คุณหนูใบ้หัวใจแกร่ง - ตอนที่ 373 คุมปากไม่อยู่
ตอนที่ 373 คุมปากไม่อยู่
เยียนอวิ๋นเกอได้รับของขวัญชิ้นหนึ่ง
หานฉีจงก็ปวดหัว ของขวัญถูกส่งมาทางเขา เขาส่งต่อก็ไม่ได้ ไม่ส่งต่อก็ไม่ได้
สุดท้ายเขาก็ยังคงต้องทำใจส่งต่อของขวัญไปถึงมือของเยียนอวิ๋นเกอ
“นายน้อยอี้ดื้อรั้นเกินไป ข้าก็หมดหนทาง ขอเถ้าแก่โปรดอภัย เขายังบอกว่าอยากพบเถ้าแก่สักครั้ง หวังว่าเถ้าแก่จะให้โอกาสเขา”
เยียนอวิ๋นเกอเลิกคิ้ว
ของขวัญบรรจุไว้ในหีบไม้
เมื่อเปิดหีบไม้ออก ดาบคมเล่มหนึ่งกำลังเปล่งประกายแสงแวววาว
หานฉีจงรีบเอ่ยขึ้น “นายน้อยอี้บอกว่า เมื่อเทียบกับเงินทองอัญมณี เถ้าแก่อาจชอบดาบคมมากกว่า ดาบเล่มนี้เขาได้มาโดยบังเอิญ เป็นฝีมือของช่างผู้มีชื่อเสียงเมื่อหลายร้อยปีก่อน ด้านบนสลักคำว่าต้วนฉาง หรือเรียกว่าดาบทะลุไส้”
เยียนอวิ๋นเกอไม่ตอบรับ นางหยิบดาบทะลุไส้ขึ้นมาอย่างไร้เสียง
อย่าเห็นว่าตัวดาบสั้นเพียงหนึ่งฉื่อ แต่ความจริงแล้วมันมีน้ำหนักมาก
ไม่ว่าจะน้ำหนักของดาบ หรือขนาดล้วนเหมาะกับนางอย่างมาก
ราวกับผลิตออกมาเพื่อนางโดยเฉพาะ
นางลองแกว่งดาบดู จากนั้นจึงเอ่ยถาม “เขาบอกว่าจะพบที่ใดหรือไม่”
“โรงน้ำชาด้านนอกศาลหลักเมือง บอกว่าที่เดิม”
เยียนอวิ๋นเกอยิ้มอย่างกระจ่าง
หานฉีจงอดสงสัยไม่ได้ “เถ้าแก่จะไปพบเขาหรือ”
“พบหรือไม่ค่อยว่ากัน เขาได้ทิ้งเรื่องอื่นเอาไว้หรือไม่”
หานฉีจงส่ายหน้า “เขาเพียงให้ข้าส่งของขวัญมาให้เถ้าแก่ให้ถึงมือ”
อ่อ!
เยียนอวิ๋นเกอโบกมือเป็นเชิงให้หานฉีจงถอยออกไป
นางมองดาบเล่มคมด้วยอารมณ์ที่ค่อนข้างซับซ้อน
สาวรับใช้อาเป่ยพร่ำบ่นอยู่ข้างนาง “นายน้อยโต้วดีมาก นายน้อยอี้ก็ดีมาก! คุณหนูจะเลือกอย่างไร! แต่ว่าองค์หญิงย่อมต้องเลือกนายน้อยโต้ว เห็นได้ชัดว่านายน้อยอี้ไม่มีโอกาสแล้ว เหตุใดคุณหนูจึงไม่ปฏิเสธนายน้อยอี้ตรงๆ ให้เขารีบถอดใจ เหมือนดั่งนายน้อยจ้ง นอกเสียจากคุณหนูชื่นชมนายน้อยอี้อยู่บ้าง”
“เจ้าพูดมากเสียจริง!” เยียนอวิ๋นเกอรำคาญอย่างมาก
อาเป่ยหัวเราะ “คุณหนูถูกพูดแทงใจดำจึงร้อนตัวหรือเจ้าคะ”
เยียนอวิ๋นเกองอนิ้วดีดบนหน้าผากของอาเป่ย
อาเป่ยร้องโอดครวญ “คุณหนูช่างใจร้าย บ่าวก็กำลังคิดหาแผนการ ช่วยคุณหนูตัดสินใจอยู่ หากไม่ผิดพลาด คุณหนูย่อมจะต้องแต่งงานกับนายน้อยโต้ว ส่วนทางนายน้อยอี้นั้น ให้เขารีบถอดใจแต่โดยเร็วเสียดีกว่า”
“แต่ว่านายน้อยอี้ก็ดีไม่น้อย ด้านบนไม่มีบิดามารดาคอยควบคุม ไม่มีพี่น้องคอยแก่งแย่ง ไม่ว่าเรื่องใดก็สามารถตามใจคุณหนูได้ เพียงแค่ชื่อเสียงไม่ดีนัก ไม่มีที่ปักหลัก แม้แต่งานที่จริงจังก็ยังไม่มี เอาแต่เที่ยวเล่นไปวันๆ
นายน้อยโต้วอย่างน้อยก็เป็นนักเรียนของสำนักไท่เสวีย เขาย่อมจะรับราชการในไม่ช้า จากเส้นสายของคนตระกูลโต้ว อนาคตของนายน้อยโต้วน่าคาดหวังมากกว่า คุณหนูท่านเลือกนายน้อยโต้วเถิด!”
“เจ้าหุบปาก!”
เยียนอวิ๋นเกอฟังเสียงพร่ำบ่นของอาเป่ยด้วยความปวดหัวอย่างยิ่ง!
อาเป่ยพึมพำเสียงเบา “คุณหนูขุ่นเคืองเพราะความหงุดหงิดหรือ”
เยียนอวิ๋นเกออยากจะเย็บปากของอาเป่ยเอาไว้ ให้นางพูดไม่ได้ไปหนึ่งปี
อาเป่ยถามขึ้นอีกครั้ง “คุณหนูจะไปพบนายน้อยอี้หรือ จะให้องค์หญิงรู้เรื่องไม่ได้เด็ดขาด มิฉะนั้นคงจบเห่”
เยียนอวิ๋นเกอถลึงตาใส่นาง หุบปากเสียเถิด!
จะไปพบอีกฝ่ายหรือไม่ นางยังไม่ได้ตัดสินใจ
แต่ของขวัญถูกใจนางอย่างมาก หากส่งของขวัญคืนไป นางก็รู้สึกเสียดาย
แต่หากจะรับของขวัญเอาไว้ก็ไม่เหมาะสม
ไร้ญาติขาดมิตร มีแค่ความร่วมมือทางการค้า ไม่ถึงกับต้องมอบของขวัญที่มีมูลค่าเพียงนี้
‘ดาบทะลุไส้’ เล่มนี้ แหลมคมยิ่งนัก ถือเป็นดาบที่มีชื่อเสียง มีมูลค่าไม่น้อย
เยียนอวิ๋นเกออยากเก็บสะสมอย่างมาก
นางครุ่นคิดอยู่สองวัน สุดท้ายนางก็ตัดสินใจไปพบเซียวอี้สักครั้ง
แน่นอนว่าต้องปิดบังเซียวฮูหยินผู้เป็นมารดา
นางออกนอกจวนเป็นประจำ เซียวฮูหยินวางใจนางอย่างมาก เพียงแค่ชี้แจงกำหนดการ นางก็สามารถออกจากจวนได้ตามใจ
นางออกจากจวนโดยให้เหตุผลว่าเดินทางไปสำรวจร้านค้า
นางไปร้านผ้าสี่ฤดูก่อน จากนั้นเดินทางไปร้านขายของชำหนานเป่ย สุดท้ายจึงมุ่งหน้าไปยังโรงน้ำชาด้านนอกศาลหลักเมือง
ห้องส่วนตัวชั้นสองของโรงน้ำชา เซียวอี้รอคอยอยู่ด้านในเป็นเวลานานแล้ว
เมื่อเห็นเยียนอวิ๋นเกอปรากฏตัว เขาโล่งใจอย่างเห็นได้ชัด
แน่นอนว่าเขาเตรียมใจเอาไว้แล้วที่เยียนอวิ๋นเกอจะไม่มาพบเขา
“รู้ว่าเจ้าชอบชา ข้าจึงให้คนนำใบชาจากทางใต้มาจำนวนหนึ่ง เจ้าลองชิมดู”
เซียวอี้ต้มชาด้วยตนเองอย่างสุภาพ
อาเป่ยติดตามอยู่ข้างกายเยียนอวิ๋นเกอตลอดเวลา สายตาฉายแววเห็นใจ
เซียวอี้ไม่แสดงท่าทีใด ถึงแม้เขาอาจคาดเดาสถานการณ์ได้แล้ว แต่เขายังคงไม่ปล่อยมือ
เขาเคยบอกไว้ นอกเสียจากเยียนอวิ๋นเกอออกเรือน มิฉะนั้นเขาก็ยังจะอดทนตลอดไป
เยียนอวิ๋นเกอนั่งลงตรงข้ามเขา “ข้าได้รับของขวัญแล้ว ขอบใจน้ำใจของนายน้อย ของขวัญมีมูลค่ามาก ข้าไม่รู้ควรตอบแทนอย่างไร ดังนั้นวันนี้จึงนำของขวัญมาส่งคืนให้เจ้าด้วยตนเอง”
ถึงแม้จะชื่นชอบมาก อยากจะสะสม ‘ดาบทะลุไส้’ อย่างมาก แต่นางยังคงยืนกรานที่จะปฏิเสธ
ของขวัญชิ้นนี้ นางรับเอาไว้ไม่ได้
มือที่กำลังถือถ้วยชาของเซียวอี้ชะงักไปอย่างเห็นได้ชัด
สีหน้าของเขาเรียบเฉย หรืออาจเรียกได้ว่าเย็นชา “ในเมื่อของขวัญถูกส่งออกไปแล้ว ข้าจะเอาคืนมาไม่ได้ หากเจ้ารังเกียจของขวัญชิ้นนี้ ไม่จำเป็นต้องคืนข้า เจ้าจัดการได้ตามใจ จะทิ้งก็ได้ ให้ผู้อื่นก็ได้ แล้วแต่เจ้า”
“ไม่ได้รังเกียจ! ในทางกลับกัน ข้าชอบของขวัญชิ้นนี้มาก เพียงแต่ข้ารับเอาไว้ไม่ได้!”
เยียนอวิ๋นเกอดันหีบไม้ไปตรงหน้าของเซียวอี้ด้วยสองมือ
แม้แต่สายตาของเซียวอี้ก็เย็นชาลง
เขายังคงต้มชาต่อไป วางถ้วยชาไว้ตรงหน้านาง จากนั้นพูดขึ้น “เจ้าไม่ชอบข้าถึงเพียงนี้เชียวหรือ”
เยียนอวิ๋นเกอส่ายหน้า พูดอย่างจริงจัง “ไม่ได้ไม่ชอบ แต่จำเป็นต้องขีดเส้นแบ่งให้ชัดเจน ระหว่างเจ้ากับข้าเป็นเพียงหุ้นส่วนเท่านั้น ของขวัญชิ้นนี้ ข้าอาจจะหน้าด้านรับเอาไว้ แต่ทั้งที่ข้ารู้เจตนาของเจ้า ข้ากลับไม่อาจตอบรับหรือให้สัญญาใดต่อเจ้าได้ หากยังรับของขวัญของเจ้าเอาไว้ ย่อมไม่เหมาะสมอย่างยิ่ง ดังนั้น ของขวัญข้าจำเป็นต้องคืนให้เจ้า ขอบพระคุณในน้ำใจของเจ้า!”
ในดวงตาของเซียวอี้มีความเจ็บปวดปรากฏขึ้นในชั่วขณะ
เขาอ้าปากถามด้วยความลำบาก “เจ้ากำลังปฏิเสธข้าอย่างเป็นทางการหรือ เจ้าจะแต่งงานกับโต้วซานหลางจริงหรือ”
เยียนอวิ๋นเกอครุ่นคิด พลันพูด “จะแต่งงานกับโต้วซานหลางหรือไม่ เวลานี้ข้าก็ยังบอกไม่ได้ แต่เห็นได้ชัดว่าเจ้าไม่อาจเปลี่ยนใจของท่านแม่ข้าได้ ซึ่งหมายความว่าข้าไม่มีทางแต่งงานกับเจ้า ในเมื่อไร้วาสนาต่อกัน ย่อมไม่อาจพัวพันกันต่อไปได้”
“ยังไม่ถึงกำหนดหนึ่งปี เจ้าจะหยุดก่อนได้อย่างไร อย่างน้อยเจ้าต้องให้โอกาสข้าได้พยายามอีกครั้ง บางทีปีหน้าอาจเป็นอีกสถานการณ์หนึ่ง”
เยียนอวิ๋นเกอส่ายหน้า “ขออภัย ข้าไม่อาจถ่วงเจ้าไว้ได้อีก”
ดวงตาของเซียวอี้แดงก่ำ มือของเขาจับขอบโต๊ะไว้แน่น “ดูท่าโต้วซานหลางจะน่าพึงพอใจอย่างมาก ทำให้เจ้าตัดสินใจออกเรือนได้ ข้าไม่อาจสู้เขาได้ตรงไหน”
เยียนอวิ๋นเกอลังเลชั่วครู่ “เจ้าไม่ได้แพ้เขา! เพียงแค่ไม่เหมาะสม!”
“ข้าไม่เห็นด้วย! ข้าไม่เห็นด้วยกับข้อสรุปนี้!” เซียวอี้พูดอย่างหนักแน่น “เพียงแค่เจ้ายังไม่ออกเรือนหนึ่งวัน ข้าก็จะไม่ยอมแพ้ ในเมื่อของขวัญถูกส่งออกไปแล้วย่อมไม่เอาคืน เจ้าจัดการได้ตามใจ! วันนี้อารมณ์ไม่ดี กลัวทำให้เจ้าตกใจ ข้าขอตัวก่อน!”
ไม่รอเยียนอวิ๋นเกอส่งเสียง เขาก็จากไปอย่างรีบร้อน
เยียนอวิ๋นเกออ้าปาก สุดท้ายก็ไม่ได้เอ่ยคำใดออกมา เพียงแต่มองเขาจากไปอย่างเงียบๆ
เมื่อรู้ตัวอีกทีจึงพบว่า บริเวณที่เขานั่งนั้น ขอบโต๊ะบุบไปส่วนหนึ่ง
ต้องใช้กำลังมากเพียงใดจึงจะทำให้โต๊ะบุบไปเพียงนี้
“คุณหนู ของขวัญจะทำอย่างไร ส่งคืนไม่ได้ จะโยนทิ้งจริงหรือ” อาเป่ยถามอย่างระมัดระวัง นางก็ดูสถานการณ์เป็นเช่นเดียวกัน
เยียนอวิ๋นเกอขมวดคิ้ว “ของขวัญชิ้นนี้ เจ้าเก็บเอาไว้ก่อน”
ย่อมมีโอกาสส่งคืนเขาในภายหลัง
อาเป่ยกอดหีบไม้เอาไว้ “คุณหนูตัดสินใจดีแล้วหรือ ความจริงนายน้อยอี้ก็ดีไม่น้อย คุณหนูไม่ลองไตร่ตรองดูอีกทีหรือ”
เยียนอวิ๋นเกอถลึงตาใส่นาง “เจ้ากล้าพูดต่อหน้าท่านแม่ข้าหรือไม่”
อาเป่ยส่ายหน้าระรัวราวกับกลอง
นางจะกล้าได้อย่างไร!
หาที่ตายหรือ
เยียนอวิ๋นเกอไม่รีบร้อนที่จะออกจากโรงน้ำชา นางพิงหน้าต่าง มองผู้คนที่เดินผ่านไปมาบนท้องถนน
บริเวณศาลหลักเมืองคึกคักอยู่ตลอดทั้งปี
ผู้คนที่เดินผ่านไปมาส่วนใหญ่ล้วนเป็นชาวบ้าน
ร้านค้าสองข้างทางส่วนใหญ่ก็ทำการค้าที่เกี่ยวข้องกับการดำรงชีวิตของผู้คนอย่างน้ำมัน เกลือ เครื่องปรุง ฟืน ข้าว ใบชาเป็นต้น
เยียนอวิ๋นเกอรู้สึกเกียจคร้านเล็กน้อย ไม่อยากขยับตัว
เมื่อปฏิเสธเซียวอี้อย่างเป็นทางการ ไม่รู้เพราะเหตุใด นางจึงไม่ร่าเริง กลับกันนางรู้สึกเศร้าเล็กน้อย
“คุณหนูกำลังเสียใจหรือ”
อาเป่ยพูดในเรื่องที่ไม่ควรพูดอีกครั้ง
เยียนอวิ๋นเกอกลอกตา นางอยากจะโยนอาเป่ยลงจากหน้าต่างไป ให้นางมีสติเสียหน่อย
“คุณหนูปากไม่ตรงกับใจ!”
“หุบปาก!”
เยียนอวิ๋นเกอถลึงตาใส่นาง
อาเป่ยแลบลิ้น ยังคงพูดอย่างไม่กลัวตาย “คุณหนูมักบอกว่า อย่าเสียใจเมื่อตัดสินใจแล้ว แต่บ่าวดูเหมือนคุณหนูจะเสียใจแล้ว แต่ว่าเวลานี้เสียใจยังทัน อย่างไรก็ยังไม่ได้หมั้นหมายกับโต้วซานหลาง”
เยียนอวิ๋นเกอขี้เกียจที่จะตำหนินางแล้ว นางเพียงแค่ยกมุมปาก แสร้งทำเป็นไม่ได้ยิน
อาเป่ยพูดอีก “คุณหนูยอมรับเถิด! ท่านปฏิบัติต่อนายน้อยอี้แตกต่างออกไป อย่างไรแล้วพวกท่านก็รู้จักกันมานานหลายปี เขาเป็นคนอย่างไร คุณหนูรู้ดียิ่งนัก หากแต่งงานกับเขา คุณหนูก็ไม่ต้องกังวลว่าจะเสียเปรียบ ความจริงแล้ว บ่าวคิดว่านายน้อยอี้ต่างหากที่เสียเปรียบหากแต่งงานกับคุณหนู คุณหนูดุร้ายยิ่ง…”
“เจ้าพูดว่าอันใด ข้าดุมากหรือ” เยียนอวิ๋นเกอถามเสียงดุ
สาวรับใช้อาเป่ยพูดเสียงเบา “เวลานี้คุณหนูดุอย่างมาก ดุยิ่งนัก…”
เยียนอวิ๋นเกอ “…”
สมัยนี้ สาวรับใช้นับวันยิ่งใจกล้า บังอาจบ่นนางต่อหน้า
ช่างไร้เหตุผลสิ้นดี!
“คุณหนูคงไม่ได้กลัวใช่หรือไม่”
อาเป่ยยังคงหาเรื่องใส่ตัว พูดจาทิ่มแทงใจดำของเยียนอวิ๋นเกอต่อไป
“คุณหนูต้องกลัวแน่ๆ กลัวองค์หญิงคัดค้าน กลัวคุณหนูใหญ่คัดค้าน กลัวพระชายาคัดค้าน กลัวท่านโหวคัดค้าน…”
“ข้ากลัวท่านโหวคัดค้านตั้งแต่เมื่อใด อย่าพูดจาเหลวไหล!”
นางจะกลัวบิดาชั่วอย่างเยียนโส่วจ้านได้อย่างไร ล้อเล่นหรือ
“อ่อ…หากพูดเช่นนี้ คุณหนูก็กลัวองค์หญิงคัดค้าน กลัว…”
“พอแล้ว พอแล้ว หุบปากของเจ้าเสีย ของกินมากมายเพียงนี้ เหตุใดจึงปิดปากของเจ้าไม่อยู่ ข้าถามเจ้า เจ้าได้ผลประโยชน์มากน้อยเพียงใดจากเซียวอี้กันแน่ ทำให้เจ้าพูดโน้มน้าวแทนเขาเช่นนี้”
“บ่าวไม่ได้รับผลประโยชน์แม้แต่น้อย แต่ตระกูลโต้วให้เงินรางวัลบ่าวมาหนึ่งก้วน ช่างใจกว้างเสียจริง”
ให้รางวัลสาวรับใช้ถึงหนึ่งก้วน ใจกว้างเสียจริง
“เหตุใดเจ้าจึงไม่พูดโน้มน้าวแทนโต้วซานหลางบ้าง”
“บ่าวเป็นบ่าวของคุณหนู ย่อมต้องคิดแทนคุณหนู”
อาเป่ยพูดอย่างมีเหตุมีผลยิ่งนัก!
เยียนอวิ๋นเกอ “…”
คันมือ อยากตีคน!