คุณหนูใบ้หัวใจแกร่ง - ตอนที่ 182 ตายอย่างกระจ่าง
ตอนที่ 182 ตายอย่างกระจ่าง
ในที่สุดเซียวกั้วก็ตัดสินใจไม่เชิญผู้ชันสูตร
ในวังไม่ได้ติดใจสาเหตุการตายของท่านพ่อ หากเขาวิ่งไปเชิญผู้ชันสูตร ในวังรู้เข้าจะคิดอย่างไร
จะลงโทษหรือไม่
จะทำให้คนทั้งจวนเดือนร้อนหรือไม่
คนที่มีชีวิตอยู่สำคัญกว่า
เขาพูดอย่างหนักแน่น “ไม่เชิญผู้ชันสูตร”
เซียวอี้ยิ้มอย่างรู้ทัน ราวกับคาดเดาไว้ก่อนแล้วว่าเขาจะไม่ยอมเชิญผู้ชันสูตร
พระชายาฉินสะอื้นหนึ่งที “ท่านอ๋องตัดสินใจถูกต้อง ไม่ควรเชิญผู้ชันสูตร”
เซียวกั้วพูดต่อเซียวอี้ “ข้าไม่คิดว่าเจ้าจะกลับมาเร็วเพียงนี้ ในจวนจะจัดงานศพให้ท่านพ่อ เจ้าพักอยู่ต่อก่อน เรือนของเจ้าเตรียมไว้ให้เรียบร้อยแล้ว มีคนดูแลเก็บกวาดอยู่เสมอ”
เซียวอี้โบกมือ “เรื่องพวกนี้ค่อยว่ากัน”
เขาลุกขึ้นเดินไปตรงหน้าโลงศพ
เมื่อเขายื่นมือก็มีทหารส่งถุงมือมาให้ทันที
เขาสวมถุงมือพลันเอื้อมมือเข้าไปในโลง
พระชายาฉินตะคอกเสียงดัง “เจ้าทำอันใด ท่านพ่อเจ้าตายไปแล้ว เจ้ายังไม่ปล่อยเขาไปอีกหรือ”
“หุบปาก!” เซียวอี้ตะหวาดกลับ ทันใดนั้นทำให้ความคิดที่จะมีการเคลื่อนไหวของทุกคนในห้องโถงถูกข่มลงไป
“ไม่เชิญผู้ชันสูตรก็แค่เพียงกลัวอับอาย แต่ข้ามีความรู้ด้านการชันสูตรอยู่พอดี อีกทั้งยังเคยชินกับการตายหลากหลายรูปแบบ คนผู้นี้ตายอย่างไร ข้าก็สามารถดูได้อยู่บ้าง”
ทันทีที่สิ้นเสียง เซียวอี้ก็เริ่มลงมือตรวจสอบ
พระชายาฉินตะโกนด้วยความโกรธ “ลูกทรพี เจ้าหยุด! เจ้ากำลังหยามเกียรติท่านพ่อของเจ้า เจ้าต้องถูกสวรรค์ลงโทษ”
เซียวอี้ไม่แม้แต่จะมองนาง เขาพลางตั้งใจตรวจสอบ พลางพูด “เจ้าจะหุบปาก หรือเจ้าอยากถูกไล่ออกไป เจ้าเลือกเอง!” โนเวล-พีดีเอฟ
พระชายาฉินโกนธอย่างเดือดดาล
เซียวสวิ้นเดินออกมา พลันพูด “น้องหก เจ้าพูดเช่นนี้กับท่านแม่ได้อย่างไร”
เซียวอี้หัวเราะเสียงเย็น กวาดตามองเขาอย่างดูถูก “ข้ากล้าแม้แต่จะฆ่านาง เหตุใดจึงพูดกับนางเช่นนี้ไม่ได้ หรือเจ้าอยากให้ข้าฆ่าท่านแม่ของเจ้า”
เซียวสวิ้น “…”
เขาไม่กล้าพูดสิ่งใดออกมาอีก
เพราะว่าเซียวอี้พูดจริงทำจริง
เขากังวลว่าหากตนเองเปิดปากพูดขึ้นมา เซียวอี้จะฆ่าท่านแม่จริงๆ
พระชายาฉินระเบิดออกมา “เซียวอี้ เจ้าถูกท่านพ่อเจ้าขับไล่ออกจากตระกูลแล้ว เจ้าไม่ใช่คนของตระกูลนี้อีก เจ้าออกไป! ที่นี่ไม่ต้องให้เจ้ามาชี้นิ้วสั่ง”
เซียวอี้หัวเราะเสียงเย็น
เซียวกั้วทำหน้าบึ้ง “เวลานี้ข้าเป็นนายท่านแห่งตระกูลนี้ ข้าบอกว่าเซียวอี้มีคุณสมบัติยืนอยู่ตรงนี้ มีคุณสมบัติตรวจสอบสาเหตุการตายของท่านพ่อ ผู้ใดกล้าคัดค้าน!”
พระชายาฉินโกรธจนเจ็บหน้าอก ร่างกายของนางทำท่าเหมือนจะล้มลงกับพื้น
เซียวสวิ้นหูตาไว รีบพยุงมารดาเอาไว้ “ท่านแม่ เป็นอันใดหรือไม่”
พระชายาฉินสีหน้าซีดเผือดราวกับได้รับการกระทบกระเทือนทางจิตใจอย่างรุนแรง
นางจับมือของเซียวสวิ้นผู้เป็นบุตรชายเอาไว้ “พยุงข้ากลับห้อง”
เซียวสวิ้นพยักหน้าระรัว พลันพยุงมารดาออกจากห้องโถงไป
เซียวอี้หันกลับมามองพวกเขาแม่ลูกจากไป มุมปากของเขายกขึ้นเผยให้เห็นความเสียดสี
หลังจากนั้นหนึ่งดอกธูป เขาสิ้นสุดการตรวจสอบ
หลังจากถอดถุงมือออก เขาก็ใช้น้ำร้อนล้างมือ
เซียวกั้วรีบถาม “ตรวจพบอันใดหรือไม่ ท่านพ่อติดคอตายจริงหรือ”
ท่าทีของเซียวอี้ไม่กระจ่างนัก “ค่อยว่ากันเถิด! จัดงานศพก่อน”
เซียวกั้วขมวดคิ้ว ตกลงว่าตายเพราะติดคอหรือสาเหตุอื่น ขอคำตอบได้หรือไม่!
หรือความจริงแล้วตรวจสอบไม่พบสิ่งใด แต่ไม่ยอมพูดออกมาเพราะกลัวขายหน้า
เขามองเซียวอี้ด้วยสีหน้าสงสัย “เจ้าตรวจสอบไม่พบสิ่งใดหรือ”
เซียวอี้ลิกคิ้ว พลันพูด “ข้ายังต้องสอบสวนคนที่ปรนนิบัติอยู่ข้างกายท่านพ่อ ท่านไม่เชื่อข้าหรือ”
เซียวกั้วส่ายหน้า “ไม่ใช่ไม่เชื่อเจ้า หากสาเหตุการตายของท่านพ่อไม่มีข้อสงสัย ข้าไม่อยากให้เกิดปัญหา ทำให้ผู้คนอกสั่นขวัญแขวน”
“หากสาเหตุการตายของท่านพ่อมีข้อสงสัย ท่านคิดจะทำอย่างไร” เซียวอี้ถาม
เซียวกั้วขมวดคิ้ว พูดด้วยน้ำเสียงดุดัน “หากมีข้อสงสัย หากเป็นคนข้างกายของท่านพ่อ มีหนึ่งประหารหนึ่ง มีคู่ประหารคู่ หากการตายของท่านพ่อเกี่ยวข้องกับในวัง เจ้าว่าควรทำอย่างไร การตายของท่านพ่อจะเกี่ยวข้องกับฮ่องเต้หรือไม่”
เซียวอี้หัวเราะ “หากฮ่องเต้อยากประหารท่านพ่อไม่จำเป็นต้องใช้กลอุบายอ้อมค้อม เพียงแค่พระราชทานสุราพิษ ท่านพ่อก็ตายอย่างสมเหตุสมผล บนราชสำนักย่อมไม่มีผู้ใดกล้าพูดจาเหลวไหล”
เซียวกั้วมีความกังวลภายในใจ “เจ้าหมายความว่าการตายของท่านพ่อไม่เกี่ยวกับในวัง เจ้ามั่นใจหรือ”
เซียวอี้ถามเขากลับ “ท่านเชื่อข้าหรือไม่”
เซียวกั้วกัดฟัน พยักหน้าอย่างหนัก “ข้าเชื่อเจ้า!”
“ในเมื่อท่านเชื่อข้า ท่านก็อดทนรอข้าตรวจสอบให้กระจ่าง เมื่อถึงเวลาข้าจะให้คำตอบแก่ท่าน”
…
เซียวอี้พักอยู่ในจวนท่านอ๋อง
พระชายาฉินล้มป่วย นอนอยู่บนเตียงลุกไม่ขึ้น
เซียวสวิ้นพลางต้องเป็นลูกกตัญญูไว้ทุกข์ให้บิดา พลางต้องปรนนิบัติมารดา เหนื่อยจนแทบจะยืนไม่ไหว ขาทั้งสองข้างสั่นเทา
เซียวกั้วก็ไม่ได้ดีไปกว่าเขามากเท่าใด เขาเป็นนายท่านจองตระกูล นอกจากไว้ทุกข์แล้ว เรื่องที่ต้องรับมือก็มีมากมาย
ท่านอ๋องตงผิงองค์ก่อนสิ้นพระชนม์ ราชวงศ์และบรรดาท่านอ๋องต่างเดินทางมาระลึก
มีคนจำนวนไม่น้อยเกิดความสงสัยในใจ พวกเขาต่างสงสัยว่าคนในวังลงมือต่อท่านอ๋องตงผิง ลับหลังมีการถกเถียงมากมาย
จนกระทั่งซุนปังเหนียน ซุนกงกงรับพระราชโองการมุ่งหน้ามาพระราชทานเงินให้แก่จวนท่านอ๋องตงผิง กระนั้นจึงทำลายความสงสัยของทุกคน
ผู้คนต่างรู้ว่าฮ่องเต้ทรงตระหนี่เพียงใด
ดูจากเงินที่ซุนปังเหนียนส่งมา มีถึงหนึ่งร้อยก้วนหรือไม่
หากฮ่องเต้คิดจะซื้อใจผู้คน ล้างความผิดให้ตัวเอง อย่างน้อยก็ต้องมีหนึ่งพันก้วนหรือไม่
เงินค่าทำศพไม่ถึงหนึ่งร้อยก้วนช่างสมกับลักษณะความตระหนี่ของฮ่องเต้เหมือนเคย
เซียวกั้วตื่นเต้นอย่างมากเมื่อเผชิญหน้ากับซุนปังเหนียน ซุนกงกง!
เขารู้สึกว่าลิ้นของตนเองพันกัน
เหตุใดจุงกลัวเพียงนี้
เพราะชีวิตของคนทั้งตระกูลล้วนถูกกุมในมือของผู้อื่น
ซุนปังเหนียนเพียงแค่พูดจาใส่ร้ายจวนท่านอ๋องตงผิงต่อหน้าฮ่องเต้ประโยคเดียวก็เพียงพอที่จะทำให้จวนท่านอ๋องตงผิงล่มสลาย
เซียวกั้วแทบอยากจะบูชาซุนปังเหนียนราวกับบูชาบรรพบุรุษ
จนกระทั่งเซียวอี้ปรากฏตัว
ท่าทีของเซียวอี้ผ่อนคลายอย่างมาก “ซุนกงกง! เหตุใดจึงว่างเดินทางมาเอง ส่งขันทีประตูเมืองเดินทางมาก็พอแล้ว”
ซุนปังเหนียนหัวเราะ “แม่ทัพเซียวเป็นอย่างไรบ้าง! เรื่องที่ฝ่าบาททรงรับสั่ง ข้าจะกล้าล่าช้าได้อย่างไร ตอนนั้นท่านอ๋องตงผิงพักอยู่ในเมืองหลวง ข้าก็มีปฏิสัมพันธ์กับเขาอยู่บ้าง เวลานี้เขาจากไปแล้ว ข้าก็ควรมาดู”
เซียวอี้ถามขึ้นทันที “ท่านพ่อข้าสิ้นพระชนม์ ในวังว่าอย่างไรบ้าง”
เซียวกั้วที่อยู่ด้านข้างเหงื่อตก
เขาอยากจะกอดหัวของเซียวอี้เอาไว้ แล้วอุดปากของอีกฝ่าย
เหตุใดจึงถามอย่างตรงไปตรงมาเช่นนี้
อ้อมค้อมหน่อยไม่ได้หรือ
อย่างน้อยน้ำเสียงก็ต้องสุภาพกว่านี้ จะพูดตามใจตนเองเช่นนี้ได้อย่างไร เขาคิดว่าตนเองสนิทกับซุนกงกงมากหรือ
ถึงแม้จะเป็นคนรู้จักก็ต้องดูสถานการณ์ เวลานี้ไม่เหมือนแต่ก่อน!
ซุนปังเหนียนไม่ถือสาน้ำเสียงของเซียวอี้ เขาพูด “ในวังไม่ได้พูดอันใด เมื่อรู้ว่าที่จวนกำลังจัดงานศพ ก็รับสั่งให้ข้ามาส่งเงินจำนวนหนึ่ง เรื่องอื่นไม่ได้มีรับสั่ง”
อ่อ!
เซียวอี้กระจ่างใจ
การตายของท่านพ่อเป็นเหมือนน้ำที่หยดลงบ่อ ไม่มีแม้แต่คลื่น
เรื่องเล็กเพียงนี้ ฮ่องเต้ย่อมไม่สนใจ
เขายกมือ “ขอบคุณซุนกงกง ข้าเข้าใจแล้ว!”
“แม่ทัพเซียวเป็นคนฉลาด หากวันอื่นมีเวลาว่าง พวกเราไปดื่มสุราด้วยกัน”
เซียวอี้รับปาก พร้อมส่งคนออกจากจวน
เซียวกั้วถามอย่างรีบร้อน “ซุนกงกงหมายความว่าอย่างไร”
“ท่านพ่อสิ้นพระชนม์ ไม่สนใจว่าจะเพราะสาเหตุใด เพียงแค่ข่าวไม่รั่วไหลออกจากจวน ในวังก็จะไม่สนใจ”
เซียวอี้ปลอบใจเซียวกั้ว
เซียวกั้วถอนหายใจยาวด้วยความโล่งอก
พลบค่ำ เมื่อแขกเหรื่อกลับไป
เซียวอี้มาถึงเรือนด้านหลังเพื่อพบพระชายาฉิน
เซียวสวิ้นรั้งไว้อยู่ที่หน้าประตูไม่ยอมให้เขาเข้าไป ทำท่าราวกับเผชิญศัตรูร้าย
เซียวอี้ยิ้มดูถูก “เจ้าคิดว่าจะรั้งข้าได้หรือ”
เซียวสวิ้น “…”
เขากลืนน้ำลายลงคอหลายที ก่อนจะหลีกทางอย่างเงียบๆ
เซียวอี้ส่งเสียงไม่พอใจ ตอนที่เดินผ่านตัวเขาก็พูดขึ้น “หวังว่าเจ้าจะรู้สถานะตัวเองในทุกเรื่อง”
เซียวสวิ้นโกรธจัด แต่ไม่กล้าปะทุออกมา ทำได้เพียงมองเซียวอี้เดินเข้าห้องนอนไป
ประตูปิดลง
เซียวอี้นั่งลงบนเก้าอี้ตัวกลมข้างเตียง “ไม่ต้องแสร้งป่วย! ลุกขึ้นมา!”
พระชายาฉินที่นอนสลบอยู่ในเดิมทีลืมตาขึ้น นางจ้องมองเซียวอี้อย่างเคียดแค้น “เจ้าถูกท่านพ่อของเจ้าขับไล่ออกจากตระกูลนานแล้ว เจ้าไม่มีสิทธิเหยียบย่ำเข้ามาในจวนท่านอ๋องแม้แต่ก้าวเดียว”
“ไม่สำคัญว่าข้าจะมีสิทธิหรือไม่ เรื่องสำคัญคือท่านพ่อตายอย่างไร”
พระชายาฉินหัวเราะเสียงเย็น นางลุกขึ้นมานั่งบนเตียง “เขาตายเพราะอาหารติดคอ! ไม่ว่าผู้ใดมาตรวจสอบก็จะเป็นเช่นนั้น ไม่มีความเป็นไปได้ที่สอง”
เซียวอี้พยักหน้า “ท่านพ่อติดคอตายจริง เพียงแต่ท่านจะถูกอาหารติดคอจนตายได้อย่างไร”
พระชายาฉินถอนหายใจ “คนแก่แล้ว โรคบนตัวนับวันย่อมมีมากขึ้น ติดคอตายไม่น่าแปลกใจ เพียงแต่ตายอย่างไม่สมเกียรตินัก จะถูกผู้คนหัวเราะเยาะเอา”
เซียวอี้ยิ้มอย่างมีนัย “ข้าถามคนที่ปรนนิบัติอยู่ข้างกายท่านพ่อ นับแต่ครึ่งปีหลังของปีที่แล้ว ร่างกายของท่านพ่อก็ไม่ดีนัก หมอหลวงจ่ายยามา กำชับให้ควบคุมด้านอาหาร แต่ข้ากลับได้ยินว่าท่านจงใจปล่อยให้ท่านพ่อทานอาหารจำนวนมาก”
พระชายาฉินแสดงสีหน้าโกรธเคืองและไม่เป็นธรรม “เจ้าใช่ว่าจะไม่รู้นิสัยของท่านพ่อเจ้า เขาถูกกักขังอยู่ในเรือนนั้น แต่ละวันไม่มีสิ่งใดให้คร่าเวลา นอกจากกินยังจะทำสิ่งใดได้อีก ไม่ให้เขากิน เขาก็กล้างัดหลังคาทิ้ง เจ้าคิดว่าข้าจงใจปล่อยให้เขากินอาหารมากเกินไป แต่ไม่รู้ว่าข้าก็พยายามห้ามปรามเขาแล้ว แต่ก็ห้ามไม่อยู่ ไม่ให้เขากิน เขาก็ตีข้า เจ้าบอกข้ามาว่าข้าจะทำอย่างไรได้”
เซียวอี้ยิ้มเย็น “หากพูดเช่นนี้ ท่านไม่เพียงไม่ผิด หากแต่ยังมีความชอบ”
พระชายาฉินแสดงสีหน้าเย้ยหยัน “ข้าไม่กล้าพูดว่าข้ามีความชอบมากเพียงใด แต่อย่างน้อยก็มีความชอบมากกว่าเจ้า ท่านพ่อเจ้าถูกกักขัง เจ้าเคยไปเยี่ยมเขาหรือไม่ เคยดูแลเขาสักวันหรือไม่ เป็นข้าที่เฝ้าอยู่ข้างกายทุกคืนวัน เป็นข้าที่คอยคุยแก้เหงากับเขาทุกวัน เป็นข้าที่พยายามบรรเทาความเครียดให้เขา ส่วนเจ้าไม่เคยทำสิ่งใดเลย เจ้าอย่าคิดจะโทษว่าการตายของท่านพ่อเจ้าเป็นความผิดของข้า”
“เจ้าคงทุกข์ทรมานอย่างมากที่ต้องถูกกักขังพร้อมกับท่านพ่อใช่หรือไม่! เจ้าเฝ้ารอวันที่จะได้ออกจากการกักขัง แต่เจ้ารู้ดีว่าหากท่านพ่อยังมีชีวิตอยู่ เจ้าก็อย่าคิดจะได้หลุดพ้นออกมา ทำอย่างไรดี หากท่านพ่อตาย ปัญหาทั้งหมดย่อมคลี่คลาย เจ้าเองก็สามารถกลับจวนอ๋อง ดื่มด่ำกับชีวิตที่แสนสบาย”
“อย่าได้พูดจาเหลวไหล! เจ้าไม่มีหลักฐาน ดังนั้นเจ้าอย่าคิดที่จะใส่ร้ายข้า”
———————————————-