คุณหนูใบ้หัวใจแกร่ง - ตอนที่ 327 การค้าใหญ่
ตอนที่ 327 การค้าใหญ่
จวนองค์หญิงจู้หยาง
นับแต่ฮ่องเต้องค์ก่อนสวรรคต องค์หญิงจู้หยางหรือเซียวฮูหยินก็ไม่เคยก้าวเท้าออกจากจวนแม้แต่ก้าวเดียวเป็นระยะเวลานาน
ความรู้สึกที่นางมีต่อฮ่องเต้องค์ก่อนซับซ้อนอย่างมาก
ในฐานะลูกพี่ลูกน้อง นางแค้น แค้นครอบครัวของพวกเขา
แต่เมื่อฮ่องเต้หย่งไท่สวรรคตอย่างกะทันหัน เซียวฮูหยินก็รู้สึกโศกเศร้า
นางรู้สึกเศร้าโศกจนไม่อยากออกจากจวน
เมื่อส่งฮ่องเต้องค์ก่อนลงสุสานแล้ว นางก็ปิดประตู ไม่ต้อนรับแขก
ด้านนอกโกลาหลอย่างไร นางก็ไม่เคยถามแม้แต่ประโยคเดียว
เยียนอวิ๋นเกอกังวลอย่างมาก
สภาพจิตใจของเซียวฮูหยินผู้เป็นมารดาผิดปกติอย่างมาก
นางพยายามปลอบ แต่วาจาช่างไร้น้ำหนัก นางไม่รู้เรื่องราวความรักความแค้นของคนรุ่นก่อนนัก
เซียวฮูหยินยิ้มให้นาง “ไม่ต้องกังวลข้า ข้าเพียงแค่คิดถึงเรื่องราวการใช้ชีวิตอยู่ในวังหลวงตอนเด็กเท่านั้น”
เยียนอวิ๋นเกอถาม “ท่านแม่คิดถึงท่านตาและท่านยายหรือ ต้องไปกวาดสุสานหน่อยหรือไม่”
เซียวฮูหยินส่ายหน้า “ไม่ไป!”
ป้ายบรรพชนนับร้อยนับพันทำให้นางอึดอัด
การเผชิญหน้ากับป้ายสุสานของบิดามารดาทำให้นางย่ำแย่
ทุกครั้งที่เซ่นไหว้ ทุกครั้งที่กวาดสุสานล้วนเป็นความทุกข์ทรมาน
เพราะวิญญาณของผู้ตายกำลังเฆี่ยนตีจิตใจของนาง เฆี่ยนตีวิญญาณของนาง
เหตุใดจึงไม่แก้แค้น
เซียวฮูหยินหัวเราะขมขื่น “คนก็ตายไปแล้ว แม้แต่คำสั่งเสียยังไม่ได้ทิ้งไว้ก่อนตาย ข้าควรแก้แค้นกับผู้ใด ดูบ้านเมืองแห่งนี้สิ วุ่นวายโกลาหล ทั้งตระกูลเซียวได้รับกรรมแล้ว เฮ้อ…”
เสียงถอนหายใจหนึ่ง!
“ท่านแม่ไม่ต้องกังวล สถานการณ์ไม่มีทางย่ำแย่ตลอดไป”
เซียวฮูหยินส่ายหน้า “ฤดูหนาวปีนี้ย่อมหนาวมาก ราชสำนักยังเกณฑ์แรงงานขนส่งเสบียงในเวลานี้อีก ต้องมีคนตายอย่างแน่นอน อีกทั้งยังเป็นจำนวนมาก ฮ่องเต้ทรงร้อนพระทัย ร้อนรนต่อความสำเร็จ! แต่สวรรค์ก็กลั่นแกล้ง ไม่ใช่ภัยแล้ง ก็เป็นความหนาวเย็น ตั้งใจไม่ให้แผ่นดินต้าเว่ยสงบสุข อีกทั้งบนราชสำนักมีแต่โจร ไม่มีคนตักเตือนฮ่องเต้ ฤดูหนาวปีนี้ เกรงว่ากลุ่มโจรกบฏจะยิ่งแข็งแกร่งขึ้น จะมีคนมากขึ้นที่ต้องพรากจากที่อยู่อาศัย เข้าร่วมโจรกบฏ!”
เยียนอวิ๋นเกอครุ่นคิด
ในเมื่อการปลอบนั้นไร้ประโยชน์ สู้พูดความจริงเสียดีกว่า
เยียนอวิ๋นเกอพูด “การเกณฑ์แรงงานทำให้คนลำบากยากเกินจะพูด ระยะนี้เรือนพักส่งข่าวมา ล้วนเกี่ยวข้องกับการเกณฑ์แรงงาน แต่ละบ้านแต่ละเรือนกำลังรวบรวมเงิน คิดจะไถ่ตัวแรงงาน อีกทั้งราชสำนักยังเพ่งเล็งไปยังกลุ่มผู้ลี้ภัยและผู้เช่าแปลงนา คิดจะเกณฑ์แรงงานจากผู้ลี้ภัยและผู้เช่าแปลงนา เรื่องนี้เกิดปัญหาขึ้นอย่างมาก
คนนับหมื่นต่างไม่มีทะเบียนราษฎร์อยู่ในนครบาล ตามหลักแล้วไม่อยู่ในรายชื่อของแรงงานเกณฑ์ แต่ราชสำนักมีกฎใหม่ ผู้ลี้ภัยและผู้เช่าแปลงนาปักหลักอยู่ในเมืองหลวงนานเกินสามปี สมควรอยู่ในการดูแลของสำนักราชการในพื้นที่ สำนักราชการสามารถเกณฑ์แรงงานจากผู้ลี้ภัยและผู้เช่าแปลงนาได้
เรือนพักไม่อาจต่อต้านสำนักราชการอย่างเปิดเผย อีกทั้งพวกเขาเป็นแค่ผู้เช่าแปลงนา ไม่ใช่คนของเรือนพัก สถานะของพวกเขาเป็นราษฎรที่มีอิสระ ทางเรือนพักมีคนร้องห่มร้องไห้อยู่ทุกวัน เรื่องนี้ข้าก็ออกหน้าลำบาก หลีกเลี่ยงการเกณฑ์แรงงานของคนนับพันนับหมื่นในคราวเดียว สำนักราชการและราชสำนักคงเกลียดข้ามาก
แต่ฤดูหนาวปีนี้อากาศผิดปกติ หนาวเย็นเป็นอย่างมาก เพียงแค่คนที่มีชีวิตอยู่ก็สามารถรับรู้ได้ ราชสำนักเกณฑ์แรงงานนับแสนคนขนส่งเสบียงในเวลานี้ หากไม่เตรียมการล่วงหน้า ไม่เพียงต้องมีคนตาย อีกทั้งยังต้องมีคนตายจำนวนมาก ไม่แน่ว่าอาจเกิดปัญหา”
เซียวฮูหยินขมวดคิ้วมุ่น นางพูดถึงอีกเรื่องหนึ่ง “คดีระเบิดสำนักอาวุธ ทางองครักษ์จินอู่ยังหาสาเหตุไม่เจอในเวลานี้ เห็นได้ชัดว่าเรื่องนี้ถูกซ่อนเอาไว้ลึกมาก”
“แต่ก็มีความเป็นไปได้ที่องครักษ์จินอู่ในเวลานี้ไม่อาจเทียบแต่ก่อนได้ พวกเขาอาจสืบหาเบาะแสจนเจอแล้ว แต่เมื่อสืบต่อไปกลับไม่พบสิ่งใดแม้แต่น้อย เห็นผีเข้าแล้ว!”
คดีระเบิดสำนักอาวุธผ่านไประยะเวลาหนึ่งแล้ว
องครักษ์จินอู่ยังหาผู้บงการเบื้องหลังไม่ได้ หัวหน้าองครักษ์จินอู่เจิ้งกังยังถูกตำหนิหลายครั้ง
หากยังคงสืบหาสิ่งที่เป็นประโยชน์ไม่ได้ เขาก็ไม่ต้องเป็นองครักษ์จินอู่แล้ว
เมื่อถึงเวลานั้น ฮ่องเต้ไท่หนิงเซียวเฉิงอี้ก็สามารถเปลี่ยนคนได้อย่างสมเหตุสมผล
องครักษ์จินอู่เจิ้งกังกดดันอย่างมาก สามารถเปรียบได้กับสุนัขกระโดดกำแพงเมื่อร้อนรน
สองวันก่อนยังกล้ามารบกวนที่จวนองค์หญิง สุดท้ายถูกคันธนูของเยียนอวิ๋นเกอไล่ออกไป
โง่เขลา!
เซียวฮูหยินมองท้องฟ้าที่มืดมนด้วยสีหน้าที่กังวล
เมื่อลองครุ่นคิดดูอย่างละเอียด นับจากฮ่องเต้องค์ก่อนทรงปลงพระชนม์บรรดาท่านอ๋อง ราวกับชะตากรรมบ้านเมืองของราชวงศ์ต้าเว่ยก็เดินทางลงสู่เหว
นางยิ่งคิดยิ่งมีเหตุผล
นับแต่ปลงพระชนม์บรรดาท่านอ๋อง ราชสำนักก็ไม่มีเรื่องใดที่ราบรื่น
หายนะจากคนยังไม่ทันไป หายนะจากธรรมชาติก็มาอีก!
ราวกับเป็นบทลงโทษ
ราวกับกำลังลงโทษที่โอรสสวรรค์เดินสวนทาง ปลงพระชนม์เชื้อพระวงศ์ ประชาชนต้องประสบกับภัยจากสงครามจนบ้านแตกสาแหรกขาด!
“หรือว่าสวรรค์กำลังลงโทษราชวงศ์ต้าเว่ยจริงๆ”
เยียนอวิ๋นเกอเงยหน้ามองฟ้า “หากท่านแม่กังวล ต้องเชิญใต้เท้าจากสำนักพยากรณ์มานั่งทำนายในเรือนหรือไม่”
เซียวฮูหยินหัวเราะเยาะ “เอาเถิด! หากเป็นบทลงโทษจากสวรรค์จริง ข้าก็หมดปัญญา”
เยียนอวิ๋นเกอพูดอย่างจริงจัง “ท่านแม่ไม่ต้องกังวลเกินไป เดินไปถึงหน้าเขาย่อมมีหนทาง แม้จะเป็นบทลงโทษจากสวรรค์จริง แต่ก็ย่อมจะมีวันสิ้นสุด”
“อืม” เซียวฮูหยินตอบรับ
นางแค่กลัวว่าจะรอไม่ถึงวันนั้น
…
คนที่มีเงินก็ใช้เงินในการไถ่ตัวจากการเกณฑ์แรงงาน คนที่ไม่มีเงินทำได้เพียงไปรายงานตัวที่สำนักราชการตามเวลา
คนนับแสนออกเดินทางเป็นขบวนเพื่อขนส่งเสบียง อาวุธ และผ้าห่มไปยังชายแดนทางเหนือ
ลมหนาวพัดโกรก
วันออกเดินทาง คนจำนวนมากต่างยืนส่งอยู่บนเนินเขา ร้องไห้ด้วยความเสียใจ
การจากลาครั้งนี้อาจเป็นการจากลาไปตลอดกาล
ราชสำนักช่างใจร้าย!
อากาศที่หนาวเช่นนี้ แต่กลับจะเกณฑ์คนนับแสนเดินทางไปยังชายแดนที่หนาวเหน็บ
ตลอดทางกินไม่อิ่ม สวมใส่ไม่อุ่น ยังต้องเดินทางหามรุ่งหามค่ำ
ขุนนางในราชสำนักไม่รู้หรือว่าการเดินทางครั้งนี้จะมีคนตายเป็นจำนวนมาก
หรือว่าคนเหล่านี้ไม่ใช่ราษฎรของราชสำนักหรือ
อีกทั้งยังเกณฑ์คนจากนครบาล รวมทั้งเมืองใกล้เคียง
ราษฎรที่ถูกเกณฑ์เหล่านี้ ปีนี้ได้ใช้แรงงานเกณฑ์ตามที่ราชสำนักกำหนดแล้ว เหตุใดในปีเดียวกันยังต้องใช้แรงงานเกณฑ์รอบที่สอง
บอกว่าหักลบกับการใช้แรงงานเกณฑ์ปีหน้า แม้แต่ชีวิตก็ไม่มีแล้ว หักลบจะมีประโยชน์ใด
แต่ละคนหน้านิ่วคิ้วขมวด แต่ละคนล้วนกำลังสาปแช่งอยู่ในใจ
ผู้คุมของราชสำนักยังเร่งเร้าอย่างไม่หยุดหย่อน ทำให้ประชาชนแต่ละคนล้วนรู้สึกหดหู่
เยียนอวิ๋นเกอนั่งอยู่บนรถม้าที่จอดไว้บนเนินเขา
นางมองขบวนที่ยาวเหยียดก็ทำได้เพียงถอนหายใจ
ใช้แรงงานเกณฑ์ ไม่มีเงินเดือนแม้แต่น้อย อีกทั้งยังต้องขนส่งเสบียงสู่แนวหน้าอย่างตรงเวลา
มิฉะนั้น โทษสถานหนักอาจถูกลงโทษตามกฎทหาร
สถานเบาอาจถูกกักให้เป็นกองหลังในกองทัพ จนกระทั่งเบื้องบนเมตตา จึงจะได้กลับบ้าน
นางถามอาเป่ย “ทางเรือนพัก มีคนต้องเข้าเกณฑ์แรงงานมากน้อยเพียงใด”
อาเป่ยพูด “มีราวพันคน ล้วนเป็นคนที่ใช้เงินอย่างฟุ่มเฟือย เมื่อถึงเวลาคับขัน อย่าว่าแต่ข้าวสารห้าตัก แม้แต่ครึ่งตักก็ยังไม่มี หากมีเพียงสิบกว่าคนที่มีสถานการณ์เช่นนี้ เรือนพักอาจให้พวกเขายืมเสบียงได้ แต่คนมากเกินไป นับพันคน หานซินแสบอกว่ากลัวความไม่เท่าเทียมทำให้เกิดปัญหา ดังนั้นจึงไม่ได้ให้คนเหล่านี้ยืมเสบียง”
เยียนอวิ๋นเกอพยักหน้า นับพันคนเป็นจำนวนที่มาก ไม่ให้ยืมเสบียงเป็นเรื่องที่ถูกต้อง
เรือนพักร่ำรวยไม่ได้ร่ำรวยจนเหลือเฟือ เพียงแค่พอประคับประคองไปได้เท่านั้น
อีกทั้งผู้คนซับซ้อน มีทั้งคนในพื้นที่ คนต่างพื้นที่ ผู้ลี้ภัย…
หากจัดการได้ไม่ถูกต้องก็อาจก่อให้เกิดความขัดแย้งต่างๆ ได้
หานฉีจงคำนึงได้ถูกต้อง
หากเป็นพ่อบ้านใหญ่เยียนสุย เขามีโอกาสที่จะให้คนที่ไม่มีทรัพย์สินยืมเสบียง
…
ฤดูหนาว!
เวลาเขาสู่ฤดูหนาวของหย่งไท่ ปีที่สิบห้าอย่างเป็นทางการ
อีกไม่กี่เดือนก็เป็น ไท่หยวน ปีที่หนึ่งแล้ว
ฤดูหนาวปีนี้เหมือนดั่งที่ขุนนางสำนักพยากรณ์บอกเอาไว้ หนาวเย็นเป็นพิเศษ
ภายในห้องมีพื้นอุ่นจึงไม่รู้สึก
แต่เมื่อเดินออกจากประตูห้อง ลมหนาวพัดโกรกเข้าลำคอ
ตั้งแต่หัวจรดเท้า ตั้งแต่ภายในสู่ภายนอกล้วนหนาวเย็น
มันเป็นความหนาวที่แทรกซึมออกมาจากกระดูก
เยียนอวิ๋นเกอไปตกปลาที่บ่อน้ำในสวน อาจเพราะปลาน้อยฉลาดขึ้น หรืออาจเพราะหนาวเกินไปจนไม่อยากขยับ อย่างไรก็ตาม สองชั่วยามผ่านไป นางตกปลาไม่ได้แม้แต่ตัวเดียว
เช้าวันรุ่งขึ้น น้ำในบ่อน้ำกลายเป็นน้ำแข็ง
บนพื้นที่มีน้ำขังกลายเป็นพื้นน้ำแข็ง
หากไม่ระวังคงต้องลื่นล้มอย่างแน่นอน
อากาศที่หนาวเย็นเพียงนี้ ไม่มีทางทำงานที่แจ้งได้แม้แต่น้อย
เยียนอวิ๋นเกอออกคำสั่งให้หานฉีจง หน้าหนาวปีนี้ เรือนพักไม่มีการบุกเบิกและขุดคูคลอง
หากรั้งเหล่าคนที่ขยันขันแข็งไม่ได้จริงๆ ก็ปล่อยพวกเขาไปเถิด
ทำงานฝีมือ ทอผ้า ทำผ้าห่มให้มากขึ้น ความต้องการสิ่งเหล่านี้มีปริมาณมาก
สำนักเซ่าฝู่มีสินค้าในคลังไม่พอ จนต้องมาหาเยียนอวิ๋นเกอเพื่อขอซื้อผ้าผืน อีกทั้งยังต้องสั่งซื้อชุดสำเร็จรูป
มันเป็นการค้าใหญ่!
เพียงแต่…
“สำนักเซ่าฝู่มีสินค้าในคลังไม่พอจริงหรือ ในแปลงนาหลวงมีเครื่องทอผ้ามากมาย นางปักมากมาย ยังไม่พอที่จะตอบสนองความต้องการของสำนักเซ่าฝู่?”
“ชายแดนหนาวเหน็บ แม่ทัพหลายคนถวายฎีกาต่อราชสำนักอย่างต่อเนื่อง บอกว่าชุดนุ่นและผ้าห่มไม่เพียงพอ ต้องการชุดนุ่นและผ้าห่มอย่างเร่งด่วน สำนักเซ่าฝู่มีสินค้าในคลังไม่น้อย แต่ส่วนใหญ่ล้วนเป็นผ้าแพรไหม สงครามทางชายแดนไม่อาจใช้ผ้าแพรไหมได้ ข้าได้ยินว่าเรือนพักร่ำรวยมีโรงงานทอผ้าขนาดใหญ่ อีกทั้งยังมีนุ่นจำนวนมาก คุณหนูสี่ช่วยเหลือทีเถิด ราคาต่อรองกันได้”
เยียนอวิ๋นเกอลังเล “ใต้เท้าไม่สามารถหาร้านผ้าในการจัดหาหรือ”
ขุนนางของสำนักเซ่าฝู่ “สินค้าในร้านผ้ามีจำนวนน้อย ไม่เพียงพอต่อความต้องการ ไม่ปิดบังคุณหนูสี่ ทั้งพื้นที่นครบาล มีเพียงเรือนพักร่ำรวยของพวกท่านที่สะดวกและใกล้สุด หากไกลออกไปอีกก็ออกนอกนครบาลแล้ว หากจะขนส่งผ้าผืนจากทางใต้มา ระยะทางก็ไกลเกินไป ค่าขนส่งก็แพง
อีกทั้งเวลานานเกินไป ทำให้การใหญ่ของราชสำนักล่าช้า ข้าต้องเผชิญปัญหาอย่างมากแต่ก็ต้องทำต่อ คุณหนูสี่ พวกเราร่วมมือกันหลายปี คราวนี้ไม่ว่าอย่างไร ท่านก็ต้องช่วยข้า”
เยียนอวิ๋นเกอถามเขา “สำนักเซ่าฝู่ต้องการผ้าผืนมากน้อยเพียงใด”
ขุนนางของสำนักเซ่าฝู่รีบพูด “นุ่นสามพันผืน ป่านหนึ่งหมื่นผืน ชุดป่านสำเร็จรูปหนึ่งหมื่นชุด นี่เป็นเพียงการสั่งรอบแรก ต่อจากนี้จะมีการสั่งที่มากกว่านี้”
เยียนอวิ๋นเกอขมวดคิ้วมุ่น นี่เป็นปริมาณการสั่งที่มาก
นางพูดกับขุนนางสำนักเซ่าฝู่ “ราคาเป็นอย่างไร เก็บเงินอย่างไร”
“ราคาร้อยละแปดสิบของตลาด มือหนึ่งส่งของ มือหนึ่งส่งเงิน”
เยียนอวิ๋นเกอส่ายหน้า “ราคาตลาดร้อยละแปดสิบห้า จ่ายเงินมัดจำครึ่งหนึ่งก่อน ที่เหลืออีกครั้งหนึ่งจ่ายตอนส่งของ นอกจากนี้ สำนักเซ่าฝู่ต้องให้เวลาข้าเตรียมของหน่อย”
“ให้มัดจำ ข้าจะพยายาม เวลาเตรียมสินค้ามากสุดสิบวัน ให้เวลาท่านได้เพียงสิบวัน ไม่ใช่ข้าเข้มงวด แต่เบื้องบนเร่งมา ข้าก็หมดหนทาง จริงสิ ได้ยินว่าท่านโหวกว่างหนิง เยียนโส่วจ้านก็ส่งฎีกาให้ราชสำนัก ขอเงิน ขอเสบียง ขอผ้าผืนและชุดนุ่น”
มุมปากของเยียนอวิ๋นเกอกระตุก
เยียนโส่วจ้านไม่ถามหาเงินและเสบียงจากราชสำนักจึงจะเป็นเรื่องแปลก