คุณหนูใบ้หัวใจแกร่ง - ตอนที่ 166 กลอุบาย
ตอนที่ 166 กลอุบาย
บ่าวรับใช้รับคำสั่งเชิญเยียนอวิ๋นเกอไปยังห้องตำรา
เยียนอวิ๋นเกอมาถึงห้องตำรา ในขณะที่กำลังจะทักทายเซียวฮูหยินผู้เป็นมารดานั้นก็พบว่าภายในห้องยังมีอีกคน
คนผู้นั้นคือพระราชบุตรเขยหลิวเป่าผิง
เอ๊ะ?
เยียนอวิ๋นเกอยังจำได้ว่าคราวก่อนท่านแม่ตักเตือนนางให้อยู่ห่างจากพระราชบุตรเขยหลิวเป่าผิง อย่ามีปฏิสัมพันธ์ใกล้ชิดกับอีกฝ่าย
วันนี้เป็นสถานการณ์อย่างไรกัน
พระราชบุตรเขยหลิวเป่าผิงมาปรากฏตัวอยู่ในจวนของตนเองได้อย่างไร
“คารวะพระราชบุตรเขยหลิว!”
เยียนอวิ๋นเกอท่าทางสุภาพ
พระราชบุตรเขยหลิวเป่าผิงพยักหน้าเล็กน้อย
เซียวฮูหยินเรียกให้เยียนอวิ๋นเกอนั่งลง
“คราวก่อนเจ้าบอกว่าแม่ทัพประตูเมืองกลั่นแกล้งเจ้าอย่างไร้สาเหตุ ในที่สุดวันนี้ก็มีข่าวที่แม่นยำแล้ว”
เยียนอวิ๋นเกอตกตะลึงเล็กน้อย นางแอบเหลือบมองไปทางหลิวเป่าผิง
หากนางเดาไม่ผิด หลิวเป่าผิงเป็นผู้นำข่าวมา
เหตุใดเขาต้องช่วยเหลือตนเอง
เซียวฮูหยินพูดต่อ “แม่ทัพประตูเมืองดูเหมือนตัวคนเดียว ไม่มีความเชื่อมโยงกับฝ่ายใดในเมืองหลวง แต่ความจริงแล้วเขาเป็นคนของเถาฮองเฮา สาเหตุที่เขากลั่นแกล้งเจ้าเพราะได้รับคำสั่งมา เจ้าทำให้องค์หญิงติ้งเถาขุ่นเคือง เถาฮองเฮาสงสารบุตรสาว จึงสั่งให้แม่ทัพประตูเมืองกลั่นแกล้งเจ้า เพื่อแก้แค้นให้องค์หญิงติ้งเถา แต่ว่าเจ้าวางใจ เถาฮองเฮาจะไม่กลั่นแกล้งเจ้าไปตลอด เพียงแค่ลงโทษเล็กน้อย ต่อจากนี้เจ้าอยู่ให้ห่างติ้งเถาเอาไว้ อย่าให้โอกาสนางได้อาละวาดอีก”
เยียนอวิ๋นเกอกระจ่าง
นางว่าแล้ว สองปีนี้นางสงบเสงี่ยม ไม่ทำให้ผู้ใดขุ่นเคือง เหตุใดแม่ทัพประตูเมืองจึงกลั่นแกล้งนางคนเดียว
มีเพียงองค์หญิงติ้งเถาที่เคียดแค้นนางอยู่เสมอ งานเลี้ยงอภิเษกของตนเองก็ไม่ลืมที่จะสาดสุราใส่หน้านาง
สุดท้ายองค์หญิงติ้งเถาไม่ใช่คู่ต่อสู้ของตนเอง ดังนั้นจึงเข้าวังเพื่อขอความช่วยเหลือ
ดู เถาฮองเฮามีฝีมือระดับใด ทิ้งห่างจากองค์หญิงติ้งเถามากน้อยเพียงใด
องค์หญิงติ้งเถามีเพียงจะแก้แค้นโดยใช้กลุบายที่จะทิ้งร่อยรอยความผิดเอาไว้ให้คนอื่นจับได้
แล้วดูกลอุบายของฮองเฮา นางเปลี่ยนแม่ทัพประตูเมืองให้กลายเป็นคนของตนเองอย่างไร้เสียง อีกทั้งยังไม่ทำให้แต่ละฝ่ายตื่นตระหนก แม้แต่ฮ่องเต้ก็ไม่ทันสังเกต
เพียงแค่แม่ทัพประตูเมืองจงใจกลั่นแกล้งก็ทำให้เยียนอวิ๋นเกออึดอัดใจอย่างมาก อีกทั้งยังไร้ซึ่งหนทาง นอกจากนี้ยังจำเป็นต้องจ่ายเงินค่าส่วยเป็นเท่าตัว
สิ่งที่ร้ายกาจที่สุดคืออีกฝ่ายไม่ได้ทิ้งร่องรอยให้จับผิดเอาไว้ได้แม้แต่น้อย ไม่กลัวผู้ใดตรวจสอบทั้งสิ้น
ผู้ใดจะกล่าวได้ว่าแม่ทัพประตูเมืองทำไม่ถูก
การตรวจสอบรถม้าขนสินค้าเข้าออกประตูเมืองอย่างเข้มงวดเป็นหน้าที่ของเขาในเดิมทีอยู่แล้ว
การเก็บค่าส่วยก็เป็นเรื่องที่ถูกต้องเหมาะสม
เยียนอวิ๋นเกอจะทำอย่างไรได้ นางทำได้เพียงอดกลั้นความโกรธเอาไว้ ยอมรับความเสียหาย
กลอุบายในการจัดการคนของเถาฮองเฮาช่างทำให้คนโกรธจนกระอักเลือดได้เสียจริง
หากเถาฮองเฮาโหดกว่านี้อีกเล็กน้อย นางสามารถส่งคนมาตรวจสอบเรือนพักร่ำรวย ทำให้เรือนพักร่ำรวยล้มละลาย
ทำให้ความพยายามหลายปีของเยียนอวิ๋นเกอล่มสลายภายในชั่วพริบตา
เหตุผล?
การตรวจสอบเรือนพักหนึ่งมีเหตุผลมากมาย
ไม่มีเหตุผลก็สร้างเหตุผลขึ้นมาได้
อีกทั้งยังทำให้เจ้าไร้ซึ่งคำพูด ไม่อาจอธิบายได้
นี่คือการปะทะกันระหว่างคนมีฝีมือ
โชคดีที่เถาฮองเฮาไม่มีกำลังที่จะจัดการนาง เพียงแค่ใช้กลอุบายทำให้นางอึดอัด เรื่องก็ถือว่าผ่านไปแล้ว
เพียงแต่…
เหตุใดพระราชบุตรเขยหลิวเป่าผิงจึงปรากฏตัวที่นี่ เหตุใดจึงมาส่งข่าว
เขายืนอยู่ฝ่ายใดกันแน่
ติ้งเถาเป็นภรรยาของนาง เขามีเหตุผลใดที่จะละทิ้งติ้งเถา หันกลับมาช่วยเหลือนาง
เยียนอวิ๋นเกอโอบอุ้มความสงสัย แต่ไม่แสดงออกมาทางสีหน้า “ขอบพระคุณพระราชบุตรเขยหลิวที่มาส่งข่าว ในที่สุดก็ไม่ต้องสงสัยวิ่งวุ่นเหมืองแมลงวันไร้หัว แม้แต่ทำให้ผู้ใดขุ่นเคืองก็ยังไม่อาจทราบได้”
หลิวเป่าผิงยิ้มบาง “ถึงแม้ไม่มีข้า อาศัยฝีมือของท่านหญิงก็สามารถสืบความจริงได้ในไม่ช้า”
เยียนอวิ๋นเกอยิ้ม “ข้าต้องดีใจที่ฮองเฮาไม่ทรงมีเจตนาสังหารข้า มิฉะนั้นหัวของข้าคงหล่นลงพื้นไปแล้ว”
หลิวเป่าผิงเลิกคิ้ว “คุณหนูสี่ล้อเล่นหรือ กลั้นแกล้งท่านอย่างลับๆ ยังพอได้ แต่หากต้องการชีวิตของท่าน คงจะยากลำบากยิ่งนัก ฝีมือของท่าน รวมทั้งองครักษ์ข้างตัวท่าน คงจะไม่มีผู้ใดสามารถเอาชีวิตของท่านได้อย่างง่ายดาย”
“พระราชบุตรเขยหลิวเกรงใจ? ข้ามีความสงสัยบางเรื่อง ไม่รู้ควรถามหรือไม่”
“ท่านอยากถามว่าเหตุใดข้าต้องมาส่งข่าวให้พวกท่าน?”
เยียนอวิ๋นเกอพยักหน้า
ไม่ว่าเป็นผู้ใดก็ย่อมต้องสงสัย
ตระกูลเยียนไม่มีปฏิสัมพันธ์กับตระกูลหลิว หลิวเป่าผิงมีเหตุผลใดต้องช่วยเหลือนาง
พระราชบุตรเขยหลิวเป่าผิงยิ้ม พลันพูด “ข้ามีน้องสาวหนึ่งคน รูปลักษณ์งดงาม นิสัยตรงไปตรงมา อยากจะหมั้นหมายกับนายน้อยรองตระกูลเยียน ไม่ทราบว่าท่านหญิงมีความคิดเห็นว่าอย่างไร”
การปรองดองกับตระกูลเยียนและท่านหญิงจู้หยางเป็นจุดประสงค์ที่แท้จริงในการมาเยือนของเขา
การเปิดเผยว่าแม่ทัพประตูเมืองเป็นคนของเถาฮองเฮาก็เป็นแค่การแสดงเจตนาบริสุทธิ์
เยียนอวิ๋นเกอถลึงตาโตด้วยความประหลาดใจ
นางมองไปทางเซียวฮูหยินอย่างไร้เสียง
เซียวฮูหยินพูดขึ้นอย่างไม่รีบร้อน “กล้าถามน้องสาวของพระราชบุตรเขยอายุเท่าใด ปกติทำอันใด รู้หนังสือหรือไม่”
พระราชบุตรเขยหลิวโน้มตัวเล็กน้อย “ทูลท่านหญิง น้องสาวของข้าอายุสิบหก ชื่นชอบในการขี่ม้ายิงธนู มีทหารห้าร้อยนายอยู่ในมือ ท่านพ่อเชิญซินแสมาสอนหนังสือนางตั้งแต่ยังเด็ก เคยอ่านตำราหลายเล่ม รู้หนังสืออยู่บ้าง”
เซียวฮูหยินส่งเสียงตอบรับ “งานแต่งนี้เป็นความคิดของพระราชบุตรเขยเอง หรือว่าของผู้ใหญ่ในตระกูล”
พระราชบุตรเขยหลิวเป่าผิงพูดขึ้นโดยตรง “ไม่ปิดบังท่านหญิง งานแต่งนี้เป็นความคิดของข้า แต่ว่าท่านหญิงไม่ต้องกังวล ความหมายของข้าก็คือความหมายของผู้ใหญ่ในตระกูล หากท่านหญิงเห็นด้วยกับงานแต่งนี้ วันพรุ่งข้าจะให้คนส่งข่าวกลับเหลียงโจว ให้ผู้ใหญ่ในตระกูลจัดการเรื่องงานแต่ง
นอกจากนี้ ท่านหญิงก็ไม่ต้องกังวลว่าพี่อวิ๋นถงจะคัดค้านงานแต่งนี้ พี่อวิ๋นถงเคยพบหน้ากับน้องสาวข้าหลายครั้ง ทั้งสองต่างมีความรู้สึกดีต่อกัน น้องสาวข้าใกล้ถึงอายุที่เหมาะสมแก่การหมั้นหมายแล้ว ดังนั้นข้าจึงบังอาจเสนอให้ทั้งสองตระกูลปรองดองกัน”
เซียวฮูหยินกระจ่าง นางเพิ่งรู้ว่าบุตรชายของตนเองเคยพบกับคุณหนูท่านนี้มาหลายครั้งแล้ว
นางถาม “นางเป็นน้องสาวร่วมมารดาของเจ้าหรือ”
พระราชบุตรเขยหลิวเป่าผิงพยักหน้า “เพราะนางเป็นน้องสาวร่วมมารดา ข้าจึงกลัวนางออกเรือนไปจะได้รับความไม่เป็นธรรม ดังนั้นจึงไม่ได้หมั้นหมายเสียที จนกระทั่งได้รู้จักกับพี่อวิ๋นถง จึงมีความคิดที่จะหมั้นหมายให้น้องสาว”
เซียวฮูหยินยิ้ม พูดเล่นขึ้นมา “ไม่ทราบว่าน้องสาวของพระราชบุตรเขยจะรูปงามเท่าครึ่งหนึ่งของพระราชบุตรเขยหรือไม่”
หลิวเป่าผิงไม่โกรธ หากแต่หัวเราะร่า “ท่านหญิงวางใจ น้องสาวของข้าไม่อัปลักษณ์ ตรงกันข้าม นางงดงามอย่างมาก”
อ้อ!
เซียวฮูหยินยกแก้วชาขึ้นจิบหนึ่งคำ “สถานการณ์ตระกูลเยียนของพวกข้า พระราชบุตรเขยคงจะรู้ดี ถึงแม้อวิ๋นถงจะเป็นบุตรจากภรรยาเอก แต่เขาไม่ได้รับความโปรดปรานจากบิดา ทรัพย์สมบัติของตระกูลโหวก็มีโอกาสที่จะไม่ตกถึงมือของเขาในอนาคต น้องสาวของเจ้าอาจต้องลำบากหากแต่งงานกับอวิ๋นถง ท่านและผู้ใหญ่ในตระกูลยอมหรือ”
“ลำบากบ้างเป็นเรื่องปกติ สิ่งสำคัญคือคนต้องเชื่อถือได้ พี่อวิ๋นถงเป็นคนที่เชื่อถือได้ สามารถฝากชีวิตเอาไว้ งานแต่งนี้ ข้าคิดว่าผู้ใหญ่ในตระกูลย่อมไม่มีทางคัดค้าน”
พระราชบุตรเขยหลิวเป่าผิงพูดด้วยความมั่นใจ
เห็นได้ชัดว่าเขากับเยียนอวิ๋นถงไม่เพียงรู้จัก หากแต่คุ้นเคยกันอย่างมาก
ไม่แน่ว่าเยียนอวิ๋นถงอาจมีความคิดที่จะสู่ขอต่อตระกูลหลิวอยู่ก่อนแล้ว เพียงแต่ไม่มีผู้ใดจัดการแทนเขา เซียวฮูหยินผู้เป็นมารดาก็อยู่ไกลถึงเมืองหลวง
หากให้บิดาชั่วอย่างเยียนโส่วจ้านออกหน้าสู่ขอ ก็กลัวบิดาชั่วเยียนโส่วจ้านขัดขวางกลางคัน
เยียนอวิ๋นเกอพยุงหน้าผาก
นับแต่พี่ชายซื่อบื้อของตนเอง เกรงว่าคงจะขายตัวเองให้หลิวเป่าผิงไปนานแล้ว
หลิวเป่าผิงเป็นคนที่ฉลาดเพียงใด เขามีจิตใจที่ละเอียดอ่อนแต่กำเนิด
พี่ชายของตนเองจะเป็นคู่ต่อสู้ของเขาได้อย่างไร
เซียวฮูหยินพูดด้วยความจริงจัง “เรื่องสำคัญอย่างคู่ครองของบุตราชายย่อมต้องระมัดระวัง พระราชบุตรเขยโปรดให้อภัย ข้ายังไม่อาจตอบท่านได้ชั่วคราว ข้าจะเขียนจดหมายให้บุตรชาย ถามความคิดเห็นของเขา หากเขาไม่คัดค้านที่จะปรองดองกับตระกูลหลิว ข้าก็ยินดี”
พระราชบุตรเขยหลิวเป่าผิงดีใจอย่างมาก “ซักถามความคิดเห็นของพี่อวิ๋นถงเป็นเรื่องที่สมควร ตระกูลหลิวจริงใจที่จะปรองดองกับท่านหญิง”
“ข้าเห็นความจริงใจของพระราชบุตรเขยแล้ว เมื่อมีข่าวแล้ว ข้าจะให้คำตอบท่านในเวลาแรก!”
“ขอบพระคุณท่านหญิง! ข้าจะกลับไปรอฟังข่าวดี”
“ดีมาก!”
พระราชบุตรเขยหลิวเป่าผิงลุกขึ้นขอตัว
เซียวฮูหยินก็ไม่รั้งเขาเอาไว้ เพียงแค่ให้พ่อบ้านส่งเขาออกจากจวนไป
…
“ท่านแม่จะปรองดองกับตระกูลหลิวจริงหรือ”
ทันทีที่หลิวเป่าผิงจากไป เยียนอวิ๋นเกอก็ถามขึ้นอย่างรีบร้อน
เซียวฮูหยินพูดอย่างจริงจัง “งานแต่งกับตระกูลหลิวนี้ไม่เลว หากพี่สองของเจ้ารู้จักกับคุณหนูตระกูลหลิวจริง ก็ถือว่าเป็นคู่ครองที่ดีไม่น้อย”
เยียนอวิ๋นเกอขมวดคิ้ว
เซียวฮูหยินถามนาง “เจ้ากำลังกังวลพระราชบุตรเขยหลิวเป่าผิง?”
เยียนอวิ๋นเกอพยักหน้าอย่างจริงจัง “ใช่! เขาเป็นบุตรเขยของเถาฮองเฮา สามีขององค์หญิงติ้งเถา แต่เมื่อเขามาเยือนก็เปิดโปงเถาฮองเฮาและองค์หญิงติ้งเถาทันที แน่นอน เขาเพียงแค่ส่งข่าวบอกพวกเราว่าแม่ทัพประตูเมืองเป็นคนของเถาฮองเฮา ซึ่งเป็นเรื่องดีสำหรับพกเรา
แต่เขาเปิดโปงคนข้างกายอย่างไม่ลังเลแม้แต่น้อย ข้าคิดว่าเขาเย็นชาเกินไป ไร้ซึ่งคุณธรรม คนเช่นนี้หากปรองดองด้วย ข้ากังวลว่าวันหนึ่งเขาจะขายตระกูลเยียนของพวกเราอย่างไม่ลังเลเช่นเดียวกัน”
เซียวฮูหยินเม้มปากยิ้ม “ดีมาก! เจ้าดูเขาไม่ผิด พระราชบุตรเขยหลิวเป่าผิงเหมือนอย่างที่เจ้าพูด เขาเป็นคนที่เย็นชา ซึ่งก็เหมาะสมกับฐานะของเขา เหลียงโจวเป็นพื้นที่ที่ยากเข็ญเสียยิ่งกว่าโยวโจว เต็มไปด้วยหลากหลายเผ่าพันธุ์ มีการจลาจลเกิดขึ้นเป็นประจำ คนที่กำเนิดและเติบโตในสถานที่เช่นนั้นมักทำสงครามอยู่เป็นประจำ เมื่อเห็นความตายจนเคยชิน จะไม่เย็นชาได้อย่างไร”
เยียนอวิ๋นเกอถาม “ท่านแม่จะปรองดองกับตระกูลหลิวจริงหรือ”
ฟังจากคำพูดของมารดา เหมือนนางจะไร้อคติต่อพระราชบุตรเขยหลิวเป่าผิง
เซียวฮูหยินพูดต่อ “แต่ว่าดูจากการปฏิบัติต่อน้องสาวของเขา เขาเป็นคนที่มีคุณธรรมอย่างเห็นได้ชัด เจ้ารู้จักนิสัยของพี่สองเจ้า ไม่ว่าหญิงสาวใดแต่งงานกับพี่สองเจ้าล้วนไม่ต้องกลัวความไม่เป็นธรรม ไม่กล้าบอกว่าชีวิตจะราบรื่น แต่สามีภรรยากลมเกลียวเป็นเรื่องที่แน่นอน เขาหมั้นหมายน้องสาวของตนให้พี่สองเจ้า ย่อมเพราะเห็นแก่นิสัยของพี่สองเจ้า”
เยียนอวิ๋นเกอถามด้วยรอยยิ้ม “ท่านแม่ชื่นชมนิสัยของพระราชบุตรเขยอย่างมาก?”
เซียวฮูหยินพูด “ข้าชื่นชมที่เขาใส่ใจต่อคนในครอบครัว แต่ไม่เห็นด้วยกับการกระทำที่เขาเปิดโปงเถาฮองเฮาและองค์หญิงติ้งเถา”
ไม่ว่าจะมีความรักหรือไม่ อย่างไรก็ตาม หลิวเป่าผิงก็เป็นสามีภรรยากับองค์หญิงติ้งเถา
เขาเปิดโปงคนข้างกายอย่างง่ายดาย ช่างทำให้คนหนาวใจ
อาทิ เยียนโส่วจ้านปฏิบัติต่อคนข้างกายเย็นชาอย่างมาก
แน่นอน เซียวฮูหยินไม่ได้รับผลประโยชน์แล้วยังทำเป็นไม่ต้องการ
“พวกเรายอมรับน้ำใจของเขา ต่อจากนี้มีโอกาสค่อยทดแทนบุญคุณของเขา เรื่องปรองดอง รอข่าวของพี่สองเจ้าค่อยหารือกัน”
เยียนอวิ๋นเกอตอบรับ
เรื่องการทดแทนบุญคุณของหลิวเป่าผิงไม่ง่ายนัก
มอบของขวัญย่อมเป็นไปไม่ได้
เพียงแค่หวังว่าในอนาคต หากหลิวเป่าผิงให้พวกนางแม่ลูกทดแทนบุญคุณจะไม่กลั่นแกล้งกันเกินไป