เต็มใจที่จะแต่งงานกับเจ้า สตรีที่แสนดีเช่นนี้ พี่เซิ่นเจ้ายังลังเลอันใดกัน!”
“รอพวกเจ้าแต่งงาน ทั้งสองทำงานหาเงินด้วยกัน ใช้ชีวิตอย่างมีความสุข ช่างน่าอิจฉานัก ข้าแอบบอกเจ้า ซุนอู่ที่ถักกระสอบเชือกป่านก็ชื่นชอบพยวนเหนียง อีกทั้งวานให้คนช่วยเป็นแม่สื่อ หากเจ้าไม่พยักหน้า หยวนเนียงก็จะแต่งงานกับซุนอู่แล้ว”
พี่เซิ่นสับสนเล็กน้อย “หยวนเหนียงยอมแต่งงานกับข้าจริงหรือ”
เรื่องนี้ดูจะเป็นไปได้
เมื่อจับคู่ใกล้จะสำเร็จ แม่สื่อก็ดีใจจนดวงตาลุกวาว “ข้าถามเจ้า เจ้ารังเกียจหยวนเหนียงที่นางยากจนหรือไม่”
พี่เซิ่นส่ายหน้า “ข้าก็ยากจน จะรังเกียจนางได้อย่างไร นางคนเดียวเลี้ยงทั้งครอบครัว ข้าชื่นชมเสียมากกว่า”
“ดีเสียจริง! หากเป็นเช่นนี้ เจ้ายอมแต่งงานกับหวังหยวนเหนียงหรือไม่”
พี่เซิ่นครุ่นคิด พลันพยักหน้าอย่างจริงจัง
หากภรรยาเป็นหวังหยวนเหนียง เขายอม
แม่สื่อเห็นทีจึงหัวเราะร่า
“สำเร็จแล้วๆ ยินดีกับพี่เซิ่น”
…
วันรุ่งขึ้นหวังหยวนเหนียงพบกับพี่เซิ่นในโกดังที่ถูกดัดแปลงเป็นโรงถักทอ ทั้งสองเขินอายเล็กน้อย แต่ก็มีความสนิทเพิ่มขึ้นมาอย่างไร้ร่องรอย
คนด้านข้างกำลังจะเป็นสามี(ภรรยา)ของข้า
ความรู้สึกที่แปลกประหลาดบังเกิดขึ้น ทั้งสองต่างรู้สึกหวานชื่อ
หลังจากทั้งสองพบหน้าผู้ใหญ่ของกันและกัน
เมื่อตระกูลเซิ่นรับรู้ว่าพี่เซิ่นกำลังจะแต่งงานกับสตรีที่ต้องรับผิดชอบภาระหนักในครอบครัว พวกเขาย่อมไม่ยินดี
ตามความสามารถของพี่เซิ่น เขาย่อมสามารถแต่งงานกับสตรีใดก็ได้ในชุมชน
เหตุใดจึงต้องแต่งงานกับสตรีที่มีภาระ
ทางด้านตระกูลหวังยินดีเป็นอย่างยิ่ง
แม่ยายมองดูบุตรเขย ยิ่งมองยิ่งชอบ
ส่วนหลังจากแต่งงานแล้ว หวังหยวนเหนียงต้องดูแลครอบครัวของตนเอง ไม่อาจดูแลครอบครัวได้เหมือนเก่า สามีและภรรยาของตระกูลหวังต่างบอกว่าไม่เป็นอันใด
ชีวิตลำบากหน่อย เพียงแค่อดทนย่อมสามารถข้ามผ่านไปได้
อีกทั้งบุตรชาย หวังต้าจ้วงก็เริ่มทำงานหาเงินแล้ว เขาสามารถนำเสบียงกลับครอบครัวได้ทุกเดือน
ตระกูลเซิ่นรังเกียจหวังหยวนเหนียง แต่พี่เซิ่นไม่รังเกียจ
พี่ชายไม่อาจบังคับเขาได้เพราะแยกครอบครัวแล้ว
แต่บิดาและมารดายังบังคับเขาได้ เพียงแค่ความคิดของเขาดื้อรั้นอย่างมาก เมื่อตัดสินใจแล้ว วัวเก้าตัวก็ลากไม่กลับ
สุดท้าย หวังหยวนเหนียงได้แต่งงานเป็นสามีภรรยากับพี่เซิ่นสมดังปรารถนา
…
เมื่อเยียนอวิ๋นเกอรู้ว่าในโรงถักทอมีคู่สามีภรรยาคู่ใหม่ นางก็ดีใจอย่างมาก
“สถานการณ์เช่นนี้ควรมีให้มากขึ้น ทำให้ทุกคนกลมเกลียวกันยิ่งขึ้น”
นางไม่ได้เข้าร่วมงานเลี้ยงเพราะเกรงว่าจะเป็นการเกินหน้าเจ้าภาพ
นางให้พ่อบ้านส่งของขวัญแสดงความยินดี ผ้านุ่มสี่ผืน นุ่นสี่จิน รวมทั้งข้าวสารจำนวนหนึ่ง
ล้วนเป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างยิ่ง เหมาะสมสำหรับการเป็นของขวัญแสดงความยินดี
หวังหยวนเหนียงไม่คิดว่าตนเองแต่งงานจะได้รับของขวัญจากเถ้าแก่
กลานคืน งานเลี้ยงสิ้นสุดลง
สองสามีภรรยาเข้าพักในเรือนหอซึ่งเป็นเรือนฟางที่เรือนพักร่ำรวยสร้างขึ้น
ก่อนสองสามีภรรยาแต่งงานกันก็มีการเช่าไว้หลังหนึ่ง สามห้องพร้อมห้องครัวและห้องน้ำ อีกทั้งยังมีลานขนาดเล็ก สามารถปลูกผักในเรือนได้
ถึงแม้จะเป็นเรือนฟาง แต่กลับสร้างได้อย่างแข็งแรง เก็บกวาดได้อย่างสะอาดและเป็นระเบียบ
พื้นภายในห้องถูกปรับให้เรียบ
เรือนให้ของตนเอง ถึงแม้จะเป็นการเช่า แต่หวังหยวนเหนียงกลับรู้สึกพอใจอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน
นางตื่นเต้นเกินจนนอนไม่หลับ
นางพูดคุยกับพี่เซิ่น “ไม่คิดเลยว่าเถ้าแก่จะส่งของขวัญมาให้ อีกทั้งยังเป็นผ้านุ่นชั้นดี ราคาไม่น้อย นุ่นสี่จินพอทำผ้าห่มหนึ่งผืน หรือทำชุดผ้านุ่นสองชุด”
พี่เซิ่นยิ้มตาหยี แต่ก่อนไม่เคยรู้ว่าเขาชอบยิ้มเพียงนี้ อีกทั้งยังดูดีมากเมื่อยิ้ม
เขาพูดกับนาง “นุ่นเก็บไว้ให้พ่อตากับแม่ยายทำชุดผ้านุ่น ส่วนผ้านุ่นเก็บไว้ให้แม่ยายสามผืน พวกเราเหลือไว้ผืนเดียวก็พอแล้ว”
“ไม่ได้! จะให้ครอบครัวข้าหมดไม่ได้”
หวังหยวนเหนียงมีความคิดในใจ นางสงสารครอบครัวที่มีภาระหนัก ชีวิตยากลำบาก แต่นางก็รู้ว่าไม่ควรกังวลแต่ครอบครัว จนไม่สนใจครอบครัวเล็กของตนเอง
นางพูดกับพี่เซิ่น
“ครอบครัวข้ามีพี่น้อง อีกสามสี่ปีก็เติบโตกันแล้ว ข้าคิดไว้แล้ว เสบียงที่ข้ากักตุนไว้เหลือไว้ครึ่งหนึ่ง อีกครึ่งหนึ่งให้ครอบครัว ให้ความช่วยเหลือแค่สามปี หลังจากสามปี นอกจากเทศกาล ไม่จำเป็นต้องให้ความช่วยเหลือใดอีก
ของขวัญของเถ้าแก่ นุ่นให้ครอบครัวข้าสองจิน ให้พ่อสามีและแม่สามีสองจิน ผ้าผืน ครอบครัวละผืน ของขวัญจากเถ้าแก่มีค่ามาก ไม่อาจสนใจแค่ครอบครัวของข้าจนไม่สนใจพ่อแม่ของท่าน จะทำให้คนอื่นนินทาเอาได้”
พี่เซิ่นยิ้มตาหยีด้วยความดีใจ “ล้วนฟังเจ้า เรื่องแบบนี้ข้าไม่เข้าใจ ล้วนแล้วแต่เจ้าจะจัดการ เสบียงที่ข้าหามาสามารถแบ่งให้พ่อตาแม่ยายครึ่งหนึ่ง น้องชายเจ้าหาเลี้ยงครอบครัวคนเดียว ภาระหนักเกินไป”
หวังหยวนเหนียงส่ายหน้าระรัว “เสบียงที่ท่านหามาได้ ไม่ต้องให้ครอบครัวข้า ท่านว่าเรือนพักร่ำรวยดีหรือไม่ ข้าคิดว่าจะปักหลักอยู่ที่นี่ ท่านคิดว่าอย่างไร หากปักหลักที่นี่ก็ต้องเก็บเงินซื้อเรือน อย่างเรือนฟางที่พวกเราเช่าก็ต้องใช้เงินไม่น้อย ซื้อเรือนยังต้องเก็บเงิน ต่อจากนี้หากมีบุตร ก็ต้องเตรียมการไว้…”