คุณหนูใบ้หัวใจแกร่ง - ตอนที่ 368 การประจันหน้าระหว่างแม่ลูก
ตอนที่ 368 การประจันหน้าระหว่างแม่ลูก
“เสด็จแม่ทรงอยากรู้จริงหรือว่าผู้ใดเลือกข้า”
ยังต้องพูดอีกหรือ!
พระพันปีเถาอยากรู้อย่างมาก
นางรู้จักดีบุตรชายของตนเองดี เขาสุขภาพไม่ดีตั้งแต่เด็ก ตามหลักแล้วไม่ว่าอย่างไรอำนาจในการบัญชาการผู้พิทักษ์ทั้งสิบเก้าก็ไม่อาจตกไปอยู่ในมือของบุตรชายคนโต
นอกจาก…
เซียวเฉิงเหวินเม้มปากยิ้ม “ข้าไม่ปิดบังเสด็จแม่ เสด็จปู่ทรงเลือกข้าเอง อีกทั้งยังทรงมอบผู้พิทักษ์ทั้งสิบเก้าให้กับข้า”
“เป็นไปไม่ได้! ตอนนั้นเจ้าเพิ่งอายุเท่าใดกัน”
เมื่อพระพันปีเถาคำนวณเวลา นางก็มั่นใจว่าบุตรชายคนโตโกหกนาง
เซียวเฉิงเหวินส่ายหน้าเล็กน้อย “ข้าไม่ได้พูดโกหกแม้แต่คำเดียว เสด็จปู่ทรงเลือกข้า”
พระพันปีเถากุมหน้าอก “จะเป็นไปได้อย่างไร ฮ่องเต้เซวียนหยวนผิงจะทรงแต่งตั้งให้เจ้าเป็นผู้สืบทอดผู้พิทักษ์ทั้งสิบเก้าในขณะที่เจ้ายังเด็กเพียงนั้นได้อย่างไร เจ้าโกหกข้า”
เซียวเฉิงเหวินก้มหน้ายิ้ม “ไม่รู่เสด็จแม่ยังทรงจำได้หรือไม่ มีปีหนึ่งที่ข้าป่วยหนัก เสด็จย่าทรงสงสารข้าจึงรับข้าเข้ามารักษาตัวในวังราวสามเดือน ความจริงแล้วสามเดือนนั้น ข้าได้รับบททดสอบตลอดเวลา หลังจากผ่านบททดสอบ เสด็จปู่จึงทรงแต่งตั้งข้าเป็นผู้สืบทอดผู้พิทักษ์สิบเก้า”
ฮ่องเต้เซวียนหยวนจงผิงทรงเลือกบุตรชายคนโตเป็นผู้สืบทอดผู้พิทักษ์ทั้งสิบเก้าตั้งนานเพียงนั้นแล้ว
ส่วนนางในฐานะมารดากลับไม่รู้เรื่องรู้ราวแม้แต่น้อย
นางหัวเราะ “เจ้าปิดบังข้ามานานเพียงนี้! เจ้า…เวลานั้นเจ้าโตเพียงใดกัน อายุเพิ่งเท่าใดกัน แต่เจ้ากลับเก็บเป็นความลับเอาไว้ได้”
เซียวเฉิงเหวินพูดเสียงเบา “หากข้ารักษาความลับเอาไว้ไม่ได้ ข้าคงตายเพราะรักษาโรคไม่หายตั้งแต่ตอนนั้นแล้ว”
พระพันปีเถาตกใจจนสีหน้าเปลี่ยนไป
นางสูดลมหายใจเข้า พยายามสงบสติลง “เจ้าบอกข้า เสด็จพ่อเจ้าทรงรู้เรื่องนี้หรือไม่ เสด็จพ่อเจ้าก็ไม่ทรงรู้ว่าเจ้าเป็นผู้สืบทอดผู้พิทักษ์ทั้งสิบเก้าใช่หรือไม่”
เซียวเฉิงเหวินครุ่นคิดชั่วครู่ ก่อนจะพูด “สองสามปีสุดท้ายของเสด็จพ่อ พระองค์อาจทรงเดาความจริงได้”
“ในเมื่อพระองค์ทรงรู้ตัวตนของเจ้า เหตุใดจึงไม่อยากเห็นหน้าเจ้าปานนั้น ไม่ยอมรับความคิดเห็นของเจ้า”
“เหตุใดเสด็จแม่จึงทรงถามทั้งที่รู้ดีแก่ใจ เสด็จพ่อย่อมทรงหวาดกลัว เนื่องจากความขี้ระแวง สงสัยทุกสิ่งที่เคยเกิดขึ้นว่าเป็นฝีมือของผู้พิทักษ์สิบเก้า ไม่อาจไม่พูดว่าเสด็จพ่อทรงมีอคติต่อผู้พิทักษ์สิบเก้าอย่างมาก หากพระองค์ทรงยอมเชื่อใจข้า สถานการณ์อาจไม่เหมือนเดิม”
“ฮ่าๆ…”
พระพันปีเถาเปล่งเสียงหัวเราะ รู้สึกสากแก่ใจขึ้นมาทันที รู้สึกสาแก่ใจเป็นพิเศษ
หลังจากหัวเราะ นางจึงเอ่ยขึ้น “เสด็จพ่อเจ้าย่อมไม่มีทางเชื่อใจเจ้า! ผู้ใดให้เจ้าปิดบังเอาไว้อย่างสนิทตั้งแต่แรก ไม่ยอมเปิดเผยความจริงแม้แต่ประโยคเดียว หากเจ้าเปิดเผยตัวตนของเจ้าตั้งแต่เสด็จพ่อของเจ้าขึ้นครองราชย์ ผู้พิทักษ์ทั้งสิบเก้ารับใช้เสด็จพ่อของเจ้า เสด็จพ่อของเจ้าย่อมจะเชื่อใจเจ้า อีกทั้งมอบหมายภารกิจสำคัญให้เจ้า ไม่แน่ว่าแม้แต่ราชบัลลังก์ก็อาจยกให้เจ้า ฮ่าๆ…เจ้าอวดฉลาด สุดท้ายกลับต้องสูญเสียเพราะความฉลาด”
เซียวเฉิงเหวินเปิดเผยอย่างมาก สงบอย่างมาก
ไม่ว่าราชบัลลังก์หรือความเชื่อใจก็ไม่อาจทำให้จิตใจของเขาหวั่นไหว
เขาพูดอย่างสงบ “เสด็จแม่ทรงผิดแล้ว! ในฐานะคนของผู้พิทักษ์สิบเก้า สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการรักษาความลับ บางทีความสามารถอาจไม่เพียงพอ แต่เพียงแค่รักษาความลับเอาไว้ได้ ย่อมสามารถกลายเป็นคนของผู้พิทักษ์สิบเก้าได้เช่นเดียวกัน ซึ่งมันก็คือสาเหตุที่ผู้พิทักษ์ทั้งสิบเก้าอยู่รอดมาจนถึงบัดนี้ อีกทั้งยังสามารถอยู่รอดต่อไปได้
วันนี้ ข้าเปิดเผยตัวตนของข้าต่อเสด็จแม่ ไม่นาน ผู้พิทักษ์ทั้งสิบเก้าก็จะมีผู้สืบทอดคนใหม่ เมื่อถึงเวลานั้น ทุกสิ่งของผู้พิทักษ์ทั้งสิบเก้าจะถูกซ่อนไว้ในที่มืดอีกครั้ง แม้แต่ข้าก็ไม่มีทางรู้”
พระพันปีเถาสะอึก นางรู้สึกอึดอัดไปทั้งตัว
นางกุมหน้าอก “เจ้าบอกข้าตามตรง เจ้าไม่เคยคิดจะแย่งชิงราชบัลลังก์เลยหรือ เจ้าไม่เคยคิดจะเป็นฮ่องเต้เองหรือ”
เซียวเฉิงเหวินลังเลเล็กน้อย ก่อนจะพูด “บางทีอาจเคยมี แต่เมื่อข้ารู้ว่าอาการของตนเองไม่มีทางดีขึ้น ข้าก็ไม่มีความคิดเช่นนี้อีก”
เป็นเช่นนี้เอง!
เป็นเช่นนี้เองหรือ!
ฮ่าๆ…
พระพันปีเถาเปล่งเสียงหัวเราะ หัวเราะจนน้ำตาไหลออกมา “ข้าเข้าใจเจ้าผิดเอง ไม่คิดว่าเจ้าจะไม่หวั่นไหวต่อราชบัลลังก์ ฮ่าๆ…”
นางหัวเราะจนหยุดไม่ได้ ยิ่งหัวเราะยิ่งรู้สึกอึดอัดใจ
เมื่อผ่านไปเป็นเวลานาน เสียงหัวเราะก็หายไปแล้ว
นางถามเขาเสียงเบา “เลือกผู้สืบทอดแล้วหรือไม่”
เซียวเฉิงเหวินส่ายหน้า “เรื่องนี้ไม่อาจทูลบอกได้ ขอเสด็จแม่โปรดทรงอภัย”
พระพันปีเถายิ้มอย่างเข้าใจ “ข้ารู้แล้ว! เจ้าวางใจ นับจากนี้ต่อไปข้าจะไม่เอาแต่ใจ ปล่อยให้ความรู้สึกส่วนตัวบดบังสายตา ข้าจะช่วยเหลือฮ่องเต้อย่างสุดความสามารถ ดูแลแผ่นดินต้าเว้ยให้ดี เจ้าไม่เสียดายที่จะเปิดเผยตัวตนเพื่อตักเตือนข้า ข้าย่อมต้องรับน้ำใจนี้ของเจ้าเอาไว้
เมื่อเจ้าปลดจากตำแหน่งผู้พิทักษ์สิบเก้าแล้ว อย่าลืมบอกข้า ทางฮ่องเต้ยังคงปิดบังพระองค์ต่อไปเถิด! เหมือนที่เจ้าพูด หากพระองค์ทรงรู้ตัวตนของเจ้า เกรงว่าจะได้รับความกระทบกระเทือนทางจิตใจ”
“ขอบพระทัยเสด็จแม่ที่เข้าใจ! ข้าไม่รบกวนการพักผ่อนของเสด็จแม่แล้ว ขอทูลลา!”
“ช้าก่อน! ตอนนั้นที่เสด็จพ่อเจ้าปลงพระชนม์เหล่าท่านอ๋อง เหตุใดเจ้าจึงไม่ห้ามเอาไว้”
“เสด็จแม่ทรงรู้ได้อย่างไรว่าข้าไม่ห้าม แต่เสด็จพ่อทรงถูกคนหลอกลวง ดึงดันที่จะทำตามใจตนเอง ห้ามไม่อยู่! ผู้พิทักษ์ทั้งสิบเก้าไม่ได้ทำได้หมดทุกเรื่อง อย่างน้อยก็ไม่อาจมีอิทธิพลต่อความมุ่งมั่นของเสด็จพ่อ!”
“ผู้พิทักษ์ทั้งสิบเก้าแอบผลักดันเรื่องการสังหารซือถูจิ้นหรือไม่”
“เสด็จแอม่ทรงเข้าใจผู้พิทักษ์สิบเก้าผิดอีกแล้ว ผู้พิทักษ์สิบเก้าไม่ใช่มือลอบสังหาร ไม่ยึดการฆ่าคนเป็นเป้าหมาย ผู้พิทักษ์สิบเก้าจะทำแต่เรื่องที่ถูกต้อง หากซือถูจิ้นถูกประหารเป็นเรื่องที่ถูกต้อง เช่นนั้นผู้พิทักษ์สิบเก้าย่อมจะรับหน้าที่นั้นเอง แต่หากการตายของซือถูจิ้นเป็นเรื่องที่ผิด ผู้พิทักษ์สิบเก้าก็จะไม่มีวันแตะต้องนิ้วของเขาแม้แต่นิ้วเดียว”
พระพันปีเถาทำหน้าฉงน
เช่นนั้นการตายของซือถูจิ้นเป็นฝีมือของผู้พิทักษ์สิบเก้าที่แอบยั่วยุฮ่องเต้ก่อนหรือไม่
ฮ่องเต้องค์ก่อนประหารซือถูจิ้น ทำให้ขุนนางยืนอยู่ฝ่ายตรงข้ามกับราชวงศ์ ทั้งสองฝ่ายปะทะกันอย่างเดือดดาบ
ตระกูลขุนนางยอมสนับสนุนโจรกบฏเพื่อต่อต้านฮ่องเต้องค์ก่อน ทำให้โจรกบฏฉวยโอกาสขึ้นเป็นใหญ่ จนถึงบัดนี้ยังไม่ได้ถูกกำจัดให้สิ้นซาก
บอกได้ว่าการประหารซือถูจิ้นเพียงคนเดียวก่อให้เกิดเรื่องวุ่นวายต่างๆ นานาต่อมา
ซือถูจิ้นช่าเป็นหายนะ!
หลอกลวงฮ่องเต้องค์ก่อนให้ทรงปลงพระชนม์เหล่าท่านอ๋อง จากนั้นถูกประหาร เมื่อตายไปแล้วก็ยังไม่หยุดหย่อน…
บอกได้ว่าการเปลี่ยนแปลงของสถานการณ์ราชสำนักในหลายปีนี้ ล้วนเชื่อมโยงกับซือถูจิ้นคนเดียว
เขาเหมือนด้ายเส้นหนึ่งที่จูงราชสำนักเดินไปยังจุดจบที่ไม่อาจคาดการณ์ได้
พระพันปีเถาพยายามถาม “เหตุใดตอนนั้นเจ้าจึงไม่ห้ามเสด็จพ่อของเจ้าประหารซือถูจิ้น”
เซียวเฉิงเหวินพูดอย่างจริงจัง “ผู้พิทักษ์สิบเก้าไม่ได้มีสามเศียรหกกร ไม่ใช่ทำได้ทุกอย่าง เสด็จแม่ไม่ต้องทรงหยั่งเชิง ข้าพูดได้เพียงเท่านี้”
พูดจบ เขาก็โน้มตัวทูลลา จากนั้นหันหลังเดินจากไป
พระพันปีเถายังมีความไม่พอใจเล็กน้อย นางไม่อาจถามเนื้อหาที่มีประโยชน์ออกมาได้แม้แต่น้อย
นางรู้เพียงบุตรชายคนโตเป็นผู้บัญชาการของผู้พิทักษ์สิบเก้า แต่เรื่องอื่นล่ะ
ในวังหลวงนี้ยังมีผู้ใดเป็นคนของผู้พิทักษ์สิบเก้า
เหมยเส้าเจี้ยนก็ถูกนำตัวไป คราวนี้นางไม่มีแม้แต่คนคุยแก้เบื่อ
ช่างน่าโมโหยิ่งนัก!
ปัง!
นางตบมือลงบนโต๊ะ
อำนาจพิเศษจากราชวงศ์ ประหารก่อนทูลรายงานเหมือนดาบคมที่ลอยอยู่เหนือหัวของนาง
นางเชื่อว่าหากนางไม่ใช่พระพันปี ไม่ใช่มารดาของเขา บุตรชายคนโตคงใช้ฐานะผู้บัญชาการผู้ทักสิบเก้าประหารนางแล้ว
มันทำให้นางหวาดกลัว ชีวิตของนางไม่มีหลักประกันความปลอดภัยแม้แต่น้อย
ทำอย่างไร
ควรทำอย่างไร
…
สองวันต่อมา เหมยเส้าเจี้ยนถูกส่งกลับตำหนักฉางเล่อ
แม้จะไม่ได้รับบาดเจ็บ เพียงแค่จิตใจย่ำแย่เหมือนได้รับการกระทบกระเทือนที่รุนแรง
พระพันปีเถาถามว่าเขาพบเจอกับเรื่องใดมา เขาก็สับสน ไม่อาจเล่าได้
เมื่อรู้ว่าเวลาผ่านไปเพียงสองวัน เขาก็ร้องไห้โฮออกมาเหมือนเด็กน้อย
ในที่สุดเขาก็ได้สัมผัสกับรสชาติของการรอดจากความตาย
ในที่สุดก็กลับสู่ชีวิตปกติ
พระพันปีเถาตกใจกับท่าทางของเหมยเส้าเจี้ยนอย่างมาก นางไม่ลังเลอีกต่อไป รับสั่งยกเลิกการกักบริเวณขององค์หญิงเฉิงหยางทันที
…
จวนองค์หญิง
องค์หญิงเฉิงหยางนอนตะแคงอยู่บนเตียงหลัวฮั่น ท่าทางกะปลกกะเปลี้ย
บ่าวรับใช้มารายงานอย่างเร่งรีบ “องค์หญิง ข่าวดี ข่าวดี! ในวังปลดรับสั่งกักบริเวณแล้ว พระองค์เข้าวังไปหาฮองเฮาได้อีกครั้วแล้ว”
องค์หญิงเฉิงหยางลุกขึ้นนั่งบนเตียงหลัวฮั่น กระปรี้กระเปร่ายิ่งนัก ไม่มีท่าทางของคนป่วย
ที่แท้ท่าทางกะปลกกะเปลี้ยก่อนหน้านี้ล้วนเสแสร้งให้ผู้อื่นดู
นางถามอย่างร้อนรน “ฮ่องเต้ทรงปลดรับสั่งกักบริเวณหรือ”
“เหมือนจะเป็นรับสั่งของพระพันปีที่ยกเลิกการกักบริเวณของพระองค์”
“เป็นไปได้อย่างไร”
องค์หญิงเฉิงหยางไม่เชื่อ
“พระพันปีเถาหยิ่งในศักดิ์ศรีเพียงนั้น เพิ่งผ่านไปไม่กี่วัน แต่กลับยกเลิกรับสั่งกักบริเวณเอง นางเล่นอันใด คิดจะเหยียดหยามข้าอีกหรือ”
ไม่โทษเฉิงหยางที่ไม่ไว้ใจ แต่การกระทำของพระพันปีเถาผิดปกติอย่างมาก ทำให้คนงุนงง
ไม่มีต้นสายปลายเหตุแต่ยกเลิกรับสั่งกักบริเวณอย่างกะทันหัน
แล้วก่อนหน้านี้รับสั่งให้กักบริเวณนาง ไม่อนุญาตให้นางเหยียบเข้าพระราชวังแม้แต่ก้าวเดียวเพราะสนุกอย่างนั้นหรือ
ช่างรังแกกันเสียจริง!
บ่าวรับใช้ถาม “พระองค์จะเข้าวังไปหาฮองเฮาหรือไม่”
องค์หญิงเฉิงหยางย่อมอยากเข้าวัง แม้แต่ฝันยังอยาก
แต่ว่านางข่มความปรารถนาเอาไว้
“เรื่องนี้ไม่รีบ! ข้ากำลังป่วย ต้องพักรักษาตัวอีกหลายวัน”
นางต้องการดูว่าพระพันปีเถากำลังเล่นอันใด
โดยเฉพาะต้องมั่นใจก่อนว่าเหตุใดพระพันปีเถาจึงเปลี่ยนใจ ยกเลิกรับสั่งกักบริเวณ
…
พระพันปีเถาประชวน!
ประชวนจริง ไม่ได้แสร้งประชวร
หมอหลวงบอกว่าไฟโกรธในใจของนางมีมากเกินไป มีความกังวลมากเกินไปจึงประชวร
ดังนั้นจึงต้องปล่อยใจให้กว้าง พักรักษาอย่างสงบ
ฮ่องเต้ไท่หนิง เซียวเฉิงอี้เสด็จไปเยือนนางที่ตำหนักฉางเล่อ
นางจับมือของฮ่องเต้ด้วยท่าทางน่าสงสาร “หลายวันนี้ ข้าก่อปัญหาให้ฮ่องเต้ไม่น้อย พระองค์อย่าทรงโทษข้า”
“เสด็จแม่ทรงพูดเกินไปแล้ว! องค์หญิงเฉิงหยางแทรกแซงวังหลังก็มีความผิดอยู่แล้ว เสด็จแม่ทรงรับสั่งให้กักบริเวณนั้นไม่ผิด ฮองเฮาก็ทรงเข้าพระทัย อีกทั้งข้ายังคิดจะให้เฉิงหยางได้รับความลำบากอีกหลายวัน ก่อนจะยกเลิกรับสั่งกักบริเวณ เพียงแต่ไม่คิดว่าเสด็จแม่จะชิงยกเลิกรับสั่ง บรรเทาความกังวลแทนข้าเสียก่อน”
ดวงตาของพระพันปีเถาเปียกชื่น “ฮ่องเต้ไม่ทรงถือสาการกระทำของข้า ข้าซาบซึ้งอย่างมาก ทางข้าไม่มีเรื่องต้องเป็นกังวล ฮ่องเต้จัดการเรื่องของบ้านเมืองอย่างวางพระทัย คืนแผ่นดินที่สงบสุดให้ทุกคนในเร็ววัน เจ้าต้องมีความมั่นใจ สถานการณ์ย่อมจะดีขึ้นมา ข้าได้ยินว่าส่วยของสำนักเส้าฝู่ในปีนี้มีมากขึ้น รายได้จากการค้าขายก็เพิ่มทวีคูณ”
ฮ่องเต้ไท่หนิง เซียวเฉิงอี้ยิ้มออกมา นานทีจะมีเรื่องให้เขาดีใจ
“ใช่แล้ว! พระราชบุตรเขยจ้งสมกับเป็นเทพแห่งโชคลาภ ดูแลสำนักเส้าฝู่เพียงหนึ่งปีก็เปลี่ยนแปลงสถานการณ์อันยากลำบากที่ขาดแคลนเงินและเสบียงของสำนักเส้าฝู่ได้อย่างสิ้นเชิง ปีนี้พอจะมีกำไรเหลือ เรื่องการสนับสนุนสงครามทางเหนือย่อมไม่มีปัญหา กองทัพจากหลากหลายทิศทางต่างมีความเห็นว่าเมื่อผ่านฤดูการเก็บเกี่ยวฤดูใบไม้ร่วงไป มีความจำเป็นต้องจู่โจมกลับ บั่นทอนกำลังใจของอูเหิง ทางที่ดีคือกำจัดวัวและแพะของพวกเขาให้หมด ทำให้พวกเขาไม่มีเสบียงในฤดูหนาว”