คุณหนูใบ้หัวใจแกร่ง - ตอนที่ 325 เนื่องจากโดดเดี่ยว ดังนั้นไม่ได้
ตอนที่ 325 เนื่องจากโดดเดี่ยว ดังนั้นไม่ได้
คำพูดของหลิงฉางจื้อทำร้ายเซียวอี้อย่างมาก
ช่างเป็นชายหนุ่มที่น่าอนาถ
เขาเป็นชายหนุ่มที่มีเหมือง แต่เพราะโดดเดี่ยวตัวคนเดียวจึงถูกรังเกียจ!
ยังมีเหตุผลอยู่หรือไม่
เขากลอกตา
หลิงฉางจื้อพูดกับเขาด้วยความเป็นห่วง “เจ้าอย่าไม่เชื่อ ถึงแม้สิ่งที่ข้าพูดอาจไม่รื่นหูนัก แต่มันคือความจริง กุลสตรีตระกูลชั้นสูงไม่มีทางแต่งงานกับเจ้า หากเจ้ายอมลดเงื่อนไขลงหน่อย อย่าตั้งเงื่อนไขสูงนัก ข้าสามารถเป็นพ่อสื่อให้เจ้าได้ มีบุตรสาวคนเล็กของใต้เท้าท่านหนึ่งในฝ่ายตรวจการยังไม่ออกเรือน หากเจ้าตกลง หลังจากกลับไป ข้าจะไปเป็นพ่อสื่อให้เจ้า”
เซียวอี้ส่ายหน้า “ขอบพระคุณท่านพี่ที่กังวลแทนข้า บุตรสาวคนเล็กของใต้เท้าท่านนั้นปล่อยให้นางอยู่ในจวนต่อไปเถิด เพียงแต่ข้ามีข้อสงสัยหนึ่งอยากจะขอคำชี้แนะจากท่านพี่”
“เชิญถาม”
“คนที่เป็นบิดามารดาล้วนไม่ชื่นชอบคนอย่างข้า ท่านมั่นใจ?”
เซียวอี้รู้สึกตัวเองเพรียบพร้อมมาก ยิ่งดูยิ่งชอบ
เหตุใดแม่ยายจึงไม่ชอบเขา
เขารูปลักษณ์งดงาม สง่าผ่าเผย กิริยางดงาม เป็นทั้งบุ๋นทั้งบู๊ ความสามารถก็มี เหตุใดแม่ยายจึงไม่ชอบ
คนอย่างเขาแม่ยายยังไม่ชอบ
แม่ยายชอบแบบใดกัน
เขาคิดไม่ตก เหตุใดความชอบของแม่ยายจึงพิเศษเพียงนั้น
หลิงฉางจื้อกระแอมไอเสียงเบา “เจ้ามั่นใจว่าอยากฟังความจริง?”
เซียวอี้พยักหน้า “หากข้าไม่ฟังความจริงก็คงไม่ขอคำชี้แนะจากท่าน ข้างกายข้าไม่ขาดคนประจบสอพลอ”
“ข้าจะพูด!”
“ท่านพูดเถิด! ไม่ว่าจะโหดร้ายเพียงใดก็ได้”
เซียวอี้ท่าทางไม่เกรงกลัว เขาเตรียมพร้อมที่จะรับการโจมตีที่หนักเหมือนพายุแล้ว
หลิงฉางจื้อกระแอมไอเสียงเบา จากนั้นพูดอย่างจริงจัง “ความจริงแล้วตัวเจ้าไม่ได้มีปัญหาใหญ่นัก มีเพียงข้อเดียวที่คนเป็นบิดามารดาต่างปฏิเสธ”
“ข้อใด เหตุใดข้าจึงไม่รู้” เซียวอี้สงสัยอย่างมาก เขาไม่เห็นจะรู้ว่าบนตัวของเขายังมีสิ่งที่ประหลาดกว่าผู้อื่น
สีหน้าของหลิงฉางจื้อจริงจัง แสดงให้เห็นว่าเขาไม่ได้ล้อเล่น “เจ้าโดดเดี่ยวเกินไป! เจ้าเหมือนนักเดินทางที่โดดเดี่ยว ไร้พันธะ อย่างไรก็ได้ แต่จากมุมมองผู้เป็นบิดาและมารดาของหญิงสาว เจ้าไม่ได้!”
เซียวอี้ขมวดคิ้ว “เพียงเพราะข้าตัวคนเดียว ดังนั้นจึงไม่ได้?”
หลิงฉางจื้อ พยักหน้าหนักๆ “เจ้าเป็นอิสระเกินไป เจ้าสามารถละทิ้งความสัมพันธ์ในครอบครัว ละทิ้งพ่อแม่และพี่น้องของเจ้า ละทิ้งตัวตนของเจ้าเอง และแม้แต่ฆ่าคนอย่างบ้าคลั่งในตำหนักจินหลวน ทั้งหมดนี้เป็นเพราะเจ้าเป็นอิสระมากเกินไป นี่คือสิ่งที่ต้องกังวล ถ้าเจ้าละทิ้งครอบครัวและความรักได้ใครจะรับประกันได้ว่าเจ้าจะไม่ทิ้งภรรยาและลูกๆ ของเจ้าในอนาคต เจ้าจะฆ่าภรรยาและลูกด้วยความโกรธหรือไม่”
“ข้าย่อมไม่มีทางทำ!” เซียวอี้ปฏิเสธ
เขาแอบพึมพำ “นางพละกำลังมากเพียงนั้น จะถูกข้ารังแกได้อย่างไร มีแต่ข้าจะถูกนางรังแก”
หลิงฉางจื้อไม่ทันได้สนใจว่าเขาพึมพำอันใด
เขาพูดเสียงดัง “เจ้าบอกว่าเจ้าไม่ แต่ไม่มีผู้ใดเชื่อเจ้า เจ้าเป็นคนมีประวัติ บิดามารดาตระกูลใดจะใจกว้างให้บุตรสาวแต่งงานกับเจ้า เจ้าเด็ดเดี่ยวเกินไป เจ้าไม่มีวันอยู่อย่างสงบสุข เจ้าไม่อาจทำให้คนวางใจ ยิ่งไม่อาจทำให้คนเชื่อใจ เรื่องเกี่ยวกับคู่ครองของบุตรสาว บิดามารดาตระกูลใดจะใจร้ายให้บุตรสาวแต่งงานกับคนที่มีนิสัยเด็ดเดี่ยวแบบเจ้า”
เซียวอี้ขมวดคิ้วมุ่น วันนี้เขาถึงได้รู้ว่า ต้นเหตุของปัญหาทั้งหมดล้วนอยู่ที่นิสัยของตนเอง
เขาชี้ตนเอง “เพียงเพราะข้าตัวคนเดียว จึงไม่มีบิดามารดาคนใดไตร่ตรองข้าเลยหรือ”
“นอกจากมีคนต้องการเงินของเจ้า หรือต้องการตัวเจ้า” หลิงฉางจื้อพยักหน้า “คนที่ต้องการเงินเจ้า ข้ายังหาได้ แต่คนที่ต้องการตัวเจ้า ข้าคงหาไม่ได้ เจ้าให้ข้าเป็นพ่อสื่อ ข้าก็หมดปัญญา! เจ้าก็คงไม่มีทางแต่งงานกับหญิงสาวที่ต้องการเงินของเจ้า ใช่หรือไม่”
เซียวอี้กัดฟัน “ข้าต้องทำอย่างไรจึงจะทำให้บิดามารดาฝ่ายหญิงชื่นชอบ”
หลิงฉางจื้อเลิกคิ้ว “ฟังจากที่เจ้าพูด เจ้ามีหญิงสาวที่ชื่นชอบแล้ว? หญิงสาวนางใดโชคร้ายเพียงนี้ ถูกเจ้าชอบเข้า!”
ท่านต่างหากที่โชคร้าย โชคร้ายทั้งตระกูล
พูดจาเช่นนี้ได้หรือ
เขาแย่หรือ!
เขาแย่ตรงไหน
เพียงแค่โดดเดี่ยวไปบ้าง เพียงแค่เย็นชาต่อความสัมพันธ์ในครอบครัวไปบ้าง
แต่มันไม่ใช่ตัวตนที่แท้จริงของเขา
เขาไม่ได้ละทิ้งความสัมพันธ์ในครอบครัวอย่างสิ้นเชิง ความจริงแล้วเขาพยายามเสมอมา
เพียงแต่ไม่มีคนสนใจ ไม่มีคนเห็น
ฮึ!
เซียวอี้โกรธ
ล้วนเป็นอคติ!
ทั้งหมดล้วนเป็นอคติ!
ผู้คนต่างตาบอด
เซียวอี้กลอกตาใส่หลิงฉางจื้อ “หลิงฉางเฟิงยังมีคนชื่นชอบ เหตุใดข้าจึงชื่นชอบผู้อื่นบ้างไม่ได้”
มุมปากของหลิงฉางจื้อกระตุก อับอายเล็กน้อย
จากนั้นเขาก็พูดด้วยถ้อยคำจริงจังอีกครั้ง “ไม่ว่าฉางเฟิงจะแย่อย่างไร อย่างไรก็เป็นบุตรชายเรือนใหญ่ตระกูลหลิง เพียงแค่สถานะนี้ก็เพียงพอที่จะกลบปัญหาบนตัวเขา เจ้าเล่า? เจ้ามีหลักประกันใดที่สามารถปิดบังข้อบกพร่องของเจ้าได้หรือ”
เซียวอี้รู้สึกเหมือนถูกแทงเข้ากลางหัวใจ ได้รับบาดเจ็บสาหัส
เขากัดฟัน “ถึงแม้นิสัยของข้าจะเด็ดเดี่ยวเกินไป แต่หากข้าให้พี่ใหญ่เซียวกั้วบันทึกชื่อของข้าลงในตระกูลอีกครั้งจะได้หรือไม่”
หลิงฉางจื้อครุ่นคิด “ได้ก็คงได้ แต่อาจไม่ได้ผลนัก ตอนนั้นเจ้าทำให้ท่านพ่อเจ้าขุ่นเคืองอย่างมาก ท่านพ่อเจ้าประกาศขับไล่เจ้าออกจากตระกูล เรื่องนี้รู้กันทั่วแผ่นดิน เวลานี้ เจ้าให้เซียวกั้วนำเจ้ากลับวงศ์ตระกูล แต่อิทธิพลของเซียวกั้วมีจำกัด เขาไม่มีทางทำให้ทั่วทั้งแผ่นดินรู้ หรือแม้แต่ทั่วเมืองหลวงรู้ว่าเจ้าถูกรับกลับเข้าวงศ์ตระกูลแล้ว”
เซียวอี้ยิ้มให้เขา “ยังมีท่านไม่ใช่หรือ ท่านพี่คราวนี้ท่านต้องช่วยข้า”
หลิงฉางจื้อลำบากใจ “เจ้ามั่นใจว่าจะให้ข้าช่วยเจ้า? รอเจ้าปลดหน้าที่ ส่งคืนอำนาจทางการทหาร นอกจากนี้ยังมีความขัดแย้งระหว่างเจ้ากับพระพันปีเถา เจ้ามั่นใจว่าจะกลับจวนท่านอ๋องตงผิงในเวลานี้? เจ้าไม่กลัวคนในจวนท่านอ๋องตงผิงได้รับความเดือดร้อนหรือ? ไม่กลัวพระพันปีเถาแก้แค้นหรือ? พระพันปีเถาทำอันใดเจ้าไม่ได้ แต่จัดการคนในจวนท่านอ๋องตงผิงกลับใช้เพียงประโยคเดียว เจ้าต้องคิดให้ดี”
เซียวอี้พยักหน้า พูดอย่างจริงจัง “ข้าคิดดีแล้ว ข้าจะกลับจวนท่านอ๋องตงผิง ในเมื่อบิดามารดาของบรรดากุลสตรีต่างรังเกียจที่ข้าตัวคนเดียว ไม่มีตระกูล ไม่มีญาติ นิสัยเด็ดเดี่ยวเกินไป เพื่อแต่งงานมีภรรยาและบุตร ข้าจำเป็นต้องกลับจวนท่านอ๋อง ฟื้นคืนสถานะนายน้อยจวนอ๋องของข้า
ส่วนทางพระพันปีเถา ท่านพี่ไม่ต้องกังวล นางไม่กล้าแตะต้องจวนท่านอ๋องตงผิงแม้แต่นิ้วเดียว หากนางกล้าแตะต้องจวนท่านอ๋องตงผิง ข้าจะฆ่าล้างตระกูลเถาเก้าชั่วโคตร”
“เจ้า เจ้าช่างบ้าคลั่งไร้ความเกรงกลัว!”
หลิงฉางจื้อตกใจกับคำพูดของเซียวอี้อย่างมาก!
เขาไม่สงสัยในความกล้าของเซียวอี้ ยิ่งไม่สงสัยความสามารถในการฆ่าคนของเซียวอี้
เพียงแต่เขาตกใจกับความบ้าคลั่งของเซียวอี้
“นางเป็นพระพันปี พระพันปีของราชวงศ์ เจ้าข่มขู่นางเช่นนี้ ไม่กลัวนางแก้แค้นจริงหรือ มีแต่เป็นโจรพันวัน ไม่มีป้องกันโจรพันวัน เจ้าเหลวไหล!”
เซียวอี้หัวเราะร่า “ท่านพี่มองข้า ข้าเป็นโจร หรือเป็นเจ้าของเรือนที่เฝ้าระวังโจร”
หลิงฉางจื้อตะลึงไปชั่วขณะ
เซียวอี้พูดอีก “คนที่ควรกังวลอย่างแท้จริงคือพระพันปีเถา ไม่ใช่ข้า ข้ากล้ารับรองว่าเวลานี้ตระกูลเถาได้เพิ่มจำนวนองครักษ์ให้มากขึ้นแล้ว การเฝ้าระวังเข้มงวดกว่าแต่ก่อนอย่างน้อยเท่าตัว ดู ข้าเพียงแค่ข่มขู่เท่านั้นก็สามารถควบคุมประสาทของพระพันปีเถา ควบคุมการตัดสินใจของตระกูลเถาได้ ท่านพี่คิดว่าข้าต้องกังวลหรือ”
หลิงฉางจื้อหมดคำพูด
เขาจำเป็นต้องยอมรับว่าเซียวอี้พูดมีเหตุผล
เขานวดขมับ “พูดเถิด เจ้าถูกใจหญิงสาวตระกูลใด ทำให้เจ้าไม่เสียดายที่จะฟื้นคืนสถานะนายน้อยแห่งจวนอ๋อง”
“พูดไม่ได้!”
เซียวอี้เจ้าเล่ห์อย่างมาก เขาไม่มีทางเปิดเผยความจริงต่อหลิงฉางจื้อ
เขารู้ว่าหลิงฉางจื้อเป็นพ่อสื่อให้เยียนอวิ๋นเกอติดต่อกันหลายครั้งแล้ว อีกทั้งยังเป็นเครือญาติของตระกูลหลิง แต่ละคนล้วนเป็นนายน้อยตระกูลขุนนาง
ระยะนี้ อีกฝ่ายที่เป็นพ่อสื่อให้คือบุตรชายคนโตของตระกูลสวี่
ได้ยินว่าองค์หญิงจู้หยางสนใจอย่างมาก
ช่างน่าโมโหยิ่งนัก
หากเขาเปิดเผยแผนการของตนเอง ไม่แน่ว่าหลิงฉางจื้ออาจลงมือขัดขวาง
ดังนั้นเขาจึงปิดปากสนิท ไม่ยอมเปิดเผยความจริงแม้แต่ประโยคเดียว
หลิงฉางจื้อขมวดคิ้วด้วยความไม่พอใจเล็กน้อย
พูดมากมายเพียงนี้ แต่กลับหลบเลี่ยงคำถามสำคัญที่สุด ไร้คุณธรรม! ไร้มโนธรรม!
เขาถามหยั่งเชิง “เป็นกุลสตรีในเมืองหลวง”
เซียวอี้พยักหน้ายอมรับเพื่อหลอกลวงอีกฝ่าย
หลิงฉางจื้อขมวดคิ้วอีกครั้ง “ตระกูลใดในเมืองหลวง”
เซียวอี้ส่ายหน้าไม่ตอบ
“หรือว่าเจ้าถูกใจบุตรสาวขององค์หญิงองค์ใด”
เซียวอี้ยิ้มแต่ไม่ตอบ
หลิงฉางจื้อรู้สึกว่าตัวเองเดาผิดทันที
ต้องเดาผิดอย่างแน่นอน!
เขาเปลี่ยนความคิด พลันถาม “ต้องให้ข้าเป็นพ่อสื่อแทนเจ้าหรือไม่”
เซียวอี้ยกมือคารวะ “ขอบพระคุณท่านพี่! รอข้าเตรียมตัวพร้อมแล้ว ย่อมจะขอให้ท่านพี่เป็นพ่อสื่อให้”
หลิงฉางจื้อครุ่นคิด “หากพูดเข่นนี้ ข้ารู้จักหญิงสาวที่เจ้าถูกใจ”
“คงไม่รู้จัก นางปรากฏตัวน้อยครั้งมาก”
หลิงฉางจื้อกึ่งเชื่อกึ่งสงสัย
เซียวอี้เปลี่ยนประเด็นทันที “ข้าจะให้คนไปนำตราพยัคฆ์และตราประทับมา ท่านพี่รีบกลับเมืองหลวงไปส่งมอบภารกิจ อีกไม่กี่วัน รอทุกสิ่งเตรียมพร้อม ข้ากลับเข้าจวนทานอ๋องอีกครั้ง เมื่อถึงเวลานั้นยังต้องรบกวนท่านพี่ประกาศแทนข้า ทำให้ทุกคนรู้ว่าข้าเซียวอี้กลับจวนท่านอ๋อง ฟื้นคืนสถานะนายน้อยจวนอ๋องแล้ว”
“เจ้าไม่กลัวตายก็พอ!”
“ฮ่าๆๆ…ขอบพระคุณท่านพี่ที่เป็นห่วง ข้ากลัวทุกสิ่ง ยกเว้นไม่กลัวตาย! เหมือนดั่งที่ว่าหายนะอยู่คงพันปี ข้าคิดว่าหายนะอย่างข้าคงจะอายุยืนยาวร้อยปีได้”
ฮึ!
ยังคิดจะอายุยืนยาวร้อยปี ฝันไปเถิด!
หลิงฉางจื้อรับปากเขา เพียงแค่เขากลับจวนอ๋อง หลิงฉางจื้อจะใช้เส้นสายของตนเองประกาศแทนเขาทั่วแผ่นดิน
เซียวอี้เด็ดเดี่ยวอย่างมาก เขาหยิบตราพยัคฆ์และตราประทับมา ส่งมอบอำนาจทางการทหารอย่างไม่รีรอ
เมื่อมั่นใจว่าตราพยัคฆ์และตราประทับเป็นของจริง หลิงฉางจื้อจึงรับเอาไว้
“นับจากเวลานี้ เจ้าไม่ใช่แม่ทัพกองทัพใต้อีกต่อไป กองทัพใต้ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดกับเจ้า เพื่อความปลอดภัยของเจ้า เจ้ารีบจากไปเสียดีกว่า รอเจ้าไปแล้ว ข้าค่อยประกาศเรื่องนี้! หากเจ้าไม่ยอมจากไปเสียที รองแม่ทัพเซวียคงไม่เกรงใจเจ้า”
“ขอบพระคุณท่านพี่ที่ตักเตือน ข้าจะไปบัดนี้”
สัมภาระถูกเตรียมไว้ก่อนแล้ว
เซียวอี้ขี่ม้าออกจากค่ายทหารไปพร้อมกับทหารส่วนตัว
หลังจากนั้น หลิงฉางจื้อถึงได้ประกาศเรื่องนี้ต่อกองทัพ รองแม่ทัพเซวียรับหน้าที่ดูแลกองทัพใต้แทนเซียวอี้
หลังจากตรวจสอบจำนวนทหาร ทั้งสองคนถึงได้พบว่าบนรายชื่อของกองทัพใต้ขาดไปสองพันกว่าคน
สองพันกว่าคนนี้ราวกับหายไปกลางอากาศ ไม่เคยปรากฏอยู่ในกองทัพใต้มาก่อน
เกิดเรื่องใดขึ้น
“เซียวอี้เจ้าเล่ห์ เขาหลอกพวกเราทุกคน!”
รองแม่ทัพเซวียโกรธจัด!
หลิงฉางจื้อ “…”
สมกับเป็นวิธีการของเซียวอี้ มีเพียงเขาที่ทำเรื่องประเภทนี้ได้ ใช้เงินและเสบียงของราชสำนักเลี้ยงกองกำลังส่วนตัว
เกรงว่ากองกำลังที่ถูกทิ้งไว้ในเรือนพักร่ำรวยจะเป็นเพียงระเบิดควันที่หลอกลวงผู้คนเท่านั้น