คุณหนูใบ้หัวใจแกร่ง - ตอนที่ 338 ประหารอย่างไม่มีข้อยกเว้น
ตอนที่ 338 ประหารอย่างไม่มีข้อยกเว้น
องครักษ์จินอู่พบแต่ความว่างเปล่า
อย่าว่าแต่จับคน แม้แต่เส้นขนของท่านโหวเหิงอี้ เซียวเฉิงหลี่ก็ยังหาไม่เจอ
พวกเขาขุนดินในจวนโหวลึกสามฉื่อ รื้อค้นทั่วทั้งห้องตำราเพื่อค้นหาห้องลับที่อาจมีอยู่ หรือแม้แต่พังทลายห้องตำราก็ยังหาสิ่งของที่มีมูลค่าไม่ได้
ท่านโหวเหิงอี้ เซียวเฉิงหลี่หายตัวไปแล้ว
ส่วนเขาหายตัวไปเมื่อใด ไม่มีคนใดในจวนโหวรู้แม้แต่น้อย
แต่ก็ใช่ว่าจะไม่ได้เรื่องใดเลย
องครักษ์จินอู่จับตัวแทนของท่านโหวเหิงอี้ เซียวเฉิงหลี่ได้
จากที่ตัวแทนสารภาพ ตั้งแต่เมื่อสองปีก่อน เขาก็เริ่มออกงานแทนเซียวเฉิงหลี่ หรือพบเจอกับพ่อบ้านและบ่าวรับใช้ในจวน
แต่ตัวแทนก็ไม่รู้ว่าท่านโหวเหิงอี้ เซียวเฉิงหลี่ออกจากเมืองหลวงไปเมื่อใด
เพราะท่านโหวเหิงอี้ เซียวเฉิงหลี่มักไม่อยู่ในจวน เมื่อคนไม่อยู่ในจวน ตัวแทนก็ต้องออกมา
คราวนี้ เขาเป็นตัวแทนเกือบหนึ่งเดือนแล้ว
คงไม่อาจบอกว่าเมื่อหนึ่งเดือนก่อน ท่านโหวเหิงอี้ เซียวเฉิงหลี่ตัวจริงก็หนีออกจากเมืองหลวงไปแล้วใช่หรือไม่!
หนึ่งเดือนก่อน เหตุระเบิดครั้งที่สองยังไม่เกิดขึ้น ในวังก็ยังไม่เกิดการลอบสังหาร…
“ท่านโหวเหิงอี้ย่อมมีที่หลบซ่อนตัวอื่นในเมืองหลวง สืบ แม้จะต้องขุดพื้นเมืองหลวงลึกสามฉื่อก็ต้องตามหาคนให้เจอ”
องครักษ์จินอู่เคลื่อนไหว คนที่ไม่เกี่ยวข้องต่างต้องหลีกทาง
หัวหน้าองครักษ์จินอู่ เจิ้งกังนำตัวแทนเข้าไปรายงานตัวในวังหลวง
ฮ่องเต้ไท่หนิง เซียวเฉิงอี้มองตัวแทนของเซียวเฉิงหลี่ มีชั่วขณะที่รู้สึกสับสน
เขาพบว่าตัวเองไม่ได้มองน้องหก เซียวเฉิงหลี่อย่างจริงจังมาเป็นระยะเวลานานแล้ว
ตัวแทนมีลักษณะคล้ายเซียวเฉิงหลี่ไม่น้อย อีกทั้งส่วนสูงที่เหมือนกัน รูปร่างที่เหมือนกัน เพียงแค่แต่งกายเล็กน้อย แสดงวาจาท่าทางอย่างระมัดระวังก็สามารถหลอกลวงผู้อื่นได้
แต่เมื่อลองสังเกตอย่างละเอียด แม้รูปลักษณ์จะคล้ายคลึงกัน แต่สีหน้า ท่าทาง สายตากลับไม่เหมือนกันแม้แต่น้อย
เพียงแค่ตัวแทนเปิดปากพูด คนที่คุ้นเคยกับเซียวเฉิงหลี่ย่อมจะจับสังเกตได้
แต่หลายปีนี้เซียวเฉิงหลี่ปรากฏต่อหน้าผู้คนน้อยครั้งมาก
เวลาที่ปรากฏตัวก็มักจะพูดน้อย
องค์ชายหก เซียวเฉิงหลี่ที่ผู้คนเคยคุ้นเคยเปลี่ยนไปนานแล้ว ไม่ใช่เด็กหนุ่มในความทรงจำอีกแล้ว
มิน่า เขาใช้ตัวแทนสามารถหลอกลวงดวงตามากมายเพียงนี้ อีกทั้งยังปิดบังเกือบสองปีเต็ม
เวลานี้ ฮ่องเต้ไท่หนิง เซียวเฉิงอี้สงบอย่างหากได้ยาก
เขาไม่ได้โกรธ หรือมีสีหน้าที่ไม่จำเป็น
เขาจ้องมองตัวแทน “เจ้ารู้ว่าการเป็นตัวแทนจะต้องตายหรือไม่”
ตัวแทนตัวสั่นด้วยความหวาดกลัวอย่างมาก
โชคดีที่อย่างน้อยเขาก็เคยเป็นตัวแทนขององค์ชาย ยังมีความกล้าระดับหนึ่ง
ได้ยินเพียงตัวแทนพูด “รู้พ่ะย่ะค่ะ!”
ฮ่องเต้ไท่หนิง เซียวเฉิงอี้กระจ่าง “เจ้าไม่กลัวตายหรือ”
“ข้าน้อยย่อมกลัวตาย!”
“เขาให้ผลประโยชน์กับเจ้ามากน้อยเพียงใด ทำให้เจ้ายอมเป็นตัวแทนโดยไม่สนใจความตาย”
“เมื่อพบเรื่องพรรณนี้ ไม่เป็นตัวแทนก็ต้องตาย เป็นตัวแทนอย่างน้อยก็ยังมีชีวิตอยู่ได้อีกหลายปี ทำให้ครอบครัวมีชีวิตที่ดีอีกหลายปี อย่างไรก็ต้องตาย ดังนั้นข้าน้อยจึงเลือกที่จะตายช้าลง”
ฮ่องเต้ไท่หนิง เซียวเฉิงอี้พยักหน้าด้วยความเข้าใจ
เขาถามอีก “เขาพบเจ้าได้อย่างไร”
“ข้าน้อยก็ไม่รู้ เพียงแต่อยู่มาวันหนึ่ง ในเรือนมีคนแปลกหน้ามา เรื่องต่อจากนั้นก็ไม่อาจให้ข้าน้อยได้ปฏิเสธแล้ว”
เซียวเฉิงอี้มองเขา “ใจกล้าไม่น้อย มิน่าเขาจึงเลือกเจ้าเป็นตัวแทน”
ตัวแทนตัวสั่น เขาไม่ได้ใจกล้าเอาเสียเลย
โดยเฉพาะคำพูดนี้ยังหลุดออกมาจากปากของฮ่องเต้ เขายิ่งหวาดกลัว
เซียวเฉิงอี้ถามเขา “ก่อนหน้านี้ ได้เข้าวังมาแทนเขาหรือไม่”
ตัวแทนส่ายหน้า “ไม่เคยเข้าวัง! เพียงแค่เข้าร่วมงานเลี้ยงที่ไม่สำคัญนัก ปรากฏตัวต่อหน้าบ่าวรับใช้ในบางครั้ง หลายปีก่อนฮูหยินเสียชีวิตจากการคลอดบุตร ในจวนจึงไม่มีนายหญิง…”
ความหมายก็คือ ไม่มีคนข้างหมอน ย่อมไม่กลัวถูกเปิดโปง
สตรีย่อมรู้จักผู้ชายของตนเองดี
หากผู้ชายของตนเองกลายเป็นอีกคน เขาอาจจะหลอกลวงผู้อื่นได้ แต่ไม่อาจปิดบังคนข้างหมอนได้
มิน่าหลังจากที่ฮูหยินของท่านโหวเหิงอี้ เซียวเฉิงหลี่เสียชีวิต เขาจึงไม่ได้แต่งงานใหม่
ข้างกายไม่มีแม้แต่อนุภรรยา
เซียวเฉิงอี้หัวเราะเสียงเย็น “เจ้าพบเขาครั้งสุดท้ายเมื่อใด เขาพูดสิ่งใดกับเจ้า”
“ครั้งล่าสุดที่พบท่านโหวคือเมื่อสองเดือนก่อน เขาไม่ได้พูดสิ่งใด เพียงแค่มองข้าน้อยเท่านั้น”
“ปกติแล้วผู้ใดเป็นคนออกคำสั่งต่อเจ้า”
“บางครั้งเป็นเติ้งกงกง บางครั้งเป็นสวี่กงกง”
เซียวเฉิงอี้มองไปทางหัวหน้าองครักษ์จินอู่ เจิ้งกัง
หัวหน้าองครักษ์จินอู่ เจิ้งกังรีโน้มตัวทูล “ทูลฝ่าบาท ไม่พบร่องรอยของเติ้งเส้าเจี้ยน หากไม่ผิดพลาด เขาคงหนีออกจากเมืองหลวงไปพร้อมกับท่านโหวเหิงอี้แล้ว ส่วนสวี่กงกง ก่อนที่องครักษ์จินอู่จะไปถึง เขาก็ดื่มยาพิษปลิดชีพตัวเองแล้ว ไม่สามารถช่วยชีวิตเอาไว้ได้ กระหม่อมไร้ความสามารถ สมควรประหาร!”
เซียวเฉิงอี้โบกมือ โทษของเจิ้งกังค่อยว่ากัน
เขามองตัวแทนขึ้นลง จากนั้นพูดขึ้น “ลองดูอย่างละเอียด เจ้าไม่คล้ายกับเจ้าหกแม้แต่น้อย เหตุใดจึงสามารถปิดบังคนมากมายเพียงนั้นได้ แม้แต่บ่าวรับใช้ในจวนก็ถูกหลอก”
ตัวแทนอธิบาย “ข้าน้อยแทบจะไม่ได้พูดเมื่ออยู่ต่อหน้าผู้อื่น ทั่วไปแล้วมักมีเติ้งกงกงหรือสวี่กงกงพูดหรือออกคำสั่งแทน”
มิน่า!
เพียงแค่ไม่พูด คนที่ไม่คุ้นเคยนักก็จะมองไม่ออกว่าคนตรงหน้าเป็นตัวปลอม
แม้จะสังเกตเห็นความผิดปกติบ้าง แต่ก็ไม่ได้คิดไปทางตัวแทน เพียงแค่คิดว่าเจ้านายของตนเองอารมณ์ไม่ดี หรือร่างกายไม่สบาย
นอกจากคนสนิทแล้ว ผู้ใดจะคิดว่าในจวนมีตัวแทน อีกทั้งยังเคลื่อนไหวแทนเจ้านายตัวจริงอยู่ทุกวัน
ฮ่องเต้ไท่หนิง เซียวเฉิงอี้หัวเราะร่า “เขาคำนึงไว้อย่างรอบคอบ อีกทั้งยังวางแผนมาเป็นเวลานาน เพียงแต่คิดไม่ถึงว่าเขาจะอดทนได้มากเพียงนี้ ข้าดูถูกเขาเกินไป”
หัวหน้าองครักษ์จินอู่ เจิ้งกังกำลังรอคำบัญชาจากฮ่องเต้
เซียวเฉิงอี้โบกมือ “นำเขาออกไป เหลือร่างกายของเขาให้ครบ ไปเรียกซุนปังเหนียนมา”
ข้าหลวงรับคำสั่ง
ตัวแทนคุกเข่าก้มกราบอยู่บนพื้น “ขอบพระทัยฝ่าบาท!”
เซียวเฉิงอี้ไม่ได้มองเขาอีก เขาโบกมือ ทันใดนั้นตัวแทนก็ถูกข้าหลวงนำตัวออกไป
…
ซุนปังเหนียนมาเข้าเฝ้ายังตำหนักซิงชิ่ง
ฮ่องเต้ไท่หนิง เซียวเฉิงอี้ถามทันที “ซุนกงกงรู้เรื่องท่านโหวเหิงอี้มากน้อยเพียงใด เจ้าคิดว่าเขาจะไปที่ใด”
ซุนปังเหนียนได้ยินจึงปวดหัวอย่างมาก “ไม่ปิดบังฝ่าบาท กระหม่อมไม่รู้เรื่องท่านโหวเหิงอี้มากนัก แต่เติ้งกงกงข้างตัวเขา ข้าเคยมีปฏิสัมพันธ์หลายครั้ง ยากในการรับมืออย่างมาก เขามีความคิดลึกซึ้ง เรื่องตัวแทน หากไม่มีข้อผิดพลาดย่อมต้องเป็นความคิดของเติ้งกงกง พวกเขาหนีออกจากเมืองหลวงไปที่ใด กระหม่อมคิดว่าหากคาดเดาความคิดของท่านโหวเหิงอี้คงจะเป็นการเดินทางอ้อม สมควรที่จะคาดเดาความคิดของเติ้งกงกง บางทีอาจจะตามหาคนจนเจอได้”
ฮ่องเต้ไท่หนิง เซียวเฉิงอี้ออกคำสั่ง “เช่นนั้น ภารกิจตามหาเบาะแสของท่านโหวเหิงอี้ ข้าจะมอบหมายให้ซุนกงกง หวังว่าเจ้าจะตามหาท่านโหวเหิงอี้ได้อย่างรวดเร็ว ข้าจะรอข่าวดีของเจ้า หวังว่าจะสามารถลงโทษท่านโหวเหิงอี้ได้ในเร็ววัน”
หัวใจของซุนปังเหนียนเต้นผิดจังหวะ ฮ่องเต้มีเจตนาที่จะประหารแล้ว
ดูเหมือนสีหน้าจะเรียบเฉย แต่ความจริงแล้วภายในใจ เขาได้ฉีกท่านโหวเหิงอี้ออกเป็นชิ้นๆ แล้ว
ซุนปังเหนียนไม่อาจปฏิเสธ ทำได้เพียงรับภารกิจนี้
เขาก็ลำบาก!
ทั้งที่เกษียณแล้ว พักผ่อนเพียงไม่กี่เดือนก็ต้องกลับมาทำงานใหม่
ทำงานสกปรกแทนฮ่องเต้องค์ใหม่
หากท่านโหวเหิงอี้ตายแล้ว คนรุ่นหลักที่บันทึกประวัติศาสตร์จะโยนความผิดให้เขาหรือไม่
เขา ซุนปังเหนียนปลงพระชนม์องค์ชายหก ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใด อย่างไรก็เป็นความผิดมหันต์ เขาย่อมต้องถูกตราตึงไว้บนเสาแห่งความอัปยศ
เหมือนกับติงอี้ ติงฉางซื่อที่ต้องกลายเป็นคนชั่ว เพียงแค่ประทานสุราพิษให้แก่แม่ทัพใหญ่ซือถูจิ้นตามรับสั่ง
ไม่รู้ว่าเขาตายไปแล้ว หรือว่ายังคงหลบซ่อนตัวอยู่
อย่างไรบนตำราประวัติศาสตร์ย่อมต้องจารึกถึงเขา บอกว่าแม่ทัพใหญ่ซือถูจิ้นตายอยู่ในเงื้อมมือของขันที
แต่มันก็เป็นหลักฐานทางอ้อมที่แสดงให้เห็นว่าขันทีครอบครองอำนาจปั่นป่วนราชสำนัก!
บัณฑิตมักจะใช้กลอุบาย ในมือของพวกเขาก็ถือพู่กันเอาไว้
อยากจะเขียนตำราประวัติศาสตร์อย่างไรก็เขียน ล้วนขึ้นอยู่กับพู่กันเพียงด้ามเดียวของพวกเขา
ซุนปังเหนียนอยากจะก่นด่าออกมา
…
ซุนปังเหนียนน้อมรับบัญชาจากไป ภายในตำหนักใหญ่นอกจากขันทีคนสนิทเพียงไม่กี่คน ก็เหลือแค่เพียงหัวหน้าองครักษ์จินอู่ เจิ้งกัง
ฮ่องเต้ไท่หนิง เซียวเฉิงอี้เดินลงจากบันไดมาทีละก้าวจนมาถึงหน้าของเจิ้งกัง
เจิ้งกังคุกเข่าอยู่บนพื้นด้วยหลังที่เหยียดตรง สีหน้าสง่าผ่าเผย
เขาเตรียมพร้อมที่ตาย “ตาย” แล้ว
น้ำเสียงของฮ่องเต้ไท่หนิง เซียวเฉิงอี้เย็นชา “เจ้าทำให้ข้าผิดหวังอย่างมาก! ข้าเพิ่งขึ้นครองราชย์ ตกอยู่ในช่วงเวลาแห่งปัญหา กำลังต้องการใช้คน เดิมทีข้าคาดหวังต่อเจ้ามาก ตอนที่เสด็จพ่อยังทรงอยู่ ความดีความชอบของเจ้า ข้าเห็นมากับตา ข้าคิดว่าเจ้าจะเจริญรุ่งเรือง ช่วยข้าแบ่งเบาหน้าที่ต่อไป สุดท้ายเจ้ากลับทำให้ข้าผิดหวังซ้ำแล้วซ้ำเล่า”
“กระหม่อมสมควรตาย! ขอฝ่าบาททรงประหารกระหม่อม!”
ฮ่องเต้ไท่หนิง เซียวเฉิงอี้ส่ายหน้าเล็กน้อย
“แม้เจ้าจะสมควรตานย แต่ก่อนตาย ข้ายังต้องการให้เจ้าทำเรื่องสุดท้าย”
“พ่ะย่ะค่ะ!”
ฮ่องเต้ไท่หนิง เซียวเฉิงอี้พูดอย่างเย็นชา “ข้าต้องการให้เจ้ากำจัดคนทั้งจวนท่านโหวเหิงอี้ ไม่ให้เหลือแม้แต่คนเดียว คนที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับจวนท่านโหวเหิงอี้ล้วนประหารให้หมด นอกจากนี้ ประหารตระกูลเจี่ยเก้าชั่วโคตร! เจ้าทำได้หรือไม่”
หัวหน้าองครักษ์จินอู่ เจิ้งกังพยักหน้า “กระหม่อมย่อมจะไม่ทำให้ฝ่าบาททรงผิดหวัง”
เซียวเฉิงอี้พยักหน้าเล็กน้อย “ดีมาก! หลังจากทำสองเรื่องนี้เสร็จ เจ้าเตรียมการคนในตระกูลและเรื่องงานศพของตัวเอง ข้าไม่ต้องการหัวของเจ้า เหลือศพให้เจ้าอย่างครบถ้วน”
หัวหน้าองครักษ์จินอู่ เจิ้งกังไม่ขยับตาแม้แต่น้อย เขาโน้มตัวรับคำสั่ง
“กระหม่อมขอบพระทัยฝ่าบาท!”
เซียวเฉิงอี้โบกมือ “ไปเถิด!”
“พ่ะย่ะค่ะ!”
…
ฮ่องเต้ไท่หนิง เซียวเฉิงอี้มุ่งหน้าไปยังตำหนักฉางเล่อเพื่อถวายบังคมแด่พระพันปีเถา
พระพันปีเถายากที่จะดับไฟโกรธ “เมื่อมีบทเรียนของท่านโหวเหิงอี้แล้ว ฮ่องเต้อย่าได้ชะล่าใจ พี่น้องเหล่านั้นของเจ้า ข้าคิดว่าจะปล่อยไปอีกไม่ได้”
ฮ่องเต้ไท่หนิง เซียวเฉิงอี้เลิกคิ้ว “เสด็จแม่ให้ข้ากำจัดพี่น้องของตนเอง? ข้าไม่กษัตริย์ที่ไร้สติปัญญา อีกทั้งไม่ใช่กษัตริย์ที๋โหดเหี้ยม จะกำจัดพี่น้องของตนเองอย่างตามใจได้อย่างไร อีกอย่าง พวกเขาต่างไม่ได้กระทำผิด ล้วนอยู่ในกฎระเบียบ สงบเสงี่ยมเจียมตัว ข้าไม่มีเหตุผลกำจัดพวกเขา”
พระพันปีเถาพูดเสียงดัง “ก่อนหน้านี้ท่านโหวเหิงอี้ก็สงบเสงี่ยมเจียมตัวเหมือนกัน เหตุระเบิดสองครั้ง การลอบสังหารในวังหลวงสั่นคลอนอำนาจบารมีของเจ้าโดยตรง บรรดาขุนนางต่างแอบวิจารณ์ลับหลัง เจ้ายังไม่ซึมซับบทเรียนอีกหรือ”
“เวลานี้ความจริงปรากฏ บรรดาขุนนางต่างเข้าใจ ไม่ใช่ข้าไร้ความเป็นธรรม หากแต่ท่านโหวเหิงอี้มีเจตนาก่อกบฏ”
เมื่อชะงักไปสักครู่ ฮ่องเต้เซียวเฉิงอี้จึงพูดขึ้นอีก “เสด็จแม่ทรงวางพระทัย ข้าจะซึมซับบทเรียน แต่ไม่อาจฆ่าคนบริสุทธิ์ได้ บทเรียนที่เสด็จพ่อทรงปลงพระชนม์เหล่าท่านอ๋องเพิ่งผ่านไปไม่กี่ปี ข้าไม่ได้ลืม”
“พี่น้องทั้งหลายของเจ้าไม่มีคุณสมบัติเทียบเทียมกับเหล่าท่านอ๋อง”
“เสด็จแม่อย่าทรงพูดอีกเลย! พวกเขาเป็นพี่น้องของข้า ล้วนเป็นคนตระกูลเซียว เพียงแค่พวกเขาไม่ได้กระทำผิด ข้าก็จะไม่ลงมือ เวลานี้เป็นช่วงเวลาแห่งปัญหา เชื้อพระวงศ์จำเป็นต้องกลมเกลียวสามัคคีกันเอาไว้ ไม่อาจเข่นฆ่ากันในเวลานี้”
พระพันปีเถากัดฟัน “เจ้าจะเสียใจ”
แต่ฮ่องเต้ไท่หนิง เซียวเฉิงอี้กลับพูด “แม้วันหนึ่งข้าจะเสียใจ แต่ก็ไม่อาจเปลี่ยนใจของข้าได้ในเวลานี้ ข้าเป็นโอรสสวรรค์จะกลืนน้ำลายตัวเองได้อย่างไร อีกอย่างการเชือดไก่ให้ลิงดู ทำให้ผู้คนรู้จุดจบของการคิดที่จะก่อกบฏ ข้าคิดว่ามันก็เพียงพอที่จะทให้บรรดาพี่น้องของข้ากลัวได้แล้ว”
พระพันปีเถาได้ยิน จึงถามทันที “เจ้าตัดสินใจแล้วหรือ เจ้าคิดจะลงโทษท่านโหวเหิงอี้อย่างไร”
ฮ่องเต้ไท่หนิง เซียวเฉิงอี้พยักหน้าเล็กน้อย พลันพูด “ย่อมต้องประหารเก้าชั่วโคตร!”
พระพันปีเถาโล่งใจในทันที สีหน้าของนางพึงพอใจอย่างมาก
“สมควรทำเช่นนี้! จะยอมไม่ได้เด็ดขาด ควรประหารก็ประหาร เจ้าให้ผู้ใดไปจับท่านโหวเหิงอี้”
“ซุนปังเหนียน!”
พระพันปีเถาผงะไปเล็กน้อย สุดท้ายพูดเห็นด้วย “ให้ซุนปังเหนียนไปจับคนก็ได้! หวังว่าเขาจะไม่ทรยศเจ้า”
“ซุนปังเหนียนจงรักภักดีต่อราชวงศ์และต้าเว้ย เขาไม่มีทางปล่อยท่านโหวเหิงอี้ไป เรื่องนี้ขอให้เสด็จแม่ทรงวางพระทัย”
พระพันปีเถายิ้มเย็น “ดูท่าเจ้าจะเชื่อฟังคำพูดของเสด็จพ่อของเจ้า แต่ไม่ฟังคำพูดของข้าแม้แต่น้อย ตอนที่เสด็จพ่อของเจ้าสวรรคต ข้าเคยขอให้เจ้าประหารซุนปังเหนียน แต่เจ้ากลับปกป้องเขา เหตุใดเจ้าจึงลืมไปว่าซุนปังเหนียนเคยทำให้ข้าอับอายกี่ครั้ง”
“เพราะว่าเขามีประโยชน์” ฮ่องเต้ไท่หนิง เซียวเฉิงอี้พูดอย่างหนักแน่น
พระพันปีเถายิ้มเสียดสี “ในสายตาของเจ้า ซุนปังเหนียนที่มีประโยชน์สำคัญกว่าข้าเสียอีก ข้ามีชีวิตอยู่มานานเพียงนี้ ไม่อาจเทียบได้แม้แต่กับขันที”