คุณหนูใบ้หัวใจแกร่ง - ตอนที่ 348 หัวใจศิลา
ตอนที่ 348 หัวใจศิลา
ฮ่าๆ…
บรรพบุรุษเปล่งเสียงหัวเราะ
หลังจากหัวเราะ เขาจึงพูดขึ้น “อวิ๋นเกอเป็นบุตรสาวสุดที่รักของเจ้า เจ้าไม่อยากยกให้คนชั่วอย่างเซียวอี้ ข้าสามารถเข้าใจได้ แต่หากลองเปลี่ยนมุมมอง หากอวิ๋นเกอสามารถแต่งงานกับเซียวอี้ มันจะอิสระเพียงใด
เซียวอี้ไร้บิดามารดา พี่ชายและพี่สะใภ้ก็สั่งการเขาไม่ได้ อวิ๋นเกอแต่งเข้าไป ไม่มีความขัดแย้งแม้แต่น้อย กลับกันยังสามารถข่มอยู่บนหัวของเซียวอี้ได้อย่างสิ้นเชิง นางให้เขามุ่งไปทางตะวันตก เขาย่อมไม่กล้ามุ่งไปทางตะวันออก แต่งไปยังตระกูลขุนนาง อวิ๋นเกอไม่มีทางอิสระเช่นนี้ นอกจากนี้หลังจากที่อวิ๋นเกอแต่งงานกับเซียวอี้แล้ว ยังสามารถแทรกแซงเรื่องของราชวงศ์ได้อย่างถูกต้อง…”
“ท่านไม่ต้องพูดแล้ว! ลำบากท่านต้องเดินทางมา แต่ไม่ว่าอย่างไร ข้าก็ไม่มีทางยกอวิ๋นเกอให้เซียวอี้! เขาไม่คู่ควรกับอวิ๋นเกอของข้า”
เซียวฮูหยินพูดขัดบรรพบุรุษ
บรรพบุรุษยิ้มอย่างเข้าใจ “บนโลกนี้มีผู้ชายที่ดีมากมาย แต่หากจะบอกว่าคู่ควรกับอวิ๋นเกอนั้นมีน้อยยิ่งนัก ฐานะสมน้ำสมเนื้อ แต่ความสามารถอาจไม่เหมาะสมกัน ความสามารถเหมาะสมกัน ฐานะย่อมมีความแตกต่างกัน อย่างไรก็ตาม หากต้องการหาผู้ชายที่มีความสามารถและฐานะที่คู่ควรกับอวิ๋นเกอคงจะเป็นเรื่องยากมาก!”
คำพูดนี้ เซียวฮูหยินเห็นด้วยอย่างมาก
เรื่องคู่ครองของอวิ๋นเกอ เหตุใดจึงล่าช้ามาจนบัดนี้
ก็เพราะหาชายหนุ่มที่คู่ควรในทุกด้านนั้นช่างยากเย็นนัก!
ลูกผู้ลากมากดีที่เหลวแหลกไม่คู่ควรกับบุตรสาวของตนเอง
ไม่ใช่นางไม่สงสารอวิ๋นเกอ แต่นางกลัวอวิ๋นเกอแต่งเข้าไปจะตีขาอีกฝ่ายจนหัก จากมิตรกลายเป็นศัตรู
นางนวดขมับ กลุ้มใจอย่างมาก
บรรพบุรุษพูดอย่างจริงจัง “เจ้าอย่าเพิ่งรีบร้อนในการตัดสินใจ ลองดูก่อน ลองไตร่ตรองดูให้มาก หากเป็นไปได้ ลองไตร่ตรองเซียวอี้ด้วย เปรียบเทียบดู หากสามารถหาผู้ชายที่เหมาะสมกับอวิ๋นเกอจริง เรื่องในวันนี้ เจ้าก็ถือว่าไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน หากหาผู้ชายที่เหมาะสมไม่ได้ สู้ให้โอกาสเซียวอี้เสียบ้าง
ชื่อเสียงของเขาแย่ ข้าเห็นเขาก็อยากจะทุบเขาให้ตาย แต่ไม่อาจปฏิเสธได้ว่าเขามีความสามารถ เรียกได้ว่ายืดได้หดได้ เป็นคนที่ทำการใหญ่ เพียงแค่ ‘เด็ดเดี่ยว’ เกินไป เรื่องนี้ข้าก็ตำหนิเขาไปแล้ว ในฐานะที่เป็นมนุษย์ จะไร้ซึ่งความเป็นมนุษย์ได้อย่างไร ‘เด็ดเดี่ยว’ เกินไปไม่ใช่เรื่องดี”
เซียวฮูหยินไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ “ดูท่าทางท่านชื่นชอบเซียวอี้จากใจจริง จึงยอมออกหน้าแทนเขาเพียงนี้”
บรรพบุรุษหัวเราะ “ภายในเชื้อพระวงศ์ นานทีจะมีเด็กหนุ่มที่มีความทะเยอทะยาน ข้าชื่นชมยิ่งนัก! ปัญหาใหญ่ที่สุดของเชื้อพระวงศ์ในเวลานี้คืออ่อนแอเกินไป มีแต่คนที่ไม่เอาไหน ไม่มีความรับผิดชอบแม้แต่น้อย
เชื้อพระวงศ์ต้องการคนที่มีความมุ่งมั่น สามารถรับภาระอันยิ่งใหญ่ กล้าเผชิญหน้ากับตระกูลขุนนาง เขาถือเป็นหนึ่งในนั้น ข้าไม่อาจทนดูเขาปล่อยเวลาผ่านไปได้อีก ช่วยได้ก็ช่วย! อีกอย่างเขากับอวิ๋นเกอก็ถือว่าเป็นกิ่งทองใบหยก เหมาะสมกันอย่างมาก
อวิ๋นเกอเป็นหญิงสาวที่ดี หากยกให้คนนอกน่าเสียดาย ควรให้นางแต่งเข้าราชวงศ์ จัดการพวกคนที่ไม่เอาไหนเหล่านั้นให้หนัก”
เซียวฮูหยินไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ “เชื้อพระวงศ์ไม่ใช่หน้าที่ของอวิ๋นเกอ คนที่ไร้ความสามารถอย่างพวกเราไม่สามารถผลักภาระที่หนักเช่นนี้ไปไว้บนบ่าของคนรุ่นหลังได้ ข้ารู้ว่าท่านมีเจตนาดีคิดแทนเชื้อพระวงศ์
แต่ข้าเป็นมารดา ข้าต้องคิดแทนบุตรสาว ข้าต้องใจร้ายเพียงใด จึงจะมองดูอวิ๋นเกอต้องแบกรับภาระหนักที่ไม่ใช่ของนางในอายุที่น้อยเพียงนี้ ขอให้ท่านโปรดอภัย ข้าไม่อาจผลักอวิ๋นเกอเข้ากองเพลิงอย่างใจร้ายได้”
บรรพบุรุษได้ยินจึงถอนหายใจ “แม้แต่เจ้าก็คิดว่าราชวงศ์ในเวลานี้เป็นบ่อเพลิง ความคิดของผู้อื่นจะเป็นอย่างไรกัน หรือว่าตระกูลเซียวจะหมดหนทางแล้วจริงหรือ จะตกต่ำเช่นนี้ตลอดไปจริงหรือ”
เซียวฮูหยินพูดอย่างจริงจัง “ไม่ว่าราชวงศ์จะเดินไปทิศทางใด แต่มันก็ไม่ใช่หน้าที่ของอวิ๋นเกอ ข้าแค่ต้องการให้นางสามารถทำในสิ่งที่นางอยากทำ หาเงินเล็กๆ น้อยๆ มีชีวิตอยู่อย่างสุขสบาย อย่าได้กังวลกับเรื่องที่ไม่เกี่ยวข้อง”
บรรพบุรุษมองนาง “หากราชวงศ์ล่มสลายจะเป็นอย่างไร เจ้าคิดว่าเมื่อถึงเวลานั้นผู้ใดจะหนีพ้น อวิ๋นเกอก็ไม่อาจหนีได้! นางเป็นประชาชนของต้าเว้ย บนตัวไหลเวียนไปด้วยเลือดของต้าเว้ย เลือดของ องค์รัชทายาทจางอี้”
“หากวันนั้นมาถึงจริง ข้าจะเป็นคนแบกรับหน้าที่ทั้งหมดเอง แต่ไม่อาจเดือดร้อนไปถึงบุตรสาวของข้า”
“เจ้าบอกไม่เดือดร้อนก็จะสามารถทำตัวอยู่นอกเหตุการณ์ได้จริงหรือ อวิ๋นฉีแต่งงานกับท่านอ๋องผิงชิน นางตกอยู่ในเหตุการณ์นั้นแล้ว แต่อวิ๋นฉีไร้เดียงสา คิดแต่เพียงปิดประตูใช้ชีวิตของตัวเอง ไม่สนใจเรื่องภายนอก เจ้าคิดว่าตอนที่ตึกใหญ่กำลังจะล่มสลาย นางจะปลอดภัยได้หรือ”
“ท่านอย่าพูดอีกเลย!”
บรรพบุรุษปวดใจยิ่งนัก “เจ้าอย่าลืม เจ้าเป็นสายเลือดเพียงหนึ่งเดียวที่หลงเหลืออยู่ของ ‘องค์รัชทายาทจางอี้’ เจ้าจะทนดูแผ่นดินที่องค์รัชทายาทให้ความสำคัญถูกพวกเขาบั่นทอนจนป่นปี้ได้หรือ”
“ไม่ใช่หน้าที่ของข้า!” เซียวฮูหยินพูดอย่างหนักแน่น “ฮ่องเต้จงจ้งยังทรงทนดูพวกเขาบั่นทอนแผ่นดินได้ เหตุใดข้าจึงทำไม่ได้”
บรรพบุรุษถอนหายใจด้วยความเศร้าโศกและหดหู่
ชายชราที่มีชีวิตชีวาในเดิมทีแก่เฒ่าลงในทันควัน แววตาล้วนแล้วมีแต่ความเหนื่อยล้า
เขาพูด “ข้ายุ่งไม่เข้าเรื่อง ฝืนใจผู้อื่นมากเกินไปเอง เจ้ามีชีวิตในวันนี้ไม่ง่าย ข้าไม่ควรบังคับเจ้า เอาเถิด เอาเถิด เจ้าถือว่าข้าไม่เคยมาในวันนี้ แผ่นดินนี้จะกลายเป็นอย่างไร เหตุใดคนแก่จึงต้องกังวล”
พูดจบ เขาก็ลุกขึ้นเตรียมจากไป
เซียวฮูหยินรีบยืนขึ้นพลันพูด “บรรพบุรุษ!”
บรรพบุรุษโบกมือ “อย่าได้รู้สึกผิด เจ้าสูญเสียไปมากแล้ว ชีวิตต่อจากนี้อย่าลำบากตัวเอง เซียวอี้ไม่คู่ควรกับอวิ๋นเกอก็ไม่ต้องสนใจเขา เจ้าเด็กเหลวไหล แต่ละวันไม่เคยทำเรื่องดีๆ คิดแต่จะหาทางสู่ขออวิ๋นเกอ สมควรแล้วที่เขาจะอยู่ตัวคนเดียวไปทั้งชีวิต เรื่องคู่ครองของอวิ๋นเกอ เจ้าต้องเร่งมือหน่อย พยายามจัดการให้เสร็จสิ้นภายในปีนี้เถิด”
“ขอบพระคุณบรรพบุรุษ!”
“คำนี้ข้าควรจะเป็นคนพูด ขอบคุณที่เจ้าไม่ถือสา ไม่ได้แค้นใจในความไร้ความสามารถของข้าในตอนนั้น”
“ท่านพูดเล่นแล้ว การตายของท่านพ่อ ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่ใช่ความผิดของท่าน”
บรรพบุรุษพูด “แต่ข้าไม่อาจปกป้องเขาเอาไว้ได้ เพียงเพราะวาจาของข้าอ่อนเบา ไม่มีอำนาจมากพอ ข้ามักคิดอยู่เป็นประจำ หากตอนนั้นข้าพยายามอีกหน่อย แข็งกร้าวอีกหน่อย วาจาของข้าจะมีน้ำหนักมากขึ้นหรือไม่ ฮ่องเต้จงจ้งจะฟังข้าบ้างหรือไม่
สุดท้ายแล้ว ในฐานะบุคคลตัวน้อยไม่มีทางเปลี่ยนแปลงจุดจบที่ถูกลิขิตเอาไว้ ข้าหวังว่าอวิ๋นเกอจะไม่เป็นบุคคลตัวน้อยที่พูดแล้วไม่มีคนฟัง ถึงแม้นางจะเป็นสตรี แต่สามารถทำในสิ่งที่ผู้ชายจำนวนมากทำไม่ได้ นางสามารถเปล่งเสียงของตนเองให้คนทั้งโลกได้ยิน อีกทั้งทำให้ไม่มีผู้ใดละเลยสิ่งที่นางพูดได้
ข้าดูคนค่อนข้างแม่น ข้าคิดว่าอวิ๋นเกอกำลังพยายามไปในทิศทางนี้เสมอ เพียงแต่เหมือนว่าเจ้าไม่ต้องการให้นางแข็งแกร่งเพียงนั้น เจ้าลองถามใจของตัวเอง สักวันเจ้าอยากให้นางเก็บเหลี่ยมคมทั้งหมด ทำหน้าที่เพียงแค่ปรนนิบัติและสั่งสอนบุตรภายในจวนใช่หรือไม่
หากมีวันหนึ่ง อวิ๋นเกอกลายเป็นเช่นนั้นจริง ข้าคิดว่ามันจะเป็นการทำลายสิ่งของอันมีค่า ผู้คนมักบอกว่าสตรีไม่อาจเทียบบุรุษ แต่ข้าไม่คิดเช่นนั้น ข้าหวังว่าเจ้าก็จะไม่คิดเช่นนั้น”
เซียวฮูหยินยืนนิ่งอยู่ที่เดิมไม่ขยับเขยื้อนเป็นเวลานาน
บรรพบุรุษจากไปแล้ว แต่คำพูดของเขาราวกับยังดังก้องอยู่ในหู
ผ่านไปเป็นเวลานาน เซียวฮูหยินถอนหายใจด้วยความเศร้าโศกและกลัดกลุ้ม
นางถามแม่นมคนสนิท “ข้าผิดหรือ ข้าจำกัดความสามารถของอวิ๋นเกอจริงหรือ”
แม่นมคนสนิทพูดขึ้นทันที “องค์หญิงย่อมไม่ผิด องค์หญิงมีจิตใจของมารดาผู้เมตตา ทุกสิ่งที่ทำล้วนทำเพื่อคุณหนูสี่ด้วยใจจริง คุณหนูสี่ต้องการคู่ครองที่เหมาะสม หากไม่ใช่แต่งงานกับนายน้อยอี้ที่ไร้บิดามารดา
อย่างมองว่าคุณหนูสี่เด็ดขาดราวกับไร้มนุษยธรรม แต่เมื่ออยู่ในจวน คุณหนูสี่เป็นคนที่มีหัวใจอย่างมาก แตกต่างจากนายน้อยอี้ เขาไม่มีความรักให้ผู้ใดทั้งสิ้น เขา ‘เด็ดเดี่ยว’ เกินไป โหดเหี้ยมเกินไป ไม่แน่อาจมีวันหนึ่ง เขาสามารถทอดทิ้งภรรยาและบุตรเพื่อผลประโยชน์ คนเช่นนี้ไม่ใช่คู่ครองที่ดี”
เซียวฮูหยินพยักหน้า พยายามฝืนยิ้ม “เจ้าพูดถูก เซียวอี้ไม่เหมาะสมกับอวิ๋นเกอ อวิ๋นเกอไม่อาจแต่งเข้าราชวงศ์ได้ ถึงแม้จะหาชายหนุ่มตระกูลเล็กมาเป็นคู่ครองของอวิ๋นเกอ นางก็ไม่อาจแต่งเข้าราชวงศ์ได้”
เดิมทีเซียวฮูหยินเป็นสมาชิกราชวงศ์อยู่แล้ว ภายในราชวงศ์เน่าเฟะถึงเพียงใด นางรู้ดีเป็นอย่างยิ่ง
เรื่องเน่าเฟะเช่นนี้ อย่าได้เกี่ยวข้องกับอวิ๋นเกอ
อวิ๋นเกอไม่มีหน้าที่จัดการเรื่องเน่าเฟะของราชวงศ์
เซียวฮูหยินยืนกรานในความคิดของตนเอง นางต้องหาคู่ครองที่เหมาะสมให้อวิ๋นเกออย่างรวดเร็ว
บางทีลดเงื่อนไขลงเล็กน้อยก็ได้
…
เซียวอี้ไม่ได้ผลลัพธ์ที่ตนเองต้องการ หากแต่ยังถูกเซียวฮูหยินทดบัญชีไว้ในใจ
เขา…
เฮ้อ…
ข้าก็แค่เพียงอยากสร้างครอบครัว มีภรรยาที่ดี เหตุใดจึงยากเพียงนี้
“บรรพบุรุษออกหน้าเองยังไม่อาจเปลี่ยนใจองค์หญิงจู้หยางได้ ซินแส ท่านว่าใบหน้าของข้ามันช่างน่ารังเกียจเพียงนี้เชียวหรือ”
มุมปากของจี้ซินแสกระตุก เขาอยากหัวเราะ แต่ก็กลัวทำร้ายจิตใจของเซียวอี้
นายน้อยของตนเองกำลังอยู่ในช่วงที่จะระเบิดออกมา อย่าได้ทำให้เขาขุ่นเคืองจะดีกว่า
เขากระแอมไอเสียงเบา “นายน้อยรูปลักษณ์งดงาม ย่อมไม่มีผู้ใดรังเกียจ”
“เหตุใดองค์หญิงจู้หยางจึงไม่ชอบข้านัก”
“อาจเป็นเพราะองค์หญิงจู้หยางไม่ได้พบนายน้อยมานานหลายปี ภาพจำที่มีต่อนายน้อยยังหยุดอยู่เมื่อหลายปีก่อนหรือไม่ นายน้อยจะไปเยือนด้วยตนเองหรือไม่”
เอ๊ะ?
เซียวอี้หวั่นไหวเล็กน้อย แต่ก็ไม่มั่นใจเล็กน้อย
เขาถามเสียงเบา “องค์หญิงจู้หยางจะไล่ข้าออกมาหรือไม่ องครักษ์? ขององค์หญิงลงไม้ลงมือกับข้า ข้าต้องสู้กลับหรือไม่”
มันเป็นปัญหาที่จริงจังอย่างมาก!
จำเป็นต้องหารือให้ชัดเจน มีแนวทางออกมา
จี้ซินแสเกือบหลุดหัวเราะออกมา
เขาตั้งสติ พลันกระแอมไอ “นายน้อยอย่าไปเยือนดีกว่าหรือไม่ อาจจะรออีกกี่เดือน รอองค์หญิงจู้หยางหายโกรธค่อยไป?”
เซียวอี้ขมวดคิ้วมุ่น “รอกี่เดือน เฮอะๆ เมื่อถึงเวลานั้น อวิ๋นเกอคงแต่งงานกับชายอื่นไปแล้ว เจ้าคิดว่าข้าจะรอต่อไปได้หรือ”
จี้ซินแสอดไม่ไหวเสียจริง เขาพร่ำบ่นออกมา “ผู้ใดให้นายน้อยทำเรื่องที่น่าโมโหมากมายเยี่ยงนั้น ตอนนั้น หากท่านเกรงใจท่านอ๋องหน่อย พูดจาอ่อนข้อลงหน่อย ท่านอ๋องก็คงไม่ขับไล่ท่านออกจากตระกูล อีกทั้งยังประกาศไปทั่วแผ่นดิน”
…………………………………….