คุณหนูใบ้หัวใจแกร่ง - ตอนที่ 380 ขอคำชม
ตอนที่ 380 ขอคำชม
“เขาไปแล้วหรือ”
เยียนอวิ๋นเกอเพิ่งกลับมาถึงห้องนอน เยียนอวิ๋นฉีก็ถามขึ้นอย่างร้อนรน
เยียนอวิ๋นเกอพยักหน้า “ข้าไล่เขาไปแล้ว พี่สองไม่ต้องกังวล ไต้ฟูบอกแล้ว ท่านแม่เพียงแค่โกรธมากไปชั่วขณะ ไม่ได้เป็นอันใดมาก”
เยียนอวิ๋นฉีถอนหายใจ “ข้าแค่เป็นห่วงเจ้า!”
นางลากเยียนอวิ๋นเกอเดินออกมายังห้องด้านนอก กลัวว่าจะรบกวนเซียวฮูหยินผู้เป็นมารดา
นางพูดเสียงเบา “คนอย่างเซียวอี้ วันนี้เจ้าก็เห็นแล้ว เจ้าดูสิ่งที่เขาทำ ไม่ว่าเหตุการณ์เป็นอย่างไรก็หยิบแส้ขึ้นมาโบยตัวเอง เจ้าไม่รู้น่ากลัวหรือ ข้ากังวลเสียจริงว่าหลังจากที่เจ้าแต่งงานกับเขาจะได้รับความไม่เป็นธรรม”
เยียนอวิ๋นเกอเม้มปากยิ้ม “พี่สองกังวลว่าเขาจะลงมือทำร้ายข้า ใช่หรือไม่”
“หรือว่าเจ้าไม่กังวล”
“เขาไม่กล้า!” เยียนอวิ๋นเกอพูดอย่างมั่นใจ “ให้ใจเขาอีกหนึ่งร้อย เขาก็ไม่กล้าลงมือกับข้า พี่สองวางใจเถิด”
“เจ้ารู้ได้อย่างไรว่าเขาไม่กล้า ก่อนหน้านี้เจ้าไม่อยู่ ข้ายิ่งคิดยิ่งรู้สึกขนลุก เขาน่ากลัวเกินไป! ข้ายอมรับ หากเขาออกรบ เขาย่อมต้องเป็นแม่ทัพผู้อาจหาญ สามารถนำทัพทำสงครามให้ชนะ แต่เป็นการใช้ชีวิตฉันสามีภรรยาไม่ใช่การทำสงคราม”
“พี่สองไม่มั่นใจในตัวข้าเอาเสียเลย! หลายปีนี้ เรื่องที่ข้าพูดไม่เคยเป็นจริงเมื่อใดกัน ข้าบอกว่าเขาไม่กล้า เขาย่อมไม่กล้า! ข้ามีร้อยวิธีในการจัดการเขา!”
เยียนอวิ๋นฉีสงสัยอย่างมาก “เจ้ามีวิธีจัดการเขาจริงหรือ”
เยียนอวิ๋นเกอเม้มปากยิ้ม พลันพยักหน้า “ข้าบอกว่าวิธีจัดการเขาย่อมสามารถทำได้ พี่สองวางใจเถิด”
เยียนอวิ๋นฉีถอนหายใจเจ้า “เพียงแค่เจ้าไม่เสียเปรียบ ข้าก็ไม่กังวล หาก ข้าพูดถึงหาก เขาไม่ดีต่อเจ้า เจ้าอย่าลำบากตัวเองเด็ดขาด ควรทำอย่างไรก็ทำเช่นนี้ ถึงแม้จะเป็นพระราชโองการพราชทานงานอภิเษก ข้าก็จะหาทางให้พวกเจ้าหย่ากัน”
“ยังไม่ทันแต่งงานก็พูดถึงเรื่องหย่า พี่สองคำนึงไกลไปหน่อย เอาเถิด พวกเราเข้าไปดูท่านแม่กัน”
…
เซียวฮูหยินดื่มยาเข้าไป อาการจึงดีขึ้นอย่างมาก
นางให้สาวรับใช้พยุงลุกขึ้นมานั่งพิงหัวเตียง สีหน้าเหนื่อยล้าเล็กน้อย
“ทำให้พวกเจ้าเป็นกังวลแล้ว!”
“เป็นความผิดของข้า ไม่ได้ห้ามเขากระทำการโง่เขลาได้ทันท่วงที!” เยียนอวิ๋นเกอชิงพูดขึ้นก่อน “ท่านแม่วางใจ ข้าไล่เขาไปแล้ว ให้เขาอย่ามาเหยียบจวนอีกหากไม่มีธุระ เพื่อไม่ให้ท่านแม่โกรธอีก”
เซียวฮูหยินยื่นมือออกไป เยียนอวิ๋นเกอรีบกุมมือของนางเอาไว้
“ท่านแม่มีรับสั่งใด ข้าจะปฏิบัติตามทุกอย่าง”
เซียวฮูหยินมองนางด้วยสายตาซับซ้อน “อวิ๋นเกอ เจ้าบอกความจริงกับข้า เจ้ามีใจให้เขาตั้งแต่แรกใช่หรือไม่ ดังนั้นเจ้าจึงไม่คัดค้านการพระราชทานงานอภิเษกจากในวัง เจ้าเพียงแค่โกรธที่เขาไม่ได้บอกเจ้าก่อน ตัดสินใจโดยพลการ”
เยียนอวิ๋นฉีอ้าปาก นางอยากแก้ตัวแทนน้องสี่ แต่กลับพูดไม่ออกแม้แต่ประโยคเดียว
เยียนอวิ๋นเกอก้มหน้า เงียบไปชั่วครู่ “ไม่ปิดบังท่านแม่ ข้าก็ไม่เข้าใจความคิดตัวเองเช่นเดียวกัน แต่งงานกับเขา ข้าไม่คัดต้านจริง แต่หากจะบอกว่าเต็มใจมากนั้นก็ไม่เชิง ไม่แต่งงานกับเขา ข้าก็ราวกับไม่รู้สึกเสียใจ
พระราชโองการพระราชทานงานอภิเษกออกมา ข้าแค่รู้สึกว่าเรื่องการแต่งงานที่ยืดเยื้อมานานเพียงนี้ ในที่สุดก็มีข้อสรุป ต่อจากนี้ไม่ต้องเหน็ดเหนื่อยเพราะเรื่องนี้อีกแล้ว เรียกได้ว่าปลดภาระอันหนักอึ้งลง
หากจะบอกว่าโกรธ ข้าย่อมโกรธ เหมือนที่ท่านแม่บอก ข้าเกลียดที่คนนอกชี้นิ้วเรื่องของข้า แทรกแซงชีวิตของข้า เขาทูลขอพระราชโองการพระราชทานงานอภิเษกโดยไม่บอกกล่าวก็คือความผิดที่ใหญ่ที่สุด”
“พูดมามากมายเพียงนี้ สุดท้ายแล้วเจ้าก็ไม่คัดค้านที่จะต้องแต่งงานกับเขา!”
เซียวฮูหยินพูดจบก็ยิ้มออกมา
เพียงแต่รอยยิ้มนั้นขมขื่นเล็กน้อย
“ข้าควรมองออกแต่แรก นิสัยของเจ้า สำหรับคนนอกแล้วเรียกได้ว่าเย็นชาเป็นพิเศษ บางทีเจ้าอาจไม่ทันสังเกต เจ้าปฏิบัติต่อเขาแตกต่างออกไป เจ้าไม่ได้เย็นชาต่อเขาเหมือนผู้อื่น”
เยียนอวิ๋นเกอสงสัย แตกต่างหรือ
นางครุ่นคิดพลันพูด “ข้าไม่คิดว่าตัวเองปฏิบัติต่อเขาแตกต่างจากผู้อื่น ก่อนวันนี้ ฐานะของเขาเป็นเพียงหุ้นส่วนทางการค้า ข้าถามตัวเอง ข้าไม่เคยมีการส่งสัญญาณที่มาเหมาะสมให้เขามาก่อน ยิ่งไม่เคยมีการส่งสัญญาณด้านชายหญิงให้เขา
ข้าก็ประหลาดใจอย่างมากที่เขายึดติดกับข้าเพียงนี้ ข้าลองถามตัวเอง ข้าไม่ได้ดีงามเหมือนกุลสตรีนางอื่นเช่นนั้น การกระทำของข้าแตกต่างในหลากหลายด้านจากบรรทัดฐานของสังคม!”
เซียวฮูหยินได้ยินจึงหัวเราะออกมา
นางยกมือลูบไล้ใบหน้าของเยียนอวิ๋นเกอ “เจ้าน่ะ โดยเฉพาะเรื่องการแต่งงาน มักรู้จักว่าบรรดาสตรีต่างไม่ชอบ ‘เด็กป่าเถื่อน’ อย่างเจ้า แต่หารู้ไม่ว่ากฎระเบียบทั้งหมดล้วนกำหนดโดยคน มันสามารถดิ้นได้ ไม่ได้ไม่มีการเปลี่ยนแปลง
ตระกูลขุนนางทั้งหมดที่สามารถมีที่ยืนมานับร้อยปีย่อมมีแต่คนที่รู้จักการปรับตัวที่สุด เพียงแต่เจ้ายังไม่ได้เห็นด้วยตาตัวเองว่าพวกเขาปรับตัวกันอย่างไร ชี้แนะการพัฒนาของแนวโน้มและแตกต่างกันตามบุคคลอย่างไร
รอเจ้าเห็นมากในอนาคต เจ้าก็จะเข้าใจ กฎระเบียบมีไว้สำหรับควบคุมผู้อ่อนแอ ผู้ที่ไม่มีความคิดของตัวเองเท่านั้น ผู้ที่ได้ครอบครองอำนาจ มีหน้าที่เพียงกำหนดกฎระเบียบ แต่ไม่ได้ถูกควบคุมด้วยกฎระเบียบ”
เยียนอวิ๋นเกอถูไถฝ่ามือของเซียวฮูหยินผู้เป็นมารดา มันอบอุ่นอย่างมาก นางรู้สึกสบายยิ่งนัก
นางพูดกลั้วหัวเราะ “ข้ารู้หลักการทั้งหมด ขอบพระคุณท่านแม่ที่ชี้แนะข้า บางทีอาจเป็นเพราะอยู่ในเมืองหลวงหลายปี การสร้างสัมพันธ์กับผู้คนล้มเหลวไปบ้าง แม้แต่มิตรสนิทก็ยังไม่มี ดังนั้นจึงคิดว่าตัวเองไม่ดีพอต่อการแต่งงาน ไม่เหมาะสมกับเงื่อนไขของตระกูลใหญ่”
เซียวฮูหยินอดหัวเราะไม่ได้ นางบีบแก้มของอวิ๋นเกอ
นางพูดกลั้วหัวเราะ “เจ้าน่ะ ตกลงคิดเรื่องใดอยู่กันแน่ มีแต่คิดเหลวไหล มิตรสนิทไม่ใช่ว่าเจ้าไม่มีความสามารถในการคบหา แต่เจ้าไม่เคยต้องการมัน ดังนั้นเจ้าจึงไม่คิดที่จะเสียเวลา หลายปีนี้ ความสัมพันธ์ระหว่างผู้คนที่เจ้าสร้างขึ้นมานั้นเป็นสิ่งที่กุลสตรีทั้งหมดล้วนทำไม่ได้ พวกนางอิจฉาเจ้า ตาแดงเจ้า ย่อมใช้วาจาในการทำร้ายเจ้า
เพียงแค่พูดถึงเรื่องความสัมพันธ์ในราชสำนักของเจ้า การค้าระหว่างเจ้ากับร้านค้าใหญ่ต่างๆ การติดต่อระหว่างตระกูลขุนนางแต่ละตระกูล กุลสตรีนางใดจะเทียบเจ้าได้ เจ้าน่ะ ไตร่ตรองปัญหาผิดที่แล้ว เจ้าไม่ได้ไม่ดีพอ แต่ดีเกินไป ดีจนทำให้ผู้ชายอับอาย ทำให้ผู้อื่นอิจฉา
บรรดาสตรีในเมืองหลวงไม่รู้โปรดปรานเจ้าเพียงใด อยากจะสู่ขอเจ้าเป็นลูกสะใภ้เพียงใด เมื่อมีเจ้า ตระกูลของพวกเขาย่อมไม่ต้องกลุ้มใจในความเจริญรุ่งโรจน์ เมื่อแต่งเจ้าเข้าตระกูล ตระกูลของพวกเขาย่อมได้รับผลประโยชน์อย่างน้อยสามรุ่น บุตรของเจ้าก็จะได้รับการอบรมสั่งสอนที่ดีที่สุด”
เยียนอวิ๋นเกออารมณ์ดีอย่างมาก “ข้าดีเพียงนี้จรองหรือ ข้าคิดว่าตนเองรู้แค่หนทางในการหาเงินเล็กน้อย คำนึงเรื่องต่างๆ การณ์ไกลเล็กน้อย รู้จักการเตรียมตัวก่อน แต่ข้าไม่ได้ดีเหมือนที่ท่านแม่พูด”
“ถ่อมตัวอีกแล้ว!” เซียวฮูหยินส่งเสียงไม่พอใจ
เยียนอวิ๋นฉีพูดเสริมอยู่ด้านข้าง “ท่านแม่ ท่านอย่าสนใจนาง นางแค่กำลังโอ้อวด บนโลกนี้ไม่ขาดคนฉลาด แต่ขาดคนรู้จักหนทางหาเงินและคิดการณ์ไกล นอกจากนี้ยังรู้จักเตรียมตัว หากสามารถทำได้อย่างใดอย่างหนึ่งก็ชนะคนส่วนใหญ่แล้ว
นางกลับดี ทำเป็นทุกอย่าง เชี่ยวชาญทุกอย่าง แต่ยังบอกว่าตัวเองดีไม่พอ ได้ผลประโยชน์แต่กลับทำเหมือนเสียประโยนชน์ชัดๆ โอ้อวดรอพวกเราชื่นชมนาง ทางที่ดี ท่าจะให้ดีคือท่านแม่ชมนางจนลอยขึ้นฟ้า คราวนี้เกรงว่านางคงจิตใจเบิกบานแล้ว!”
เซียวฮูหยินหัวเราะ “เหมือนอวิ๋นถงไม่มีผิด ชอบได้ใจยิ่งนัก”
เยียนอวิ๋นเกอน้อยใจ “ข้าถ่อมตัวจริง ไม่ได้แสร้งถ่อมตัว ท่านแม่และพี่สองเข้าใจข้าผิดแล้ว”
เยียนอวิ๋นฉีกลอกตา “เจ้าไม่ต้องอธิบายแล้ว! น้องสี่ เจ้าเคยสนใจความเห็นของคนนอกเมื่อใดกัน บรรดาสตรีในตระกูลใหญ่มองเจ้าอย่างไร บรรดากุลสตรีนินทาเจ้าอย่างไร เจ้าไม่เคยใส่ใจ เจ้าแค่แสร้งถ่อมตัว เพื่อให้ท่านแม่ชื่นชมเจ้า”
“ถูกพี่สองจับได้เสียแล้ว พี่สองช่างเฉลียวฉลาดเสียจริง”
“ให้เจ้าล้อเลียนข้า ให้เจ้าล้อเลียนข้า!”
เยียนอวิ๋นฉีแสร้งทำเป็นโกรธ ยื่นมือออกไปจักจี้เยียนอวิ๋นเกอ
เยียนอวิ๋นเกอรีบยอมแพ้ “ฮ่าๆ…พี่สองให้อภัยข้าเถิด ข้าไม่กล้าอีกแล้ว! โอย ไม่ไหวแล้ว ข้าหัวเราะจนจะตายแล้ว…”
พี่น้องสองคนเล่นกันอย่างสนุกสนาน เซียวฮูหยินก็ไม่เกลี้ยกล่อม มองดูพี่น้องสองคนด้วยรอยยิ้ม
เมื่อเล่นจนพอแล้ว ผมของเยียนอวิ๋นเกอก็กระเซอะกระเซิง ใบหน้าก็เปรอะเปื้อน
“ฝีมือการจักจี้ของพี่สองนับวันยิ่งล้ำลึก ข้ายอมแพ้”
นางยกมือกำหมัดยอมแพ้เหมือนบุรุษ
นำมาซึ่งเสียงหัวเราะอีกครั้ง
สองแก้มของเยียนอวิ๋นฉีแดงระเรื่อ “ท่านแม่ ท่านเห็นแล้วใช่หรือไม่ นางได้ประโยชน์แล้วยังทำเหมือนเสียประโยชน์ ชอบได้ใจเหมือนอวิ๋นถง ชอบถูกคนชื่นชม”
เซียวฮูหยินหัวเราะ “ข้าเดาว่าอวิ๋นถงเรียนมาจากอวิ๋นเกอทั้งสิ้น แต่ก่อนอวิ๋นถงสุขุมอย่างมาก นับตั้งแต่อยู่กับอวิ๋นเกอ เขาก็ได้รับผลกระทบ”
เยียนอวิ๋นเกอพูดอย่างมีเหตุมีผล “ข้าชี้แนะพี่สองให้ไปในทางที่ดี มีความคิดก็ต้องแสดงออกมา เวลาควรโอ้อวดก็อย่าได้ซ่อนเอาไว้”
เซียวฮูหยินพูดด้วยรอยยิ้ม “ดังนั้น อวิ๋นถงจึงทะเลาะกับท่านพ่อเจ้าสามวันทีสี่วันหน”
เยียนอวิ๋นเกอพูดอย่างตรงไปตรงมา “ท่านพ่อหัวรั้น ต้องได้รับการกระตุ้น!”
เซียวฮูหยินพูด “หากท่านพ่อเจ้าได้ยิน เขาคงจะทุบเจ้าเข้าให้”
“เวลานี้เขาทุบข้าไม่ได้!” เยียนอวิ๋นเกอภูมิใจอย่างมาก
เซียวฮูหยินไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้
หากบอกว่าเยียนอวิ๋นเกอหนักแน่น แต่บางครั้งนางก็เด็กมาก
หากบอกว่านางเด็ก นางก็เด็กจริงๆ
“ใกล้สิ้นปีแล้ว ข้าต้องรีบส่งจดหมายไปให้ท่านพ่อ ให้เขาส่งเงินแต๊ะเอียของปีนี้ให้ข้าก่อน หากไม่ให้ ข้าจะหักจากเงินกำไรสิ้นปี”
เยียนอวิ๋นฉียอมแพ้ด้วยความเต็มใจ “ไม่คิดว่าน้องสี่โตเพียงนี้ยังขอเงินแต๊ะเอียจากท่านพ่อได้อีก ตอนนั้นข้าไม่แม้แต่จะกล้าเอ่ยปาก มีก็รับไว้ ไม่มีก็ปล่อยผ่านไป”
เซียวฮูหยินอดยิ้มไม่ได้ นางพูดขึ้น “อวิ๋นเกอไม่เพียงขอเงินแต๊ะเอียจากท่านพ่อเจ้าได้ทุกปี อีกทั้งยังได้จำนวนไม่น้อย หากข้าจำไม่ผิด เงินแต๊ะเอียหลายปีนี้ไม่เคยต่ำกว่าห้าพันก้วน”
“โห่!”
ห้าพันก้วนทำให้เยียนอวิ๋นฉียังต้องอิจฉา
“ข้าจำได้ เงินแต๊ะเอียที่ข้าเคยได้จากท่านพ่อ มากสุดก็แค่สองร้อยก้วน”
สมแล้ว คนย่อมต้องมีการเปรียบเทียบ
เมื่อเทียบกัน เยียนอวิ๋นฉีรู้สึกเหมือนตนเองถูกเก็บมาเลี้ยงในทันใด เศร้าใจยิ่งนัก
ฮือๆ…
“ท่านพ่อลำเอียงเสียจริง! แต่ว่าน้องสี่มีฝีมือ สามารถเอาเงินจากท่านพ่อที่ร่ำร้องยากจนอยู่ทั้งวันมาได้มากมายเช่นนี้”