คุณหนูใบ้หัวใจแกร่ง - ตอนที่ 388 ขอขมาสะใภ้
ตอนที่ 388 ขอขมาสะใภ้
ท่านอ๋องผิงชิน เซียวเฉิงเหวินนั่งรถม้า มุ่งหน้าไปยังจวนองค์หญิงจู้หยาง
คราวนี้ เขาเดินทางไปเพื่อรับภรรยาเยียนอวิ๋นฉีกลับจวนอ๋อง
พักอาศัยอยู่ในจวนมารดาเป็นเวลานาน ไม่เข้าท่าเอาเสียเลย
ยิ่งกว่านั้น ลูกเอาแต่ร้องหาแม่ทุกวัน หากเป็นเช่นนี้ต่อไปก็ไม่ใช่เรื่อง
เฟ่ยกงกงถามเขา “ท่านอ๋องคิดจะโน้มน้าวพระชายาอย่างไรให้นางตามกลับจวนอ๋อง”
เซียวเฉิงเหวิน “กลับจวนเป็นเรื่องที่เหมาะสมและถูกต้อง ยังต้องให้โน้มน้าวใจอีกหรือ”
มุมปากของเฟ่ยกงกงกระตุก “ท่านอ๋องลืมไปแล้วหรือว่าพระชายายังโกรธอยู่”
เซียวเฉิงเหวินส่งเสียงไม่พอใจ “อย่างมากข้าก็ขอโทษนาง”
“กลัวแต่พระชายาจะไม่ยอมรับ”
“เช่นนั้นก็พานัวนัวมา ข้าไม่เชื่อว่านางจะใจแข็งไม่กลับจวนอ๋อง”
เฟ่ยกงกงฉีกปาก “กระหม่อมคิดว่า ท่านอ๋องต้องได้รับการให้อภัยจากองค์หญิงจู้หยางก่อน เรื่องที่เหลือย่อมง่ายดาย”
เซียวเฉิงเหวินไม่ตอบ!
เดินทางมาถึงจวนองค์หญิง หลังจากการรายงาน พวกเขาก็ถูกเชิญเข้าไปนั่งในห้องโถง
ผ่านการพักรักษามาระยะหนึ่ง ร่างกายขององค์หญิงจู้หยาง เซียวฮูหยินดีขึ้นมากแล้ว สีหน้าแดงระเรื่อ สุขภาพดีไม่น้อย
เซียวเฉิงเหวินคำนับด้วยความเคารพ
เมื่อมองไปรอบด้าน ไม่เห็นเงาของสะใภ้
เอาเถิด พูดเรื่องสำคัญก่อน!
“องค์หญิงรู้หรือไม่ ท่านโหวกว่างหนิงส่งฎีกากล่าวโทษเร่งด่วนมา ไม่เพียงกล่าวโทษข้า แต่ยังกล่าวโทษฝ่าบาท ฝ่าบาททรงกริ้วมาก!”
เซียวฮูหยิน “…”
เรื่องนี้ เยียนโส่วจ้านย่อมทำออกมาได้
เซียวฮูหยินก็ระอาเล็กน้อย
นางนวดขมับ “เรื่องนี้ข้าก็เพิ่งรู้ เรื่องของท่านโหวกว่างหนิง รู้ทั้งภายในภายนอกราชสำนัก ข้าไม่อาจแทรกแซงได้ เขาไม่เคยฟังคำของข้า!”
“องค์หญิงคงจะรู้ดี การกล่าวโทษของท่านโหวกว่างหนิงครั้งนี้เพราะเรื่องอภิเษกพระราชทาน เมื่อดูจากเรื่องนี้ เขาใส่ใจเรื่องคู่ครองของคุณหนูสี่อย่างมาก!”
“เจ้าผิดแล้ว! เขาไม่ได้ใส่ใจเรื่องแต่งงานของอวิ๋นเกอ หากแต่ใส่ใจเกียรติของตระกูลเยียน เขาคิดจะปะทะกับข้า ข้าไม่ปิดบังเจ้า ก่อนหน้านี้ เขาคะจะหมั้นหมายอวิ๋นเกอให้ตระกูลชุย แต่ถูกข้าปฏิเสธไป บัดนี้ อวิ๋นเกอถูกพระราชทานให้เซียวอี้ เขาย่อมต้องโจมตีกลับบ้าง”
เซียวเฉิงเหวิน “องค์หญิงเชิญพระชายาและคุณหนูสี่ออกมาได้หรือไม่”
เซียวฮูหยินพูดเสียงเบา “ข้าให้อวิ๋นฉีออกมาพบเจ้าได้ ส่วนอวิ๋นเกอไม่จำเป็น เรื่องคู่ครองของนาง ล้วนเป็นเพราะเจ้าจึงถูกพระราชทานให้เซียวอี้ เหตุใดเจ้าจึงไร้ความละอาย ยังอยากพบนางอีก”
เซียวเฉิงเหวินยิ้ม “เซียวอี้ไม่ใช่คู่ครองที่ดี!”
“จะเป็นคู่ครองที่ดีได้อย่างไร”
“แต่คุณหนูสี่ไม่คิดเช่นนี้! คาดว่านางคงจะเต็มใจแต่งงานกับเซียวอี้”
“แล้วอย่างไร เรื่องใหญ่อย่างการแต่งงานเป็นคำสั่งจากบิดามารดา ไม่มีความเห็นชอบจากข้าและบิดาของนาง ไม่ว่านางเต็มใจหรือไม่ก็ไม่สมควรแต่ง เจ้าไม่ควรแทรกแซงเรื่องนี้ตั้งแต่แรก ข้ากับท่านโหวกว่างหนิงยังมีชีวิตอยู่ เรื่องแต่งงานของอวิ๋นเกอยังไม่ต้องลำบากเจ้า เจ้าแทรกแซงเรื่องภายในของตระกูลเยียน ไม่โทษท่านโหวกว่างหนิงกล่าวโทษเจ้า ทุกสิ่งล้วนแล้วสมควร!”
เซียวฮูหยินพูดอย่างตรงไปตรงมา ไม่ปิดบังอารมณ์ของตนเองอีกจ่อไป
นางก็จะไม่พอใจ นางก็จะสมน้ำหน้า!
เยียนโส่วจ้านมีความสามารถกล่าวโทษ เซียวเฉิงเหวินก็ต้องมีความสามารถรับเอาไว้
เซียวเฉิงเหวินก้มหน้ายิ้ม “ไม่ได้ขอความเห็นจากองค์หยิงก่อนก็เข้าวังไปทูลขอพระราชโองการเป็นความผิดของข้า ข้ายอมรับโทษ! เพียงแต่เรื่องมาจนถึงบัดนี้แล้ว ขอให้องค์หญิงโปรดมองไปข้างหน้า! เด็กในจวนร้องไห้ทั้งวันอย่างไม่หยุดหย่อน เอาแต่ร้องหาท่านแม่ ข้ากล่อมอย่างไรก็ไม่หยุด เมื่อเห็นลูกร้องจนดวงตาแดงก่ำ เสียงแหบจนพูดไม่ออก ข้าก็ปวดใจจนไม่อาจ…”
“ท่านพูดว่าอย่างไร ท่านทำอันใดนัวนัว”
เมื่อเยียนอวิ๋นฉีได้ยินอาการของลูก นางก็ทนไม่ไหว พุ่งตัวออกมาจากด้านหลังฉากกั้น
เซียวฮูหยินนวดขมับ ไม่อาจทนดูได้
แค่เห็นก็รู้ว่าเซียวเฉิงเหวินกำลังใช้อุบาย!
เยียนอวิ๋นฉีเป็นห่วงลูก ย่อมไม่สนใจว่าเขาพูดเรื่องจริงหรือเท็จ ใช้กลอุบายหรือไม่!
ถึงแม้จะรู้ว่าเป็นเรื่องหลอกลวง แต่นางก็ไม่อาจใจร้ายจนไร้การเคลื่อนไหว
เซียวเฉิงเหวินพูดด้วยความจริงใจ “ตามข้ากลับไปเถิด ลูกร้องหาแม่ทั้งวัน!”
ดวงตาของเยียนอวิ๋นฉีแดงก่ำ เกือบจะร้องไห้ออกมา
นางไม่ตอบโต เพียงแค่มองไปทางเซียวฮูหยินผู้เป็นมารดา
เซียวฮูหยินถอนหายใจ พลันโบกมือ “รีบกลับไปดูลูก! เจ้าอยู่ในจวนข้ามาเป็นเวลานานแล้ว น้ำใจก็ส่งมาถึงแล้ว ไม่จำเป็นต้องอยู่ต่อไปอีก!”
เยียนอวิ๋นฉีเช็ดน้ำตา พลันโน้มตัวลงเล็กน้อย “ขอบพระคุณท่านแม่ที่เข้าใจ”
จากนั้น นางก็พูดกับเซียวเฉิงเหวิน “เรื่องนี้ยังไม่จบ! ข้าตามท่านกลับไปไม่เท่ากับให้อภัยท่าน หลังจากกลับไป ข้าจะค่อยๆ คิดบัญชรกับท่าน!”
“แล้วแต่เจ้า!”
เซียวเฉิงเหวินเด็ดขาดอย่างมาก
ขอแค่เพียงเชิญสะใภ้กลับจวนอ๋องได้ เรื่องอื่นย่อมเจรจาได้
เพียงแต่ทางเยียนอวิ๋นเกอ…
“คุณหนูสี่ไม่ยอมออกมาพบจริงหรือ” เขาเพิ่มระดับเสียง มองไปทางฉากกั้น
เยียนอวิ๋นฉีหัวเราะออกมา
“ท่านอย่าเสียเวลาเลย น้องสี่ไม่ได้อยู่ด้านหลังฉากกั้น นางก็ไม่ได้อยากพบท่าน ไม่มีเรื่องใดต้องคุยกับท่าน”
เซียวเฉิงเหวินเศร้าใจเล็กน้อย
สะใภ้เข้าข้างแต่ตระกูลตัวเอง ทิ้งเขาราวกับรองเท้า มันไม่ดีนัก!
เยียนอวิ๋นฉีเร่งเร้าเขา “ไม่ได้จะกลับจวนอ๋องหรือ ยืนอยู่ทำอันใด ไปเถิด!”
“สัมภาระเก็บแล้วหรือ”
“สัมภาระไม่ต้องเก็บ น้องสี่จะให้คนส่งกลับคืนข้าที่จวนอ๋อง”
นางลากเขา พลันขอตัวกับเซียวฮูหยิน ออกจากจวนองค์หญิงไป
เซียวเฉิงเหวินยิ่งคิดยิ่งรู้สึกผิดปกติ “พระชายารีบลากข้าออกมา กลัวว่าข้าจะทำให้ท่านแม่ยายโกรธอีกหรือ”
เยียนอวิ๋นฉีกลอกตาใส่เขา “ข้ากลัวท่านถูกตี! หากไม่ได้เห็นแก่หน้าข้า น้องสี่คงพุ่งตัวไปคิดบัญชีกับท่านที่จวนอ๋องแล้ว!”
เซียวเฉิงเหวินนอนลง “ให้นางมาตี! ข้าเป็นแค่คนป่วยกระเซาะกระแซะ ไม่รู้จะรับได้กี่ที หากตีตาย จวนอ๋องก็มีเจ้าเป็นนายหญิง คนเกะกะตาอย่างข้าไม่อยู่แล้ว ก็ถือว่าเป็นการระบายความโกรธแทนเจ้า”
เยียนอวิ๋นฉีหัวเราะเสียงเย็น “ท่านวางใจ น้องสี่ไม่ตีท่านจนตาย! แต่ก็ไม่มีทางปล่อยท่านไปอย่างง่ายดาย นางไม่ได้ทำอันใดให้ท่านขุ่นเคือง เหตุใดท่านจึงแทรกแซงเรื่องแต่งงานของนาง ทูลขอพระราชโองการพระราชทานอภิเษกแทนเซียวอี้ มิน่าแม้แต่ท่านพ่อยังโกรธจนกล่าวโทษท่านกับฮ่องเต้”
เซียวเฉิงเหวินหัวเราะ “เจ้าอยากบอกว่าข้าสมควรใช่หรือไม่! ถูกท่านพ่อตากล่าวโทษ ข้าก็ถือว่าเป็นแบบอย่างแล้ว!”
เยียนอวิ๋นฉีพูดอย่างจริงจัง “น้องสี่แต่งงานกับเซียวอี้นั้นเป็นการลดตัวอย่างมาก! ไม่ว่าจากด้านใด เซียวอี้ก็ไม่คู่ควรกับน้องสี่ แต่เรื่องเป็นเช่นนี้แล้ว กังวลไปก็ไร้ประโยชน์ ต่อมา ท่านคิดเสียดีกว่าว่าจะชดเชยน้องสี่อย่างไรจึงทำให้นางหายโกรธ! ข้าไม่อยากถูกหนีบอยู่ท่ามกลางพวกท่านสองคน!”
“เจ้าวางใจ ข้าคิดไว้แล้วว่าจะทำให้นางหายโกรธอย่างไร”
…
เยียนอวิ๋นเกอกระโดดลงมาจากหลังคา บรรดาสาวรับใช้ตกใจจนกรีดร้อง
สาวรับใช้ อาเป่ยเกลี้ยกล่อม “คราวหน้าคุณหนูเดินบันไดลงมาได้หรือไม่ กระโดดขึ้นกระโดดลง คนตกใจตายกันพอดี! ทุกคนต่างขี้ขลาด คราวหน้าคุณหนูอย่าทำให้ทุกคนตกใจอีกได้หรือไม่”
เยียนอวิ๋นเกอหัวเราะ “ดูท่าทางอกสั่นขวัญแขวนของพวกเจ้า ข้าเคยเกิดเรื่องเมื่อใดกัน หลังคา…”
“แม้จะเป็นหลังคา แต่ก็เป็นการกระโดดลงจากที่สูง หากข้อเท้าพลิก ขาขาดขึ้นมาจะทำอย่างไร คุณหนูไม่รักตัวเองเอาเสียเลย ทำแต่เรื่งอันตรายทั้งวัน ทำให้บ่าวรับใช้อกสั่นขวัญแขวน…”
เมื่อได้ยินคำพร่ำบ่นของอาเป่ย เยียนอวิ๋นเกอก็กลอกตา
หนวกหูเสียจริง!
เหตุใดจึงพูดเก่งเช่นนี้!
ดังนั้น นางจึงหนี!
นางวิ่งอย่างรวดเร็ว วิ่งไปพบเซียวฮูหยินผู้เป็นมารดา
“พี่สองกลับจวนอ๋อง ข้าไม่ได้ส่งนางแม้แต่น้อย เป็นความผิดของท่านอ๋องผิงชิน”
นางบ่นเล็กน้อย
เซียวฮูหยินพูดอย่างร่าเริงว่า “หากเจ้าคิดถึงสองของเจ้า หาวันไปเยือนนางที่จวนอ๋อง พร้อมทั้งดูหลานสาวด้วย คราวนี้ เรื่องจากเรื่องงานแต่งของเจ้า บิดาเจ้ายังออกหน้าแทนเจ้า ช่างหายากเสียจริง!”
เยียนอวิ๋นเกอยิ้มอย่างภาคภูมิใจ “อาจเป็นเพราะท่านพ่อเกิดความตระหนักรู้ในมโนธรรมขึ้นมา คิดได้ว่าแต่ก่อนเข้มงวดกับข้าเกินไป ดังนั้นต้องการชดเชยข้า?”
เซียวฮูหยินพูดด้วยรอยยิ้ม “เจ้าลองเขียนจดหมายกลับไปถามดีหรือไม่ ถามท่านพ่อเจ้าคิดอย่างไรกันแน่ กล่าวโทษเซียวเฉิงเหวินก็แล้วไป ยังกล่าวโทษฮ่องเต้อีก ฮ่องเต้เสียทั้งหน้าเสียทั้งเกียรติ อับอายต่อหน้าบรรดาขุนนาง ย่อมต้องคิดแค้นในใจ เขาไม่ได้คำนึงถึงผลลัพธ์ที่จะตามมาเลยหรือ”
เยียนอวิ๋นเกอพูด “อาจเป็นเพราะคิดว่าปีกกล้าขาแข็งแล้ว ดังนั้นจึงไม่เห็นฮ่องเต้ต้าเว้ยอยู่ในสายตา”
เซียวฮูหยินได้ยินก็อดถอนหายใจไม่ได้ “เป็นถึงฮ่องเต้ แต่กลับถูกขุนนางกล่าวโทษ น่าเศร้าเสียจริง!”
มันหมายความถึงการตกต่ำของราชวงศ์ ไม่อาจเปลี่ยนแปลงได้อีก!
ในฐานะคนตระกูลเซียว บุตรสาวของ “องค์รัชทายาทจางอี้” เซียวฮูหยินก็รู้สึกเศร้าโศกอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ นอกจากนี้ยังรู้สึกอับอายแทนฮ่องเต้!
รู้สึกกังวลแทนอนาคตของต้าเว้ย
เมื่อขุนนางไม่หวาดกลัวอำนาจของกษัตริย์อีกต่อไป ย่อมแสดงให้เห็นถึงสังคมที่กำลังจะเกิดความโกลาหล
เกียรติยศของฮ่องเต้ไม่เหลือ ความน่าเกรงขามของราชสำนักไม่เหลือ มันไม่ใช่เรื่องที่ดี!
เยียนอวิ๋นเกอไม่รู้ว่าควรปลอบอย่างไร เพียงแค่มองนางด้วยความเป็นห่วง
เซียวฮูหยินฝืนยิ้มออกมา “เจ้าไม่ต้องเป็นห่วงข้า เรื่องเป็นเช่นนี้แล้ว ข้าก็หมดปัญญา ทำได้เพียงปล่อยวาง”
เยียนอวิ๋นเกอพูดทันที “ข้าจะเขียนจดหมายไปให้ท่านพ่อ ถามเรื่องนี้ให้กระจ่าง”
“ใช้คำพูดอ่อนโยนหน่อย อย่างไรเขาก็เป็นบิดาเจ้า!”
“ท่านแม่วางใจ ข้ารับรองว่าจะใช้ถ้อยคำจริงใจ พร้อมทั้งจะขอเงินแต๊ะเอียท่านพ่อมาด้วย”
เซียวฮูหยินหัวเราะออกมา