คุณหนูใบ้หัวใจแกร่ง - ตอนที่ 211 ดีใจ
ตอนที่ 211 ดีใจ
พระราชบุตรเขยหลิวพาคุณหนูหลิวมาเยือนจวนท่านหญิง
เยียนอวิ๋นถงตื่นเต้นจนทำตัวไม่ถูก
เยียนอวิ๋นเกอไม่อาจทนดูได้ “พี่สองหยุดขยับได้แล้ว ท่านขยับจนข้าเวียนหัว”
“น้องสี่ เจ้าว่าหากท่านแม่ไม่พอใจคุณหนูหลิวจะทำอย่างไร”
เยียนอวิ๋นเกอกลอกตา
จะทำอย่างไรได้อีก
“งานแต่งถูกกำหนดเอาไว้แล้ว พิธีทั้งหกเหลือเพียงแค่พิธีแต่งงาน แม้ท่านแม่จะไม่พอใจคุณหนูหลิว แต่งานแต่งก็จะจัดตามกำหนด อีกอย่างหลังจากแต่งงาน ท่านกับคุณหนูหลิวก็จะออกเดินทางกลับแคว้นซ่างกู่แล้ว ไม่ได้ใช้ชีวิตอยู่กับท่านแม่ ท่านจะกลัวอันใด”
เยียนอวิ๋นถงยังคงกังวล
เมื่อเผชิญเรื่องที่เกี่ยวกับคุณหนูหลิว ความฉลาดของเขาก็ลดลงอย่างกะทันหัน
เขาพูด “ข้ากลัวท่านแม่ไม่พอใจ ชักสีหน้าให้คุณหนูหลิว กลัวคุณหนูหลิวน้อยใจ”
ถุย!
เยียนอวิ๋นเกออยากจะตำหนิพฤติกรรมการแสดงความรักของพี่ชายอย่างมาก
นางตั้งสติพลันพูด “ไม่ว่าท่านแม่จะพอใจคุณหนูหลิวหรือไม่ แต่ข้ามั่นใจว่าท่านแม่ไม่มีทางชักสีหน้าใส่คุณหนูหลิว ท่านดูถูกท่านแม่เกินไปแล้ว สมควรตี!”
“ใช่ๆๆ ข้าสมควรถูกตี!”
เยียนอวิ๋นถงยอมรับผิดทันที
เยียนอวิ๋นเกอปลอบเขา “ท่านพี่อย่ากังวลเลย หากคุณหนูหลิวดีเหมือนที่ท่านพูดจริง ถึงแม้จะดีเพียงครึ่งเดียว ท่านแม่ก็ย่อมจะพอใจ คุณหนูตระกูลหลิวแห่งเหลียงโจวย่อมต้องเป็นคนเปิดเผย”
“นางเป็นคนเปิดเผยมาก”
บ่าวรับใช้มารายงาน บอกว่ารถม้าของตระกูลหลิวเข้ามาทางประตูข้าง กำลังมุ่งหน้ามาทางประตูสอง
เยียนอวิ๋นถงตื่นเต้นจนกระโดดขึ้นมา “ข้าไปรับพวกเขา!”
พูดจบ คนก็วิ่งหายไป
เยียนอวิ๋นเกอเดินทางไปยังห้องโถง นั่งอยู่ข้างเซียวฮูหยินผู้เป็นมารดาอย่างเงียบสงบ รอคอยพี่น้องตระกูลหลิวมาถึง
ไม่นานนัก บ่าวรับใช้รายงาน เยียนอวิ๋นถงอยู่ด้านหน้า พี่น้องตระกูลหลิวอยู่ด้านหลัง สามคนรวมทั้งสาวรับใช้เดินเข้ามาในห้องโถง
เยียนอวิ๋นเกอเห็นหลิวเป่าจูที่ติดตามอยู่ข้างพระราชบุตรเขยหลิวเป่าผิงในทันที
ความคิดแรกคือสูงมาก
รูปร่างของเยียนอวิ๋นเกอสูงที่สุดในบรรดาพี่น้อง
แต่หลิวเป่าจูตรงหน้ายังสูงกว่านางเล็กน้อย
รองลงมาคือผิวของนางขาวมากอย่างน่าประหลาด
พื้นที่ยากเข็ญอย่างเหลียงโจว พายุทรายหนักหน่วง ได้ยินพี่สองบอกว่าหลิวเป่าจูขี่ม้านำทัพเป็นประจำ แต่ผิวยังขาวเช่นนี้ได้ ช่างหาได้ยาก
ใบหน้าสดใสงดงาม กระปรี้ประเปร่า ดวงตาเต็มไปด้วยพลัง
บนมือมีหนังด้าน เป็นผู้ที่ฝึกฝนศิลปะการต่อสู้อย่างแท้จริง
คนผู้นี้เป็นหญิงสาวที่มีบารมีอย่างมากเมื่อพบเห็น
พระราชบุตรเขยหลิวนำหลิวเป่าจูเดินขึ้นหน้า โน้มตัวถวายบังคมเซียวฮูหยิน
“หลิวเป่าจูถวายบังคมท่านหญิงจู้หยาง! ท่านหญิงสุขภาพแข็งแรง!”
“ไม่ต้องมากพิธี!”
“เดินเข้ามาใกล้ให้ข้าดูหน่อย”
หลิวเป่าจูเดินขึ้นหน้าสองก้าว บนใบหน้าเปื้อนยิ้ม
เซียวฮูหยินจับมือของนาง มองพลันพูดด้วยรอยยิ้ม “เป็นหญิงสาวที่ดี”
ทันทีที่สิ้นเสียง สาวรับใช้ถือถาดที่วางของขวัญที่จะมอบให้หลิวเป่าจูมา เครื่องประดับหนึ่งชุดกับกำไลหยกหนึ่งคู่
หลิวเป่าจูรีบปฏิเสธ “ของขวัญมีมูลค่ามาก ข้ารับไม่ได้เด็ดขาด”
“รับเอาไว้เถิด! ต่อจากนี้พวกเราเป็นครอบครัวเดียวกันแล้ว ไม่ต้องเกรงใจ”
หลิวเป่าจูลำบากใจ
พระราชบุตรเขยหลิวพยักหน้าให้นาง นางจึงยอมรับของขวัญ
จากนั้นนางก็มอบของขวัญคืน เยียนอวิ๋นเกอก็ได้รับ
ของขวัญไม่ได้มีมูลค่ามาก ล้วนเป็นสิ่งของพื้นเมืองของเหลียงโจว แต่ดีที่มีน้ำใจ
เซียวฮูหยินยิ้มด้วยความพอใจ นางเรียกพี่น้องตระกูลหลิวให้นั่งลง
คุยเรื่องสัพเพเหระ ขนบธรรมเนียมท้องถิ่น ความชอบส่วนบุคคล
เด็กทั้งสองกำลังจะแต่งงานกัน แต่ครอบครัวทั้งสองฝ่ายกลับไม่เคยพบหน้ากัน เซียวฮูหยินเสียดายอย่างมาก
พระราชบุตรเขยหลิวพูด “อีกไม่กี่ปี ท่านพ่ออาจเดินทางมารายงานหน้าที่ในเมืองหลวง เมื่อถึงเวลาจะจัดงานเลี้ยง หวังว่าท่านหญิงจะให้เกียรติ”
อ๋อ?
เซียวฮูหยินไม่สนใจว่าจะได้พบญาติฝ่ายหญิงหรือไม่
นางสนใจเรื่องหลิวซื่อจื่อมาเมืองหลวงมากกว่า
“ซื่อจื่อใต้เท้าจะมาเมืองหลวงจริงหรือ” นางแสร้งถาม
พระราชบุตรเขยหลิวพูดด้วยรอยยิ้ม “ท่านพ่อมีแผนการนี้ เพียงแค่เวลาเหมาะสม ท่านย่อมจะเดินทางมาเมืองหลวง”
เวลาเหมาะสม?
เวลาใดถือว่าเหมาะสม
เซียวฮูหยินครุ่นคิดคำพูดของพระราชบุตรเขยหลิว พลันพูด “ในเมื่อซื่อจื่อใต้เท้าจะมาเมืองหลวง ข้าก็ไม่รีบร้อนกลับโยวโจว ย่อมต้องพบกับซื่อจื่อใต้เท้าเสียก่อน”
พระราชบุตรเขยหลิวประหลาดใจ “ท่านหญิงคิดจะกลับโยวโจวหรือ”
เซียวฮูหยินพูด “ข้ามาเมืองหลวงหลายปี ทิ้งทุกสิ่งในจวนเอาไว้ ไม่เหมาะสมยิ่งนัก ไม่ช้าก็ต้องกลับโยวโจว”
พระราชบุตรเขยหลิวรีบพูด “โยวโจวยากเข็ญ ไม่เหมาะกับการพักรักษาตัว ท่านหญิงอยู่ในเมืองหลวงต่อเสียดีกว่า หากมีเรื่องที่ต้องให้ข้าออกแรง รับสั่งได้ทันที”
เซียวฮูหยินหัวเราะ “เวลานี้มีเรื่องหนึ่งที่ต้องการให้เจ้าช่วย ช่วยข้าดูแลเป่าจูให้ดี อย่าให้นางได้รับความไม่เป็นธรรม”
หลิวเป่าจูยิ้มเขินอาย “ขอบพระทัยท่านหญิง”
พระราชบุตรเขยหลิวดีใจอย่างมาก “ไม่ต้องให้ท่านหญิงเตือน ข้าก็จะดูแลเป่าจูให้ดี นางเป็นน้องสาวของข้า ข้าก็มีนางเป็นน้องสาวเพียงคนเดียว ย่อมตามใจนางทุกอย่าง”
“เช่นนี้ย่อมดี!”
สถานการณ์กลมเกลียวอย่างมาก
เยียนอวิ๋นถงแอบโล่งใจ
เขาส่งสายตาให้หลิวเป่าจู หลิวเป่าจูค้อนเขาหนึ่งที ไม่สนใจเขา อีกทั้งยังโทษเขาไม่ดูสถานการณ์
เยียนอวิ๋นถงกลับทำหน้าดีใจ
เยียนอวิ๋นเกอที่นั่งสังเกตการณ์อยู่ด้านข้างเห็นยังอดไม่ได้ที่จะกลอกตา
ไม่ต้องพูด หลังจากแต่งงาน พี่รองต้องกลัวภรรยาอย่างแน่นอน
หลิวเป่าจูบอกว่าไปทางตะวันออก เขาคงไม่กล้าไปทางตะวันตก
เซียวฮูหยินสั่งให้เยียนอวิ๋นเกอนำหลิวเป่าจูไปเดินเล่นในสวน
เยียนอวิ๋นเกอลุกขึ้น “พี่หลิว ตามข้าไปเดินเล่นในสวนดีหรือไม่”
“รบกวนน้องอวิ๋นเกอ”
ทั้งสองเดินออกจากห้องโถง
ยังไม่ทันได้พูดคุย เยียนอวิ๋นถงก็ตามออกมา
“เป่าจู!”
เมื่อเขาออกเสียง ทุกคนก็หยุดชะงักลง หันกลับไปมองเขา
บนหน้าผากของเยียนอวิ๋นถงมีเหงื่อเต็ม ไม่รู้ว่าเป็นเพราะร้อน หรือเพราะตื่นเต้น
ใบหน้าของเขาแดงก่ำเพราะความตื่นเต้น
“ข้าไปเดินเล่นกับพวกเจ้า”
เยียนอวิ๋นเกอทำหน้ารังเกียจ “หญิงสาวอย่างพวกข้าเดินเล่น ท่านเป็นบุรุษจะติดตามอยู่ด้านข้างได้อย่างไร ท่านรีบกลับห้องโถงไปรับรองพระราชบุตรเขยหลิว คุณหนูหลิวมีข้ารับรอง ท่านไม่ต้องกังวล”
เยียนอวิ๋นถงรีบพูด “พระราชบุตรเขยหลิวกำลังหารือกับท่านแม่ จึงไล่ข้าออกมา เวลานี้ข้าไม่มีที่ไป จึงจะตามพวกเจ้าไปด้วย”
เขาทำท่าเหมือนคนขี้โกง
เมื่อหลิวเป่าจูมองไปทางเขา เขาก็หัวเราะเหมือนคนโง่
เยียนอวิ๋นเกอปิดตา เพราะไม่อาจทนดูได้!
“น้องอวิ๋นเกอ ให้พี่สองของเจ้าไปกับพวกเราได้หรือไม่”
หลิวเป่าจูพูด
เยียนอวิ๋นเกอยังจะทำอย่างไรได้ นางย่อมต้องรับปาก
ทั้งสามเดินทางไปยังสวนพร้อมกัน
เยียนอวิ๋นเกอถาม “เหลียงโจวคงไม่ร้อนเท่าเมืองหลวง พี่เป่าจูคุ้นชินกับอากาศของเมืองหลวงหรือไม่”
หลิวเป่าจูเม้มปากยิ้ม “ขอบใจน้องอวิ๋นเกอที่เป็นห่วง เจ้าวางใจ ข้าคุ้นชินกับเมืองหลวงได้อย่างดี แม้จะร้อนไปบ้าง แต่ก็มีเรื่องแปลกใหม่น่าสนใจ”
“ร่างกายของพี่เป่าจูแข็งแรง มาเมืองหลวงก็คุ้นชินได้ คิดว่าท่านคงจะคุ้นชินกับอากาศและอาหารในโยวโจวได้”
“บอกน้องอวิ๋นเกอตามตรง ข้าเคยอยู่ในโยวโจวมาครึ่งปี ปรับตัวได้ดีมาก”
เมื่อเยียนอวิ๋นเกอได้ยินเช่นนั้นก็เม้มปาก พลันพูด “ดูเหมือนอีกไม่นานข้าจะได้อุ้มหลานตัวน้อยเสียแล้ว”
เยียนอวิ๋นถงมองไปที่เป่าจูพลันหัวเราะ ราวกับว่านึกถึงการอุ้มบุตรของตนเองในอนาคตแล้ว
หลิวเป่าจูเขินอายเล็กน้อย นางแอบมองค้อนเยียนอวิ๋นถงอีกครั้ง จากนั้นก็หัวเราะเช่นกัน
หลังจากหัวเราะ นางกระแอมไอเบาๆ “น้องอวิ๋นเกออย่าล้อข้าเลย ข้าคงมีบุตรด้วยตัวเองไม่ได้”
โอ๊ะ!
นางเป็นหญิงสาวที่ตรงไปตรงมาเสียจริง
ไม่มีท่าทีเสแสร้ง
หากเป็นหญิงสาวคนอื่นที่ถูกหยอกล้อเช่นนี้ เกรงว่าคงต้องเขินอายจนหลบซ่อนตัวเอาไว้แล้ว
เยียนอวิ๋นเกอยิ้ม “พี่สอง ท่านได้ยินที่พี่เป่าจูพูดหรือไม่”
“ได้ยินแล้ว!”
เยียนอวิ๋นถงแผดเสียงออกมาดังจนหูสั่น
เยียนอวิ๋นเกอหัวเราะเสียงดัง “ข้าจำได้ว่ายังมีเรื่องที่ต้องจัดการ ข้าขอตัวก่อน พี่สองรับรองพี่เป่าจูแทนข้าด้วย”
นางเป็นคนมีไหวพริบดี
แน่นอนว่านางจะไม่อยู่เป็นก้างขวางคอ
นางจึงหาข้ออ้างจากไป ปล่อยให้ทั้งสองคนอยู่ด้วยกันตามลำพัง
เยียนอวิ๋นถงยิ้มอย่างมีความสุข เขาแอบยกนิ้วให้นาง
น้องสี่ดีที่สุด
…
เยียนอวิ๋นเกอต้องการความสงบ นางจึงวิ่งไปตกปลาที่ศาลาพักร้อน
เดิมทีนางอยากจะขึ้นไปบนหลังคา แต่บนหลังคาร้อนเกินไป
หลายวันนี้อากาศแจ่มใส พระอาทิตย์ลอยสูงอยู่บนท้องฟ้า ผู้คนถูกแดดเผาจนกลายเป็นปลาตากแห้ง
น้ำบ๊วยเย็นชามหนึ่งช่วยชีวิตนางเอาไว้
เมื่อดื่มน้ำบ๊วยขณะตกปลา ชีวิตก็มีความสุขมากแล้ว
อย่าได้เกิดปัญหาในเรือนพักเด็ดขาด!
นางไม่อยากเดินทางไปเรือนพักในสภาพอากาศร้อนเช่นนี้
คราวนี้สวรรค์มีตาอย่างมาก ทุกอย่างในเรือนพักเงียบสงบ
งานเลี้ยงตอนเที่ยง ทั้งเจ้าภาพและแขกต่างมีความสุข
เยียนอวิ๋นถงส่งพี่น้องตระกูลหลิวออกจากจวน
เซียวฮูหยินเอนกายลงบนเตียงหลัวฮั่น สาวรับใช้โบกพัด ลมโชยมากระทบใบหน้าของนาง สบายเสียจริง
เยียนอวิ๋นเกอนั่งดื่มชาบนพื้น
เซียวฮูหยินหลับตาลงพักผ่อน หลังจากนั้นไม่นานนางก็ลืมตาขึ้นพลันพูด “ดูเหมือนว่าพี่สองของเจ้าจะไม่กลับมาเร็วๆ นี้ บางทีอาจส่งคนกลับถึงจวนตระกูลหลิวแล้วอยู่กินมื้อเย็นจึงกลับมา”
เยียนอวิ๋นเกอหัวเราะลั่น “รอพี่สองกลับมา ท่านแม่ต่อว่าเขา”
เซียวฮูหยินส่ายหัว “ต่อว่าไม่ได้! เขาโตแล้ว รักในศักดิ์ศรี จะต่อว่าเขาด้วยเรื่องเล็กน้อยแบบนี้ได้อย่างไร”
“ท่านแม่รักพี่สองเสียจริง”
“ข้ารักพวกเจ้าพี่น้อง” นางชะงักไปเล็กน้อย พลางถามขึ้น “หลิวเป่าจู เจ้าคิดเห็นอย่างไร”
เยียนอวิ๋นเกอคิดทบทวนก่อนจะพูด “นางเป็นคนดี นิสัยเปิดเผย สดใส ข้าชอบนาง”
เซียวฮูหยินพยักหน้า “นางเป็นเด็กดีจริงๆ แต่ดูดุไปหน่อย พี่ชายของเจ้าไร้พลังเมื่ออยู่ต่อหน้านาง”
เยียนอวิ๋นเกอพูดอย่างลังเล “คุณหนูหลิวน่าจะเป็นคนที่มีวิสัยทัศน์ แม้ว่านางจะไม่มีวิสัยทัศน์ คนในตระกูลหลิวก็จะเตือนนาง ข้าคิดว่านางจะไม่เป็นตัวถ่วงอนาคตของพี่สอง”
“นางย่อมจะไม่เป็นตัวถ่วงอนาคตของพี่สองเจ้า ข้ากังวลว่าพี่สองเจ้าจะไม่ได้รับความเป็นธรรม” เซียวฮูหยินดูกังวล
เยียนอวิ๋นเกอได้ยินจึงหัวเราะ “ท่านแม่ไม่รู้ พี่สองมีความสุขอยู่ท่ามกลาง จะรู้สึกไม่เป็นธรรมได้อย่างไร มันเป็นหนทางการอยู่ร่วมกันของคนทั้งสอง ท่านอย่ากังวลไปเลย หากกังวลมากเกินไปจะมีริ้วรอย”
———————————————-