คุณหนูใบ้หัวใจแกร่ง - ตอนที่ 385 ลูกเขยทั้งสองล้วนสมควรตาย
ตอนที่ 385 ลูกเขยทั้งสองล้วนสมควรตาย
องค์หญิงติ้งเถามาเยือนพระพันปีเถาที่ตำหนักฉางเล่อ
ก่อนมานางยังไม่เต็มใจนัก
นางไม่ได้เข้าวังมาถวายบังคมเป็นระยะเวลาหนึ่งแล้ว
เมื่อเวลาผ่านไปนาน คนนับวันก็ยิ่งราวกับเกียจคร้าน ยิ่งไม่เต็มใจเข้าวัง
แต่เมื่อนางเห็นพระพันปีเถานอนอยู่บนเตียงด้วยสีหน้าอ่อนล้า ใจของนางก็สั่น ก่อนจะตระหนักได้ว่าตนเองไม่ได้เข้าวังมาถวายบังคมเสด็จแม่เป็นเวลานานแล้ว รู้สึกตนเองอกตัญญูขึ้นมาทันที
“เสด็จแม่ทรงสบายดีหรือไม่ หม่อมฉันอกตัญญู ไม่ได้เข้าวังมาอยู่ข้างกายเสด็จแม่อย่างทันท่วงที!”
“เจ้ามาเยี่ยมข้าได้ อย่างน้อยก็เป็นการปลอบใจข้า”
พระพันปีเถาไม่พอใจต่อองค์หญิงติ้งเถามากนักก็จริง
แต่นางไม่เข้มงวดกับองค์หญิงติ้งเถา
เพราะองค์หญิงติ้งเถาก็ไม่ง่าย
อภิเษกกับพระราชบุตรเขยหลิวเป่าผิงมานับปี จนถึงบัดนี้ยังไม่มีแม้แต่บุตร
ปีที่แล้วกว่าจะตั้งครรภ์ได้
สุดท้ายไม่ถึงสามเดือน เด็กก็แท้งไปเสียก่อน!
แม้ติ้งเถาจะสูงส่งเป็นถึงองค์หญิง แต่เมื่อไม่มีบุตร นางย่อมต้องแบกรับแรงกดดันมหาศาลเช่นเดียวกัน
ถึงแม้จะไม่มีคนนินทา ตระกูลหลิวก็ไม่เคยแสดงความไม่พึงพอใจแต่อย่างใด แต่แรงกดดันที่ติ้งเถามีต่อตัวเองก็สามารถทับนางให้ล้มลงได้!
ทุกครั้งที่เผชิญหน้ากับพระราชบุตรเขยหลิวเป่าผิง องค์หญิงติ้งเถาก็รู้สึกละอาย ละอายใจอย่างมาก
ทำให้นางต้องหลับตาข้างหนึ่งต่อเรื่องบางเรื่องของพระราชบุตรเขยหลิวเป่าผิง เพราะความละอายใจ
การอยากมีบุตรสักคน เหตุใดจึงยากนัก!
เพื่อมีบุตร ความสนใจทั้งหมดขององค์หญิงติ้งเถาล้วนจดจ่ออยู่กับการรักษาตัว
นางคิดไม่ตก นางที่อยู่ดีมีสุขแต่เด็ก แม้แต่ไม่สบายเล็กๆ ก็ไม่เคยเป็นอย่างนาง เหตุใดจึงไม่มีบุตร
มดลูกเย็น?
แต่ประจำเดือนของนางก็ปกติมาก โดยรวมแล้วก็ไม่ได้ทรมาน
เพื่อที่จะมีบุตร นางหลีกเลี่ยงการเข้าร่วมงานเลี้ยงส่วนใหญ่ ลดจำนวนครั้งในการเข้าวัง
ไม่สนใจเรื่องราวต่างๆ ภายนอก
องค์หญิงติ้งเถาที่เคยยโสโอหัง ไม่รู้จักให้อภัยคนราวกับมีชีวิตอยู่เพียงภายในความทรงจำของผู้คน
องค์หญิงติ้งเถาในเวลานี้ราวกับเปลี่ยนไปเป็นคนละคน
มันทำให้พระพันปีเถาสงสารเป็นพิเศษ
“เจ้าดูเจ้า ระยะนี้ไม่ได้กินข้าวหรือ เหตุใดสีหน้าจึงซีดนัก”
องค์หญิงติ้งเถาฉีกยิ้ม เผยให้เห็นรอยยิ้มที่ฝืนนัก “อาจเป็นเพราะแป้งทามากไป ดังนั้นจึงดูขาวเป็นพิเศษ เสด็จแม่ไม่ต้องทรงเป็นกังวลหม่อมฉัน ร่างกายหม่อมฉันไม่มีปัญหา!”
“ข้าจะไม่เป็นกังวลเจ้าได้อย่างไร เจ้าอภิเษกกับพระราชบุตรเขยมาหลายปี…เจ้าไม่เคยคิดว่ามันจะเป็นปัญหาของพระราชบุตรเขยหรือ”
สีหน้าขององค์หญิงติ้งเถากระอักกระอ่วน “เสด็จแม่อย่าทรงพูดอีกเลย! หม่อมฉันกับพระราชบุตรเขยไม่รีบมีบุตร”
คำพูดนี้เพียงแค่ฟังก็รู้ว่าโกหก
สร้างครอบครัวย่อมต้องมีบุตร จะไม่รีบมีบุตรได้อย่างไร
ล้วนเป็นการหลอกตัวเอง
พระพันปีเถาถอนหายใจ “เจ้าต้องคอยสังเกต อาจเป็นปัญหาของพระราชบุตรเขยก็ได้ หมอหลวงตรวจไม่เจอ ก็ไปหาผู้เชี่ยวชาญทางสตรีชาวบ้าน ข้าไม่เชื่อว่าจะไม่พบปัญหา”
“โอย หม่อมฉันบอกแล้ว หม่อมฉันกับพระราชบุตรเขยไม่รีบ”
นี่เป็นสาเหตุที่องค์หญิงติ้งเถานับวันยิ่งไม่อยากเข้าวัง
ทุกครั้งที่เข้าวัง ล้วนต้องเผชิญหน้ากับปัญหาเรื่องบุตร!
มันเป็นเรื่องที่นางไม่อยากเอ่ยถึงที่สุด
น่าอับอายเกินไป!
แสดงให้เห็นว่านางมีบุตรไม่ได้!
นอกจากนี้มันยังเป็นสาเหตุที่นางหลีกเลี่ยงงานเลี้ยงส่วนใหญ่
คนรุ่นราวคราวเดียวรวมตัวกัน ทุกคนต่างพูดเรื่องบุตร
มีแค่นางที่แม้แต่เงาของบุตรยังไม่เห็น
นางไม่ใช่คนที่ชอบทำร้ายตัวเอง ย่อมไม่อยากออกไปหาเรื่องให้ตัวเองเจ็บใจ!
พระพันปีเถาเห็นว่าองค์หญิงติ้งเถาไม่อยากเอ่ยถึงเรื่องนี้ อีกทั้งยังแสดงความรำคาญ นางก็ขุ่นเคืองเล็กน้อย
“ท่านลุงของเจ้านำคนในตระกูลออกจากเมืองหลวง เจ้าทำสิ่งใดบ้างหรือไม่”
“หม่อมฉันให้คนส่งของขวัญไปให้ท่านลุงใหญ่ รวมทั้งเตรียมของขวัญให้บรรดาพี่น้อง”
“เจ้าควรไปส่งท่านลุงใหญ่ของเจ้าด้วยตนเอง!”
องค์หญิงติ้งเถาก้มหน้า พึมพำเสียงเบา “ท่านลุงใหญ่อาจไม่ต้องการให้หม่อมฉันไปส่งเขา”
เมื่อพระพันปีเถาได้ยินจึงไม่พอใจ
นางพูดเสียงดัง “ท่านลุงใหญ่เจ้าต้องการหรือไม่เป็นเรื่องของเขา ส่งหรือไม่เป็นเรื่องของเจ้า เจ้าเป็นเด็ก มารยาทพื้นฐานลืมไปหมดแล้วหรือ พี่สองของเจ้าลากร่างกายที่ไม่สบายของเขาไปส่งท่านลุงใหญ่เจ้า เหตุใดเมื่อเป็นเจ้า จึงมีข้ออ้างมากมายเพียงนี้”
องค์หญิงติ้งเถาเบนหน้าพึมพำ “พี่สองไปส่งท่านลุงใหญ่ เขาไม่ละอายใจหรือ”
“เจ้าพูดว่าอันใดนะ” พระพันปีเถาตำหนิเสียงดุ “เจ้าพูดว่าอย่างไร เจ้าพูดอีกครั้ง!”
องค์หญิงติ้งเถากลัวอย่างเห็นได้ชัด ดวงตาของนางกลอกไปมาอย่างร้อนตัว “หม่อมฉัน หม่อมฉันไม่ได้พูดสิ่งใด! เหตุใดเสด็จแม่จึงทรงดุหม่อมฉัน”
พระพันปีเถายกมือชี้ไปที่นาง “เจ้า เจ้าควบคุมปากของตัวเองไม่ได้ สักวัน หากมีเรื่องใดขึ้น ย่อมเป็นเพราะปากของเจ้า”
องค์หญิงติ้งเถายู่ปากอย่างไม่ยอม “หม่อมฉันไม่เชื่อว่าเสด็จพี่จะทรงดุหม่อมฉัน หม่อมฉันเป็นน้องสาวของเขา”
พระพันปีเถาตำหนิ “หากรอจนถึงวันที่เจ้าก่อเรื่อง แม้จะเป็นบรรพบุรุษของเจ้าก็ไร้ประโยชน์ เจ้าควบคุมปากของตนเองให้ดีทุกเวลา อย่าได้พูดจาเหลวไหล อย่าคิดว่าท่านลุงใหญ่ของเจ้าออกจากเมืองหลวงแล้ว เจ้าจะทำสิ่งใดก็ได้
ท่านลุงใหญ่ของเจ้าจากไปแล้วก็จริง แต่ข่าวไม่เคยขาด คำพูดที่เจ้าพูดออกมาอาจส่งไปถึงหูของท่านลุงใหญ่ของเจ้าได้ทุกเวลา หากเขารู้เข้าจะเสียใจเพียงใด เขาอายุมากเพียงนั้น เจ้าอยากให้เขาเสียใจหรือ”
“อ่อ!”
องค์หญิงติ้งเถาก้มหน้า จิตใจเหม่อลอยเล็กน้อย
พระพันปีเถาเห็นท่าทางของนางเช่นนี้ก็สงสาร
“วันนี้นานทีจะเข้าวัง เจ้าพักอยู่ในวังพูดคุยแก้เบื่อกับข้าก่อน พวกเราสองแม่ลูกไม่ได้พูดคุยกันอย่างใกล้ชิดมาหลายปีแล้ว”
“เสด็จแม่ไม่ทรงหาว่าหม่อมฉันพูดมากหรือ”
“แม้เจ้าจะผิดเพียงใด เจ้าก็เป็นบุตรสาวของข้า ข้ารังเกียจเจ้า แต่ก็ชอบเจ้า เจ้าเต็มใจที่อยู่กับข้าหรือไม่”
“ย่อมเต็มใจ!”
องค์หญิงติ้งเถายิ้มเบิกบาน
พระพันปีเถาก็ยิ้มตาม
อารมณ์ขององค์หญิงติ้งเถาผ่อนคลายลง จึงมีอารมณ์สอดรู้
“หม่อมฉันได้ยินว่าเสด็จพี่ทรงพระราชทานงานอภิเษกให้เยียนอวิ๋นเกอ พระราชทานนางให้เซียวอี้ ฮ่าๆๆ…การกระทำของเสด็จพี่ช่างถูกใจหม่อมฉันยิ่งนัก เด็กป่าเถื่อนอย่างเยียนอวิ๋นเกอ คู่ควรแค่กับคนป่าเถื่อนอย่างเซียวอี้ หญิงชายป่าเถื่อน เหมาะสมกันยิ่งนัก!”
พระพันปีเถาหัวเราะเสียงเย็น “อย่ามองว่าเยียนอวิ๋นเกอเป็นเด็กป่าเถื่อน ไม่รู้มีตระกูลขุนนางมากมายเพียงใดเต็มใจจะสู่ขอนางเป็นลูกสะใภ้ เสด็จพี่ของเจ้าพระราชทานงานอภิเษก พระราชทานนางให้เซียวอี้ ข้าได้ยินว่ามีคนจำนวนไม่น้อยต่างไม่พึงพอใจกับพระราชโองการนี้ ต่างบอกว่าเสียดายเยียนอวิ๋นเกอที่ต้องแต่งงานกับผู้ชายที่ไม่ดีนัก”
องค์หญิงติ้งเถาไม่ได้ออกจากจวนไปมีปฏิสัมพันธ์เป็นเวลานาน อีกทั้งยังไม่ได้สนใจเรื่องภายนอก
“เด็กป่าเถื่อนอย่างเยียนอวิ๋นเกอมีสิ่งใดดี มีคนมากมายชื่นชอบนาง เสด็จแม่ไม่ได้ทรงเข้าใจผิดใช่หรือไม่!”
“เรื่องแบบนี้จะเข้าใจผิดได้อย่างไร เจ้าคิดว่านางไม่ดี แต่ในสายตาของตระกูลขุนนาง นางดีอย่างยิ่ง ดูแลจวนได้ ทำงานเป็น หาเงินได้ มีความรับผิดชอบ ร่างกายดีเพราะฝึกฝนแต่เด็ก สินสอดก็มาก ลูกสะใภ้ที่ดีเช่นนี้ ผู้ใดไม่ต้องการ”
องค์หญิงติ้งเถาอิจฉายิ่งนัก!
“เสด็จแม่ก็ทรงบอกว่านางดี! แต่หม่อมฉันยังแค้นนางอยู่!”
พระพันปีเถายิ้ม “เจ้าแค้นนางก็ไร้ประโยชน์! นางเป็นบุตรสาวของเยียนโส่วจ้านกับจู้หยาง ในมือมีกองกำลัง รูปลักษณ์ก็ดี ดึงดูดให้ผู้คนโปรดปรานก็ไม่แปลก!”
“แต่นางนิสัยไม่ดี พูดไม่กี่คำก็ลงไม้ลงมือ เหตุใดตระกูลขุนนางเหล่านั้นจึงไม่พิถีพิถัน มองเยียนอวิ๋นเกอแตกต่างออกไป เพราะเหตุใด!”
องค์หญิงติ้งเถาไม่พอใจอย่างมาก
เมื่อหวนนึกถึงตอนที่นางดูตัว ช่างไม่ราบรื่นเอาเสียเลย
ตระกูลขุนนางก็ไม่อยากแต่งสะใภ้ที่เป็นองค์หญิงกลับไป จึงหลีกเลี่ยงนางอย่างมาก!
เหตุใดพอมาถึงเยียนอวิ๋นเกอ ทุกคนต่างต้องการนาง
พระพันปีเถาพูดกับนาง “หากเจ้ามีความสามารถครึ่งหนึ่งของเยียนอวิ๋นเกอ ตระกูลขุนนางก็ย่อมจะมองเจ้าเปลี่ยนไป”
องค์หญิงติ้งเถาไม่สนใจอย่างมาก “เพียงแค่จัดตั้งเรือนพักหนึ่งเท่านั้น ทำการค้าเล็กๆ ได้เท่านั้น มีเรื่องใดน่าชื่นชมกัน”
พระพันปีเถายิ้ม “เรือนพักและการค้าไม่คู่ควรแก่การเอ่ยถึงก็จริง แต่เรื่องที่ดีที่สุดของนางคือ คุณหนูที่ไม่มีสิ่งใดเลย ชื่อเสียงเสื่อมเสียใช้ความสามารถของตนเองเดินมาจนถึงวันนี้ เปลี่ยนแปลงภาพจำของทุกคนที่มีต่อนาง เรื่องนี้ เจ้าไม่อาจเทียบนางได้!
เจ้าอย่าไม่ยอม! สิ่งที่ข้าพูดเป็นการตักเตือนเจ้า บางครั้งก็ต้องปล่อยวางอคติ เห็นถึงข้อดีของผู้อื่น จดจำบทเรียน ความผิดเดิมอย่าพลาดเป็นครั้งที่สอง!”
“เพคะ!”
องค์หญิงติ้งเถาตอบรับเสียงอ่อน
จากนั้นนางก็ดีใจขึ้นมา “นางดีเพียงใดก็ไร้ประโยชน์ นางก็ยังคงต้องแต่งงานกับคนอย่างเซียวอี้ องค์หญิงจู้หยางโกรธจนอกแทบแตกแล้วหรือไม่! ท่านโหวกว่างหนิง เยียนโส่วจ้านรู้เรื่องนี้ ไม่แน่ก็อาจจะกระทืบเท้าอยู่!”
ห่างไกลออกไปพันลี้!
เยียนโส่วจ้านได้รับข่าวจากเมืองหลวง!
เรื่องคู่ครองของบุตรสาว เยียนอวิ๋นเกอมีข่าวคราวแล้ว!
อีกทั้งยังเป็นงานอภิเษกพระราชทาน!
เขาดีใจ!
เพียงแต่ความดีใจนี้คงอยู่ไม่ถึงชั่วครู่ก็หมดไป
“คนชั่วอย่างเซียวอี้! เหตุใดจึงเป็นเซียวอี้ เซียวฮูหยินทำอันใดอยู่ เหตุใดจึงยกอวิ๋นเกอให้เซียวอี้ เซียวอี้เป็นผู้ใด เขาเป็นบุตรที่ถูกจวนท่านอ๋องตงผิงทอดทิ้ง เขาคู่ควรกับบุตรสาวของข้าหรือ!”
ปัง!
เยียนโส่วจ้านทุบหมัดลงบนโต๊ะ
“ช่างน่าโมโหยิ่งนัก!”
เขาโกรธจนขยำกระดาษเป็นก้อน โยนลงบนพื้น
ยังไม่หายโกรธ เขากวาดตำราบนโต๊ะลงพื้นอีก…
ราวกับลมที่พัดใบไม้ให้ร่วง ทุกอย่างล้วนกวาดลงพื้น
เขาโกรธจนถลึงตา แทบอยากจะชักดาบออกมา
หากเซียวอี้อยู่ตรงนี้ เขาย่อมจะฆ่าอีกฝ่ายทิ้งอย่างแน่นอน
หากองค์หญิงจู้หยางเซียวฮูหยินอยู่ตรงนี้ เขาย่อมจะชี้หน้าตำหนิอีกฝ่ายที่หาคู่ครองเช่นนี้ให้บุตรสาว อวิ๋นเกอเป็นบุตรสาวแท้ๆ ของนาง นางไม่ละอายใจต่ออวิ๋นเกอหรือ
“ท่านโหวระงับความโกรธ!” ตู้ซินแสหยิบจดหมายขึ้นมา กวาดตามองเนื้อหาด้านบนอย่างรวดเร็ว
“ข้าดับไฟโกรธนี้ไม่ได้! เซียวฮูหยินไม่ถูกใจตระกูลชุย แต่ถูกใจเซียวอี้ นางตาบอดหรือ”
เยียนโส่วจ้านโกรธมาก โกรธจนเจ็บหน้าอก
“ท่านโหวราวกับเข้าใจองค์หญิงผิดแล้ว! งานแต่งนี้ องค์หญิงไม่ได้พยักหน้ายอมรับแต่แรก แต่เซียวอี้แอบโน้มน้าวท่านอ๋องผิงชิน ท่านอ๋องผิงชินเข้าวังโน้มน้าวฝ่าบาท ทูลขอพระราชโองการแทนเซียวอี้”
“จริงหรือ”
“ในจดหมายเขียนอย่างชัดเจน ท่านโหวรีบร้อนเกินไป ไม่ได้อ่านให้จบ!”
เนื้อหาในจดหมายยังไม่ทันอ่านจบก็รีบโมโห นี่ก็คือเยียนโส่วจ้าน
เยียนโส่วจ้านแย่งจดหมายคืนไป อ่านใหม่อีกรอบ
เขาเข้าใจเซียวฮูหยินผิดจริงด้วย
แต่…
“เซียวอี้สมควรตาย! เซียวเฉิงเหวินยิ่งสมควรตาย!”
ลูกเขยทั้งสองล้วนสมควรตาย!