คุณหนูใบ้หัวใจแกร่ง - ตอนที่ 353 แม่สามีกับลูกสะใภ้
ตอนที่ 353 แม่สามีกับลูกสะใภ้
หลิงฮูหยินเดินเข้าห้องโถงเล็ก นางชำเลืองมองเยียนอวิ๋นเพ่ยหนึ่งที ไม่ว่ามองอย่างไรก็ไม่ถูกชะตา
เพียงแต่คนเข้ามาในตระกูลแล้ว บุตรก็คลอดออกมาแล้ว อดทนเอาไว้ก่อนแล้วกัน
นางพูดกับเยียนอวิ๋นเพ่ย “เจ้าไปดูแลฉางเฟิง! ผู้ชายของตัวเองถูกโบยได้รับบาดเจ็บ คราวหน้าจำไว้ให้ดีรู้หน้าที่หน่อย อย่ายืนอยู่หน้าประตูทำให้คนหัวเราะเยาะ”
เยียนอวิ๋นเพ่ยรู้สึกไม่เป็นธรรม นางพูดเสียงเบา “ฉางเฟิงไม่ชอบให้ข้าดูแล เขารังเกียจที่ข้าซื่อบื้อ ข้ากลัวเมื่อปรากฏตัว เขาจะตะโกนโหวกเหวก ทำให้แผลปริ ส่งผลกระทบต่อการฟื้นฟูของแผล”
หลิงฮูหยินนวดขมับด้วยความรำคาญ
คนไม่มีความสามารถ แต่กล้าบ่นไม่น้อย
นางเอ่ยเตือน “พวกเจ้าเป็นสามีภรรยากัน ความขัดแย้งระหว่างสามีภรรยา ข้าไม่เข้าไปเกี่ยวข้อง เพียงแต่ฉางเฟิงได้รับบาดเจ็บ เจ้าไม่ปรากฏตัวอีกทั้งยังไม่มาดูแล เจ้าคิดว่าเหมาะสมหรือไม่ เจ้าคิดว่าเจ้ายืนอยู่ที่หน้าประตูสักพักก็ทำหน้าที่ของภรรยาแล้วหรือ ไม่ว่าอย่างไร เจ้าควรเข้าห้องนอนไปดูหน่อย ถามไถ่สักหน่อย เจ้าว่าถูกต้องหรือไม่”
แม้เยียนอวิ๋นเพ่ยจะรู้สึกไม่เป็นธรรม แต่นางก็รู้ว่าตนเองยังทำได้ไม่ดีพอ
นางพูดอย่างระมัดระวัง “เช่นนั้น เช่นนั้นข้าไปดูแลฉางเฟิงก่อน”
“ไปเถิด! พูดจาอ่อนโยนหน่อย อย่าโต้เถียงกับเขา อ่อนให้เขาบ้างจะเป็นไร”
“อ่อ!”
เยียนอวิ๋นเพ่ยรู้สึกเพียงบรรยากาศในห้องโถงอึดอัดจนทำให้นางหายใจไม่ออก ดังนั้นจึงพาสาวรับใช้ออกจากห้องโถงไปอย่างรวดเร็ว
หลิงฮูหยินนั่งลง
นายหญิงน้อย เซี่ยฮูหยินเดินเข้ามาทักทาย
“เจ้าไม่ต้องมากพิธี! เยียนฮูหยินไม่เอาไหน ช่างทำให้คนหงุดหงิด!”
“ฮูหยินต้องปล่อยใจให้กว้าง รักษาร่างกายให้ดี” เซี่ยฮูหยินเกลี้ยกล่อม
หลิงฮูหยินโบกมือเป็นเชิงให้นางนั่งลง “คราวนี้ฉางจื้อเป็นอันใดอีก ส่งจดหมายด่วนกลับมาในช่วงปีใหม่ก็เพื่อให้นายท่านโบยฉางเฟิง? หรือว่าเพิ่งปีใหม่ ราชสำนักจะเกิดเรื่องอีกแล้ว”
เซี่ยฮูหยินส่ายหน้า “ไม่ใช่เพราะราชสำนักเกิดเรื่อง สาเหตุยังคงอยู่ที่คุณหนูสี่ตระกูลเยียน”
“อ๋อ? นางอีกแล้ว? ตอนนั้นฉางจื้อเขียนจดหมายฉบับแรกกลับมาให้นายท่านโบยฉางเฟิงก็เพื่อคุณหนูสี่ตระกูลเยียนท่านนี้ใช่หรือไม่ นางเป็นลูกพี่ลูกน้องกับเยียนอวิ๋นเพ่ยด้วย เมื่อคำนวณจากอายุ ก็ถึงเวลาต้องหาคู่ครองแล้ว”
น้ำเสียงของหลิงฮูหยินเรียบเฉย แต่ในคำพูดนั้นกลับมีเนื้อหามากมาย
เซี่ยฮูหยินคล้อยตาม “ฮูหยินพูดถูก คุณหนูสี่ตระกูลเยียนเป็นน้องสาวแท้ๆ ของเยียนอวิ๋นเฟย บุตรสาวคนเล็กสุดขององค์หญิงจู้หยาง จริงด้วย น้องสะใภ้อวิ๋นเพ่ยถูกองค์หญิงจู้หยางรับเลี้ยง หากว่ากันแล้วนางกับคุณหนูสี่ตระกูลเยียนก็ถือว่าเป็นพี่น้องแท้ๆ”
หลิงฮูหยินหัวเราะ “พี่น้องอันใดกัน! หลายปีที่ฉางเฟิงกับนางอยู่ในเมืองหลวง องค์หญิงจู้หยางไม่เคยชายตามองนางสักครั้ง ยิ่งไม่เคยพูดแทนนาง หากไม่ใช่นางไม่รักดี แย่งชิงงานแต่งของเยียนอวิ๋นเฟย จะมีเรื่องยุ่งเหยิงเหล่านั้นตามมาได้อย่างไร องค์หญิงจู้หยางไม่ได้ขับไล่นางออกไปก็ถือว่ามีมารยาทมากแล้ว”
“ฮูหยินพูดถูก! เรื่องภายในของตระกูลเยียนมีผลกระทบต่อตระกูลหลิงของพวกเราแล้ว”
“อืม” หลิงฮูหยินส่งเสียงตอบรับ “ฉางจื้อได้บอกสาเหตุโดยละเอียดในจดหมายหรือไม่ เหตุใดจึงโกรธเพียงนี้ ผ่านไปตั้งกี่ปีแล้ว ยังคิดจะโบยฉางเฟิงให้ตายอีก”
เซี่ยฮูหยินครุ่นคิด พลันพูด “เขาได้เอ่ยถึงเล็กน้อยในจดหมาย ฮูหยินจำเซียวอี้ได้หรือไม่”
หลิงฮูหยินขมวดคิ้ว “เซียวอี้ ข้าย่อมจำได้ หลานชายที่ดีของข้า ชื่อเสียงโด่งดังยิ่งนัก!”
คำพูดนี้เต็มไปด้วยความไม่พอใจ
เรื่องที่เซียวอี้ก่อเอาไว้แพร่หลายไปทั่วแผ่นดิน
หลิงฮูหยินออกจากจวนไปเข้าร่วมงานเลี้ยง ยากที่จะหลีกเลี่ยงถูกคนหยอกล้อ บอกว่าหลานชายของนางเป็นอย่างไร
นางไม่โกรธได้หรือ
ยิ่งไปกว่านั้นคือมีคนเชื่อมโยงนิสัยเหลวไหลของฉางเฟิงเข้ากับเซียวอี้
บอกว่าสมกับเป็นลูกพี่ลูกน้อง มีนิสัยเหมือนกัน
เหลวไหล!
บุตรชายของตนเอง หลิงฉางเฟิงเพียงแค่เหลวไหล ชื่นชอบที่จะอยู่ท่ามกลางหมู่ดอกไม้
แต่เซียวอี้ไม่ใช่คนเหลวไหล เขาเป็นคนเสียสติ สมองไม่ปกติ ชอบก่อปัญหา อีกทั้งยังทำให้รับรู้กันทั่วแผ่นดิน
หลิงฮูหยินนวดขมับ “เหตุใดจึงเกี่ยวข้องกับเซียวอี้อีกแล้ว พระพันปีเถาจะฆ่าเขา เขายังกล้าปรากฏตัวในเมืองหลวง? ช่างไม่กลัวตายเสียจริง!”
เซี่ยฮูหยินพูดเสียงเบา “เซียวอี้ถูกใจคุณหนูสี่ตระกูลเยียน ไปสู่ขอแล้วแต่กลับถูกองค์หญิงจู้หยางปฏิเสธ เขาไม่ถอดใจ หาบรรพบุรุษในเชื้อพระวงศ์ออกหน้าไม่สำเร็จ จึงไปหาฉางจื้อ ขอร้องให้ฉางจื้อไม่แทรกแซงเรื่องคู่ครองของคุณหนูสี่ตระกูลเยียน
ฮูหยินก็รู้ ฉางจื้ออยากให้คุณหนูสี่ตระกูลเยียนแต่งเข้าตระกูลหลิงของพวกเรามาก แต่เนื่องจากฉางเฟิง คุณหนูสี่จึงมีภาพจำที่ไม่ดีอย่างมากต่อผู้ชายในตระกูลหลิง ดังนั้นฉางจื้อจึงโกรธมาก อีกทั้งปากของเซียวอี้ไม่มีหูรูด มักพูดเรื่องไม่ดีของฉางเฟิงต่อหน้าฉางจื้อ ดังนั้นยังไม่ทันพ้นเดือนหนึ่ง ฉางจื้อจึงโกรธจนเขียนจดหมายกลับมา”
หลิงฮูหยินขมวดคิ้วมุ่น “ข้าไม่เคยพบคุณหนูสี่ตระกูลเยียน ไม่อาจจินตนาการได้ว่าคุณหนูท่านนี้ดีอย่างไร”
เซี่ยฮูหยินหัวเราะเสียงเบา “บางทีในสายตาคนมากมาย คุณหนูสี่ตระกูลเยียนไม่ใช่คู่ครองที่ดี นิสัยบุ่มบ่ามเกินไป แต่นางเป็นคุณหนูที่มีความสามารถมาก ฉางจื้อชื่นชมความสามารถของนาง จึงอยากให้นางแต่งเข้าตระกูลหลิง แต่เนื่องจากฉางเฟิง เรื่องนี้จึงทำได้เพียงล้มเลิกไป”
“นอกจากเชี่ยวชาญในการบริหารเงินแล้ว ยังมีความสามารถใด ตระกูลหลิงไม่เคยขาดแคลนคนมีความสามารถทางด้านการค้า” หลิงฮูหยินสงสัยอย่างมาก
เซี่ยฮูหยินโบกมือให้สาวรับใช้ทั้งหมดถอยออกไป
ระยะสิบก้าวในห้องโถงล้วนไม่มีคน!
ไม่มีผู้ใดเข้าใกล้ได้
มันคือบารมีของนายหญิงน้อยตระกูลหลิง ไม่จำเป็นต้องเอ่ยปาก เพียงแค่สายตา บ่าวรับใช้ก็จะฟังคำสั่งของนาง
จริงจังเพียงนี้ หลิงฮูหยินยิ่งสงสัย
เห็นเพียงเซี่ยฮูหยินยื่นมือไปจุ่มน้ำชา เขียนสองคำลงบนโต๊ะ จากนั้นก็รีบใช้ผ้าเช็ดหน้าเช็ดทิ้ง
หลิงฮูหยินจ้องมองผิวโต๊ะตลอดเวลา แม้จะเหลือเพียงแค่คราบน้ำ นางก็ยังคงไม่อาจเบี่ยงสายตาจากไปได้
เซี่ยฮูหยินพยักหน้าเล็กน้อย “ฉางจื้อเห็นมากับตา ไม่พลาดอย่างแน่นอน ฉางจื้อเคยคิดจะใช้เหมืองสองแห่งแลกแผนที่กับนาง แต่ก็ไม่สำเร็จ แต่คุณหนูสี่ตระกูลเยียนก็บอกว่า เพียงแค่ทั้งสองฝ่ายรักษาความร่วมมือที่ดีตลอด เวลาที่จำเป็น นางสามารถมอบแผนที่ให้ฉางจื้อได้”
หลิงฮูหยินถอนหายใจยาว
แผนที่!
คำถามที่ติดค้างในใจมานานหลายปี ในที่สุดก็ได้คำตอบ
นางลดเสียงต่ำลง พลันพูด “มิน่า ตอนนั้นฉางจื้อจึงเปลี่ยนใจร่วมมือกับเรือนพักร่ำรวย แม้จะได้กำไรน้อยลง หรืออาจไม่ได้กำไร แต่ก็ยังคงรักษาปฏิสัมพันธ์ทางการค้ากับเรือนพักร่ำรวย ล้วนเพราะแผนที่ใช่หรือไม่”
เซี่ยฮูหยินพยักหน้า “แผนที่ล้วนอยู่ในหัวของคุณหนูสี่ตระกูลเยียน ไม่มีผู้ใดแย่งชิงไปได้ ดังนั้น ฉางจื้อจึงอยากให้คุณหนูสี่ตระกูลเยียนแต่งเข้าตระกูลหลิง เสียดายเพียงคุณหนูสี่ตระกูลเยียนมีอคติต่อตระกูลหลิงของพวกเรา ดังนั้นทุกครั้งที่เกี่ยวข้องกับเรื่องแต่งงานของคุณหนูสี่ตระกูลเยียน ฉางจื้อก็ระงับความโกรธไม่ได้ ส่งจดหมายด่วนกลับมาให้นายท่านโบยฉางเฟิง”
หลิงฮูหยินพูดเสียงดุ “ลูกทรพีอย่างฉางเฟิง เพียงเพราะนิสัยเจ้าชู้ หลงใหลในความงามจนก่อเรื่องมากมายเพียงใด หากตอนนั้นเขาไม่ก่อเรื่อง สู่ขอเยียนอวิ๋นเฟยกลับจวนแต่โดยดี จะมีเรื่องวุ่นวายเช่นนี้ได้อย่างไร ฉางเฟิงสมควรถูกตีเสียจริง! อีกทั้งยังตีน้อยไปด้วย”
“ฮูหยินระงับความโกรธ! เรื่องเป็นเช่นนี้แล้ว พวกเราก็ทำได้เพียงแค่พยายามรักษาความสัมพันธ์กับจวนองค์หญิงจู้หยาง หากทางตระกูลเยียนมีเรื่อง พวกเราก็พยายามยืนอยู่ฝั่งเยียนอวิ๋นถง”
นี่จึงเป็นสาเหตุที่ตระกูลหลิงไม่ยอมหมั้นหมายคุณหนูให้เยียนอวิ๋นฉวน
ตระกูลหลิงต้องการรักษาความสัมพันธ์กับจวนองค์หญิงจู้หยาง หากไม่ใช่กับตระกูลเยียน ถึงแม้จะไม่เคยแสดงออกอย่างชัดเจน
เรื่องบางเรื่อง ทุกคนต่างรู้อยู่แก่ใจก็พอ ไม่จำเป็นต้องพูดออกมา
นอกจากนี้ หากหมั้นหมายคุณหนูในตระกูลให้เยียนอวิ๋นฉวน ยังต้องคำนึงถึงท่าทีของเยียนอวิ๋นเฟย
เวลานี้เยียนอวิ๋นเฟยเป็นนายหญิงของตระกูลสือ ความเห็นของนาง ไม่อาจละเลยได้
สรุปแล้ว ตระกูลหลิงมีความกังวลมากมาย
ยอมที่จะทำให้เยียนโส่วจ้านขุ่นเคือง ตระกูลหลิงก็ไม่ยอมทำให้เซียวฮูหยินแม่ลูกขุ่นเคือง
เริ่มตั้งแต่หลิงฉางเฟิงสู่ขอเยียนอวิ๋นเพ่ยเข้าจวน ความจริงแล้วตระกูลหลิงก็มีการเลือกข้างแล้ว
เยียนโส่วจ้านไม่น่าไว้ใจ!
เขาเห็นแต่ผลประโยชน์ คบค้าด้วยไม่ได้
เพื่อรักษาสัญญาหมั้นหมาย เขายอมที่จะเสียสละบุตรสาวของตนเองเพื่อหลานสาว?
ช่าง…
อีกทั้งเขายังเจ้าเล่ห์อย่างมาก ชอบทำก่อนบอกทีหลัง บังคับหลิงฉางเฟิงแต่งงานก่อน จากนั้นจึงบอกเรื่องนี้
ทำให้ตระกูลหลิงถูกกระทำอย่างมาก
เรื่องนี้ตระกูลหลิงไม่มีความไม่พอใจหรือ
ย่อมต้องมีความไม่พอใจ อีกทั้งยังไม่พอใจอย่างมาก
หากตระกูลหลิงรับรู้เรื่องนี้แต่แรก ย่อมจะขัดขวางไม่ให้หลิงฉางเฟิงแต่งงานกับเยียนอวิ๋นเพ่ย ยินดีที่จะผิดสัญญามากกว่า
แต่ก็ต้องโทษท่านโหวผิงอู่ สืออุนที่แลกเปลี่ยนผลประโยชน์กับเยียนโส่วจ้าน ตัดสินใจแทนหลิงฉางเฟิงด้วยตัวเอง
ผู้ใดให้ท่านโหวผิงอู่ สืออุนเป็นลุงแท้ๆ ของหลิงฉางเฟิง มีสิทธิ์ตัดสินใจแทนหลิงฉางเฟิง
พูดได้เพียงไม่คาดคิด
พูดไปพูดมา หลิงฉางเฟิงเดินพลาดเพียงก้าวเดียวในตอนนั้นจึงมีความผิดพลาดในเวลานี้
สาเหตุหลักก็คือหลิงฉางเฟิง หลิงฉางจื้อไม่โบยเขาจะโบยใคร
ไม่เพียงปีนี้โบย ปีต่อไปก็ต้องโบย โบยจนอายุหกสิบ
กลับกัน องค์หญิงจู้หยางน่าไว้ใจกว่าเยียนโส่วจ้าน ควรค่าแก่การคบค้ามากกว่า
นอกจากนี้บุตรสาวทั้งสองขององค์หญิงจู้หยางแต่งงานได้ดี ลูกสะใภ้ที่ได้ก็ดีมาก
เยียนอวิ๋นเกอที่เหลือก็มีความสามารถของตนเอง ไม่ว่าแต่งงานกับผู้ใดก็ย่อมมีอนาคต
เวลานี้ได้รู้อีกว่าเยียนอวิ๋นเกอมีความสามารถในการวาดแผนที่ นางยิ่งเป็นที่ต้องการ
โชคดีที่คนรู้เรื่องนี้มีน้อยมาก
มิฉะนั้น คนทั้งแผ่นดินคงต้องแย่งชิงเยียนอวิ๋นเกอกันจนหัวแตก
ราชวงศ์ย่อมต้องลงมือก่อน
หลิงฮูหยินถอนหายใจเสียงเบา “ลำบากฉางจื้อแล้ว ไม่เพียงต้องยุ่งเรื่องในราชสำนัก ยังต้องเป็นห่วงเรื่องในจวนอีก เซียวอี้ถูกใจคุณหนูสี่ตระกูลเยียนได้อย่างไร อีกทั้งยังไม่ถดถอยแม้เจอความลำบาก เขาก็รู้ว่าคุณหนูสี่ตระกูลเยียนมีความสามารถพิเศษหรือ”
“เซียวอี้คงไม่รู้ ฉางจื้อเขียนในจดหมายว่าเซียวอี้จะสู่ขอเยียนอวิ๋นเกอเท่านั้น แม้องค์หญิงจู้หยางจะปฏิเสธครั้งแล้วครั้งเล่า เขาก็ไม่ยอมถอดใจ ดูจากท่าทีของเขา เขาคงคิดจะตามตื๊อให้ถึงที่สุด ไม่รู้เขาจะสมดังปรารถนาหรือไม่”
หลิงฮูหยินยิ้ม พลันพูด “จากที่ข้ามอง หากเซียวอี้แต่งงานกับคุณหนูสี่ตระกูลเยียนได้ ไม่แน่ว่าอาจเป็นเรื่องที่ดี อย่างไรก็ตาม เขาไร้บิดามารดา เหลือเพียงญาติอย่างพวกเรา ช่วงเวลาสำคัญ ระหว่างญาติก็ควรช่วยเหลือกัน”
“เรื่องนี้ยังต้องขึ้นอยู่กับฉางจื้อ”
หลิงฮูหยินมองลูกสะใภ้ใหญ่เซี่ยฮูหยิน “เจ้าไปเมืองหลวงเถิด! พาเด็กไปเมืองหลวง เจ้าแยกกับฉางจื้อมาหลายปี ถึงเวลาไปช่วยเขาที่เมืองหลวงแล้ว เด็กก็ถือโอกาสไปพบอาจารย์หยูในเมืองหลวง เปิดหูเปิดตาดูทิวทัศน์ในเมืองหลวง”
…………………………………….