คุณหนูใบ้หัวใจแกร่ง - ตอนที่ 356 ให้โอกาสเขา
ตอนที่ 356 ให้โอกาสเขา
ภายในห้องเงียบสงัด ไม่มีผู้ใดส่งเสียง
เซียวฮูหยินหลับตาพักผ่อน สีหน้าเหมือนดีใจแต่ก็เหมือนกังวล
แม่นมคนสนิทอ้าปากนับครั้ง สุดท้ายจึงรวบรวมความกล้าถามขึ้น
“เหตุใดองค์หญิงจึงรับปากนายน้อยอี้ ยอมให้เวลาเขาหนึ่งปี”
เซียวอี้ขอตัวจากไปแล้ว
การพูดคุยจบลงนานแล้ว
เซียวฮูหยินลืมตาขึ้นเล็กน้อย พลันถอนหายใจเสียงเบา “เจ้าก็เห็นแล้ว หากข้าไม่รับปากเขา เขาก็จะตามตื๊อต่อไป คนที่ไปเชิญคุณหนูสี่เหตุใดจึงยังไม่กลับมา คงไม่ได้ถูกเซียวอี้ดักระหว่างทางใช่หรือไม่”
“องค์หญิงวางใจ คุณหนูสี่เพียงแค่ไปปีนเขา จะกลับมาในไม่ช้า”
เซียวฮูหยินโล่งอก นางยกแก้วชาขึ้น ใช้ฝาครอบเขี่ยใบช้าที่ลอยอยู่บนผิวน้ำเบาๆ
นางถามขึ้นอย่างไร้ต้นสายปลายเหตุ “เจ้าว่าเขาเป็นอย่างไร”
แม่นมคนสนิทกระจ่าง นางพูดทันที “นายน้อยอี้ผู้นี้ หากจะพูดแค่เรื่องรูปลักษณ์คงจะเรียกได้ว่ายอดเยี่ยม แต่นิสัยนี้ดื้อรั้นเกินไป ไม่ฟังคำพูดของผู้อื่นแม้แต่น้อย มีความคิดของตนเองมากเกินไป เมื่อตัดสินใจแล้ว ไม่มีผู้ใดห้ามอยู่ ตามตื๊อไม่เลิก องค์หญิงถูกเขาตามตื๊อแล้วตามตื๊ออีก ช่างไร้เหตุผลสิ้นดี!”
เซียวฮูหยินหัวเราะออกมา บนใบหน้าเปื้อนยิ้มจางๆ “พูดความจริง หากเขาไม่คิดเกินเลยกับอวิ๋นเกอ ข้ายังชื่นชมเขาไม่น้อย สามารถสร้างหนทางให้ตัวเองในสถานการณ์ที่ยากลำบาก อีกทั้งยังสั่งสมสมบัติมากมายเพียงนี้ในอายุน้อย เป็นคนที่มากความสามารถเสียจริง เสียดายเพียงเขาคิดเกินเลยกับอวิ๋นเกอ”
น้ำเสียงของนางเต็มไปด้วยความเสียดาอย่างชัดเจน
หากเซียวอี้ไม่คิดเกินเลยกับเยียนอวิ๋นเกอ ไม่แน่นางอาจจะยินดีที่จะแลกเปลี่ยนความคิดกับเขาอย่างจริงใจ
แม่นมคนสนิทถามขึ้นทันที “องค์หญิงตัดสินใจที่จะปฏิเสธเขาหลังจากนี้หนึ่งปีแล้วหรือ”
“ข้าอยากรู้อย่างมาก เขาคิดจะทำอย่างไร คิดจะใช้วิธีใดทำให้ข้าประทับใจ ทำให้ข้าเปลี่ยนใจ”
“องค์หญิงคงไม่ได้หวั่นไหวจริงๆ ใช่หรือไม่”
“ฮ่าๆ…ย่อมไม่ ข้าแค่สงสัยเท่านั้น”
…
เยียนอวิ๋นเกอปีนเขากลับมา เนื้อตัวโล่งสบาย
นางยิ้มเบิกบาน “ท่านแม่ ข้ากลับมาแล้ว!”
“รีบนั่งลง! ด้านนอกสนุกหรือไม่” เซียวฮูหยินยิ้มตาหยีอย่างอารมร์ดี
เยียนอวิ๋นเกอพูด “ทิวทัศน์ไม่สวย แต่หากชอบปีนเขาก็คงเป็นตัวเลือกที่ไม่เลว”
เซียวฮูหยินยิ้ม “เจ้าไปปีนเขาหรือ ดูท่าทางสนุกน่าดู”
“มีผู้ใดมาหรือ” ในที่สุดเยียนอวิ๋นเกอก็สังเกตเห็นความแตกต่างภายในห้อง
ความจริงแล้วภายในห้องไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดเมื่อเทียบกับตอนที่นางออกไป
แต่มันเป็นเพียงความรู้สึก
นางรู้สึกว่าช่วงที่นางไม่อยู่มีคนมา
เซียวฮูหยินกวักมือเรียกให้นางมาตรงหน้า จากนั้นหยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาเช็ดแก้มของนาง
“ตอนที่เจ้าออกไป เซียวอี้มา”
“อันใดนะ เขาตามมาถึงที่นี่ ช่างทำเกินไปแล้ว ข้าไปหาเขา ต้องสั่งสอนเขาสักครั้งให้ได้ บังอาจสะกดรอยตามท่านแม่ กินหัวใจหมีตับเสือเข้าไปหรืออย่างไร”
เยียนอวิ๋นเกอทำท่าจะลุกขึ้น สุดท้ายถูกเซียวฮูหยินรั้งเอาไว้
“ไม่จ้องถือสาเขาเรื่องสะกดรอยตาม รู้หรือไม่ว่าเหตุใดเขาจึงมาพบข้า”
เยียนอวิ๋นเกอลำบากใจ “เพราะเรื่องแต่งงานอีกแล้วหรือ ข้าสร้างปัญหาให้ท่านแม่แล้ว”
เซียวฮูหยินลูบจมูกของนาง “พูดเหลวไหลอันใดกัน! เขามีความจริงใจมาก เพื่อโน้มน้าวข้า แม้แต่โฉนดที่ดินและบัญชีก็นำมาด้วย ราวกับกำลังโอ้อวดว่าเขามีเงินมากอย่างนั้น แม้แต่โน้มน้าวคนยังหาวิธีที่เข้าท่าไม่ได้ โง่เขลาเสียจริง เขาเสนอให้เวลาเขาหนึ่งปี หากหนึ่งปีผ่านไปเขายังไม่อาจทำให้ข้าเปลี่ยนใจ เขาจะล้มเลิก ไม่เอ่ยถึงเรื่องแต่งงานอีก”
“ท่านแม่รับปากเขาแล้วหรือ จะให้เวลาหนึ่งปีจริงๆ หรือ”
เยียนอวิ๋นเกอประหลาดใจอย่างมาก
เซียวฮูหยินพยักหน้า “ใช่ ข้ารับปากเขาให้เวลาเขาหนึ่งปี ข้ากลัวการตามตื๊อของเขา ตีไม่ได้ ฆ่าไม่ได้ เขาก็มีความสามารถอดทนได้จนถึงเวลานี้ ไม่ว่าข้าจะมีสีหน้าอย่างไร เขาก็ไม่ยอมเปลี่ยนใจ
หากเป็นชายอื่น เมื่อถูกปฏิเสธอย่างต่อเนื่องเกรงว่าจะท้อใจ หรืออาจจะเกิดความแค้นแล้ว แต่เขากลับไม่ยอมถดถอย อีกทั้งยังไล่ตามมา”
เยียนอวิ๋นเกอกัดฟัน “คราวหน้าพบเขา ข้าจะสั่งสอนเขาแทนท่านแม่อย่างแน่นอน”
เซียวฮูหยินถามด้วยรอยยิ้ม “เจ้าคิดจะสั่งสอนเขาอย่างไร”
เยียนอวิ๋นเกอพูด “ตีก่อนค่อยว่ากัน”
“เจ้าอาจไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา”
เซียวฮูหยินพูดความจริง
เยียนอวิ๋นเกอมีพละกำลังมา ฝึกฝนศิลปะการต่อสู้แต่เด็ก ฝีมือการยิงธนูไร้คนเทียบเทียม
แต่หากจะพูดถึงเรื่องการสังหารประชิดตัว อีกทั้งยังเป็นคนที่คุ้นชินกับการเข่นฆ่าบนสนามรบอย่างเซียวอี้ มันก็คงไม่มีข้อได้เปรียบแต่อย่างไร
เพียงแค่เรื่องประสบการณ์ เซียวอี้ก็ชนะเยียนอวิ๋นเกอขาดรอยแล้ว
“เขาอยากแต่งงานกับข้า ข้าไม่เชื่อว่าเขาจะกล้าลงมือกับข้า แม้จะกล้าลงมือ ข้าก็ไม่เชื่อว่าเขากล้าลงมือเต็มกำลัง เขาไม่กลัวข้าโกรธหรือ”
เซียวฮูหยินถูกทำให้ขำ
หลังจากหัวเราะ นางจึงพูดขึ้น “เจ้าไร้ความเกรงกลัวเพียงเพราะเขาชื่นชอบเจ้า จึงกล้าจัดการเขา”
เยียนอวิ๋นเกอยอมรับอย่างเปิดเผย นางพูดด้วยรอยยิ้ม “ข้าก็จะรังแกเขา ผู้ใดให้เขาบังอาจสะกดรอยตามท่านแม่”
“เจ้าน่ะ ระวังขอบเขตหน่อย”
ทันทีที่สิ้นเสียง เซียวฮูหยินก็เกิดความคิดอันน่ากลัวขึ้น
หากเยียนอวิ๋นเกอแต่งงานกับเซียวอี้จริง นางจะลงมือฆ่าเซียวอี้ทิ้งในคืนใดคืนหนึ่งหรือไม่
จากที่ดูในเวลานี้ เซียวอี้คงไม่กล้าลงมือกับอวิ๋นเกอ
ส่วนอนาคตคงจะพูดยาก
เมื่อคิดได้ว่าบุตรสาวอาจสังหารสามีในอนาคต ไม่รู้เพราะเหตุใดเซียวฮูหยินจึงไม่กังวลแม้แต่น้อย อีกทั้งยังรู้สึกสมน้ำหน้าอีกด้วย
ความคิดนี้มีไม่ได้เด็ดขาด!
…
อาหารเจของวัดไป๋อวิ๋นสมคำล่ำลือ
ความกังวลที่มากเพียงใดก็สามารถรักษาด้วยอาหารที่โอชา
หากรักษาไม่ได้ก็รับประทานอีกมื้อ
หลังจากรับประทานอาหารเจแล้ว เซียวฮูหยินอารมณ์ดีด้วยความพอใจ
นางเกิดความสนใจไปเดินเล่นที่ภูเขาด้านหลังหนึ่งรอบ จากนั้นจึงออกเดินทางกลับจวน
แม้อากาศจะหนาว แต่ก็ไม่อาจต้านทานหัวใจที่ร้อนรุ่มของทุกคน
ตรอกเล็กใหญ่ในเมืองหลวงล้วนคึกคักอย่างมาก ผู้คนต่างทำงานแลกกับอาหารสามมื้อในแต่ละวัน
บนใบหน้าของประชาชนก็มีความหวังมากขึ้น
ในที่สุดภัยพิบัติก็ผ่านไปแล้ว หวังว่าชีวิตจะดีขึ้นในทุกวัน
ส่วนปีนี้อากาศหนาวเกินไป เวลานี้เป็นช่วงฤดูใบไม้ผลิแล้ว เชื่อว่าจะอบอุ่นขึ้นในไม่ช้า
ตลาดเต็มไปด้วยความคึกคัก หัวใจของผู้คนก็รู้สึกพึงพอใจ
นี่คือความหวัง!
ความหวังของราชวงศ์ต้าเว้ย ความหวังของราชสำนัก อีกทั้งยังเป็นความหวังของแผ่นดิน
เพียงแต่…
ภายในตำหนักซิงชิ่ง!
ฮ่องเต้ไท่หนิง เซียวเฉิงอี้ที่ขึ้นครองราชย์ยังไม่ครบหนึ่งปีดูแก่ชราลงไปเป็นสิบปี ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความกลัดกลุ้ม สายตาเหนื่อยล้าเป็นพิเศษ
นับแต่ขึ้นครองราชย์เป็นต้นมา เขาก็ไม่เคยได้นอนอย่างสบายใจ แต่ละวันล้วนอยู่ท่ามกลางความเหนื่อยล้า
สถานการณ์ไม่ได้เปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้นมากนัก
สงครามทางเหนือยังคงหยุดชะงัก
ดูจากภายนอก กองทำของราชสำนักต้านทานกองทัพของราชวงศ์อูเหิงเอาไว้ได้ กีดขวางอูเหิงเอาไว้นอกเขตแดนอย่างแน่นหนา
แต่แล้ว ตามการล่าช้าของสงคราม ไม่ว่าจะเป็นกองทัพแนวหน้าหรือราชสำนักก หรือว่าฮ่องเต้ไท่หนิง เซียวเฉิงอี้ล้วนได้รับแรงกดดันที่มากขึ้นทุกวัน
สงครามล่าช้าหนึ่งวัน ภาระของราชสำนักก็เพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า
ทหารแนวหน้าก็โอดครวญถึงความลำบาก
สงครามเกิดขึ้นบ่อยครั้ง ไม่ว่าจะสงครามเล็กหรือใหญ่ล้วนอนาถอย่างมาก
เรียกได้ว่าสงครามหยุดชะงักนั้น ล้วนใช้ชีวิตของทหารแลกมาทั้งสิ้น
ความเสียหายอย่างหนักทำให้กำลังการต่อสู้ของกองทัพถูกบั่นทอนลงอีกครั้ง
ทั้งสองฝ่ายต่างกำลังอดทนอย่างยากลำบาก!
ไม่มีทหารมาแทนที่ทหารที่ได้รับบาดเจ็บได้ทันเวลา
ถึงแม้จะมีทหารที่มาทดแทน แต่ก็เป็นทหารใหม่ ไม่อาจก่อให้เกิดความเสียหายที่มีประสิทธิภาพได้
มันทำให้เกิดความมืดมนที่มากยิ่งขึ้นในสงครามที่หยุดชะงักนี้
นอกจากนี้ยังมีโจรกบฏที่ก่อความโกลาหลอีก
แม่ทัพในท้องถิ่นอาศัยการสนับสนุนจากตระกูลขุนนาง ในที่สุดก็มีความคืบหน้า
โดยเฉพาะปลายปีที่แล้ว โจรกบฏลอบสังหารตระกูลขุนนางหนึ่ง สุดท้ายทให้ตระกูลขุนนางทั่วแผ่นดินโกรธเคือง
โจรกบฏกลุ่มเล็กกลุ่มใหญ่ล้วนถูกโจมตีอย่างหนักจนต้องหนีกระเจิง
แม้แต่โจรกบฏกลุ่มใหญ่ที่สุดอย่างซือหม่าโต่วก็จำเป็นต้องละทิ้งพื้นที่ที่ยึดครองแล้วหนีไป
มันเป็นข่าวดีที่หาได้ยาก
เพียงแต่ข่าวดีมีกมาคู่กับข่าวร้าย
ซือหม่าโต่วหลีกหนีขึ้นมาทางเหนือ
เนื่องจากสงครามทางเหนือ ทำให้แผ่นดินทางเหนือมีการเฝ้าระวังที่อ่อนแอ ไม่มีกองกำลังที่เข้าท่าแม้แต่น้อย
หลังจากซือหม่าโต่วหลีกหนีออกมาได้แล้ว เขาหลอกล่อโดยการหนีไปทางตะวันตก ก่อนจะหนีขึ้นมาทางเหนือ นับวันยิ่งเข้าใกล้เมืองหลวงมากขึ้น
ฮ่องเต้ไท่หนิง เซียวเฉิงอี้ทั้งตื่นตระหนกทั้งโกรธเคือง!
“ไม่อาจให้โจรกบฏเหยียบย่ำเข้าพื้นที่นครบาลเด็ดขาด! ไม่ได้เด็ดขาด!”
ตราบใดที่ปล่อยให้โจรกบฏรุกล้ำเข้าพื้นที่นครบาล ฮ่องเต้อย่างเขาเสียเกียรติเป็นเรื่องเล็ก แต่ราชสำนักเสียเกียรติเป็นเรื่องใหญ่
เมื่อถึงเวลานั้น แผ่นดินตกอยู่ในความหวาดกลัว สั่นคลอนกำลังใจของทหารแนวหน้าทางเหนือ ไม่มีผลดีต่อสงครามที่จะเกิดขึ้นต่อไป
แต่หากให้โจรกบฏช่วงชิงเสบียงไปได้ ผลที่ตามมายิ่งไม่อาจคาดคิด
ทำอย่างไร
กองทัพใต้ออกจู่โจม รับรองไม่ให้ซือหม่าโต่วเหยียบเข้าพื้นที่นครบาล
ฮ่องเต้ไท่หนิง เซียวเฉิงอี้ดวงตาแดงก่ำ เขาไม่ได้นอนมาทั้งคืนแล้ว อาศัยเพียงธูปหอมและชาทำให้ตื่นตัว
เขาถามขันทีหลัวเสี่ยวเหนียน “กองทัพใต้ถึงที่ใดแล้ว”
“ฝ่าบาททรงวางพระทัย กองทัพใต้รวมตัวอยู่ในชายแดนเขตนครบาลแล้ว รับรองว่าโจรกบฏจะไม่อาจย่างก้าวเข้ามาในพื้นที่นครบาลแม้แต่ก้าวเดียว”
ฮ่องเต้ไท่หนิง เซียวเฉิงอี้โล่งใจ
ปลายปีที่แล้ว กองทัพใต้รับบัญชาออกรบ แย่งชิงเสบียงที่ถูกประชาชนกบฏช่วงชิงไปกลับมา
กองทัพใต้ปฏิบัติตามบัญชา ประชาชนกลุ่มนั้นพ่ายแพ้ราบคาบ
เสบียงถูกชิงกลับมาได้ กองทัพใต้ถอยทัพกลับเมืองหลวง
ปีนี้เพิ่งเริ่มฤดูใบไม้ผลิ โจรกบฏอาละวาดหนัก ล้วนพุ่งตรงมายังนครบาล
กองทัพใต้รับบัญชาออกรบอีกครั้ง
กองทัพเหนือไม่อยู่ กองทัพใต้ยุ่งมาก
เมืองหลวงทำได้เพียงพึ่งพาทหารประตูเมือง ราชองครักษ์และองครักษ์จินอู่ในการปกป้อง
เวลานี้อย่าได้เกิดเรื่องเด็ดขาด
ผู้ใดบังอาจก่อเรื่องในเวลานี้ ฮ่องเต้ไท่หนิง เซียวเฉิงอี้คงจะประหารให้หมดโดยไม่สนใจว่าเป็นผู้ใด
เขาให้องครักษ์จินอู่คอยเฝ้าระวังการเคลื่อนไหวด้านหน้า หากมีสถานการณ์ใดต้องรีบมารายงานทันที
ความตื่นตระหนกทำให้เกิดความหวาดระแวงไปหมด!
ทำให้ฮ่องเต้ไท่หนิง เซียวเฉิงอี้รู้สึกเหน็ดเหนื่อยจนไม่อาจนอนหลับได้ลง
หลัวเสี่ยวเหนียนทูลถามอย่างระมัดระวัง “ฝ่าบาท ให้หมอหลวงจ่ายยานอนหลับดีหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาททรงไม่ได้พักผ่อนมาหลายวันแล้ว หากเป็นเช่นนี้ต่อไป ร่างกายของพระองค์จะไม่ไหวเอานะพ่ะย่ะค่ะ พระพันปีและฮองเฮาต่างทรงเป็นกังวลต่อฝ่าบาทอย่างมาก”
ฮ่องเต้ไท่หนิง เซียวเฉิงอี้รู้สึกเหนื่อยล้าไปทั้งใจ “ตอนนั้นที่ข้าเพิ่งสืบทอดราชบัลลังก์ คิดว่าตำแหน่งนี้สูงส่งที่สุดในแผ่นดิน ข้าย่อมจะสมดังปรารถนาทุกอย่าง ไร้ซึ่งการควบคุมจากผู้ใดอีก เวลานี้…ข้าเพิ่งเข้าใจ ตำแหน่งนี้เป็นตำแหน่งที่ยากลำบากที่สุด เหน็ดเหนื่อยที่สุดในแผ่นดิน”
“ฝ่าบาท…” หลัวเสี่ยวเหนียนกังวลอย่างมาก
ฮ่องเต้ไท่หนิง เซียวเฉิงอี้โบกมือ “เรียกหมอหลวง! ข้าต้องพักผ่อน!”
เขาต้องการยาที่ช่วยในการนอนหลับ!