คุณหนูใบ้หัวใจแกร่ง - ตอนที่ 359 ความฝันอันรกร้างของเยียนโส่วจ้าน
ตอนที่ 359 ความฝันอันรกร้างของเยียนโส่วจ้าน
มีคนหลงทาง!
ตอนเริ่มจู่โจมกลับ เยียนอวิ๋นฉวนรับคำสั่งให้นำกองกำลังขบวนหนึ่งเดินลึกเข้าไปในที่ราบลุ่มเพื่อให้การสนับสนุน สุดท้ายกลับไร้ข่าวคราว
เมื่อนึกถึงฝนตกหนักก่อนหน้านี้ มีความเป็นไปได้ว่าเขาอาจหลงทางอยู่ท่ามกลางที่ราบไปเสียแล้ว
หลังจากสงครามสิ้นสุดลง ก่อตั้งแนวป้องกันขึ้นมาใหม่ เยียนโส่วจ้านจึงมีกำลังเหลือออกไปตามหาคน
แต่ผ่านไปหลายวันแล้ว เกรงว่าคงรอดกลับมายาก
เยียนโส่วจ้านทอดสายตามองไปไกล เขาพึมพำ “หรือจะเป็นลิขิตฟ้าจริงๆ”
ตู้ซินแสไม่เข้าใจความหมายประโยคนี้ของเขา “แม่ทัพกองทัพเหนือตายแล้ว ท่านโหวสามารถวางใจได้ สถานการณ์ในเวลานี้ ราชสำนักและฮ่องเต้มีแต่จะทำให้เรื่องใหญ่กลายเป็นเรื่องเล็ก เรื่องเล็กกลายเป็นไม่มีเรื่อง ไม่มีทางถามหาความรับผิดชอบจากท่านโหวหรือแม่ทัพคนอื่น”
เยียนโส่วจ้านเงียบไปชั่วครู่ “จนถึงบัดนี้เจ้าใหญ่ยังไม่มีข่าวคราว เจ้าว่ามันคือลิขิตสวรรค์หรือไม่ เขากับอวิ๋นถงต่างนำกองกำลังขบวนหนึ่ง อวิ๋นถงกลับมาตามเวลา แต่เขากลับไร้ร่องรอย ในใจของข้ากังวลยิ่งนัก มีความเป็นไปได้ที่อวิ๋นถงจะแอบซุ่มโจมตีหรือไม่”
“ท่านโหวกังวลมากไปแล้ว! นายน้อยใหญ่คนดีผีคุ้ม ย่อมต้องปลอดภัยอย่างแน่นอน นายน้อยรองและนายน้อยใหญ่มีภารกิจที่แตกต่างกัน ทิศทางการเดินทัพก็แตกต่างกัน คงไม่มีโอกาสได้ประจันหน้ากัน”
เยียนโส่วจ้านพูดด้วยสีหน้าเรียบเฉย “ที่ราบอันเวิ้งว้าง หากคนหลงทางขึ้นมา จะแยกแยะทิศทางออกได้อย่างไร ไม่แน่ว่าทั้งสองอาจพบกันโดยบังเอิญก็เป็นได้”
ตู้ซินแสกระแอมไอเสียงเบา พูดเตือน “ข้างตัวนายน้อยรองมีทหารผู้คุ้มกันจดบันทึกสถานการณ์อยู่ตลอดเวลา ข้าอ่านรายงานสงครามแล้ว นายน้อยใหญ่ไม่ได้พบกับนายน้อยรองอย่างแน่นอน”
“เจ้าแน่ใจว่าทหารผู้คุ้มกันไม่ได้ถูกเขาซื้อตัวไปแล้ว?”
“คงไม่ได้ถูกซื้อ”
“พูดยาก!”
เยียนโส่วจ้านรู้สึกระอา “เจ้าสองเป็นเด็กเจ้าเล่ห์ ยิ่งโตยิ่งมีความคิดของตนเอง เวลานี้แม้แต่คำสั่งของข้า เขาก็กล้าขัดขืนอย่างเปิดเผย หากเขาไม่ใช่บุตรชายของข้า ข้าคงลงโทษเขาด้วยกฎทหารไปนานแล้ว”
ตู้ซินแสพูดเตือนอีกครั้ง “นายน้อยรองเป็นแม่ทัพที่มีความสามารถ ไม่ว่าท่านโหวมอบหมายภารกิจใดให้เขา เขาก็สามารถทำให้สำเร็จลุล่วง”
เยียนโส่วจ้านไม่ปฏิเสธ เขาเพียงแค่ส่งเสียงไม่พอใจ “เจ้าคิดจะเตือนข้าว่าอย่าฝืนสถานการณ์ที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ใช่หรือไม่”
ตู้ซินแสก้มหน้าเล็กน้อย “ข้าแค่อยากบอกว่านายน้อยรองก็เป็นบุตรชายของท่านโหว อีกทั้งยังเป็นบุตรชายจากภรรยาเอก สถานการณ์ในเวลานี้ เห็นได้ชัดว่านายน้อยรองโดดเด่นยิ่งกว่า มีข้อได้เปรียบมากกว่าเขามีการสนับสนุนจากครอบครัวของภรรยา อีกทั้งยังมีการสนับสนุนจากองค์หญิงจู้หยาง รวมทั้งพระชายาท่านอ๋องผิงชิน ฮูหยินของท่านโหวผิงอู่…หากคุณหนูสี่สามารถแต่งงานกับตระกูลขุนนางชั้นสูงก็ย่อมจะเป็นตัวช่วยสำคัญอีกหนึ่งทาง หันกลับมามองนายน้อยใหญ่ ท้ายสุดเขาก็ยังถูกชาติกำเนิดกีดขวาง ยิ่งแสดงให้เห็นถึงข้อเสียเปรียบ”
ตอนยังเด็กที่พี่สาวน้องสาวตระกูลเยียนยังไม่ออกมาเรือน เนื่องจากมีการสนับสนุนของเยียนโส่วจ้านผู้เป็นบิดา เยียนอวิ๋นฉวนได้เปรียบอย่างชัดเจน เยียนอวิ๋นถงถูกกดอย่างเห็นได้ชัด
รอพี่สาวน้องสาวต่างออกเรือนตามกันไป เมื่อมีความสัมพันธ์เหล่านี้ แม้เยียนอวิ๋นถงจะไม่ได้รับการสนับสนุนจากเยียนโส่วจ้านผู้เป็นบิดา แต่ข้อได้เปรียบของเขาก็แสดงออกมาอย่างช้าๆ อีกทั้งยังสามารถกดเยียนอวิ๋นฉวนได้อย่างสนิท
นี่คือสาเหตุหลักของการปรองดองระหว่างสองตระกูล
ตระกูลที่ปรองดองกัน แม้จะไม่ออกแรง เพียงแค่ชื่อก็สามารถมีประโยชน์ในช่วงเวลาที่สำคัญได้
เยียนอวิ๋นฉวนมีน้องสาวอย่างเยียนอวิ๋นจือแค่คนเดียว แต่งงานกับนายน้อยตระกูลแม่ทัพในพื้นที่โยวโจว
ไม่ว่าจะชาติตระกูลหรืออำนาจ เมื่อเทียบกับท่านโหวผิงอู่ สืออุน ท่านอ๋องผิงชินเซียวเฉิงเหวินแล้วก็เป็นได้แค่ขยะ
ยกยอผู้สูงส่งกว่าเหยียบย่ำผู้ต่ำต้อยกว่าเป็นนิสัยเสียของคน
พี่สาวและน้องสาวของเยียนอวิ๋นถงแต่งงานได้ดี เซียวฮูหยินผู้เป็นมารดาก็ได้รับตำแหน่งองค์หญิง หากเป็นคนที่มีวิสัยทัศน์อยู่บ้าง ย่อมล้วนจะแสดงเจตนาดีต่อเยียนอวิ๋นถง
หันกลับมามองเยียนอวิ๋นฉวน เขาไม่ได้เดินลงเนิน เขาเพียงแค่ย่ำอยู่ที่เดิม สุดท้ายก็ถูกเยียนอวิ๋นถงสลัดทิ้งไว้ด้านหลัง
นี่ก็คืออย่าฝืนในสถานการณ์ที่ไม่อาจขัดขืนได้!
ตู้ซินแสกำลังเตือนเยียนโส่วจ้าน อย่างไรยังไม่ได้แต่งตั้งผู้สืบทอด เวลานี้เปลี่ยนใจยังทัน
นายน้อยรองเยียนอวิ๋นถงเริ่มโดดเด่นกว่านายน้อยใหญ่เยียนอวิ๋นฉวนทุกด้านแล้ว
เวลานี้เยียนโส่วจ้านยังมีชีวิตอยู่ เยียนอวิ๋นฉวนยังสามารถอาศัยการสนับสนุนของเยียนโส่วจ้านยืนอยู่ในกองทัพ
หากรอวันหนึ่ง เยียนโส่วจ้านตายไป เยียนอวิ๋นฉวนตัวคนเดียวจะกดเยียนอวิ๋นถงเอาไว้ได้หรือ
กลัวแค่ยังไม่ทันลงสุสาน เยียนอวิ๋นถงจะก่อกบฏ แย่งชิงตำแหน่งนายท่านตระกูลเยียน ก่อการจลาจลภายในตระกูลขึ้น
ใช้หัวแม่เท้าคิดยังรู้ นอกจากเฉินมั่วหรันผู้เป็นลุงของเยียนอวิ๋นฉวนและสุนัขรับใช้คนสนิทของเขา พลทหารส่วนใหญ่ต่างจะเลือกนายน้อยรองเยียนอวิ๋นถงที่มีอนาคตมากกว่า
ไขว่คว้าผลประโยชน์ หลีกเลี่ยงผลเสียเป็นธรรมชาติของมนุษย์
พลทหารที่นำศีรษะคาดไว้ที่เอวต่างคาดหวังที่จะติดตามแม่ทัพที่มีความแข็งแกร่ง มีเบื้องหลังเข้มแข็ง ไม่ต้องกลุ่มใจเรื่องเงินและเสบียงมากกว่า
เยียนอวิ๋นถงเป็นตัวเลือกแรกของพลทหารโยวโจว
นอกจากเรื่องที่ไม่ได้รับการสนับสนุนจากเยียนโส่วจ้าน เขามีคุณสมบัติเหมาะสมทุกประการ
เยียนโส่วจ้านเงียบไปชั่วครู่ก่อนจะพูดขึ้น “ความกังวลของข้า ซินแสรู้ดี สงครามเป็นไปเช่นนี้ เมืองหลวงเกรงว่าจะเกิดความโกลาหล อีกทั้งโจรกบฏซือหม่าโต่วอาละวาดหนัก กลัวแต่เพียงจะเกิดเหตุไม่คาดฝัน! หากเมืองหลวงโกลาหลขึ้นมา เซียวฮูหยินจะเลือกอย่างไร เจ้าสองจะเลือกอย่างไร!
เมื่อผลประโยชน์ของตระกูลเยียนขัดแย้งกับผลประโยชน์ของเซียวฮูหยิน เจ้าสองจะเลือกตระกูลเยียนหรือเลือกเซียวฮูหยิน พื้นที่โยวโจวต่างอาศัยข้าในการดำรงชีวิต ข้าจะทรยศต่อความเชื่อใจของพวกเขาได้อย่างไร
ข้าไม่เพียงต้องไม่ทำผิดต่อความเชื่อใจของพลทหารที่อยู่เบื้องล่าง ยังต้องไม่ทำผิดต่อบรรพบุรุษ ตราบใดที่เจ้าสองเลือกเซียวฮูหยินในช่วงเวลาสำคัญ ข้าก็จะกลายเป็นคนบาปของตระกูลเยียน ไม่มีหน้าไปพบบรรพบุรุษ”
นี่คือสาเหตุหลักที่เยียนโส่วจ้านไม่ยอมสนับสนุนเยียนอวิ๋นถง
เขาไม่ต้องการให้ตระกูลเยียนเข้าไปพัวพันกับการแย่งชิงของราชวงศ์ อีกทั้งปฏิเสธที่จะเข้าไปพัวพันกับการแย่งชิงของราชสำนักในเมืองหลวง
เขาเฝ้าพื้นที่โยวโจวเอาไว้ ในเวลานี้ก็เพียงพอแล้ว!
แต่เซียวฮูหยินเป็นเชื้อพระวงศ์ เป็นสายเลือดเพียงหนึ่งเดียวที่ยังมีชีวิตอยู่ของ ‘องค์รัชทายาทจางอี้’ ไม่มีผู้ใดรับรองว่าหากเมืองหลวงเกิดความโกลาหลขึ้นมา เซียวฮูหยินจะไม่แทรกแซง
ตราบใดที่เซียวฮูหยินลงมือ เยียนอวิ๋นถงในฐานะบุตรชาย เขาจะนั่งดูเฉยๆ ได้หรือ
แล้วตระกูลเยียนเล่า
ผู้คนที่หวังพึ่งตระกูลเยียนในการดำรงชีวิตทั้งทางตรงและทางอ้อมมีไม่น้อยกว่าสองแสนคน ผลประโยชน์ของตระกูลเยียนก็สำคัญมาก!
เยียนโส่วจ้านในฐานะนายท่าน ยึดหลักการความรับผิดชอบต่อตระกูล ย่อมไม่อาจยกตำแหน่งผู้สืบทอดให้แก่เยียนอวิ๋นถงที่มีจุดยืนไม่ชัดเจน
กลับกัน เยียนอวิ๋นฉวนมีความสามารถ จุดยืนก็แน่วแน่อย่างมาก อีกทั้งยังเชื่อฟัง
เขาไม่ดีกว่าหรือ
เสียดายเพียงเยียนอวิ๋นฉวนเสียเปรียบที่ชาติกำเนิดต่ำเกินไป เขาถูกชาติกำเนิดถ่วงความก้าวหน้าเอาไว้
เฮ้อ…
เดิมทียังอยากให้เยียนอวิ๋นฉวนแต่งงานกับบุตรสาวตระกูลหลิง อาศัยชื่อเสียงของตระกูลหลิงในการยืนอย่างมั่นคง
สุดท้ายตระกูลหลิงกลับกลอก รังแกกันเสียจริง
ตู้ซินแสพูดเสียงเบา “น้อยนายรองไม่ใช่เด็กหนุ่มที่มุทะลุเหมือนแต่ก่อนแล้ว ท่านโหวลองเรียกพบนายน้อยรอง พูดคุยอย่างตรงไปตรงมากับนายน้อยรองจะดีกว่าหรือไม่ อย่างน้อยก็พิสูจน์จุดยืนของนายน้อยรองว่าอยู่ข้างตระกูลเยียนหรืออยู่ข้างองค์หญิงจู้หยาง”
เยียนโส่วจ้านหมุนแหวนบนนิ้วโป้ง “อวิ๋นถงมีความสามารถ ข้าล้วนเห็นอยู่ในสายตา แต่ข้าไม่ไว้ใจเขา หากอวิ๋นเกอเป็นผู้ชายคงจะดี!”
มุมปากของตู้ซินแสกระตุก “ข้าจำเป็นต้องตักเตือนท่านโหว คุณหนูสี่ก็กำเนิดจากองค์หญิง องค์หญิงมีรับสั่ง คุณหนูสี่ย่อมไม่มีทางปฏิเสธ”
เยียนโส่วจ้านหัวเราะร่า หลังจากหัวเราะจึงพูดขึ้น “อวิ๋นเกอไม่เหมือนกับอวิ๋นถง! อวิ๋นถงมีความมุทะลุ เป็นแม่ทัพมากฝีมือ แต่บางครั้งเขาก็มักจะทำการใดแบบบุ่มบ่าม ส่วนอวิ๋นเกอมีวิสัยทัศน์ในการมองภาพรวม รู้จักเปรียบเทียบผลได้ผลเสีย ยืดได้หดได้ อีกทั้งนางมีความคิดหลากหลาย มักจะหาทางรอดได้ในสถานการณ์ที่ยากลำบาก
หากนางมาสืบทอดตำแหน่งของข้า ข้าเชื่อว่านางจะหาทางที่สมบูรณ์แบบได้อย่างแน่นอน ทั้งสามารถดูแลผลประโยชน์ของตระกูลเยียน อีกทั้งยังสามารถดูแลด้านเซียวฮูหยิน รักษาสมดุลของทั้งสองฝ่าย ไม่ยุ่งเกี่ยวซึ่งกันและกัน!”
ตู้ซินแสประหลาดใจอย่างมาก “ท่านโหวชื่นชมคุณหนูสี่ถึงเพียงนี้เชียวหรือ ท่านโหวยกยอความสามารถของคุณหนูสี่เกินไปหรือไม่”
เยียนโส่วจ้านหัวเราะ “เจ้ารู้ว่าเรือนพักร่ำรวยหาเงินได้มากน้อยเพียงใดหรือไม่ เจ้ารู้ว่าเรือนพักร่ำรวยมีกำลังพลมากน้อยเพียงใดหรือไม่ อวิ๋นถงไม่มีความสามารถนี้! เขาพยายามมากี่ปี นอกจากหาเงินได้เล็กน้อยแล้ว ไม่มีแม้แต่พื้นที่ในการสร้างตัว นี่คือส่วนที่เขาไม่อาจเทียบอวิ๋นเกอได้
ตอนนั้น อวิ๋นเกอสร้างเรือนพักร่ำรวย ผู้ใดจะคาดว่ามันจะมีขนาดใหญ่ในวันนี้ อวิ๋นเกอมีแผนการโดยรวมตั้งแต่แรก ไม่ใช่เดินก้าวหนึ่งดูก้าวหนึ่ง นางเดินหนึ่งก้าวมองไกลไปถึงสิบปี หรือแม้กระทั่งยี่สิบปีหลัง นางมีแผนการไว้แล้วทั้งหมด
ดูเหมือนจะเดินช้า แต่ทุกย่างก้าวล้วนมั่นคง ผ่านไปไม่กี่ปี เมื่อหันกลับไปมอง เจ้าถึงได้เห็นว่านางเดินไปไกลเพียงนั้นแล้ว เตรียมการไว้แต่เนิ่นๆ มากมายแล้ว วิสัยทัศน์ที่ยาวไกลมองไปถึงสิบปียี่สิบปีนี้ ข้าจะไม่ชื่นชมหรือ อวิ๋นถงไม่อาจเทียบอวิ๋นเกอได้แม้แต่น้อย ซินแสรู้หรือไม่ หลายวันนี้ข้ามีความคิดที่เหลวไหลอย่างมาก”
“ขอท่านโหวชี้แนะ ความคิดเหลวไหลอย่างไร”
เยียนโส่วจ้านยิ้มออกมาราวกับรู้สึกสนุก “ข้ากำลังคิด หากอวิ๋นเกอมานำกองกำลังจากแต่ละฝ่าย นางจะทำอย่างไร นางมีความสามารถในการนำกองกำลังนับแสนทำสงครามหรือไม่ ข้าอยากรู้เสียจริง!
จากนิสัยของนาง ก่อนอื่นนางย่อมจะสร้างมิตรสัมพันธ์กับกองกำลังแต่ละฝ่าย สั่งสมเสบียงอาวุธที่เพียงพอ จากนั้นนางจะทำอย่างไร ข้าคิดไม่ออกเสียจริง หากข้าได้พบนาง ข้าต้องถามความเห็นนางด้วยตนเอง”
ตู้ซินแสตกตะลึง เขารีบเอ่ยเตือน “ท่านโหว คุณหนูสี่เป็นสตรี ไม่ว่าท่านจะชื่นชมนางเพียงใด นับแต่โบราณมาก็ไม่เคยมีสตรีสืบทอดมรดกมาก่อน ท่านโหวต้องสงบสติ! หากจะมอบมรดกตระกูลเยียนให้คุณหนูสี่จริง คนเบื้องล่างย่อมจะกบฏ ราชสำนักก็คงไม่ยอม”
“กบฏไม่ได้! เจ้าเชื่อหรือไม่ ให้เวลาอวิ๋นเกอสามเดือน นางก็สามารถปลอบใจผู้คนที่เดือดดาล กดเสียงคัดค้านทุกเสียง ส่วนทางราชสำนัก เซียวฮูหยินสามารถจัดการได้ เจ้าสงสัยใช่หรือไม่ว่าเหตุใดข้าจึงมีความคิดที่ประหลาดเช่นนี้”
ตู้ซินแสปวดหัว
ติดตามเจ้านายที่มีความคิดแปลกประหลาด ไม่ทำตามหลักการทั่วไป เหนื่อยเหลือเกิน!
เขาเลิกดิ้นรน พลันถามขึ้น “ท่านโหวบอกสาเหตุได้หรือไม่”
เยียนโส่วจ้านหัวเราะ “ทุกสิ่งล้วนมาจากฝันของข้า หลายปีก่อน ไม่แน่ใจว่าเมื่อใดแล้ว ข้าฝันประหลาดติดต่อกันหลายวัน ส่วนฝันเรื่องใดนั้น ตื่นมาข้าก็ลืมไปแล้ว มีเพียงเรื่องเดียวที่ไม่ลืมคือ ข้าเห็นอวิ๋นเกอสวมชุดมังกรสีเหลืองทองในฝัน!”
“อันใดนะ”
ตู้ซินแสตะโกนด้วยความตกใจ